1.ปฐมบทแห่งสงครามอสูร

ติดตาม
1.ปฐมบทแห่งสงครามอสูร
นิยาย แฟนตาซี
123Fight 123Fight : เจ้าของเรื่อง
996

อ่าน

1

ตอน

2

คอมเมนต์

ท้องฟ้ามืดครึ้มกลิ่นคาวเลือดโชยเกลื่อนไปทั่วแผ่นดินสายลมพัดโหมอย่างบ้าคลั่งผ่านอำนาจเปลวอัคคีที่ร้อนระอุและสาปของจิตสังหารที่คุกกรุ่นไปทั่ว 3 โลก บ่งบอกถึงกลียุคอันน่าสะพรึงได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อสัตว์ศักดิ์สิทธิ์สองเผ่าพันธุ์นาคาและครุฑสัตว์เทวะอสูรที่ถือว่าทรงพลังอำนาจที่สุดได้ประกาศสงครามห้ำมหั่นกัน ขุนทหารทั้งสองกองทัพจำนวนนับแสนตรงเข้าหาศัตรูหมายมุ่งปลิดชีพฝ่ายตรงข้ามให้สูญสิ้นปีกอันกว้างใหญ่ของเผ่าครุฑแผ่ขยายบดบังแผ่นฟ้าจนแสงอาทิตย์ไม่อาจส่องลงมาสู่พื้นโลกได้

กายล่ำสันใหญ่โตเทียบเท่าภูเขาขนาดย่อมดวงเนตรแดงฉานเหมือนสีของโลหิตมีจะงอยปากและเล็บเฉกเช่นพญาอินทรีหากแต่มีความคมกริบน่าเกรงขามดุจปลายหอกเหล็กกล้าสีดำ กายท่อนบนและแขนเหมือนกับมนุษย์ขาท่อนล่างมีลักษณะเป็นนกซึ่งมีมัดกล้ามเนื้อใหญ่โตดูแข็งแรง เต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลังอันมหาศาลเพียงพอที่จะเอาไว้ฉีกทำลายล้างศัตรูเป็นชิ้นๆ

คลื่นยักษ์ก่อตัวตั้งเป็นสันขึ้นแม้อยู่ท่ามกลางมหาสมุทร หอบเอามวลน้ำมหาศาลหลายพันตัน แปรเปลี่ยนเป็นเกลียวสูงจรดฟ้าเหตุการณ์วิกฤตนี้เกิดขึ้นจากการแหวกว่ายของเผ่านาคาสัตว์เทวะอสูรที่มีลักษณะรูปร่างคล้ายกับงูแต่ต่างกันตรงที่ขนาดตัวและมีหงอนยาวงอกออกมาเหนือกระหม่อม และตรงกลางระหว่างจมูกกับตามีเกล็ดและครีบเหมือนปลามีเขี้ยวแหลมคมเช่นดาบที่ทำมาจากอัญมณีเปล่งรัศมีงดงามตระการตา

คุณลักษณะพิเศษของสัตว์ตระกูลนี้คือสามารถพ่นพิษเพลิงกรดและไอน้ำแข็งเยือกเย็นสังหารศัตรูได้ ทั่วทั้งกายมีเมือกใสไหลลื่นอีกทั้งเกร็ดที่แข็งเหมือนเกราะทองคำหนา เผ่านาคามีอำนาจมนตราสูงสามารถบันดาลให้เกิดฝนฟ้าคะนองได้ กล้ามเนื้อตลอดทั้งตัวมีความแข็งแรงอย่างยิ่งบวกกับขนาดของร่างกายที่ใหญ่พอพอกับแม่น้ำสายย่อมย่อมๆ เพียงแค่ออกแรงรัดเบาๆก็สามารถถล่มภูเขาจนแตกเป็นเสี่ยงๆได้ ด้วยลักษณะร่างกายที่ทรงพลังนี้เมื่อแหวกว่ายในมหาสมุทร จึงเกิดเกลียวคลื่นขนาดใหญ่ซัดสาดศัตรูแล้วลากจมน้ำหายไปในทะเลนับไม่ถ้วน

ทั่วทั้งเทวโลกนครบาดาลและโลกมนุษย์ 3 พิภพถูกใช้เป็นสมรภูมิระหว่างกองทัพทั้งสองเป็นชนวนก่อให้เกิดความวิปริตแปรปรวนทางธรรมชาติทั้งแผ่นดินไหวคลื่นทะเลเคลื่อนตัวซัดเข้าหาฝั่งทลายแผ่นดิน ลมพายุอันรุนแรงซึ่งเกิดจากการกระพือปีกโบยบินของครุฑพัดกวาดล้างทุกสิ่งที่ขวางทางอย่างน่าหวั่นเกรงท้องทะเลสีน้ำเงินครามถูกย้อมแดงฉานด้วยเลือด มีซากศพนับร้อยลอยเกลื่อนเต็มไปทั่วแล้วไฟและธุลีเถ้าถ่านจากสงครามพวยพุ่งปกคลุมท้องนภาจนดูคล้ำหมองเป็นสีดำปนเทาอย่างหน้าหวานสะพรึง เปรียบได้กับยามราตรีที่ไร้ซึ่งแสงอาทิตย์ส่องลงมาสู่โลกตลอดกาล

มหาสงครามอันยิ่งใหญ่นี้ส่งผลกระทบต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตหลากหลายเผ่าพันธุ์ ทั่วทั้งสามโลกต่างได้รับบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากจนแทบสูญสิ้นเพราะผลพวงหายนะที่มาจากภัยสงคราม

องค์เทวสูงสุด ผู้ยิ่งใหญ่และทรงพลังอำนาจมากที่สุดในสามโลก ร่างกายใหญ่โตขุนเขา นั่งตระหง่านอยู่บนบัลลังก์ศิลาเพชรสูงเทียมฟ้ารัศมีสีเงินพวยพุ่งไปทั่วทั้งแปดทิศ พระองค์ทรงเปรียบดั่งพระบิดาที่เป็นผู้ให้กำเนิดทุกสรรพสิ่งในจักรวาล ด้วยเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับไตรภพจึงมีบัญชาให้อินทราเทพแม่ทัพใหญ่สวรรค์นำพาเหล่ามวลมนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่เหลือรอดจากเปลวไฟสงครามอพยพไปอยู่ใต้พิภพอันเงียบสงบ ณ สถานที่แห่งนั้น อยู่ลึกลงไปห่างจากสมรภูมิสงครามแต่ยังคฝเชื่อมต่อกับแสงสว่างจากด้านบนพื้นดิน เป็นที่ที่แสงอาทิตย์สามารถส่องลงไปถึงได้

มีพืชพันธุ์สมุนไพรวิเศษนานาชนิดและผักผลไม้หลากสีสันรูปร่างแปลกตามากมาย มีรสชาติหอมหวานอร่อยสามารถบริโภคได้ต้นไม้บางชนิดออกผลเป็นเนื้อสัตว์ สถานที่แห่งนี้เหมาะสำหรับใช้เป็นที่อยู่อาศัยหลบภัยให้แก่มนุษย์และเหล่าสัตว์ทุกสายพันธุ์ นอกจากนี้ภายในถ้ำยังถูกประดับไปด้วยหินงอกหินย้อยพลอยนิลจินดามากมายเรียกได้ว่าเป็นดินแดนที่งดงามราวกับดินแดนในฝัน เป็นถ้ำศูนย์รวมของอัญมณีทั้งหมดเลยก็ว่าได้ อีกทั้งยังมีน้ำตกใสไหลเย็นไปทั่วดินแดนเพียงพอให้ทุกชีวิตได้ใช้ดื่มอย่างไม่จำกัด

เพื่อหวังให้ภัยพิบัติของมหาสงครามครั้งนี้จบลง อินทราเทพจึงได้รับบัญชาอีกอย่างจากจอมเทวะสูงสุด ให้ระดมจัดขบวนทัพนักรบแห่งสวรรค์ไม้มันเข้าต่อกรกับ 2 กองทัพสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ เพื่อหยุดยั้งสงครามที่จะนำไปสู่การล่มสลายของโลกและทุกสรรพสิ่งในสามภพ

แต่ทว่า กองกำลังนักรบสวรรค์ไม่อาจต่อกรพลังอำนาจของสัตว์เทวะอสูรได้เลย ขบวนทัพนักรบแห่งสวรรค์แตกพ่ายสูญเสียไพร่พลมากมายจนเกือบสิ้นทัพ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกรงเล็บใหญ่สีดำและจะงอยปากอันคมกริบของครุฑรวมถึงเพลิงกรดหมอกพิษของเหล่านาคา ขบวนทัพนักรบสวรรค์จำต้องร่นถอยกลับไปตั้งหลัก ณ ดินแดนแห่งเทวโลก

จอมเทวาราชาแห่งทวยเทพจึงมีรับสั่งให้พายวายุเจ้าแห่งสายลมและพิรุณเมฆาเจ้าแห่งสายฝน ใช้พลังอำนาจฤทธิ์ดลบันดาลให้เกิดมรสุมพายุฝนปิดป้องท้องนภาทั่วทั้ง 3 พิภพให้หมดสิ้น ทำให้กองทัพของสัตว์อสูรทั้งสองฝ่ายไม่อาจทำสงครามต่อไปได้ 2ทัพอสูรจึงตัดสินใจหย่าศึกกันชั่วคราวและแยกย้ายกลับไปยังมาตุภูมิของตนเพื่อเตรียมจัดขบวนทัพและกำลังศาสตราวุธให้พร้อมทำศึกกันอีกครั้งหนึ่ง

ณ ดินแดนเทวโลกปราสาทสีขาวมุกขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆก้อนมหึมา สถานที่แห่งนี้คือที่ประทับของจอมเทวะสูงสุดเมื่อภารกิจขัดขวางศึกระหว่าง 2 อสูรเสร็จสิ้น เหล่าทวยเทพจึงถูกเรียกรวมพลวางแผนเพื่อหารือเตรียมการรับมือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้

" ข้าแต่องค์มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ เวลานี้ทัพอสูรทั้งสองได้หย่าศึกตามที่พระองค์คาดการณ์เอาไว้ แต่ข้าพระองค์กังวลว่าจะเป็นการหย่าศึกแค่ชั่วคราวเท่านั้น หลังสิ้นมรสุมนี้ซึ่งนั่นก็หมายความว่าทั้งตัวข้าพระองค์และพิรุณเมฆาหมดกำลังในการควบคุมมรสุม จะทำให้กำลังของพายุอ่อนลงมากและสลายไปในที่สุด มหาสงครามก็จะบังเกิดขึ้นอีกคราพระองค์มีความประสงค์จะสั่งการให้ทำเช่นไรต่อไปพะยะคะ"

เทพพายวายุรายงานพร้อมกับขอความเห็น

" เราเกรงจะเป็นจริงดังคำที่ท่านพูดท่านพายวายุ การกลับมาของ 2ทัพอสูรศักดิ์สิทธิ์ครั้งหน้าจะนำพาหายนะมาสู่พิภพมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ความสูญเสียในสงครามครั้งต่อไปเราไม่อาจคาดเดาได้ การเคลื่อนทัพของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองคงเปรียบเหมือนกับการที่เปลวเพลิงกรดหายนะอันร้อนแรงได้ผุดขึ้นมาจากขุมนรกและแผดเผาทุกสิ่งให้สิ้นเป็นเศษธุลี เพียงการเคลื่อนผ่านสัมผัสชั่วพริบตาทุกอย่างที่ขวางทางจะถูกทำลายล้างจนหมดสิ้น ถึงแม้เราเป็นผู้สร้างทุกสิ่งในสามโลกและทุกชีวิตก็ล้วนต้องเดินไปตามเส้นทางของตัวเองเราจึงไม่อาจหยุดยั้งได้ นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาทั้งสองฝ่ายเลือก"

จอมเทวะตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆทำท่าครุ่นคิดหันมองไปยังเทพบริวารทุกคนที่ยืนรายล้อมอยู่เบื้องหน้า หวังว่าใครจะเสนอทางออกให้

" ข้าแต่พระองค์ผู้ยิ่งใหญ่ เช่นนั้นแล้วข้าพระองค์มีข้อเสนอพระเจ้าค่ะ"

"ว่ามาเลยอินทราเทพ"

" จริงอยู่เรื่องที่ว่าดินแดนแห่งเผ่าเทวะเรามีประชากรอยู่น้อยมากแต่ถ้าหากเรารวมดินแดนทั้งหมดเข้าด้วยกันเราก็อาจจะมีกระบวนทัพนักรบแห่งสวรรค์เพิ่มขึ้นมากมายเพียงพอที่จะหยุดยั้งสงครามอสูรศักดิ์สิทธิ์นี้ได้ ข้าพระองค์มั่นใจเช่นนั้นขอเพียงพระองค์ออกคำสั่งรวบรวมดินแดนออกไปเชื่อว่าเผาเทวะทุกชั้นภูมิในสวรรค์ก็จะยอมตอบรับและให้ความร่วมมือแต่โดยดีพะยะคะ"

อินทราเทพแสดงความคิดเห็น ด้วยคำพูดของเขาประโยคนั้นทำให้เหล่าทวยเทพองค์อื่นๆ ถึงกับสะดุ้งโหยงและวิจารณ์เซ็งแซ่ไปหมด

" น่าขันจริงๆ ท่านคิดได้อย่างไรอินทราเทพ ท่านรู้หรือเปล่าว่าเหตุใดดินแดนแห่งเทวโลกเราถึงถูกให้ปกครองแยกกันถึง 6 แห่ง"

วิศรุตราชาแห่งคนธรรพ์ถามด้วยน้ำเสียงแห้งๆ ทำท่าทีแกมถากถางใส่ แม่ทัพสวรรค์ท่ามกลางขุนพลเทวมากมาย

" กับอีกแค่เรื่องพื้นๆพันนั้นมีหรือว่าข้าจะไม่รู้ วิศรุตเอ๋ยข้าเป็นถึงผู้นำขบวนทัพนักรบแห่งสวรรค์ เป็นแม่ทัพใหญ่สุด ถือเป็นขุนนางสวรรค์ผู้อาวุโสสูงสุดคนหนึ่ง เรื่องพื้นฐานแค่นี้ทำไมข้าจะไม่รู้"

อินทราเทพตอบกลับน้ำเสียงแข็งแสดงความไม่พอใจออกมาให้เห็น

" ถ้าเป็นเช่นนั้นท่านก็ไม่ควรออกความเห็นที่แสดงถึงความโง่เขลาเบาปัญญาซึ่งดูไม่สมกับฐานะผู้นำขบวนทัพนักรบสวรรค์ต่อหน้าองค์ราชันเทพเลย สวรรค์แต่ละชั้นผู้ปกครองด้วยอำนาจแห่งเผ่าเทวะที่ต่างกันสวรรค์ตั้งแต่ชั้น 1 จนถึงชั้น 3 นั้นหากองค์จอมเทพมีคำสั่งออกไปย่อมพร้อมให้ความร่วมมืออยู่แล้ว คงจะร่วมกันปกครองได้ไม่ยากนักเพราะเป็นเผ่าเทวะที่อยู่ใต้อำนาจขององค์จอมเทวะและเงื้อมือของท่านแม่ทัพใหญ่ แต่สวรรค์ชั้นที่อยู่สูงมากเกินไปกว่านี้ท่านจะรวบรวมปกครองได้อย่างไรในเมื่อเผาเทวะทั้งหลายที่อาศัยอยู่ในที่แห่งนั้นเป็นเผ่าที่รักสงบไม่มีความสนใจเรื่องภายใน 3 พิภพไม่แม้กระทั่งอยากจะเป็นใหญ่ผู้ปกครองอะไร พวกเขาเหล่านั้นมีพลังอำนาจสูงเกินกว่าเผ่าเทวะทั่วไป ต่อให้เป็นท่านหรือแม้แต่ฝ่าบาทสูงสุดของเราก็ตามถ้าคิดว่าพวกนั้นคงไม่ยอมเชื่อฟังโดยง่ายแม้จะมีเกรงใจองค์มหาเทพอยู่บ้าง ยิ่งเผ่าพรหมณ์โลกยิ่งแล้วใหญ่ นับเป็นพวกไร้ตัวตนไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกมิหนำซ้ำยังไร้รูปร่าง แบบนี้จะไปต่อกรกับใครได้ ตัดใจซะเถอะอินทราเทพท่านไม่อาจปกครองเผ่าเทพอื่นๆได้หรอกและไม่มีเหตุจำเป็นอะไรที่พวกเขาจะต้องมาร่วมมือกับเราเลย"

ดวงเนตรอำพันเจ้าเล่ห์ของราชาคนธรรพ์วิศรุตจ้องมองไปที่อินทราเทพพร้อมอธิบายเหตุผล

" อ๋องั้นเหรอ ถ้าเช่นนั้นแสดงว่าเจ้ามีความคิดที่ดีกว่าข้าว่างั้น"

" แน่นอน" วิศรุตตอบเสียงสูง เฝ้าสังเกตอาการของอินทราเทพฉีกยิ้มตรงมุมปากเหมือนเป็นการยั่วยวน

" แทนที่เราจะไปเสียเวลาทำเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้เช่นการรวมดินแดนที่ยากเกินกว่าควบคุมเพื่อหวังได้กำลังทหาร ข้าว่าทางที่ดีเราไปขอความช่วยเหลือจากเผ่าอสูรเมฆาสหายเก่าเราให้ช่วยไม่ดีกว่าเหรอ"

" ไอ้คนทำเจ้าเล่ห์เจ้าคิดจะให้พวกเราร่วมมือกับเผ่ามารงั้นเหรอ เผ่าเรากับผ่ามารถือเป็นศัตรูกันทำสงครามรบกันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เรื่องนี้ข้าไม่เห็นด้วยเป็นอันขาด"

อินทราเทพสวนกลับราชาคนธรรพ์ทันทีที่เขาแสดงความคิดเห็นจบ แน่นอนความคิดเห็นนี้ย่อมไม่เป็นที่ยอมรับสำหรับสมาชิกเทพในสภาสูงแห่งนี้ ทุกคนเห็นพ้องกับแม่ทัพสวรรค์ต่างต่อว่าและรุมประนามความคิดของราชาคนธรรพ์กันเป็นส่วนใหญ่

" อะไรกันอะไรกัน มันจะไม่ใจแคบไปหน่อยหรือไง ข้ามองเห็นว่านี่เป็นโอกาสดี ที่จะทำให้พวกเราทั้งสองเผ่าพันธุ์หันมาสมัครสมานสามัคคีกันเหมือนครั้งก่อน หรือว่าตอนนี้ในใจของพวกท่านกำลังหวาดกลัวเผ่ามารอย่างนั้นหรือ หึหึหึก็นะ มันช่วยไม่ได้นี่นา ถึงจะเป็นแม่ทัพสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่ ครองตำแหน่งผู้นำทางการทหารแห่งเผ่าเทวะทั้งหมด แต่กลับหวาดกลัวเผ่ามารที่อยู่ต่ำต้อยกว่า ช่างไม่ต่างกับพญาราชสีห์ที่หวาดกลัวหนูตัวเล็กๆ มันก็แน่อยู่หรอกเพราะในอดีตพวกท่านเคยทรยศเผ่ามารซึ่งอดีตเคยเป็นผู้ปกครองสวรรค์ชั้นล่างที่เดียวกับที่พวกท่านใช้เป็นฐานปักหลักอยู่เช่นทุกวันนี้ สงครามนั่นน่ะค่ะจำได้ดีนะอินทราเทพบ้านเรือนของพวกเขาถูกยึดครองโดยพวกท่าน จริงๆตำแหน่งแม่ทัพแห่งสวรรค์ดีไม่ดีควรจะตกเป็นของเผ่ามารมากกว่านะ เอ๊ะหรือว่า มีความจริงอยู่เบื้องหลังสงครามครั้งนั้นกันแน่"

วิศรุตโต้กลับอินทราเทพและเหล่าขุนพลเทวอื่นๆเขาใช้คำพูดถากถางหวังยั่วยวนให้โกรธ

" วิศรุตเจ้าคนธรรพ์สกปรก ข้าสุดจะทนกับพฤติกรรมของเจ้ามานานแล้ว พอกันทีวันนี้ไม่ว่าจะยังไงเจ้ากับข้าก็ไม่อาจอยู่ร่วมแผ่นดินเดียวกันได้ ข้าจะตัดหัวเจ้าแล้วเลือดมาล้างเท้าให้สมกับความหยิ่งผยองในวาจาที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงของเจ้าซะ"

แม่ทัพสวรรค์ตวาดพร้อมชักดาบพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายหมายใจจะตวัดตัดศีรษะให้ขาดสะบั้นเสียตรงนั้น

(โปรดติดตาม)

บทประพันธ์ : เจ้าชายเงาะป่า

สารบัญ

CONTENT

รายการรีวิว

REVIEW

ปักหมุด