เรื่อง ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชนบทตัวน้อยๆ : ความมั่งคั่งร่ำรวยมาถึงประตูของท่านแล้ว
หลี่เจี้ยนอันวางถุงเิหนักๆ ลงในมือของหลี่หรูอี้ พูดอย่างเคร่งขรึมว่า “้สาว เิในี้ได้มาด้วยวิธีาของเ้า พวกเราให้เ้าเอาไว้ใช้เป็เิทุนาแป้งย่างต้นหอม”
หลี่หรูอี้ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใและความเข้าอกเข้าใจากคนในครอบครัว ทำให้นางรู้สึกซาบซึ้งใมาก จึงกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “ในหม้อมีน้ำร้อนที่ข้าต้มไว้แล้ว ท่านกับพี่รองไปเช็ดตัวเี่ค่อยนอนเถิด”
ยามค่ำคืนอันสงบเงียบ
หลี่ฝูคังรู้สึกื่เต้นจนยากที่จะข่มตาั จึงพูดกับหลี่เจี้ยนอันที่นอนอยู่ข้างๆ ว่า “พวกเราสี่พี่้ไปาฟืนที่ตลาด าครั้งหนึ่งเหนื่อยแทบตายได้เิแค่หกทองแ ้สาวนี่ยอดเยี่ยมจริงๆ คิดวิธีหาเิมากขนาดี้ได้ด้วย”
หลี่เจี้ยนอันรู้สึกื่เต้นจนยากที่จะสงบใเช่นกัน เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านแม่กล่าวว่า ้สาวเหมือนท่านยายเด็กๆ มีความคิดและความเฉลียวฉลาดกว่าผู้ใหญ่เีอีก”
เดิมทีบิดามารดาของ้าซื่อก็ปลูกผักและทำนาในหมู่บ้านเกษตรกร ฐานะยากจนมาก
เพื่อเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของคนทั้งครอบครัว มารดาของ้าซื่อจึงให้บิดาของนางทำธุรกิจซื้อมาาไปกับกลุ่มพ่อค้า เพื่อหาเิไปเรียนที่ำัศึกษา ภายับิดาของ้าซื่อสอบได้ซิ่วไฉ ้าเกียรติภูมิให้บรรพบุรุษ สามารถเปลี่ยนแปลงฐานะได้สำเร็จ ทั้งครอบครัวจึงย้ายไปอยู่ที่ในตำบล จากั้มารดาของ ้าซื่อก็เปิดร้านาของชำอยู่ในตำบลั้ ปล่อยเช่าที่นาในหมู่บ้าน เิทั้งหมดที่หามาได้ใช้เพื่อาเรียนของลูกๆ ทำให้้าซื่อได้รู้หนังสือบ้าง
ที่เกิดโรคระา พี่าทั้งสามของ้าซื่อสอบได้ถงเซิง[1]กันหมดแล้ว หากมีชีวิตรอด เป็ไปได้มากกว่าจะสอบได้ซิ่วไฉ
หลี่ฝูคังเอ่ยถาม “พี่ใหญ่ อีกไม่กี่วันพวกเรายังจะไปาฟืนที่ตลาดอยู่หรือไม่?” เมื่อครู่้าทั้งสองขอให้เขาถามคำถามี้กับพี่ใหญ่
“ดู่ว่าพรุ่งี้าของเป็อย่างไร” หลี่เจี้ยนอันบอกถึงความคิดที่อยู่ภายในใของตนออกไปอย่างเนิบช้า “หากาไม่ดีพวกเราก็ไปาฟืน อีกไม่นานท่านแม่จะอด้แล้ว ในบ้านยังขาดของาอย่าง จะเชิญหมอตำแยก็ต้องใช้เิ ฤดูหนาวปีี้จะปล่อยให้้สาวสวมเสื้อผ้าต่อจากพวกเราไม่ได้แล้ว…”
หลี่ฝูคังกล่าวเีงอ่อย “ท่านคิดรอบด้านกว่าข้าจริงๆ”
หลี่อิงฮว๋าและหลี่หมิ่นหานที่อยู่ห้องข้างๆ ก็นอนไม่ัเช่นกัน ไม่ใ่เพราะื่เต้น แต่เป็เพราะปวดไปทั้งตัว
หลี่หมิ่นหานร้องครางด้วยความปวดเมื่อย “เ็จัง”
หลี่อิงฮว๋ากล่าวปลอบใ “ข้าถามต้าหู่กับซื่อโก่วจื่อมาแล้ว เากว่า คืนแรกจะปวดมาก ัจากั้จะดีึ้ หากร่างกายและะดูกปรับตัวได้ก็จะไม่เ็อีก พวกเราต้องอดทน่ พรุ่งี้ก็ดีึ้แล้ว”
ทั้งสองพยายามอดทนไม่ให้มีเีงร้องออกมา เป็เช่นี้ไปครึ่งค่อนคืน ะทั่งรู้สึกง่วงจึงัไป
เช้าวันต่อมา เมื่อเาื่ึ้ พบว่าเป็เวลาที่ดวงอาทิตย์ึ้สูงเ่ากับไม้ไผ่สามต้นแล้ว[2] สองพี่้ยังรู้สึกปวดะดูกและกล้ามเนื้อไปทั้งตัว แต่ดีกว่าเมื่อคืนมาก เาจำได้ว่าเช้าครอบครัวต้องไปาแป้งย่างที่ในตำบล หากไปี้คงสายแล้ว คิดได้ดังั้จึงมีสีหน้ารู้สึกผิด รีบลุกจากเตียงโดยั
ในห้องครัวมีกลิ่นหอมของน้ำมันหมูและต้นหอมโชยมา ในจานะเบื้องหยาบสีดำที่อยู่บนเตามีแป้งย่างต้นหอมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งฉื่ออยู่สองชิ้น
หลี่หรูอี้ที่กำลังหั่นแตงกวา แ และถั่วฝักยาวอยู่ในครัวเงยหน้าึ้ยิ้ม แล้วพูดว่า “ครึ่งชั่วยาม่พี่ใหญ่และพี่รองไปาแป้งย่างต้นหอมที่ตัวตำบลแล้ว สองชิ้นี้เก็บไว้เป็อาหารเช้าให้พวกท่าน รีบกินเถิด”
พี่าทั้งสองกินแป้งย่างต้นหอมอย่างตะกละตะกรามจนหมด จากั้จึงแย่งกันช่วยหลี่หรูอี้หั่นผัก ทั้งยังถามึ้ว่า “เ้าหั่นผักมากขนาดี้ไปทำอะไรหรือ?”
“ข้าจะทำกิมจิ”
!
บ้านหลี่มีไหะเบื้องใบใหญ่สูงเ่ากับครึ่งตัวคนอยู่สองใบ ้าซื่อเอาไว้ใช้ทำผักดองในฤดูใบไม้ผลิ เพื่อเก็บไว้กินในฤดูหนาว แต่ี้ยังไม่ถึงฤดูใบไม้ผลิ ไหเปล่าเหล่าี้จึงวางอยู่ในห้องเก็บของ
หลี่หรูอี้คิดมาตลอดว่า อยากจะนำไหทั้งสองมาใช้งานโดยเอาไปดองกิมจิที่ทั้งอร่อยและประหยัด แต่กลับูหลี่ซานปฏิเสธ
ผักในแปลงของบ้านหลี่เป็่หนึ่งของรายได้ หลี่ซานไม่เคยได้ยินชื่อกิมจิมา่ กลัวว่าบุตรสาวอายุน้อยจะทำกิมจิล้มเหลวจนทำให้ผักเีหายไปเปล่าๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาจึงไม่ยอมให้นางได้ลองทำ
คราวี้หลี่ซานไม่อยู่ หลี่หรูอี้จึงรีบลองทำดูทันที
เมื่อครู่้าซื่อก็เดินมาถามแล้วรอบหนึ่ง พอได้ยินหลี่หรูอี้อธิบายก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ปล่อยให้นางทำไป
เดิมทีหลี่หรูอี้คิดจะทำกิมจิเพียงไหเดียว แต่เมื่อเห็นว่า้าซื่อไม่สนใจึงคิดจะทำให้เต็มทั้งสองไห
หลี่หมิ่นหานถามว่า “กิมจิคืออะไร ใช้น้ำแช่ผักหรือ?”
มีดในมือของหลี่หรูอีู้หลี่อิงฮว๋าแย่งไปแล้ว นางจึงเดินไปยืนอยู่ข้างๆ และพูดยิ้มๆ ว่า “ใช้น้ำแช่เ้าค่ะ”
ผู้เยาว์ทั้งสองถามพร้อมกันโดยไม่ได้นัดาย “เช่นั้ไม่เหม็นหรือ?”
คิ้วงามของหลี่หรูอี้เลิกึ้เล็กน้อย ดวงตาเปล่งประกายแวววาว พูดเจือรอยยิ้มว่า “ไม่เหม็นแน่นอน ข้าจะใส่เครื่องปรุงลงไปในน้ำ ข้าบอกให้พี่ใหญ่พี่รองไปซื้อเครื่องปรุงที่ตำบลจินจีแล้ว ถึงั้ข้าจะสอนพวกท่านทำเ”
หลี่อิงฮว๋าเงยหน้าึ้จ้องมองหลี่หรูอี้ ถามเีงอ่อยว่า “้สาว เ้าก็เรียนรู้วิธีทำกิมจิมาจากในฝันะมัง?”
“ใ่แล้วเ้าค่ะ พวกท่านเรียนแล้วก็อย่าเอาไปพูดเ่า ข้าคิดจะนำไปาหาเิในฤดูหนาว” ได้ยินว่าฤดูหนาวของที่นี่หนาวมาก ่ั้ในพื้นที่จะไม่มีผักสดเลย ต่อให้เป็คนรวยตระกูลสูงก็ต้องกินผักดอง แต่กิมจิอร่อยกว่าผักดองมากนัก เมื่อถึงฤดูหนาวจะต้องาได้เิมากมายแน่นอน
เมื่อหลี่หมิ่นหานได้ยินคำว่า เิ ก็พูดอย่างื่เต้น “เ้าคิดว่าพี่าอย่างข้าโง่เพียงั้เชียวหรือ? ข้าไม่พูดแน่!”
บนใบหน้าของหลี่อิงฮว๋าปรากฏรอยยิ้ม้า พูดอย่างสนใใคร่รู้ว่า “ข้าว่านะ้สาว ทำไมเ้าไม่นำวิธีทำกิมจิติดตัวไปบ้านสามีด้วยเ่า เอามาสอนพวกเราทำไม?”
“หึ!” หลี่หรูอี้ทุบไหล่หลี่อิงฮว๋าด้วยความเขินอายไปครั้งหนึ่ง “ข้าเพิ่งจะอายุเ่าี้ ท่านก็จะรีบผลักไสไล่ข้าไปบ้านสามีแล้วะั้หรือ บ้านสามีนี่อดข้าหรือเลี้ยงดูข้าเ่า อาศัยอะไรที่แต่งงานไปแล้วข้าต้องดูแลบ้านสามีให้ดีปานั้!”
หลี่อิงฮว๋าไม่ได้หลบ ปล่อยให้้สาวทุบอยู่เช่นั้ จะอย่างไรก็ไม่เ็อยู่แล้ว ออกจะน่าสนุกด้วยซ้ำ “ไม่ใ่ๆ ความายของข้าคือ วิธีทำกิมจิของเ้าาเป็เิได้ นำติดตัวไปด้วยได้ แล้วยังนำไปสอนบุตรสาวเ้าหรือหลานสาวของข้าได้อีกด้วย”
หลี่หมิ่นหานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูดเสริมว่า “ใ่แล้ว้สาว เ้าเก็บวิธีทำกิมจิไว้เป็ความรู้ติดตัวเถิด พวกเราไม่เรียนทำกิมจิแล้ว”
“พวกท่านสองคนนี่นะ วันี้ทำให้ข้าเวียนหัวแทบตายจริงๆ ข้าจะลงโทษพวกท่านด้วยาให้พวกท่านหั่นผักทั้งหมด” ในโลก่หลี่หรูอี้ไม่มีลูกสาวจึงเขินจนหน้าแ เตะพี่าทั้งสองไปคนละครั้ง แต่ในใกลับรู้สึกอบอุ่น จากั้จึงพูดตำหนิไปว่า “วิธีาของข้ามีมาก พวกท่านอย่าได้คิดหลีกเลี่ยงเกียจคร้านไม่ยอมเรียนทำกิมจิกับข้าเชียว”
ทางไปตำบลจินจีเป็ทางเดียวกับทางไปอำเภอฉางผิง หมู่บ้านหลี่อยู่ระหว่างหนึ่งตำบลกับหนึ่งอำเภอพอดี ห่างจากตำบลจินจีสิบลี้
ตำบลจินจี เป็สถานที่ที่ต้องผ่านหากคิดจะเดินทางจากเมืองใหญ่ๆ ทางเหนือไปยังเมืองเยี่ยนหรือเมืองทางใต้ แต่ที่นี่ไม่มีศาลาพักม้าของทางา จึงมักมี ผู้สูงศักดิ์มาพักค้างคืนที่ตำบล นานไปนานไปก็กลายเป็ตำบลใหญ่ มีประชากรเกือบสองร้อยครัวเรือน มีถนนัสองสายและถนนย่อยอีกสามสาย
บนถนนสายั มีร้านาผ้า ร้านาธัญพืช ร้านตีเ็ ร้านาของชำ ร้านาเครื่องประดับ โรงเตี๊ยม โ้ำา โรงรับจํานํา แะ้าา เป็ต้น ่ถนนสายย่อย กว่าเ้า่เป็บ้านเรือน อีกหนึ่ง่เป็ำัศึกษา ้าำา และร้านแเิ
สภาพความเป็อยู่ของคนในตำบลดีกว่าชาวบ้านในหมู่บ้านมาก ่ใหญ่กินอาหารวันละสามมื้อ
คน่ใหญ่ในตำบลจินจีื่กันตั้งแต่เช้าตรู่ ที่ขยัน่ก็ทำอาหารกินเ ที่เกียจคร้านก็ไปซื้ออาหารจากโรงเตี๊ยมหรือร้านแผงลอย
หลี่เจี้ยนอันและหลี่ฝูคังนำแป้งย่างต้นหอมหนึ่งตะกร้าใหญ่เดินทางมาจนถึงในตัวตำบล แล้วจึงหยุดเรียกลูกค้าอยู่ที่หน้าประตูเมือง
“แป้งย่างต้นหอม กลิ่นหอมๆ ั หนึ่งแผ่นใหญ่ หนึ่งทองแเ่าั้ั”พ
“แป้งย่างต้นหอม ทั้งอร่อยและู หนึ่งทองแซื้อได้หนึ่งแผ่น ซื้อเ้าแถมหนึ่งั”
.......................................
คำอธิบายเพิ่มเติม
[1] ถงเซิง คือ บัณฑิตที่สอบผ่านระดับท้องถิ่น
[2] อาทิตย์ึ้สูงเ่าไม้ไผ่สามต้น คือ เวลาประมาณ 9-11 นาฬิกา
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา