เรื่อง ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชนบทตัวน้อยๆ : ความมั่งคั่งร่ำรวยมาถึงประตูของท่านแล้ว
หลี่ซานกล่าวอธิบาย “ที่อารองเจ้ากล่าวหมายึ หมวกนิรภัยที่เจ้าทำช่วยชีวิตเขาไว้น่ะ”
หลี่หรูอี้กล่าวกับหลี่สือด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านคืออารองข้า หากข้าไม่ดีกับท่าน ข้าจะดีกับใครเล่า”
“หรูอี้ สมองน้อยๆ เจ้าช่างชาญฉลาดจริงๆ หมวกนิรภัยที่เจ้าทำได้รับคำชมเชยจากใต้เท้าจ่างสื่อด้วย เขามอบรางวัลให้หนึ่งตำลึง” หลี่ซานมองไปยังบุตรีสุดที่รักตนด้วยแววตาเปี่ยมรัก เพิ่งับ้านมาไม่ึึ่ชั่วยามก็กล่าวชมนางไปหลายปะโยคแล้ว
จ้าวซื่อมองหลี่หรูอี้แล้วกล่าว่า “เงินหนึ่งตำลึงนั่นข้าจะเก็บไว้เป็นสินเดิมให้หรูอี้”
สามีภรรยาคู่ี้มักกล่าวชมบุตรีสุดที่รักซึ่งหน้าจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ท่าัชมเชยบุตรชายทั้งี่น้อยครั้ง ซึ่งเ็ทั้งี่ก็ชินแล้ว
“ท่านแม่ อย่ากล่าวึเรื่องข้าีเลย ปะเดี๋ยวคืนี้ท่านก็คุยกับท่านพ่อเรื่องี่ชายเถิด” หลี่หรูอี้กะพริบตาส่งสัญญาณให้จ้าวซื่อ
จ้าวซื่อหัวเราะ “ข้ารู้แล้ว เจ้าช่างดีกับี่ชายเจ้าจริงๆ”
เ็ชายทั้งี่มีสีหน้าื่เต้น าตาที่มองไปยังหลี่หรูอี้เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง
ในปากหลี่ซานเต็มไปด้วยหมูผัดน้ำแ จึงกล่าวึ้อย่างไม่ชัดเจนนัก “เรื่องอันใดหรือ”
“เรื่องดี” จ้าวซื่อมองไปยังใบหน้าเหลี่ยมๆ สามี บริเวณห่างคิ้วเขาเจือไปด้วยความดื้อรั้น เมื่อใคร่ครวญดูแล้วจึงตัดสินใจ่า จะหารือเรื่องี้กับสามีเป็นการ่ตัว “าคืนค่อยคุยกัน”
หลี่หรูอี้กระซิบ่า “ท่านอารอง อย่ากินจุเกินไปเล่า ปะเดี๋ยวช่วงชมจันทร์ยามาคืนยังมีอาหารอร่อยๆ ให้กินี”
“ยังมีอร่อยีหรือ” หลี่สือมองไปยังอาหารเลิศรสโอชาที่เรียงอยู่เต็มโต๊ะ คิดไม่ออกจริงๆ ่ายังจะมีอะไรอร่อยี
จ้าวซื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ “เจ้ากับี่ชายเจ้ายังไม่เคยกินขนมไหว้พระจันทร์รสหวานตระกูลหลี่ที่เ็ๆ ทำ จะต้องเผื่อท้องไว้กินด้วยเล่า”
หลี่ซานที่ดื่มสุราไปชามหัวเราะเสียงดัง “ตอนที่ข้าอยู่ในตำบลและในอำเภอ ได้ยินคนกล่าวึขนมไหว้พระจันทร์รสหวานตระกูลหลี่ด้วย นึกไม่ึ่าตระกูลหลี่ก็คือตระกูลพวกเราจริงๆ”
หลี่หรูอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ่า “ข้ายังทำอาหารแปลกใหม่ที่อร่อยๆ ได้ีามาย จะทำให้ชื่อเสียง ตระกูลหลี่ดังไปึเมืองเยี่ยนและภาคเหนือให้ดู”
แววตาหลี่ฝูคังเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น “น้อง้า ข้าเชื่อเจ้า”
“หรูอี้ข้าทั้งฉลาดและาความสามารถจริงๆ ในบริเวณสิบลี้แปดหมู่บ้านี้ไม่มีเ็คนใดดีเท่าเจ้าแล้ว” จ้าวซื่ออดชมเชยบุตรสาวตนไม่ได้
หลังจากมื้ออาหารเย็นอันหรูหราสมบูรณ์แบบเสร็จิ้ หลี่ซานก็ดื่มสุราจนใบหน้าแก่ำแล้ว เขารู้สึกื่เต้นอยากไปป้อนอาหารลายิ่งนัก ทั้งยังกล่าวเสียงดัง่า “หลายปีมาี้ข้านึกไม่ึจริงๆ ่า บ้านพวกเราจะมีลา ทั้งยังมีึตัว ข้าจะเลี้ยงพวกมันให้ดี”
หลี่เจี้ยนอันปะคองหลี่ซานไปที่ลานด้านหลัง
หลี่สือที่กำลังจะเดินไปอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเห็นหลี่ซานอยู่ที่ลานด้านหน้ากำลังจะขี่ลา จึงรีบตะโกนเรียก “ท่านี่ ข้าก็อยากขี่ลา”
หลี่ซานกอดคอลาไม่ยอมป่มือ เขาหันไปตะโกนบอกหลี่สือ่า “ยังมีลาีตัวหนึ่ง เจ้าไปขี่ตัวนั้นเถิด”
จ้าวซื่อกินจนอิ่มและรู้สึกจุกเล็กน้อย นางเดินช้าๆ อยู่แถวลานบ้าน เมื่อเห็นสามีตนขี่ลาด้วยท่าทางื่เต้นราวกับเ็น้อย ก็หันไปพูดกับหลี่หรูอี้อย่างยิ้มๆ ่า “บิดาเจ้าอยากขี่ลาแท้ๆ แต่ับอก่า อยากให้อาหารลา”
“ท่านพ่อเมาสุราแล้ว”!
“บิดาเจ้าซื้อผ้าฝ้ายสีแมาให้เจ้าพับหนึ่ง ซื้อผ้าฝ้ายสีน้ำเงินมาให้ข้า”
“ที่ผ่านมาท่านพ่อไม่ยอมับ้านก็เพราะอยากทำงานเก็บเงินให้าเสีย่ อยากให้พวกเรามีชีวิตที่ดีึ้”
เมื่อหลี่ซานและหลี่สือขี่ลากันจนพึงพอใจแล้วจึงไปอาบน้ำที่บ้านอิฐบริเวณลานด้านหน้า
บ้านอิฐหลังที่สร้างใหม่ี้จะมอบให้เป็นห้องหอหลี่เจี้ยนอันและหลี่ฝูคัง ท่าตอนี้ใช้เป็นห้องอาบน้ำ แเป็นบุรุษหนึ่งห้องสตรีหนึ่งห้อง
ถังไม้ที่สร้างใหม่มีความสูงราวึ่ตัวคน ยังคงมีกลิ่นไม้จางๆ โชยออกมา น้ำในถังใสสะอาดและยังคงร้อน มีผงขัดตัววางอยู่แถวๆ ฝาั แสดงให้เห็นึความสะดวกสบายบ้านี้
ในตอนที่ไปสร้างกำแพงเมืองที่เมืองเยี่ยน หลี่ซานจะอาบน้ำชำระร่างกายด้วยน้ำจากแม่น้ำ ในฤดูร้อนน้ำในแม่น้ำค่อนข้างขุ่น ่ฤดูใบไม้ร่วงน้ำค่อนข้างเย็น เขาไม่เคยได้รับความสะดวกสบายเช่นี้า่อนเลย
คราวี้หลี่ซานได้แช่ตัวในถังน้ำที่บ้านตนเ จึงรู้สึกสบายจนหลับไป
เมื่อหลี่สืออาบน้ำเสร็จแล้วก็สวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาดแล้วเดินออกมา “ี่ชายหลับไปแล้ว เขากรนและน้ำลายไหลด้วย”
จ้าวซื่อกลัว่าน้ำจะเย็นจนทำให้หลี่ซานไม่สบาย จึงบอกให้บุตรชายไปปลุกและปะคองบิดาที่ึ่หลับึ่ื่ไปพักที่ห้อง
ดวงจันทร์ส่างไสว แดาวพร่างพราว ดวงจันทร์ในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์มีลักษณะกลมโต คนบ้านหลี่ช่วยกันย้ายโต๊ะมาที่ลานด้านหน้า บนโต๊ะมีทั้งผลไม้สด ไ้แ้ และขนมไหว้พระจันทร์ตระกูลหลี่วางอยู่
จ้าวซื่อจุดเทียนหอม นำหลี่สือและลูกๆ ตนไหว้บรรพบุรุษตระกูลหลี่แทนสามี ไว้อาลัยปู่ย่าที่ตายไปด้วยโรคระาเมื่อสิบ้าปีก่อน จากนั้นจึงขอพรให้คนทั้งครอบครัว
“ขนมไหว้พระจันทร์ช่างหอมจริงๆ!” ในที่สุดหลี่สือก็ได้กินอร่อย เขายิ้มออกมาอย่างมีความสุข
จ้าวซื่อกล่าวึ้ด้วยน้ำเสียงภูมิใจ “นี่ก็คือขนมไหว้พระจันทร์ตระกูลหลี่ มีหนึ่งไม่มีในแผ่นดิน มีเพียงพวกเราที่ทำได้”
ณ จวนเยี่ยนอ๋อง ที่อยู่ในเมืองเยี่ยน ซึ่งห่างออกไปหลายสิบลี้ เยี่ยนอ๋องโจวปิงผู้อยู่เหนือคนนับื่ อยู่ใต้คนเพียงคนเี พาคนในตระกูลไปชมจันทร์เป็นเพื่อนฉินไท่เฟยที่ลานบ้าน
ก่อนหน้าี้พวกเขาไหว้บรรพบุรุษและไว้อาลัยอ๋องคนก่อน ซึ่งจากโลกี้ไปเมื่อหลายปีก่อนเรียบ้แล้ว
เจียงชิงอวิ๋นตามเจ้าบ้านมาในฐานะที่ตนเป็นแขก เขาร่วมไหว้บรรพบุรุษและชมจันทร์กับทุกคน
ในอากาศมีกลิ่นเครื่องแป้งหลากหลาย ทั้งยังมีกลิ่นขนมไหว้พระจันทร์ ไ้แ้ และผลไม้สดผสมผสานปนเปกันไป ทำให้เจียงชิงอวิ๋นคิดึการฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์กับครอบครัวตนในปีที่ผ่านมา ใบหน้าคนในครอบครัวปรากฏวนเวียนอยู่ในหัว
ตอนี้คนในครอบครัวตายไปหมดแล้ว เืเพียงเจียงชิงอวิ๋นที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว
เจียงชิงอวิ๋นดำดิ่งลงสู่ความโศกเศร้าและรู้สึกเจ็บปวดีครั้ง และไม่อยากให้ผู้อื่นรับรู้ึอารมณ์ด้านลบตน จึงคิดจะเดินจากไป
“ท่านอา นี่คือขนมไหว้พระจันทร์รสหวานตระกูลหลี่ ที่มีหนึ่งไม่มีในแผ่นดิน หากท่านชิมแล้วจะต้องกล่าว่าอร่อยแน่ หากไม่ชิมจะต้องเสียใจแน่!” บนใบหน้าอันหล่อเหลาโจวโม่เสวียนมีรอยยิ้ม้าปรากฏึ้ สั่งให้ผู้ติดตามไปนำขนมไหว้พระจันทร์รสหวานตระกูลหลี่เข้ามา
เยี่ยนหวังเฟยที่นั่งอยู่ข้างกายฉินไท่เฟยหันไปยิ้มให้เจียงชิงอวิ๋น “ชิงอวิ๋น โม่เสวียนเป็นคนเลือกกิน ที่เขาบอก่าอร่อย เจ้าจะต้องลองชิมดูให้ได้ อย่าได้พลาดไปเชียว”
โจวฉยงรุ่ยอายุสิบี่ปีกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านอา ตอนาวันข้ากินขนมไหว้พระจันทร์รสหวานตระกูลหลี่ไปแล้ว ไม่หวานเกินไปและไม่เลี่ยนเลย ไม่มีไส้ เมื่อกัดเข้าไปแล้วจะมีกลิ่นหอม นับ่ามีเอกลักษณ์จริงๆ ไม่ทันไรข้าก็กินไปแล้วชิ้น ทำให้กินอาหารเย็นได้น้อย”
โจวฉยงรุ่ยมีรูปโฉมงดงาม เป็นบุตรสาวที่ฉินหวังเฟยคลอดให้โจวปิง มีฐานะเป็นึเสี้ยนจู่[1]
โจวเยว่หรง บุตรสาวคนโตโจวปิงออกเรือนไปแล้ว ตอนี้ในจวนเยี่ยนอ๋องจึงมีโจวฉยงรุ่ยเป็นบุตรีเพียงคนเี
โจวฉยงรุ่ยมีนิสัยร่าเริงทั้งยังมีความกตัญญูรู้คุณ จึงเป็นที่รักคนในบ้าน นางดูแลเจียงชิงอวิ๋นที่ฉินไท่เฟยผู้เป็นยายให้ความสำคัญเป็นอย่างดี
ฉินไท่เฟยชี้ไปที่โจวฉยงรุ่ย กล่าวกับโจวปิงและเยี่ยนหวังเฟยด้วยรอยยิ้ม่า “เ็คนี้นี่ไม่เสียทีที่เป็นหลานสาวข้า ชอบกินอร่อยๆ เื้า ตอนาวันข้าก็กินขนมไหว้พระจันทร์รสหวานตระกูลหลี่ไปชิ้น ตอนเย็นจึงไม่กล้ากินา” ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเอ็นดู
ก่อนหน้าี้เจียงชิงอวิ๋นอาศัยอยู่ที่แดนใต้ ขนมไหว้พระจันทร์ที่เคยกินจะมีอยู่ปะเภทคือ แบบเค็มและแบบหวาน โดย่ตัวเขาชอบไส้เค็มาก่า เขาคิดในใจ่าขนมไหว้พระจันทร์แดนเหนือไม่มีไส้เช่นี้จะเอาอันใดไปอร่อยกัน?พ
แต่เมื่อได้กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ขนมไหว้พระจันทร์รสหวานตระกูลหลี่ และเห็นเมล็ดงาที่โรยอยู่บนหน้าขนมสีเืงทอง ซึ่งขนมไหว้พระจันทร์ี้มีขนาดใหญ่ราวึ่ฝ่ามือนั้นแล้ว ัทำให้รู้สึกอยากอาหารอย่างที่ไม่เคยเป็นา่อน แต่หากกินตอนี้ก็เกรง่าจะทำให้อ้วน
ขณะนั้นเมีบุรุษผู้หนึ่งกล่าวึ้ด้วยน้ำเสียงปะหลาดใจ่า “ขนมไหว้พระจันทร์ี้ทำจากอะไรกัน เุใดจึงหอมเช่นี้?”
.............................
คำอธิบายเพิ่มเติม
[1] เสี้ยนจู่ คือ ตำแหน่งเชื้อพระวงศ์หญิงลำดับที่ี่
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา