เรื่อง ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชนบทตัวน้อยๆ : ความมั่งคั่งร่ำรวยมาถึงประตูของท่านแล้ว
ห่าวทงเคยพบชายหนุ่มหล่อเหลาาความสามารถมาแ้ามาย ทว่าผู้ที่มีรูปโฉมโดดเด่นไม่ธรรมดาเฉกเช่นเจียงชิงอวิ๋นกลับมีไม่า เมื่อได้รับคำทักทายเช่นี้พานให้รู้สึกสบายไปทั้งาใจ และทำให้รู้สึกประทับใจเจียงชิงอวิ๋นายิ่งขึ้น
หัจากทักทายปราศรัยกันเรียบร้อย เจียงชิงอวิ๋นก็ชวนทุกรับประทานอาหาร ้าอี้ไหนเลยจะกล้ารบ ขณะที่คิดจะปฏิเสธก็มีบ่าวใจวนเิเข้ามารายงานว่า “นายท่าน ท่านเสี้ยนกงมาขอรับ นำของขวัญมาด้วยสองคันรถ”
เจียงชิงอวิ๋นกล่าวเสียงเบา “รีบเชิญเข้ามาเร็วเข้า” หากดูามฐานะอาวุโสเขาไม่จำเป็นต้องออกไปต้อนรับด้วยตนเ
้าอี้ดีใจยิ่งนัก รีบลุกขึ้นกล่าวกับเจียงชิงอวิ๋นว่า “นายน้อย ข้าจะออกไปต้อนรับท่านเสี้ยนกงเขอรับ”
ห่าวทงนึกไม่ถึงว่าจะได้พบผูู้ศักดิ์ที่นี่ ถึงกับแสดงสีหน้ายินดีออกมา “ท่านเสี้ยนกงมาเช่นี้ข้าจะออกไปต้อนรับกับท่านเขอรับ”
ไม่นานโจวโม่เสวียนผู้สวมใส่อาภรณ์สีม่ ใบหน้ายังคงเจือแววอ่อนเยาว์ก็เิทน่องเข้ามา ด้านหัมี้าอี้และอื่นๆ ติดามมาด้วยท่าทีนอบน้อม “ท่านอา ท่านย่าให้ข้ามาดูว่าท่านอยู่ที่นี่สะดวกดีหรือไม่”
เจียงชิงอวิ๋นลุกขึ้นเิเข้าไปต้อนรับ “ข้าอยู่ที่นี่จนคุ้นชินดีแ้”
โจวโม่เสวียนมิได้มาครั้งแ แต่ยังคงมองไปรอบด้าน ุท้ายก็เงยหน้ามองไปยังหัคา “วันี้ฝนตกหนัก เรือนี้มีส่วนใดรั่วหรือไม่”
“ไม่รั่ว” ฝนเพียงเ่าี้ยังเรียกว่าตกหนักีหรือ เมื่อเทียบกับฝนที่บ้านเดิมของตระกูลเจียงแ้ยังนับว่าเบากว่าา ีทั้งยังตกเพียงครึ่งวันเ่านั้น หากเป็นที่บ้านเดิมจะมีฝนตกหนักติดต่อกันาวันาคืน ตกคราหนึ่งก็ทำให้้ำใแม่้ำกลายเป็น้ำหลาก้ำท่วมได้เลย
โจวโม่เสวียนฉีกยิ้ม “ท่านย่ากลัวเ้าเปียกและกลัวเ้าหนาวจนรนทนไม่ไหว เร่งให้ข้านำถ่านหนึ่งคันรถและผ้าห่มสำหรับฤดูหนาวีหนึ่งคันรถมาให้ท่าน”
“ขอบคุณท่านป้าที่เป็นห่ ข้าสบายดีทุกอย่าง” เจียงชิงอวิ๋นปรายามองโจวโม่เสวียนครู่หนึ่ง “เหตุใดวันี้เ้าไม่ไปที่กองทัพ?”
โจวโม่เสวียนเลิกคิ้วเข้มๆ ของตนก่อนกระซิบเสียงแผ่ว “ข้าชนะการประลองยุทธ์เมื่อวาน วันี้จึงได้พัก”
้าอี้กล่าวชมเชยเสียงใส “ท่านเสี้ยนกงเก่งกาจวรยุทธ์จริงๆ ขอรับ!”
ห่าวทงกล่าวเสียงดังกังวาน “ั้แต่ีตจนถึงปัจจุบันมีวีรบุรุษามาย ทว่าท่านเสี้ยนกงยังไม่บรรลุนิติภาวะก็ยเยี่ยมเพียงี้แ้”
เจียงชิงอวิ๋นเอ่ยถามอย่างฉงนสงสัย “เ้าชนะผู้ใดมา!?”
โจวโม่เสวียนกล่าวอย่างลำพองใจ “แม่ทัพาที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเสด็จพ่อ”
เจียงชิงอวิ๋นทราบดีว่า โจวโม่เสวียนมีฝีมือทางด้านวรยุทธ์เหนือชั้นมาั้แต่ยังเยาว์ แต่ไม่ทราบว่าฝีมื้านยุทธวิธีของเขาเป็นเช่นไร “แข่งอะไรกัน?”
“ยิงธนู ประลองหอก ี่้า”
หากเป็นผู้อาวุโสอื่นจะต้องชมเชยก่อนามด้วยกล่าวให้กำัใจ เพียงแต่เมื่อเป็นเจียงชิงอวิ๋นกลับมีท่าทีฉงนสงสัย “ไม่ใช่ว่าพวกเขายอมให้เ้าหรอกหรือ”
โจวโม่เสวียนนึกถึงคำชมเชยของเสด็จพ่อเมื่อวานี้รวมไปถึงสีหน้าอึมครึมของเหล่า้ชาย ีทั้งเหล่าาก็กล่าวยินดีด้วยความเคารพจากใจ ุท้ายก็ยิ้มออกมาไม่ได้ “การประลองแข่งม้าพวกเขายอมให้ข้า พอแพ้กันหมดก็ถูกเสด็จพ่อตำหนิ ต่อมาจึงไม่กล้ายอมี ก็คือแพ้ให้ข้าทั้งหมด”!
แววาของเจียงชิงอวิ๋นเจือไปด้วยความัเลเล็กน้อย “เ้าชนะเช่นี้แ้คิดอยากจะเข้า่กองทัพหรือไม่”
“ก็ไม่เลว ข้าเคยพูดเรื่องเข้า่กองทัพกับเสด็จพ่อแ้ แต่เสด็จพ่อไม่เห็นด้วย”
“ดังนั้นเ้าจึงมาหาข้าที่นี่ คิดให้ข้าโน้มน้าวญาติผู้พี่ให้หรือ” เจียงชิงอวิ๋น่าหน้า ใแววาเจือไปด้วยความสงสัย “หรือไม่ เ้าก็คงอยากให้ข้าไปกล่าวโน้มน้าวกับท่านป้า แ้ให้ท่านป้าไปโน้มน้าวญาติผู้พี่ของข้า”
“ผู้ที่รู้ใจข้าทีุ่ก็คือท่านอาของข้านี่เ” โจวโม่เสวียนหัวเราะออกมา ดาเปล่งประาแวววาว กล่าวด้วย้ำเสียงร้องขอ “ท่านก็ช่วยเหลือหลานผู้ี้หน่อยเถิด”
เจียงชิงอวิ๋นมองไปยังโจวโม่เสวียนที่รูปร่างูกว่าตน กล่าวด้วย้ำเสียงเนิบช้าว่า “ช่วยก็ช่วยได้ เพียงแต่ี้ยังไม่ใช่เวลา ข้าว่ารอให้่าฤดูหนาวไปก่อน รอให้่าช่ฉลองปีใหม่ไปก่อนค่อยพูดเรื่องี้กับท่านป้าที่นางอารมณ์ดี นางอาจจะเห็นด้วย”
โจวโม่เสวียนกล่าวอย่างผิดหวัง “ต้องให้ข้ารอีหนึ่งฤดูหนาวเชียวหรือ”
“การเข้า่กองทัพมิใช่การละเล่นของเด็กน้อย เวลาหนึ่งฤดูหนาวคงเพียงพอให้เ้าใคร่ครวญจนแน่ใจแ้” เจียงชิงอวิ๋นนั่งลง กล่าวด้วยเหตุว่า “กองทัพเยี่ยนของญาติผู้พี่มิใช่กองทัพธรรมดา แต่เป็นกองทัพที่คอยป้องกันผู้รุกรานที่ชายแทางเหนือของแคว้นต้าโจว”
โจวโม่เสวียนนั่งอยู่ข้างๆ เจียงชิงอวิ๋นด้วยท่าทีที่ผ่อนคลาย และกล่าวว่า “ข้าย่อมรู้ดี”
เจียงชิงอวิ๋นกล่าวด้วยท่าทีเคร่งขรึม “หากเ้าต้องการเข้า่กองทัพเยี่ยนก็ต้องทนรับความลำบากให้ได้”
“ผู้ที่ทนกับความทุกข์แสนสาหัสได้จึงจะเป็นเหนือ หลานชายของท่านผู้ี้เป็นผู้มีฝีมือทางวรยุทธ์ หากไม่รู้จักทนทุกข์จะได้มาอย่างไร” การฝึกวรยุทธ์เป็นิ่ที่ลำบากทีุ่แ้ โจวโม่เสวียนฝึกวรยุทธ์มาั้แต่าุสามขวบ เขาเป็นผู้มีพรสวรรค์ูส่ง าุเก้าขวบก็ากแดดอาบเหงื่อมาจนนับไม่ถ้วน กระทั่งมีฝีมือทางยุทธ์เป็นเลิศ ย่อมทนรับความลำบากใค่ายาได้แน่
ห่าวทงนึกไปถึงท่าทีของโจวโม่เสวียนยามอยู่ที่ศาลาพักม้าของตำบลจินจี เมื่อเห็นการแต่งาของเขาใวันี้ีครั้งกลับแอบคิดใใจว่า ท่านเสี้ยนกงคงไม่อาจทนรับความลำบากใกองทัพได้แน่
เจียงชิงอวิ๋นเอ่ยถามเสียงดังว่า “ข้าถามเ้าหน่อยเถิด เช้าี้เ้ากินอะไร”
โจวโม่เสวียนกรอกาคิดครู่หนึ่ง คำพูดจุกอยู่ตรงลำคอ ไม่นานก็ต้องเก็บกลืนลงไป
้าอี้ทราบดีว่าโจวโม่เสวียนอยู่สบายจนคุ้นชินแ้ ใช้ชีวิตอย่างพิถีพิถันเป็นทีุ่ เพียงแค่อาหารเช้าของทุกวันก็ถูกจัดมาเต็มโต๊ะแ้
“เ้าส่งไปถามใกองทัพเยี่ยนเสียหน่อยว่า วันี้ากินอะไรเป็นอาหารเช้า” เจียงชิงอวิ๋นมองโจวโม่เสวียนโดยไม่ละสายา กล่าวต่อไปว่า “หากเ้าเข้า่กองทัพเยี่ยน หนึ่งวันกินสองมื้อ อาหารเช้าเป็นขนมปังหยาบ หรือไม่ก็หมั่นโถวแป้งหยาบ หากเข้า่สงาบางครั้งกระทั่งข้าวก็ไม่ได้กิน เ้ารับได้หรือไม่”
โจวโม่เสวียนตะโกนลั่น “เป็นไปไม่ได้ เข้า่สงาต้องมีข้าวให้กิน เสด็จพ่อเคยบอกข้าว่า ้ามปล่อยให้าหิ้วท้องออกไปสู้รบเป็นอันขาด”
เจียงชิงอวิ๋นกล่าวเสียงเข้ม “บริเวณชายแที่กองทัพเยี่ยนต้องปกปักรักษาเป็นพื้นที่ที่มีอากาศหนาว พืชทางการเกษตรน้อยยิ่งกว่าน้อย ช่เพิ่งย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่ก็เต็มไปด้วยแผ่นดินสีเหลืองแ้ พอมาถึงฤดูหนาวผืนดินก็เต็มไปด้วยหิมะขาวโพลน ไม่มีกระทั่ง้หญ้าสัก้ ยามเิทัพทุกต้องแบกธัญญาหารหนักยี่สิบชั่งไปด้วย เมื่อกินธัญญาหารหมดก็ไม่มีอะไรให้กินี เพื่อจะมีชีวิตร มีอะไรให้กินก็ต้องกิน กระทั่งเนื้อม้าก็ต้องกิน แม้แต่เนื้อมนุษย์เนื้อศัตรูก็ต้องกิน เ้ากินได้หรือไม่”
เมื่อโจวโม่เสวียนได้ยินคำว่า เนื้อมนุษย์ พลันรู้สึกมวนท้อง อยากอาเจียนขึ้นมาทันที
ดาของ้าอี้เต็มไปด้วยความสงสัย “นายน้อยเคยไปที่ชายแหรือขอรับ?”
“ใช่ ที่ข้าเิทางหาความรู้ข้าเคยไปที่นั่น ทั้งยังได้พูดคุยกับเหล่าาของกองทัพเยี่ยนมาแ้ด้วย เากว่า เคยกินเนื้อม้าและเนื้อ…” เจียงชิงอวิ๋นไม่ได้กล่าวคำุท้ายออกมา แต่โจวโม่เสวียนก็ยังลุกขึ้นวิ่งแล่นออกไปจากห้องโถง ไปยืนอาเจียนอยู่ที่ลานด้าน
“ท่านเสี้ยนกงอาเจียนเสียแ้” ห่าวทงวิ่งามออกไปดูด้วยความกังวล
โจวโม่เสวียนอาเจียนจนเจ็บปวดท้องไปหมด เมื่อเห็นว่ามีกลุ่มหนึ่งามมาด้านหั แต่ละล้วนมองมาที่เขาด้วยสายาเป็นห่เป็นใย พลันคิดใใจว่าชื่อเสียงที่สั่งสมมาถูกทำลายลงจนย่อยยับแ้ เมื่อมอง่าทุกไปก็พบเจียงชิงอวิ๋นยืนอยู่ตรงประตูห้องโถงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ จึงรีบกล่าวขึ้นว่า “ท่านอาตัวดี หลานมาเยี่ยมท่านด้วยความจริงใจ แต่ท่านกลับทำให้หลานตกอยู่ใสภาพเช่นี้ได้”
“เ้าอาเจียนอยู่ที่นี่ดีกว่าไปอาเจียนที่ค่ายา” เจียงชิงอวิ๋นเิเข้ามาหาด้วยฝีเท้าเบาพลิ้ว ดาเปล่งประาแวววาว “เมื่อครู่ข้าพูดถึงเพียงอาหารการกินเ้าก็มีสภาพเช่นี้แ้ ยังต้องให้ข้าพูดถึงเรื่องอาภรณ์ ที่อยู่อาศัย และการเิทางของกองทัพเยี่ยนีหรือไม่”
โจวโม่เสวียนหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวของตนขึ้นมาเช็ดที่มุมปาก ดาทั้งสองเิกว้าง กล่าวด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียดว่า “ก็แค่อาภรณ์ ที่อยู่อาศัย และการเิทาง ไม่ใช่หรือ หึ... ข้าสวมใส่ชุดเกราะหนักสี่สิบชั่งได้ ข้าอยู่กระท่อมเก่าผุพังได้ วิชาี่้าของข้าก็ยเยี่ยม”
“ฤดูร้อนที่ชายแ ยามดอาทิตย์แขวนลอยอยู่กลางฟ้าอากาศจะร้อนระอุา เมื่อสวมชุดเกราะจะถูกแสงแดดแผดเผาจนแทบไหม้เกรียม ยามฤดูหนาวที่ชายแ จะมีพายุหิมะพัดเต็มท้องฟ้า หนาวเย็นจับขั้วหัวใจ เมื่อสวมใส่ชุดเกราะจะถูกลมพายุฤดูหนาวอันเย็นเยียบแช่แข็ง”พ
“......”
“ิ่ที่ชายแภาคเหนือขาดแคลนทีุ่ก็คือ ้ำ เมื่อออกเิทัพ หากมี้ำให้ดื่มไม่หิว้ำายได้ก็นับว่าเป็นวาสนาแ้ แต่ไม่มี้ำสำหรับอาบแน่ แต่ละไม่อาบ้ำกันนานาเดือน ั้แต่หัวจรดเท้าเต็มไปด้วยแมลงกินเลืมนุษย์ จะคันไปทั้งตัว” คำพูดของเจียงชิงอวิ๋นมิใช่การเปรียบเปรย
“แมลง!?” ใบหน้าที่หล่อเหลาของโจวโม่เสวียนแปรเปลี่ยนไปโดยพลัน เมื่อได้ยินว่าเ้าิ่นั้นดูดเลืมนุษย์ก็หวาดกลัวยิ่งนัก นึกไม่ถึงว่าหากเข้า่กองทัพแ้จะต้องกินอยู่อย่างลำบากเพียงี้ นี่เป็นเพียงเรื่องอาหารกับการอยู่อาศัยเ่านั้น หรือจะยอมทิ้งความคิดเรื่องการเข้า่กองทัพไปดี?
.............................
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา