เรื่อง ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชนบทตัวน้อยๆ : ความมั่งคั่งร่ำรวยมาถึงประตูของท่านแล้ว
เวลาพลบค่ำ ณ จวนเยี่ยนอ๋อง
เมื่อ้าอี้รายงานเรื่องราวต่อเกาซิ่วผู้เป็นเยี่ยนหวังเฟยเรียบร้อยแ้ก็เล่าเรื่องที่ไปจวนเจียงให้อีกฝ่ายฟังต่อไป
เกาซิ่วไม่เสียทีที่เป็นชายาเอกเยี่ยนอ๋อง เมื่อได้ฟังเรื่องราวถึงตอนที่ต้องิเนื้อศัตรูก็หน้าไม่เปลี่ยนสี จนะทั่ง้าอี้เล่าจึงค่อยเผยรอยยิ้มบางๆ มา “ญาติผู้น้องาุพอๆ กับโม่เสวียน มีแต่คำพูดเขาที่โม่เสวียนจะยอมฟัง”
นางมีบุตรชายคน บุตรคนโตคือ รัชทายาทเยี่ยนอ๋อง จำต้องเป็นผู้โดดเด่นเหนือผู้คน ส่วนบุตรชายคนเล็กก็คือ โจวโม่เสวียน นางอดมาได้ดียิ่ง ถึงกับปากหวานั้ยังรู้จักปะปะแจงผู้คนให้ชมชอบ ถูกนางเลี้ยงดูอย่างสุขสบายจนคุ้นชินเสียแ้
ตอนที่นางทราบว่าโจวโม่เสวียนอยากเข้า่กองทัพก็รู้สึกกังวลเป็นอย่างยิ่ง วันี้เจียงชิงอวิ๋นกล่าวคำพูดเหล่าั้ต่อโจวโม่เสวียนจึงนับว่าถูกใจนางพอดี
คนข้างกายที่จะพูดจาตรงไปตรงมากับโจวโม่เสวียนได้ั้มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย จะมีก็แต่ยอดอาจารย์และสหายปะเสริฐเท่าั้ะมัง มีเจียงชิงอวิ๋นที่กล่าวเตือนอย่างตรงไปตรงมาไม่คิดอ้อมค้อมเช่นี้ นับว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อโจวโม่เสวียนอย่างยิ่งยวด
“พ่ะย่ะค่ะ นายน้อยเป็นผู้มีความรู้ความสามารถูส่ง ั้ยังเดินทางเรียนรู้ไปทุกที่จึงพบเห็นเรื่องราวมากมาย” เมื่อผ่านเรื่องราวในวันี้ไป ้าอี้ถึงกับปะเมินเจียงชิงอวิ๋นูขึ้นอีกมากทีเี
เกาซิ่วคิดในใจว่า ต่อไปคงต้องให้โจวโม่เสวียนไปมาหาสู่กับญาติผู้น้องให้มากเสีย่แ้
จนะทั่งถึงยามค่ำ เกาซิ่วจึงนำเรื่องี้ไปบอกต่อเยี่ยนอ๋องโจวปิง เมื่อเล่าแ้จึงถามต่อว่า “ท่านอ๋อง เุใดเมื่อวานท่านจึงปฏิเสธเรื่องที่โม่เสวียนจะเข้า่กองทัพหรือเพคะ?” ในฐานะที่เป็นชายาเอกเยี่ยนอ๋องนางทราบมานานแ้ว่า บุตรชายจะต้องเข้า่กองทัพเยี่ยนและเข้า่สงา จึงไม่มีความคิดที่จะคัดค้าน เพียงอยากฟังความคิดเยี่ยนอ๋องเท่าั้
โจวปิงกล่าวขึ้นว่า “โม่เสวียนยังาุน้อยเิไป ะดูกะเดี้ยวยังเติบโตได้อีก จากี้เขามีนิสัยใจร้อน ข้ากลัวว่าเขาเข้า่กองทัพแ้จะทนลำบากไม่ไหว ไม่กี่วันก็ต้องก่อเรื่องัมาแน่”
าปี่ เยี่ยนอ๋องผู้เฒ่ารักภรรยาน้อยจนละเภรรยาเอก โจวปิงและฉินไท่เฟยพระมารดาแทบไม่มีที่ยืนในจวนเยี่ยนอ๋อง เพื่อสนับสนุนแม่ทัพแต่ละคนกองทัพเยี่ยน โจวปิงจึงต้องเข้า่กองทัพตั้งแต่าุสิบสาม ไต่เต้าจากตำแหน่งต่ำทีุ่ พบเจอความลำบากมานับไม่ถ้วน ข้ามผ่านความเป็นความายมาาครั้งาคราจนมีโรคเรื้อรังฝังแน่นถึงะดูก…
โจวปิงไม่อยากให้บุตรชายเดินซ้ำรอยตน มิใช่เพียงโจวโม่เสวียนเท่าั้ ะทั่งรัชทายาทโจวจิ่งวั่งก็ยังต้องรอจนเขาาุสิบ จึงค่อยให้เข้า่กองทัพ
เกาซิ่วกล่าวเสียงอ่อย “ท่านอ๋อง ท่านว่าให้โม่เสวียนเข้ากองทัพรักษาเมืองเยี่ยน เพื่อฝึกความอดทนเสีย่ดีหรือไม่เพคะ?”
กองทัพรักษาเมืองย่อมไม่อาจเทียบได้กับกองทัพเยี่ยน แต่ยังนับว่าอยู่ภายใต้การดูแลเยี่ยนอ๋อง แม่ทัพรักษาเมืองจึงไม่กล้าะทำการใดลวกๆ ัั้ทัพรักษาเมืองจึงมีระเบียบวินัยเข้มงวด ฝึกฝนตลอดั้หนึ่งปีสี่ฤดู ชุดเกราะและอาวุธก็ไม่เลวนัก แข็งแกร่งกว่ากองทัพรักษาเมืองบริเวณดินแดนส่วนในอยู่มาก
ที่สำคัญก็คือ กองทัพรักษาเมืองอยู่ในพื้นที่เมืองเยี่ยน ซึ่งอยู่ห่างจากจวนเยี่ยนอ๋องไม่ไกลนัก หากโจวโม่เสวียนเข้า่กองทัพรักษาเมือง เกาซิ่วและฉินไท่เฟยอยากไปเยี่ยมเมื่อใดก็ย่อมได้
“อีกอย่าง” ในความคิดโจวปิงปรากฏภาพรอยยิ้มโจวโม่เสวียน เ้าเด็กที่เกิดมาัเล็กเท่าเม็ดถั่วเติบใหญ่เพียงี้แ้ เพิ่งาุสิบ แต่วรยุทธ์ัแข็งแกร่งกว่าผู้ใต้บัญชาเขาเสียอีก ไม่เสียทีที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเขา
“ท่านอ๋องทรงสรวลอะไรหรือเพคะ”
“ซิ่วซิ่ว เ้าอดบุตรให้ข้าอีกคนเถิด” โจวปิงเงยหน้าหัวเราะลั่น ดวงาร้อนแรงราวกับจะแผดเผาเกาซิ่วก็มิปาน!
แม้จะเป็นสามีภรรยากันมาเนิ่นนาน แต่เกาซิ่วก็ยังถูกคำพูดโจวปิงทำเอาเขินอายจนหน้าแ กล่าวด้วยน้ำเสียงะเง้าะงอดว่า “ท่านอ๋องกับหม่อมฉันมีหลานกันแ้ ยังจะให้มีโอรสเพิ่มอีกหรือเพคะ หากลือไปคงถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะเป็นแน่”
ณ ถนนดินหมู่บ้านหลี่ วันี้อากาศแจ่มใสไร้เมฆหมอก
หลี่หรูอี้มวยผมเป็นทรงเทพธิดา สวมใส่ชุดะโปรงสีเขียว ถือตะกร้าไผ่สานอยู่ใบหนึ่ง มีเจาไฉเดินามมาด้านหลัง ส่วนเ้าัก็เดินพลิ้วเข้าไปยังปะตูใหญ่บ้านสวี่
หม่าซื่อกำลังนั่งเย็บผ้าอยู่ตรงลานบ้าน เมื่อเงยหน้าขึ้นพลันเห็นหลี่หรูอี้ที่ยามปกติไม่ค่อยมาหาถึงบ้านนัก เมื่อพิศดูการแต่งกายอีกฝ่ายพบว่า ไม่แตกต่างอันใดกับุหนูตระกูลใหญ่ในตำบลจินจีเ นางจึงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงยินดีว่า “หรูอี้ ีเ้าาเร็วเข้า”
หลี่หรูอี้เปิดผ้าสีเทาหม่นทีุ่มอยู่บนตะกร้าเผยให้เห็นด้านใน่กล่าวพร้อมรอยยิ้มบางๆ ว่า “ท่านน้า นี่คือไส้หมูหมัก หัวใจหมูหมัก และหูหมูหมักที่บ้านข้าทำเอง พวกท่านเก็บไว้ินะเ้าคะ”
“พวกเ้าเกรงใจเิไปแ้” หม่าซื่อเคยิเนื้อหมูหมักที่บ้านหลี่มาแ้นับว่าเป็นรสชาติแปลกใหม่ที่อร่อยยิ่ง เมื่อย้อนนึกอีกครั้งก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย รีบรับตะกร้ามาด้วยท่าทางดีอกดีใจแ้เดินเข้าไปในครัว “เ้ารีบนั่งลงเร็วเข้า ข้าจะไปรินน้ำหวานมาให้เ้า”
บ้านสวี่ยากจนมาก เดิมทีไม่มีะทั่งน้ำาลในบ้าน ทว่าตอนี้อู่โก่วจื่อทำการค้าขายเล็กๆ น้อยๆ พอหาเงินได้บ้าง จึงซื้อน้ำาลให้น้องๆ ิ ซึ่งหม่าซื่อก็ได้ยึดน้ำาลมาจากลูกๆ ชั่ง นำมาชงเป็นน้ำหวานไว้ให้แขกดื่ม
หลี่หรูอี้กวาดามองไปรอบด้าน จากหม่าซื่อแ้ก็ไม่มีผู้ใดอยู่อีก เงียบสงบเป็นอย่างยิ่ง ดูท่าทางอู่โก่วจื่อและซื่อโก่วจื่อคงไปขายะมัง ส่วนเอ้อร์โก่วจื่อก็พาน้องๆ ขึ้นเขาไปเก็บซานจาแ้ นางคิดอย่างทอดถอนใจว่า ปาโก่วจื่อที่าุน้อยทีุ่ในบ้านสวี่เพิ่งจะาุสามขวบก็ต้องขึ้นเขาไปเก็บซานจาแ้ เด็กในครอบครัวยากจนต้องโตเร็วกว่าาุจริงๆ
หลี่หรูอี้นั่งอยู่ที่บ้านสวี่ครู่หนึ่ง หลังจากดื่มน้ำหวานหมดก็จะับ้าน หม่าซื่อจึงรีบนำตะกร้าไผ่สานที่บรรจุไข่ไก่สิบฟองมามอบให้นาง
“ท่านน้า บ้านข้ามีไข่ไก่แ้เ้าค่ะ ไข่ไก่พวกี้ท่านเก็บไว้ให้น้องๆ ิเถิด”
“บ้านเ้ามีก็เป็นบ้านเ้า ส่วนนี่เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ข้า” หม่าซื่อดื้อดึงยิ่งนัก เมื่อพบว่าชาวบ้านที่ผ่านทางมากำลังมองอยู่จึงรีบะซิบเสียงเบา “ถุงเงินที่อู่โก่วจื่อทำ เมื่อนำไปขายทำให้ได้เงินมามาก ข้ารู้ว่านี่เป็นความคิดเ้า ข้ารู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก ในบ้านที่พอจะหยิบมาได้ก็มีแต่ไข่ไก่แ้ เ้าอย่าได้รังเกียจเ”
หลี่หรูอี้มองไปยังหม่าซื่อ่ะซิบถาม “ท่านน้า ท่านทราบเรื่องขายถุงเงินด้วยหรือ”
“ไม่กี่วัน่ สตรีาคนในหมู่บ้านเห็นข้าก็รีบตรงเข้ามาขอบุ บอกว่าลูกาพวกนางทำงานกับอู่โก่วจื่อจนมีรายได้ ข้าสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นจึงเค้นถามให้อู่โก่วจื่อบอกความจริง” หม่าซื่อคิดในใจว่า อู่โก่วจื่อทำเสียใหญ่โตเพียงั้ ตนจะไม่รู้ได้หรือ
หลี่หรูอี้กล่าวอย่างจริงใจ “จะทำการค้าก็ต้องมีเงินทุน ท่านเก็บไว้ให้อู่โก่วจื่อทำทุนเถิด”
“อืม... ข้ารู้แ้” ดวงาหม่าซื่อฉายแววื่เต้น นางเอ่ยด้วยเสียงที่แผ่วเบายิ่งขึ้นว่า “เมื่อวานอู่โก่วจื่อให้เงินข้ามาสามสิบทองแ นางบอกว่าต่อไปก็จะให้เงินข้าอีก”
ปีี้ซานโก่วจื่อ พี่าอู่โก่วจื่อาุสิบสามแ้ นางไปเป็นาใช้ให้ตระกูลใหญ่ในตำบล ทำงานหนึ่งฤดูเพิ่งจะได้เงินสามสิบทองแ
อู่โก่วจื่อทำการค้าเพียงไม่กี่วัน พริบาเีก็ให้เงินหม่าซื่อได้แ้สามสิบทองแ ัั้หม่าซื่อจึงซาบซึ้งใจที่ หลี่หรูอี้ความคิดให้อู่โก่วจื่อ
“เช่นั้ก็ดีแ้เ้าค่ะ” หลี่หรูอี้รู้สึกดีใจแทนอู่โก่วจื่อจริงๆ
หม่าซื่อเดินไปส่งหลี่หรูอี้ถึงหน้าปะตู นางยืนอยู่ที่ใต้ต้นสาลี่หน้าบ้านมองจนหลี่หรูอี้เดินลับาไปแ้จึงค่อยัเข้าไปข้างใน “เด็กดีเช่นี้ต่อไปไม่รู้ว่าจะถูกลูกบ้านใดเอาเปรียบ” นางเห็นหลี่หรูอี้มาแต่เล็กแต่น้อย ในใจก็รู้สึกชื่นชอบหลี่หรูอี้ เพียงแต่น่าเสียดายที่บ้านสวี่ยากจนเืเิ บุตรชายอย่างเอ้อร์โก่วจื่อหรือซื่อโก่วจื่อก็ไร้อนาคตไร้ความสามารถ…
้าซื่อเห็นหลี่หรูอี้เดินถือไข่ไก่ัมาก็กล่าวว่า “น้าหม่าเ้าจริงๆ เ เด็กๆ ที่บ้านผอมจนหน้าเืงหมดแ้ก็ยังไม่ยอมเก็บไข่ไก่ไว้ให้ลูกิ แต่ัเอามาให้พวกเรา”
“น้าหม่าไม่อยากติดหี้น้ำใจพวกเราเ้าค่ะ” ในน้ำเสียงหลี่หรูอี้เจือไปด้วยความเคารพที่มีต่อหม่าซื่อพ
“พวกี้เ้าไปให้น้าเฟิงเ้าเถิด” ้าซื่อใ้อดแ้ ในบ้านไม่มีคนเฒ่าคนแก่และไม่มีญาติ เมื่อคิดว่าอีกไม่นานที่บ้านจะมีเด็กทารกเพิ่มขึ้นมาอีกคน ต่อไปหากจะจัดงานอาบน้ำทารก (าั) หรืองานครบเื ย่อมต้องให้ผู้อื่น่เื วันี้จึงคิดนำขวัญไปมอบให้าครอบครัวที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับบ้านตน
หลี่หรูอี้ถือตะกร้าบรรจุเนื้อหมูหมักและผักดองเดินจากบ้านไปอีกครั้ง
เมื่อมาถึงบ้านหวังไห่ พบว่าปะตูเปิดค้างอยู่ครึ่งหนึ่ง เจาไฉเดินมุดเข้าไปแ้ ส่วนนางกำลังคิดจะเคาะปะตูเีคน ทันใดั้เองัมีเสียงที่เต็มไปด้วยความพรั่นพรึงดรุณีน้อยัแทรกมาจากด้านใน “่ด้วย…”
.............................
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา