เรื่อง ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรียนพระเจ้ามันซะเลย (Juti: Cheaters Party)
ตอนที่ 224 : ผีเสื้อกระพือปีก สะเทือนถึงผืนฟ้าแลสะท้านถึงอเวจี
————สามวันต่อมา, ทวีปอีเดน - ใจกลางเมืองหลวงแอสการ์ด
ใจกลางทวีปอีเดนนั้น ปกติแล้วคือสวนอันศักดิ์สิทธิ์สำหรับเหล่าเทพผู้ปกครอง ซึ่งมีไว้ใช้เพื่อกำหนดทิศทางของสรวงสวรรค์หรือหมายรวมถึงโลกมนุษย์เบื้องล่าง ถนนสายหลักของตระกูลทั้งเจ็ดล้วนแล้วแต่เข้ามาบรรจบ ณ ที่สวนพฤกษานี้
เมื่อไรก็ตามที่มีหัวหน้าตระกูลมาเยือน ทางเข้าของสวนจากถนนเส้นนั้นจะมีมือขวาข้ารับใช้เฝ้าถนนเส้นนั้นไว้เป็นปกติ
...ทว่าในวันนี้กลับแตกต่างเป็นพิเศษ เพราะจำนวนข้ารับใช้ของทั้งหกตระกูลที่มานั้นมีจำนวนกว่าร้อยคน แถมทางเข้าสวนจากถนนแต่ละเส้นยังติดธงประดับตราประจำตระกูลอีก
ซ้ำร้าย... ธงที่ว่ายังเป็นลักษณะเดียวกับที่ใช้ในสงคราม มันเคยถูกใช้ทั้งกับจอมมารในอดีตกาลหรือกับราชาปีศาจในปัจจุบัน
นั่นแลคือสัญญาณบ่งบอกความรุนแรงของสถานการณ์ในตอนนี้
โดยเฉพาะใจกลางสวนพฤกษา ที่ตั้งของโต๊ะกลมทำจากหินอ่อนซึ่งเป็นสถานที่ประชุมของเหล่าหัวหน้าตระกูลยกเว้นกาบริเอล
สีหน้าทุกคนนั้นอยู่ไม่สุข ทั้งกังวลและโกรธเกรี้ยวบ้าง สับสนบ้าง
...และสาเหตุของเรื่องนั้น ก็คือกระดาษแผ่นนึงที่วางอยู่กลางโต๊ะ
“พวกเจ้าทุกคนคงได้ยินเรื่องนี้กันมาก่อนแล้ว”
ชายชราหนวดเคราเฟิ้มหัวโต๊ะ... เทพเจ้าผู้ครองนาม ‘แอสทอเรีย’ ยื่นมือไปทางกระดาษ แล้วมันก็ลอยเข้ามืออย่างน่าฉงน
เขาเผยเนื้อหาบนกระดาษให้หัวหน้าตระกูลทุกคนเห็น...
เนื้อหาบนนั้น คือภาพเคลื่อนไหวของกร เหล่าภรรยาและภาคีโต๊ะจัตุรัสกำลังรับรางวัลกับราชาแต่ละคนพร้อมพาดหัวข่าว...
‘ความหวังใหม่! ฮีโร่อุษณกร ดาร์คไนท์ซิริอุสและภาคีโต๊ะจัตุรัสร่วมฉลองหลังประสบความสำเร็จในการปกป้องโลก!’
วิ้ว!
“ทำออกมาได้ดีเลยนะเนี่ย เป็นภาพเคลื่อนไหวด้วยแน่ะ!”
เด็กสาวผมสีน้ำเงินทวินเทลที่นั่งฝั่งขวา... ผู้ถือครองนาม ‘ราฟาเอล’ ยิ้มร่ากับของที่ไม่เคยเห็น ช่างอยากรู้อยากเห็นสมกับรูปร่างเล็กปานเด็กประถม
แต่เพราะพูดหลงประเด็น เลยทำให้ชายวัยกลางคนฝั่งตรงข้ามขมวดคิ้วมอง
“มันจะขยับได้ไม่ได้แล้วมันทำไม เจ้านี่ช่างติดเล่นซะจริง” ชายผมขาวผิวคล้ำ... เทพนาม ‘ซามูเอล’ ขมวดคิ้วบ่นไปถอนหายใจไป หนุ่มผมทองด้านข้างก็พยักหน้าตาม
“ก็นั่นน่ะสิ ถ้าฉายภาพขึ้นมาเป็นสามมิติล่ะว่าไปอย่าง”
“เจ้าก็พอกันนั่นแหละอูริเอล”
ซามูเอลถอนหายใจให้กับเทพเจ้าหนุ่มผมทองที่นั่งข้างเขา อูริเอล
แต่ซามูเอลไม่ได้เค้นเสียงเหมือนครั้งราฟาเอล เห็นชัดว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์อันดีมากกว่าในฐานะพันธมิตรฟากเดียวกัน ทำเอาราฟาเอลหรี่ตามอง
เช่นเดียวกับชายหนุ่มผมแดงเพลิงที่ถอนหายใจอยู่ข้าง ๆ เขา
“จริงจังกันหน่อย”
ชายหนุ่มผมแดงเพลิง... ซัคคิเอลกล่าวเตือนอย่างสงบ แต่แววตาของเขาก็ยังจริงจัง เพราะผลกระทบจากกระดาษในมือแอสทอเรียมันช่างใหญ่หลวง
“ตอนนี้ผู้ศรัทธาของเรากำลังอยู่ในภาวะถดถอยนะ คิดจะทำเป็นเล่นไปถึงเมื่อไหร่?”
“แหม โทษทีน้า พอดีทางนี้ไม่เคยทำเรื่องให้เสื่อมศรัทธาก็เลยไม่มีปัญหาน่ะ”
“...”
ซัคคิเอลถึงกับเงียบเมื่อโดนราฟาเอลตอกด้วยคำพูด
หากไม่นับชายสวมแว่นข้างเธอ คำพูดนั่นก็แทงใจดำทั้งอูริเอลและซามูเอลจนพวกเขาเขม่นมอง
คนที่ควรจะมีปฏิกิริยาที่สุดควรจะเป็นแอสทอเรียที่ถูกกรทำลายโบสถ์โดยตรง แถมยังถูกปล่อยข่าวฉาวของพระสันตะปาปาจนเกิดวิกฤติศรัทธามาหลายเดือนแล้ว
แต่แอสทอเรียกลับยังทำสีหน้าเรียบเฉยได้อยู่ ราวกับไม่รู้สึกอะไรเลยที่ถูกกรทำลายสิ่งที่ตัวเองสร้างมากับมือ
...ตอนแรกราฟาเอลก็คิดเช่นนั้น
พรึ่บ!
“ “ “!!!?” ” ”
กระทั่งแอสทอเรียเผากระดาษในมือตนด้วยเพลิงพิสุทธิ์ขาว ขยำทิ้งเป็นธุลีอย่างรุนแรงราวกับจะขยี้ให้ไม่เหลือซาก
“หากเป็นแค่เบี้ยไว้ปราบจอมมารข้าก็พอรับได้ แต่เล่นมาแย่งชิงอำนาจอย่างนี้ มันชักจะเหิมเกริมเกินไปแล้ว”
แอสทอเรียพูดกัดฟันเป็นครั้งแรกในที่ประชุม แม้แต่ซามูเอล อูริเอล และซัคคิเอลยังเผลอเหงื่อตกกลืนน้ำลาย พันธมิตรอย่างพวกเขายังไม่เคยเห็นแอสทอเรียโกรธขนาดนี้มาก่อน ความแค้นในอกที่ยังไม่เผยคงมีมากกว่านี้ด้วยซ้ำ
ชัดเจนว่าการระบายความโกรธใส่ภาพเสมือนของกร ไม่ใช่สิ่งสุดท้ายที่เขาจะทำแน่
ความโกรธนั้นแผ่ไปถึงทุกคนในโต๊ะ แต่ไม่ใช่ทุกคนจะรู้สึกอย่างเดียวกัน
แต่หากพูดถึงความกังวลที่มีต่อกร คิดว่าเกินครึ่งคงเข้าใจแอสทอเรีย ...โดยเฉพาะพันธมิตรของฝั่งเดียวกัน
“นั่นสินะ...” ซัคคิเอลจึงเหงื่อตก รับรู้อันตรายนั้นด้วยอีกคน
“หากเจ้าอุษณกรเคลื่อนไหวอย่างนี้ต่อไป เจ้าหมอนั่นจะต้องมาขัดขวางการสร้างศรัทธาของพวกเราแน่”
“ไม่ใช่กำลังจะ แต่มันทำไปแล้วต่างหาก”
ซามูเอลพูดย้ำกำมือแน่น ในสายตาของเขามีความกังวลว่าตัวเองกำลังจะเจอเรื่องเดียวกับที่แอสทอเรียเจอ
และเพื่อป้องกันเรื่องนั้น... วิธีรับมือไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายไปกว่านี้ก็มีเพียงอย่างเดียว
“งั้นมาร่วมมือฆ่ามันกันเถอะ แค่นี้ปัญหาก็จบแล้ว”
อูริเอลดีดนิ้วภูมิใจยังกับคิดค้นอะไรใหม่ได้
...ทั้งที่ความจริงแล้วนั่นไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเลย ไม่สิ เป็นตัวเลือกที่แย่ที่สุดด้วยซ้ำ
แต่เสียงเกินกว่าครึ่งดันไม่มีท่าทีปฏิเสธ นั่นแหละที่ทำให้ราฟาเอลเหงื่อตก และทำให้ชายหนุ่มสวมแว่นข้างเธอกังวล
“พวกนายมองภาพสั้นเกินไปแล้ว ไอ้เรื่องเสียศรัทธามันเป็นปัญหาของพวกนายเองนะ เขาอุตส่าห์มีพลังพอจะจัดการจอมมารได้ทั้งที ไว้หลังจากจัดการจอมมารจบก็ค่อนไปปรับความเข้าใจกันเองสิ” ราฟาเอลลดท่าทีหยอกล้อลงเพิ่มความจริงจัง
แต่อีกฝั่งก็พูดจริงทำจริงมาแต่แรกอยู่แล้ว แม้ว่านั่นจะเป็นตัวเลือกที่แย่มากก็ตาม
“พูดบ้า ๆ... ปล่อยให้มันโค่นจอมมารได้โดยไม่มีเรา แบบนี้จะเหลือใครให้ศรัทธาล่ะ” ซัคคิเอลยิ่งโกรธเข้าไปอีก ซามูเอลเองก็ยิ่งเห็นด้วย
“นั่นสินะ แบบนี้ยิ่งต้องกำจัดมันให้เร็วขึ้นอีก”
“พวกนายเนี่ยนะ...”
ราฟาเอลชักจะหน้าเสียกับความเออออห่อหมกของอีกฝั่ง ไม่อยากเชื่อเลยว่าคนที่ตำแหน่งทัดเทียมกันจะเห็นแก่ตัวได้ขนาดนี้ ทั้งที่พวกเขาเป็นเทพเจ้าระดับสูงสุดรองจากพระเจ้าเหมือนกับตนแท้ ๆ
คนเดียวที่ยังคงหวังได้คือแอสทอเรียที่นิ่งเงียบมาตลอด
“แอสทอเรีย ทำแบบนี้เดี๋ยวคนในตระกูลกับผู้ศรัทธาก็ดูแคลนได้หรอก คิดจะถูกตราหน้าว่าเป็นเทพเอาแต่ใจรึไง?”
คำพูดของราฟาเอลส่งไปแล้ว ทว่า...
“!!!?”
แผ่นหลังของราฟาเอลก็ถึงกับสั่นสะท้าน เมื่อสิ่งที่ตอบกลับมาคือสีหน้าเลือดเย็นของแอสทอเรีย อันเล็งแต่จะสังหารศัตรูคู่อาฆาตโดยไม่สนใจเสียงของใครทั้งนั้น
“จะลูกหลานหรือผู้ศรัทธา-่าเหวอะไรข้าไม่สนใจหรอก ถ้ามันมาขวางดาบข้า ข้าก็จะฆ่ามันด้วย” แอสทอเรียเมินสีหน้าตกตะลึงของราฟาเอล มองเศษกระดาษที่เหลือบนโต๊ะแล้วกำขยำซ้ำอีก
“ไอ้อุษณกรมันเหยียบย่ำสิ่งที่ข้าสร้าง ไม่ต่างจากเอาบาทามาลูบแก้มข้า ไม่มีโอกาสไหนเหมาะไปกว่านี้... ความอัปยศนี้ต้องให้มันชดใช้ด้วยเลือดเท่านั้น”
แอสทอเรียเค้นเสียงยังกับคว้านความแค้นในใจออกมาตอบ เขาไม่เหลือที่ให้การตัดสินใจอื่นเลยนอกจากความโกรธ
นี่หนักยิ่งกว่าอีกสามคนที่ทำเพื่อพลังอำนาจของตัวเองอีก ราฟาเอลหมดหนทางจนถึงกับทิ้งหลังใส่พนักพิง
ไม่ไหว... เจ้าพวกนี้ยังไงก็ไม่คิดญาติดีกับผู้กล้าอุษณกรแน่
นี่คิดจริง ๆ เหรอว่าจะเอาชนะเขาได้น่ะ อีแบบนี้ถูกล้างบางยกสวรรค์แหง
...หวังว่าตระกูลเราจะไม่โดนเขามองเป็นศัตรูด้วยนะ
ราฟาเอลได้แต่ภาวนาอย่างละเหี่ยใจ เลิกคิดที่จะเกลี่ยกล่อมหยุดความขัดแย้ง
สำหรับตอนนี้... การหาทางเข้าพวกกับกรคงเป็นทางเลือกที่ฉลาดกว่า
โอ๊ะ!? จะว่าไป...
ได้ยินข่าวลือมาว่าผู้กล้าอุษณกรเขามักมากในกามนี่นา!?
งั้นถ้าเราไปเป็นเมียน้อยเขา เราก็อาจจะรอดก็ได้นะเนี่ย!?
ฉันนี่มันอัจฉริยะชัด ๆ!!!
ราฟาเอลคิดทางเลือกสุดบรรเจิดขึ้นมาได้ เธอได้แต่หวังว่านั่นจะมากพอให้ตัวเองไม่โดนหางเลขไปด้วย
“เดี๋ยวก่อน”
แต่ในขณะที่ราฟาเอลยอมแพ้ไปแล้ว... ชายสวมแว่นที่เงียบมาตลอดก็เริ่มเปิดปาก
“ไอ้เรื่องที่ใช้อารมณ์แก้ปัญหานั่นก็เรื่องนึง ...แต่ที่สำคัญกว่าคือจะทำได้ยังไง?”
ชายหนุ่มสวมแว่นผมเขียว... มิคาเอลดันแว่น และชี้เรื่องที่สำคัญที่สุด
แน่นอนว่าเขาเห็นด้วยกับราฟาเอลอยู่แล้วที่ไม่ควรทำอะไรกร แต่จะให้ห้ามก็คงไม่ทันแล้ว
ที่ยังทำได้ตอนนี้... คงมีแต่การทำให้รู้สึกว่าแผนการมันไม่น่าเป็นไปได้เท่านั้น
“หมายความว่าไง? ก็แค่ลงไปฆ่าเจ้านั่นมันยากตรงไหน?”
“...”
แต่อูริเอลก็ยังไม่รู้สี่รู้แปดไม่เข้าใจอะไรเลย มิคาเอลก็ถึงกับยักคิ้วหมดคำจะพูด
แค่รูปลักษณ์ภายนอกเป็นเด็กหนุ่มผมทองเขาก็เหมือนเด็กหนุ่มเพลย์บอยมากพอแล้ว นี่สมองก็ยังอยู่ระดับเดียวกันอีก มิคาเอลเหนื่อยใจจนทิ้งหลังพิงพนักตามราฟาเอล
“ลืมไปแล้วรึไง? ผู้กล้าอุษณกรน่ะเอาชนะมอนสเตอร์ที่เหนือกว่าเหล่ามหานักปราชญ์ได้นะ ระดับของเขาน่ะคงพอฟัดพอเหวี่ยงกับจอมมารแล้ว”
“เอ๊ะ? ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ก็ได้ยินมาว่าอย่างนั้น แต่มันจะเกินกำลังพวกเราสี่คนอยู่เหรอ?”
ซามูเอลยังให้ท้ายอูริเอลตามเคย แต่การถามกลับแบบนี้ยิ่งทำให้มิคาเอลขมวดคิ้ว เพราะถึงจะรวมเขากับราฟาเอลเข้าไปด้วยยังไงก็ไม่ชนะกรอยู่ดี
ชัดเจนแล้วว่าเขาประเมินกำลังรบเข้าข้างตัวเองเกินไป
มิคาเอลเลยหันไปหาคนที่ฉลาดกว่า ...หรืออีกนัยนึงคือเจ้าเล่ห์กว่าอย่างแอสทอเรีย
“รู้ใช่ไหมแอสทอเรีย เจ้าเอาชนะอุษณกรในตอนนี้ไม่ได้หรอก นี่เป็นสงครามที่จะมีแต่การตายอย่างเสียเปล่า กระทั่งท่านจิ๋นหลี่เองยังอยู่ข้างเดียวกับเจ้าหนุ่มนั่น แค่นี้ก็ไม่เข้าใจรึ?”
มิคาเอลยื่นหน้าเข้าไปในโต๊ะ ทั้งเพราะเร่งเร้าเอาคำตอบและอยากเห็นการเปลี่ยนสีหน้า ได้แต่หวังว่าสิ่งที่กลับออกมาจะเป็นความฉลาดมากกว่าเล่ห์กล
“...ก็จริงของเจ้า ข้าเอาชนะมันคงไม่ได้” แอสทอเรียตอบกลับอย่างใจเย็น ดูท่าเขาจะฉลาดกว่าคนอื่นเรื่องประเมินกำลังตนเอง
...แต่โชคร้าย ที่แอสทอเรียดันฉลาดกว่าในเรื่องเลว ๆ ด้วย
“ถ้าสู้กันตรง ๆ ล่ะก็นะ”
“...นี่เจ้า!?”
มิคาเอลเห็นแอสทอเรียแสยะยิ้มชั่วร้าย เขาไม่อยากจะคาดเดาสิ่งที่ชายคนนี้คิด แต่ก็ต้องได้ยินอยู่ดี เพราะปากของแอสทอเรียมันคันเกินกว่าจะปิดได้
“เราจะไม่สู้กับมันตรง ๆ แต่จะจัดการพรรคพวกของมัน เล่นงานครอบครัวมัน แล้วมาคอยดูว่ามันจะทนความเจ็บปวดได้ถึงไหน” แอสทอเรียยิ้มสะใจเผยสันดานเลว
“เราจะเล่นมันให้หนักโดยเฉพาะลูกเมียมัน เอาให้มันแทบจะขึ้นมาขอขมาเราไม่ทัน ให้มันสำเหนียกว่าไม่ควรมาสามหาวกับเทพเจ้าเช่นเราได้อีก”
แอสทอเรียยิ่งพูดสีหน้ายิ่งบิดเบี้ยวด้วยความร้ายกาจ ความเลวทรามในศาสนจักรแอสทอเรียที่มันสร้างไม่ได้มาจากไหนเลยนอกจากผู้สร้างอย่างมันนี่เอง
และโชคร้ายของโลกใบนี้... คือการมีคนแบบแอสทอเรียถึงสามคน
“ดีเลยนี่! แถมได้ยินว่าเหล่าคนรักของเจ้านั่นสวยราวเทพธิดาด้วย จะได้โอกาสลิ้มลองก็คราวนี้แหละ”
“แสดงว่าจะเอาตามนี้เลยสินะ งั้นก็ย่อมได้ ข้าจะร่วมประหารหัวใจของมันด้วย”
“แต่ข้าสนใจความแข็งแกร่งของพวกมันมากกว่า น่าสนใจว่าจะทำให้ข้าบันเทิงได้แค่ไหน”
อูริเอล ซามูเอลและซัคคิเอลร่วมเห็นพ้องโดยไร้ข้อโต้แย้ง ทั้งยังทำเหมือนเป็นเรื่องสนุก ช่างเป็นความสามัคคีที่มีแต่สร้างความกระอักกระอ่วนให้ มิคาเอลรู้ตัวแล้วว่าการโน้มน้าวไม่มีประโยชน์อีกต่อไป
คิดแล้วก็ได้แต่เหนื่อยใจอยู่ข้าง ๆ ราฟาเอล
ใช้กิเลสและความแค้นชี้นำแทนปัญญา ช่างไม่คิดถึงผลที่ตามมาเลย
ประวัติศาสตร์คงไม่เคยทำให้หลาบใจกระมัง
หรือเจ้าพวกนี้... คิดจะสร้างจอมมารคนที่สองขึ้นอีกรึไงกัน
มิคาเอลได้แต่ส่ายหัว หน่ายใจที่รอบข้างมีแต่พวกปัญญานิ่มนำพาแต่ปัญหาเก่า ๆ
แต่เขากับราฟาเอลก็ไม่อยู่ในจุดที่จะหยุดทั้งสี่ตระกูลได้อยู่ดี แสงสว่างของพวกเขาเบาบางเกินกว่าจะหยุดการปะทะกันของดาวฤกษ์ทั้งสองกลุ่ม
ท้ายที่สุดแล้ว... สิ่งที่พึงหวังได้ก็มีแต่ดาวประกายดวงนั้นเอง
คิดซะว่าเป็นบททดสอบของเจ้าแล้วกันอุษณกร
หากผ่านพ้นภัยนี้ไปได้ เจ้าและเหล่าภรรยาย่อมเป็น ‘ของจริง’ อย่างไร้ข้อกังขา
❖❖❖❖❖
————ในเวลาเดียวกัน, อาณาจักรนิฟล์เฮม - ปราสาทของราชาปีศาจ
เฉกเช่นเดียวกับสรวงสวรรค์ อันต้องสั่นสะท้านจากการเคลื่อนไหว ‘เล็ก ๆ’ ของพวกกร โลกเบื้องล่างอันเป็นที่ตั้งของเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งปวงเองก็จำต้องเคลื่อนไหวอย่างไม่อาจเลี่ยง
ณ เมืองหลวงของเหล่าปีศาจ ในห้องโถงปราสาทอันเป็นที่พำนักของนายเหนือซึ่งปกติควรจะเงียบเหงา เนื่องจากเหล่าปีศาจระดับสูงต้องแยกไปทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
แต่เพราะความสำเร็จในการปกป้องโลกของกร... เหล่าขุนพลทั้ง 6 จึงต้องกลับมารวมตัวอีกครั้งก่อนกำหนด เพื่อวางแผนรับมือผลกระทบจากพวกกร
พวกเขาคุกเข่าลงบนพื้นพรมแดงในห้องโถงใหญ่ เบื้องหน้าพระพักตร์ของผู้เป็นนายที่นั่งอยู่บนบัลลังก์สูง
คือชายหนุ่มผิวเข้มผมสีดำยาว ผู้มีเขาหนามสีดำสองอันบนศีรษะตั้งตรงดุจดั่งเสาค้ำนรก และสวมเสื้อคลุมสีดำหนาอันเป็นสัญลักษณ์ของผู้ปกครอง
...ราชาปีศาจแอชบอร์น
“ไม่ได้เจอกันนาน ทุกคน”
“ “ “ “ “ครับ!/ค่ะ!” ” ” ” ”
เหล่าขุนพลทั้งหกอันเป็นจุดสูงสุดของเหล่าปีศาจขานรับอย่างขันแข็ง พวกเขาเอื้อนเอ่ยโดยไม่เงยหน้าด้วยความเคารพรักผู้เป็นนาย
สามคนด้านหน้าสุดประกอบด้วยคนที่มีร่างท้วมผิวสีเขียว หญิงสาวเผ่าซัคคิวบัสรูปงาม และมนุษย์ที่มีส่วนหัวเป็นแพะ
ส่วนสามคนด้านหลังได้แก่คนที่มีปีกสีดำสนิท หญิงสาวที่มีผิวบางส่วนเป็นเกล็ดสีเขียว
และชายหนุ่มผมดำที่มีเขาขดเป็นหอยสองอันบนหัว คนเดียวกับที่เคยปะทะกับกรถึงสองครั้งสองครา... ลูซิเฟอร์
“คิดว่าพวกเจ้าคงรู้แล้วว่าข้าเรียกมาด้วยเรื่องอะไร”
แอชบอร์นกล่าวเปิดเสียงทุ้มต่ำ เป็นอันรู้กันในหมู่ปีศาจว่าเขากำลังจริงจัง
แต่ก็เป็นธรรมดาที่ต้องจริงจัง ในเมื่อการคงอยู่ของกรนั้นเป็นภัยต่อพลังของราชาปีศาจ
เช่นเดียวกับเหล่าหัวหน้าตระกูลจากสภาสวรรค์ 7 ปีกที่ใช้พลังศรัทธาเป็นแหล่งพลัง ราชาปีศาจเองก็ใช้ความหวาดกลัวของโลกทั้งใบเป็นแหล่งพลังเช่นกัน พลังของเขาจึงเป็นอีกด้านของผลรวมความศรัทธา
ในสถานการณ์ปกติ แอชบอร์นจึงมีพลังเทียบเท่ากับหัวหน้าตระกูลสภาสวรรค์ทั้ง 7 รวมกัน และคนที่จะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ไม่น่ามีอยู่ ศัตรูที่ต้องระวังจึงมีแต่พวกสภาสวรรค์
พอมีตัวแปรใหม่อย่าง ‘ความหวัง’ ที่กรสร้างขึ้น กรจึงกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจคนใหม่ ไม่ต่างจากสภาสวรรค์ 7 ปีกเลย
แต่แน่นอนว่าศัตรูโดยตรงคือ ‘ความหวัง’ นั้นหาใช่ตัวกร เพราะเดิมทีแอชบอร์นก็แค่ต้องการปกป้องมิตรสหายเผ่าปีศาจจากสงครามที่พวกสภาสวรรค์อาจจะก่อ หรืออาจรวมถึงจอมมารที่กำลังคืนชีพ
ตัวตนอย่างกรที่อาจแข็งแกร่งกว่าเขาจึงต้องถูกจับตามองในฐานะศัตรูไว้ก่อน เพราะไม่รู้ว่ากรมีเจตนาจะเข้าร่วมกับฝ่ายใด หรือใครเป็นศัตรูของกรกันแน่
ปกติแล้ว... ผู้กล้าที่ถูกอัญเชิญโดยมนุษย์มักจะถูกชักจูงโดยสภาสวรรค์ 7 ปีก
หากอุษณกรถูกจัดอยู่ในกลุ่มนี้ ยังไงก็คงต้องเป็นศัตรูกัน
แต่ว่า... ไม่ว่าเขาจะอยู่ฝ่ายไหน...
“อุษณกร... ผู้กล้าจากต่างโลกที่สามารถเคลียร์มหาดันเจี้ยนโบราณได้หลายต่อหลายครั้ง และสังหารแมมมอมอันเป็นที่รักของเราไป ใครจะคิดว่าเขาจะยังแข็งแกร่งขึ้นได้อีก”
“ “ “!!!!?” ” ”
แอชบอร์นกล่าวจบ พนักวางแขนก็ถึงกับแตกร้าวทั้งที่ไม่ได้ขยับเขยื้อน แม้กระทั่งท้องฟ้าเบื้องบนยังสั่นสะเทือน หมู่เมฆเองก็สั่นไหว พ้องไปกับความโกรธของราชาปีศาจ
ทำเอาเหล่าขุนพลทั้งหกถึงกับเหงื่อตกพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
“แต่ในเมื่อเป็นสงครามมันก็คงเลี่ยงการสูญเสียไม่ได้... เรื่องที่สำคัญกว่าคือต่อจากนี้ต่างหาก”
แอชบอร์นใจเย็นลงทำให้บรรยากาศกลับมาเป็นปกติ ทำให้เหล่าขุนพลถอนหายใจโล่งอก
“ลูซิเฟอร์”
“คะ ครับ!”
ลูซิเฟอร์สะดุ้งขึ้นยืนก่อนจะโค้งให้แอชบอร์น ...ท่าทางนั้นทำให้แอชบอร์นหรี่ตามอง
“เจ้าเคยปะทะกับมันมาสองครั้ง... ก่อนที่จะรู้ว่ามันมีพลังอะไร ข้าอยากรู้ว่ามันเป็นคนยังไง” แอชบอร์นเริ่มนั่งท้าวคาง ความละเอียดอ่อนของเขาให้ความสนใจกับที่มาของพลังศัตรูมากกว่าตัวพลังเอง
แววตานั้นแอบกดดันแปลก ๆ จนลูซิเฟอร์ต้องรีบเปิดปาก
“...เขาเป็นคนที่มีความมุ่งมั่น ดูสุขุมเยือกเย็น ทว่าก็อารมณ์ร้อนได้ง่ายเมื่อภัยมาถึงคนรอบตัวของเขาครับ”
ลูซิเฟอร์กลืนคำพูด ‘นิสัยเขาดูคล้ายกับท่าน’ ลงคอ เพราะคิดว่าคงทำให้โกรธ
จากนั้นก็รีบเล่าต่อ
“เขาแสดงความเมตตาได้แม้แต่กับศัตรู ...แต่หากไปล้ำเส้นเข้า เขาก็เด็ดเดี่ยวพอจะสังหารศัตรูได้อย่างไม่ลังเล ...คิดว่าที่ข้าได้รับการไว้ชีวิต ก็คงเป็นเพราะไม่ใช่หัวหอกในสงครามที่ทำร้ายคนรักของเขาด้วยครับ”
ลูซิเฟอร์พูดไปก็พลางนึกถึงสงครามกับอาลันเชี่ยน รู้สึกโชคดีแล้วที่ไม่ได้ออกตัวแรงเหมือนกับแมมมอนจนโดนกรสังหารไป
อย่างไรก็ดี... พอลูซิเฟอร์พูดถึงสาเหตุที่เขารอด แอชบอร์นก็กลับหรี่ตามองเขาอีก
แถมบรรยากาศรอบตัวก็ดูจะหนักอึ้งขึ้นมาอีกครั้งจนขุนพลเสียวสันหลังวาบ
“แน่ใจเหรอ?”
“? ...อะไรเหรอครับฝ่าบาท?”
“ที่ถูกไว้ชีวิตน่ะ แค่สาเหตุนั้นเหรอ?”
“...”
พอถูกถามย้ำด้วยน้ำเสียงที่เย็นชากว่าเดิม ลูซิเฟอร์ก็ไม่รู้จะเปิดปากอย่างไร
...และเพราะทำสีหน้าลังเลแบบนั้น คำตอบของคำถามในใจแอชบอร์นจึงได้กระจ่างชัด
“!!!?”
ร่างของแอชบอร์นหายไปจากสายตาของเหล่าขุนพล ความรู้สึกขนลุกซู่ปรากฏขึ้นชั่วพริบตา
และกว่าที่ลูซิเฟอร์จะรู้ตัว... แอชบอร์นก็มายืนอยู่ตรงหน้าแล้วบีบคอเขายกขึ้นลอยเสียแล้ว ทำเอาขุนพลทุกคนยืนขึ้นรีบหลบฉาก
“แค่ก! ทะ ท่านแอชบอร์น!”
ลูซิเฟอร์กระอักทั้งที่ยังสับสน สะท้อนในแววตาของแอชบอร์นที่ดูเกรี้ยวโกรธแต่กลับดูเศร้าโศกไปพร้อมกันอย่างน่าประหลาด
“ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าครอบครัวของข้าจะทรยศหักหลังกันเช่นนี้ เจ้าทำข้าเจ็บช้ำนัก” แอชบอร์นเค้นเสียงในลำคออย่างเจ็บปวด ลูซิเฟอร์ถึงกับจุกในอกทั้งที่ตัวเองกำลังถูกบีบคอ
“มะ ไม่มีทางฝ่าบาท! ข้าไม่มีวันทรยศท่าน! แค่ก!!!”
แต่เขาไม่ได้รับอนุญาตให้พูด แอชบอร์นออกแรงบีบมากขึ้นราวกับไม่อยากฟังคำแก้ตัวใด ๆ
“คิดว่าข้ามองไม่ออกรึ? ในตัวเจ้ามีอุปกรณ์เวทที่มีร่องรอยของพลังมหาศาล และข้าก็รู้ได้ว่ามันคือของอุษณกร”
แอชบอร์นมองเข้าไปในตา พยายามเค้นความจริง แต่ดวงตาอันอ้อมน้อมของลูซิเฟอร์กลับไม่เปลี่ยนแปลงใด ๆ
นั่นยิ่งทำให้แอชบอร์นไม่แน่ใจ
...ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะทำแบบนี้ไปทำไม ลูซิเฟอร์
แต่อย่างไรข้าก็ต้องจัดการให้เด็ดขาด
แอชบอร์นยังไม่รู้ข้อสรุป แต่การแอบติดต่อกับศัตรูลับหลังอย่างไรก็เป็นอาชญากรรมที่อภัยให้ไม่ได้
เพื่อไม่ให้ขุนพลคนอื่นทำตาม แม้ไม่ชอบแต่เขาก็จำเป็นต้องทำในสิ่งที่จำเป็น หากขาดความเด็ดขาดนี้ไปคงไม่อาจเรียกตัวเองว่าเป็นราชาปีศาจ
“มีคำสั่งเสียไหม”
แอชบอร์นมองตาลูซิเฟอร์เป็นครั้งสุดท้าย การเห็นแก่ความทุ่มเทที่ผ่านมาของลูซิเฟอร์คือความเมตตาอย่างเดียวที่เขาจะให้ได้ เขาถึงกับคลายแรงบีบลงให้ลูซิเฟอร์ได้พูด
ทว่า... ลูซิเฟอร์กลับหรี่ตามองเขาอย่างเป็นสุข
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างครับฝ่าบาท ข้าน้อยไม่เสียใจเลยที่ได้รับใช้ท่าน”
“...อา”
แอชบอร์นรับคำนั้นไว้ ก่อนจะกางมือขวาแล้วง้างไปด้านหลังราวกับหอก เขาอาบมือนั้นด้วยออร่าสีดำประสมม่วงอันน่าหวาดหวั่น
แล้วพุ่งแทงใส่กลางอกของขุนพลคนสนิท
‘เดี๋ยวก่อน!!!’
แต่เสียงปริศนาทำให้ราชาปีศาจต้องหยุดมือตัวเอง แถมยังทำให้เหล่าขุนพลคนอื่นเข้าสู่สถานะพร้อมรบ
จะว่าตลกร้ายก็ได้... เพราะที่มาของเสียงที่หยุดแอชบอร์น กลับเป็นสิ่งเดียวกันที่ทำให้สถานการณ์กลายเป็นเช่นนี้
เพราะเสียงนี้... มันดังขึ้นมาจากอุปกรณ์เวทมนตร์ใต้เสื้อของลูซิเฟอร์
เสียงนี้มัน...
ลูซิเฟอร์จำเสียงนั้นได้ เพราะเขาติดต่อกับเจ้าของเสียงเป็นครั้งคราว
แต่สำหรับตอนนี้... ไม่ว่าใครก็คงเดาไม่ยาก แม้แต่แอชบอร์นที่ไม่เคยเจอมาก่อนก็ตาม
“...เจ้าคืออุษณกรสินะ”
‘ใช่แล้ว! ไว้ชีวิตเขาก่อนเถอะนะ หมอนี่ไม่ได้ผิดอะไรหรอก!’
เสียงปริศนาจากอุปกรณ์เวท... กรรีบขอร้องอย่างร้อนรน เพราะถ้าหมอนี่ตายขึ้นมา กรก็จะกลายเป็นฆาตกรทางอ้อม ซึ่งนั่นคือสิ่งที่กรยอมรับไม่ได้แน่
“...”
ทางแอชบอร์นได้ยินแล้วก็ยังรู้สึกลังเล
แต่อย่างไรเสียเขาก็ยังไม่รู้เรื่องทั้งหมดดี แถมถ้าหากได้รู้ข้อมูลจากอุษณกรมากขึ้น เขาอาจจะหาเรื่องลดโทษให้ลูซิเฟอร์ได้ เพราะมันก็เห็นชัดอยู่ว่าลูซิเฟอร์ไม่มีทางทรยศเขา
“เจ้ามีธุระอะไรล่ะ? กลัวเสียสายลับไปรึไง?”
‘ไม่ใช่หรอก แต่ก่อนอื่น ขอโทษด้วยที่ทำให้สถานการณ์เป็นแบบนี้นะ’
กรขอโทษจากใจ น้ำเสียงอบอุ่นส่งผ่านมาจนเกือบจะเห็นภาพเขาโค้งตัวขอโทษ แอบทำเอาขุนพลคนอื่นกะพริบตาปริบ ๆ เพราะบุคลิกดูสุภาพกว่าที่เดาไว้
‘ฉันชื่ออุษณกร เรียกสั้น ๆ ว่ากรก็ได้’
“...ข้ามีนามว่าแอชบอร์น” แอชบอร์นแนะนำตัวกลับ หากอีกฝ่ายมีมารยาทจะไม่แสดงกลับก็จะเสียภาวะผู้นำเอาได้
ซึ่งจุดนั้นแหละคือสิ่งที่ทำให้กรมองเห็นทางประนีประนอม
‘นายชื่อว่าแอชบอร์นสินะ ยินดีที่ได้รู้จัก’
“...นี่เจ้ากับข้าสนิทสนมกันขนาดนั้นเลยรึ?”
‘เอ๊ะ? นายอยากให้ฉันใช้คำว่า ‘ท่าน’ ด้วยเหรอ?’
“ก็ข้าเป็นราชา”
‘งั้น... ขอโทษด้วยละกันนะครับ ท่านแอชบอร์น’
กรเปลี่ยนท่าทีอย่างว่าง่าย ในน้ำเสียงก็ไม่ได้มีความกระแนะกระแหน และแม้จะทำตัวเป็นกันเองแต่ก็ไม่ได้มีความหยิ่งยโสในพลังของตนแม้แต่น้อย
ชายคนนี้ จริงใจอย่างน่าประหลาด
แต่... มันก็ชัดเจนตั้งแต่พลังเวทของเขาแล้ว
แอชบอร์นรู้เรื่องนั้น เขาเกิดมาพร้อมประสาทสัมผัสเหนือสิ่งมีชีวิตแทบทั้งปวง นั่นรวมถึงการสัมผัสพลังเวทด้วย
เนื่องจากพลังเวทของคนเราผลิตมาจากจิตใต้สำนึก เช่นนั้นเมื่อคลื่นพลังเวทแผ่ออกมา มันจะบรรจุจิตสำนึกของคน ๆ นั้นมาด้วยก็ไม่แปลก
แอชบอร์นที่สัมผัสพลังเวทได้ละเอียดมากกว่าคนธรรมดาจึงเข้าใจตัวตนของกรแทบจะทันที
...แต่นั่นมันเป็นคนละเรื่องกับการใช้ขุนพลของเขาเป็นเครื่องมือ
“เจ้าต้องการอะไรจากข้า?” แอชบอร์นตัดตรงเข้าประเด็นหลัก
การปล่อยให้ลูซิเฟอร์มีชีวิตรอดมาหาเขามันย่อมชัดเจนอยู่แล้ว ว่าผลประโยชน์ที่กรต้องการมันมีอยู่ที่ตัวแอชบอร์น
แต่การพูดให้ตรงประเด็น นั่นก็ทำให้งานของกรง่ายขึ้นเช่นกัน
กรจึงกลับมาใช้น้ำเสียงอันอ่อนนุ่ม ซื่อตรงต่อความปรารถนาและประหยัดเวลา
‘สิ่งที่ฉันต้องการคือสันติภาพ... พูดอีกอย่างคือ ฉันอยากเป็นพันธมิตรกับพวกนาย’
“...”
“ “ “ “ “เอ๊ะ!?” ” ” ” ”
...ถึงคำตอบของกร จะทำเอาราชาปีศาจกับขุนพลทั้งคณะเหวอไปเลยก็เถอะ
❖❖❖❖❖
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??