จอมยุทธพเนจรคู่กู้บัลลังก์
ในอดีตกาลเมื่อนานมาแล้ว โลกนี้ได้เจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก มนุษย์สามารถสอนสัตว์จนพูดได้และให้ทำหน้าที่เป็นผู้นำในการนำสัตว์ป่าทั้งหลายมาทำการงานต่าง ๆ ทั้่งในบ้านและนอกบ้าน สัตว์ทั้งหลายถึงพร้อมด้วยกำลังและความสามารถจึงทำการงานทั้งหลายและดูแลมนุษย์เป็นอย่างดี ส่วนมนุษย์ก็ใช้ปัญญาจัดสรรหน้าที่การงานและดูแลเอาใจใส่สัตว์ทั้งหลายเป็นอย่างดีเช่นกัน ทำให้ทั้งสองเผ่าพันธุ์สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข เมื่อมนุษย์ไม่ต้องประกอบการงานทั้งหลายเองแล้วจึงหันไปตั้งสำนัก คิดค้นวิชา และฝึกฝนวิทยายุทธตามยอดเขาบ้าง หุบเขาบ้าง ถ้ำบ้าง จนแต่ละสำนักสามารถคิดค้นสุดยอดวิชาเป็นของตนเองและฝึกฝนจนเก่งกล้าขึ้นเรื่อย ๆ เหล่าสัตว์ทั้งหลายเห็นมนุษย์ไปตั้งสำนักตามสถานที่ต่าง ๆ จึงปรึกษาหารือกันและไปตั้งสำนักของสัตว์แต่ละชนิดเพื่อคิดค้นและฝึกฝนวิทยายุทธของตนบ้าง เมื่อมนุษย์และสัตว์ต่างมีสำนักยุทธเป็นของตนเอง จึงได้ปรึกษาหารือกันว่าจะจัดการประลองยุทธขึ้นทุกปีและมอบรางวัลให้ผู้ชนะและสำนักที่ชนะ ดังนั้นตั้งแต่นั้นมาทั้งมนุษย์และสัตว์ต่างทุ่มเทแรงกายแรงใจในการฝึกวรยุทธอย่างเอาจริงเอาจังเพื่อเข้าร่วมการประลอง สำนักใหญ่ของมนุษย์ก็มี สำนักเส้าหลิน บู๊ตึ๊ง หัวซาน ง้อไบ๊ สำนักใหญ่ของสัตว์ก็มี สำนักราชสีห์แดง อินทรีย์ดำ นกยูงทอง เม่นเงิน และเต่าขาว สำนักทั้งหลายต่างประลองฝีมือกันอย่างดุเดือดปีแล้วปีเล่า ผลัดกันแพ้พลัดกันชนะ เป็นอย่างนี้เรื่อยมา
ต่อมามีเสนาบดีคนหนึ่งต้องการชิงบัลลังก์จึงได้ส่งลูกชาย ลูกสาว และผู้หญิงทั้งหลายในสังกัดของตนไปเรียนวิทยายุทธจากสำนักต่าง ๆ จากนั้นก็รวบรวมคนแล้วฝึกนักเวทย์หญิง จอมยุทธหญิง และไพร่พลหญิง เป็นจำนวนมาก แล้วสังหารกษัตริย์พร้อมทั้งเชื้อพระวงศ์ทั้่งหลายแล้วตั้งตนเป็นกษัตริย์แทน และเนื่องจากกลัวว่าต่อไปจะมีคนมาชิงบัลลังก์ของตนจึงสั่งให้จับผู้ชายทั้งหมดยกเว้นบุตรชายสี่คนของตน แล้วบังคับให้ขุดอุโมงค์เข้าไปสร้างเมืองอยู่ใต้พิภพ จากนั้นก็สร้างกลไกลมากมายไว้ภายในอุโมงค์เพื่อป้องกันไม่ให้คนข้างในออกมาได้ และเนื่องจากตอนนี้ทั้งเมืองมีแต่ผู้หญิงเท่านั้นกษัตริย์องค์ใหม่จึงกลัวการรุกรานของเมืองอื่นจึงได้สั่งให้นักเวทย์ทั้งหลายสร้างป่าอาอรรถ์ไว้ที่ชายแดน ให้สำนักของสัตว์ทั้งหลายสร้างแนวป้องกันถัดจากป่าอาอรรถ์นั้นเป็นชั้น ๆ ให้สัตว์ทั้งหลายสร้างกำแพงรอบเมืองเจ็ดชั้นและขุดคลองระหว่างกำแพงแต่ละชั้น ครองชั้นแรกเป็นน้ำใส ชั้นที่สองเป็นน้ำขุ่น ชั้นที่สามเป็นน้ำขุ่นที่่มีหลาวเหล็กและลวดหนาม ชั้นที่สี่เป็นน้ำใสที่มียาพิษ ชั้นที่ห้าเป็นน้ำขุ่นที่มีงู ชั้นที่หกเป็นน้ำขุ่นที่มีปลาดุร้าย ชั้นที่เจ็ดเป็นน้ำขุ่นที่มีจระเข้ กำแพงชั้นแรกให้ราชสีและเม่นดูแล ชั้นที่สองให้ช้างและลิงดูแล ชั้นที่สามให้ม้าและนกยูงดูแล ชั้นที่สี่ให้วัวและหงส์ดูแล ชึ้นที่ห้าให้กวางและไก่ดูแล ชั้นที่หกให้สุนัขและกาดูแล ชั้นที่เจ็ดให้สุกรและนกกระจาบดูแล ส่วนการป้องกันทางอากาศ ให้อินทรีย์และเหยี่ยวดูแลในเวลากลางวัน ให้นกฮูกและนกเค้าดูแลในเวลากลางคืน การป้องกันใต้ดินให้หนู ตะขาบ และงู ดูแล ส่วนคนทั้งหลายก็ใช้ชีวิตไปตามปกติเหมือนเดิมทุกอย่าง ต่างแต่ว่าไม่มีผู้ชายเท่านั้น
ตัดภาพไปตอนที่ผู้ชายทั้งหลายถูกบังคับให้ขุดอุโมงค์ใต้ดิน ที่จริงกษัตริย์องค์ใหม่ไม่ได้สนใจว่าคนทั้งหลายจะอยู่ได้หรือไม่ในพิภพใต้ดิน เพียงแต่เสนอทางรอดให้ และให้แม่ ภรรยา และบุตรสาวของผู้ชายเหล่านั้นไม่มองว่าตัวเองใจร้ายเกินไปแค่นั้นเอง แต่สุดท้ายผู้ชายเหล่านั้นและสัตว์เลี้ยงทั้งหลายของพวกเขาก็ช่วยกันขุดอุโมงค์ใต้ดินและสร้างดินแดนใต้พิภพที่เสมือนบนพื้นดินได้สำเร็จ พวกเขาใช้แสงสว่างจากแร่เรืองแสงในการดำรงชีวิตประจำวันและปลูกพืชพัก ดื่มและอาบน้ำแร่ ได้อากาศจากปล่องภูเขาไฟที่ดับแล้ว ชีวิตความเป็นอยู่ทุกอย่างใต้พื้นพิภพจึงไม่ต่างอะไรจากบนพื้นดินมากนัก ทุกคนยังคงมีสัตว์เลี้ยงที่คอยปลูกข้าวปลูกผัก ทำอาหาร และทำการงานต่าง ๆ ให้ และมีความหวังลึก ๆ ว่าสักวันหนึ่งจะได้กลับขึ้นมาบนพื้นพิภพอีก
พระเอกของเราก็เจริญเติบโตใต้พิภพนี้เอง เขามีชื่อว่า ยูริ มาอยู่ในดินแดนนี้ตั้งแต่ยังเป็นทารก เติบโตมาในครอบครัวที่อบอุ่น พ่อเป็นอดีตองครักษ์คนสนิทของพระราชาองค์ก่อนที่มีวิทยายุทธเหนือกว่าองครักษ์ทั้งปวงในพระราชวัง พี่ชายอีกสองคนของเขาก็เป็นองครักษ์ในสังกัดของพ่อ ยูริ เป็นที่รักของคนในครอบครัวและเพื่อน ๆ เป็นคนเฉลียวฉลาด มีสติปัญญาและวิทยายุทธที่เหนือกว่าคนอื่น ๆ ในรุ่นเดียวกัน อีกทั้งยังมีหน้าตาและผิวพรรณที่งดงามมากอีกด้วย เขายังมีเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งที่มีความสามารถและรูปร่างหน้าตาไม่แพ้เขาเช่นเดียวกัน ทั้งคู่มีนิสัยที่คล้ายคลึงกัน คือ ชอบท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่าง ๆ และอยากรู้อยากลองสิ่งใหม่ ๆ ที่เด็กทั้งหลายยังมีโอกาสเรียนวรยุทธเพราะถึงแม้จะมาอยู่ในดินแดนใต้พิภพ แต่จอมยุทธทั้งหลายก็ไม่หยุดการฝึกวรยุทธ สำนักต่าง ๆ ทั้งของมนุษย์และสัตว์ก็ยังมีเหมือนเดิมการประลองยุทธจึงยังมีจัดขึ้นทุกปีเหมือนตอนที่อยู่บนพื้นพิภพ
ในดินแดนใต้ดินมีกฎอยู่ว่า ถ้าใครเป็นหนึ่งในสามของการประลองประจำปีได้ก็จะได้สิทธิ์ไปฝึกวิชาจากสำนักต่าง ๆ
ตั้งแต่นั้นมา
มีดินแดนที่เท่า ๆ กัน คือ มนุษย์ และสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งสามดินแดนต่างอยู่ร่วมกันอย่างสันติมายาวนาน ต่อมายักษ์ได้ลิ้มรสเนื้อมนุษย์เข้าจึงถูกใจและข้ามแดนมาเพื่อล่ามนุษย์กินเป็นอาหาร เมื่อกษัตริย์มนุษย์ทราบเรื่องเข้าจึงส่งฑูตไปเจรจาแต่กลับถูกจับกินหมดทั้งคณะ แดนมนุษย์จึงลุกขึ้นสู้ศึก แต่เนื่องจากยักษ์มีพละกำลังและอาวุธที่เหนือกว่ามนุษย์มากจึงไม่สามารถเอาชนะได้ ศึกระหว่างสองดินแดนจึงยืดเยื้อยาวนานถึงสามปี กษัตริย์มนุษย์จึงประชุมเหล่าขุนนางเพื่อหารือสู้ศึกให้ชนะ ผลการประชุมสรุปว่าต้องไปขอกำลังทหารจากป่าศักดิ์สิทธิ์มาช่วยเหลือจึงจะมีโอกาสชนะได้ พระราชาจึงส่งคณะฑูตเดินทางไปป่าศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอความช่วยเหลือ ราชาแห่งป่าศักดิ์สิทธิ์จึงเสนอเงื่อนไขสองข้อ คือ ขอพระธิดาของพระราชามาอภิเษกกับพระโอรสของตน กับให้มนุษย์ทุกคนงดฆ่าสัตว์ทุกชนิดเป็นเวลาสิบปี เมื่อคณะฑูตส่งข่าวมาบอกพระราชา พระองค์ก็ยอมรับข้อเสนอทั้งสองข้อพร้อมกับส่งพระธิดาไปแต่งงานที่ป่าศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่งใหญ่ หลังจากนั้นพระราชาแห่งป่าศักดิ์สิทธิ์ก็ส่งกำลังทหารมาช่วยรบจนมนุษย์ชนะสงคราม เมื่อชนะสงครามแล้วกษัตริย์มนุษย์จึงสั่งให้ประหารยักษ์ที่เป็นผู้ชายทั้งหมด แต่ราชาแห่งป่าศักดิ์สิทธิ์ได้ส่งสารมาขอให้ไว้ชีวิตยักษ์เหล่านั้นแล้วให้ยักษ์ทั้งหลายขุดอุโมงค์ใต้ดินแล้วไปสร้างดินแดนใต้ภิภพอยู่แทน พร้อมกับให้ตั้งสัจจยาธิษฐานว่าจะไม่ขึ้นมาเหยียบบนพื้นพิภพอีกเป็นอันขาด ถ้ามียักษ์ตนใดขึ้นมายักษ์ทั้งหมดจะถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ จากนั้นก็ให้คนสร้างกับดักและกลไกมากมายไว้ภายในอุโมงค์และปิดตายปากอุโมงเอาไว้ ตั้งแต่นั้นมามนุษย์ก็ยึดครองดินแดนของยักษ์และปกครองอย่างผาสุกมายาวนาน ส่วนเรื่องราวของยักษ์ก็ถูกเล่าต่อ ๆ กันมารุ่นสู่รุ่นจนกลายเป็นเพียงตำนาน
ต่อมา ในยุคที่แดนมนุษย์ขาดแคลนอาหาร ผู้คนอดอยากยากแค้นและล้มตายกันอย่างมากมาย การยื้อแย่งอาหารกันเพื่อความอยู่รอดจึงมีให้เห็นกันเป็นปกติ มีโจรผู้ร้ายทั้งกลุ่มน้อยกลุ่มใหญ่เกิดขึ้นมากมายทั่วทุกหนระแหง มีการปล้นสะดมเกิดขึ้นทุกวันจนชาวบ้านต้องอยู่อย่างหวาดระแวง ชาวเมืองทั้งหลายจึงจำเป็นต้องย้ายไปอยู่ตามป่าบ้าง หุบเขาบ้าง ยอดเขาบ้าง เพื่อปลูกข้าวปลูกผักเลี้ยงชีวิต เมื่อทางการไม่สามารถจะแก้ไขสถานการณ์อะไรได้ พระราชาจึงเรียกประชุมขุนนางเพื่อหาหนทางแก้ไข ผลการประชุมออกมาว่าต้องส่งฑูตไปขอความช่วยเหลือจากป่าศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง พระราชาจึงส่งคณะฑูตไปขอความช่วยเหลือจากป่าศักดิ์สิทธิ์ ราชาแห่งป่าศักดิ์สิทธิ์จึงยื่นข้อเสนอเหมือนเดิม เมื่อคณะฑูตส่งข่าวมาแจ้งให้พระราชาทรงทราบ พระองค์ก็ทรงกริ้วเป็นอย่างมาก เพราะพระองค์ไม่มีพระโอรส และมีพระธิดาเพียงพระองค์เดียว อีกทั้งพระองค์เคยได้ยินมาว่าเมื่อคราวที่แดนมนุษย์ต้องงดฆ่าสัตว์ถึงสิบปี ผู้คนต้องคร่ำครวญโหยหาเนื้อกินกันมากเพียงใด ดังนั้นพระองค์จึงไม่เห็นด้วย ตรงกันข้ามกลับให้เตรียมไพร่พลแล้วยกทัพไปโจมตีป่าศักดิ์สิทธิ์อีก ป่าศักดิ์สิทธิ์จึงต้องตระเตรียมไพร่พลเพื่อตั้งรับ หลังจากต่อสู้กันได้หนึ่งปี มนุษย์จึงส่งคนไปเสนอผลประโยชน์ให้กับเสนาบดีของฝ่ายป่าศักดิ์สิทธิ์ว่าถ้าช่วยให้มนุษย์ชนะการรบจะให้เสนาบดีเป็นพระราชาปกครองป่าศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากเสนาบดีเป็นคนละโมบโลภมากจึงรับข้อเสนอ แล้วยุยงให้แตกกันภายใน สุดท้ายป่าศักดิ์สิทธิ์จึงแพ้สงคราม ราชาแห่งป่าศักดิ์สิทธิ์และมเหสีจึงต้องหลบหนีไปอยู่ในป่าลึกของแดนมนุษย์เพื่อรักษาชีวิตของโอรสในครรภ์พระมเหสีเอาไว้
ณ หุบเขาแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างไกลออกไป มีเด็กชายกับเด็กหญิง แต่ ณ ดินแดนอันไกลโพ้นที่อยู่อีกซีกหนึ่งของโลกมนุษย์ ยังมีดินแดนศักดิ์สิทธิ์อยู่แห่งหนึ่ง อันเป็นที่อยู่ของเหล่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ในที่นั้นสัตว์ทั้งหลายต่างมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย มีอาหารการกินที่อุดมสมบูรณ์อย่างยิ่ง ในอดีต กษัตริย์ของมนุษย์และราชาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เคยทำสัญญากันไว้ว่า จะเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน และจะไม่รุกล้ำดินแดนของกันและกัน พร้อมกับมอบสิ่งล้ำค่าประจำดินแดนให้แก่กัน เพื่อเป็นเครื่องผ่านทางในการเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างแดนมนุษย์กับป่าศักดิ์สิทธิ์ ทั้งสองดินแดนได้ร่วมกันสร้างป่าอาถรรย์ขึ้นระหว่างกลางเพื่อเป็นเครื่องป้องกันอันตรายให้กับดินแดนทั้งสอง เมื่อแดนมนุษย์เกิดโกลาหลเพราะอาหารเป็นเหตุ กษัตริย์จึงได้ประชุมเหล่าขุนนางเพื่อหาหนทางแก้ไข ขุนนางทั้งหลายต่างเสนอให้ส่งฑูตไปขอความช่วยเหลือจากป่าศักดิ์สิทธิ์ แต่ปัญหาอยู่ที่จะส่งใครไปดี เพราะป่าอาถรรย์อันเป็นทางเข้าสู่ป่าศักดิ์สิทธิ์นั้นเล่าลือกันว่ามีแต่คนเข้าไปแต่ไม่เคยมีใครกลับออกมาเลย เหล่าขุนนางจึงเสนอให้จัดการแข่งขันขึ้นเพื่อหาบุคคลที่มีความสามารถทั้งบุ๋นและบู้ จำนวน 100 คน เพื่อเป็นทูตเดินทางไปขอความช่วยเหลือจากป่าศักดิ์สิทธิ์ เหล่าทหารหลวงจึงเดินทางไปติดประกาศทั่วเมืองเพื่อแจ้งข่าวให้ชาวเมืองทราบ เมื่อถึงวันแข่งขัน พระราชา ราชนิกูล และขุนนางจำนวนมากมายต่างมาดูการประลองกันอย่างใจจดใจจ่อ ส่วนจำนวนคนที่มาร่วมการประลองนั้นมีมากถึงหนึ่งพันคน มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่ละคนก็นำเอาอาวุธที่ตัวเองถนัดมาด้วย เนื่องจากคนมาเป็นจำนวนมากเจ้าหน้าที่จึงจัดการแข่งขันเป็นสิบชุด แต่ละชุดให้คัดเหลือสิบคน แล้วเอาสิบคนของแต่ละชุดนั้นมาประลองเพื่อคัดคนที่เก่งที่สุดสิบคนเพื่อเป็นหัวหน้าของทีมทั้งสิบทีม
เมื่อไม่สามารถหาคนอาสา คัดเลือกตัวแทนไปเจรจาขอความช่วยเหลือจากป่าศักดิ์สิทธิ์
ระดมพลไปบุกโจมตีสัตว์ทั้งหลายในป่าศักดิ์สิทธิ์เพื่อยึดเป็นที่อยู่ของมนุษย์ เหล่าสัตว์ทั้งหลายจึงรวมตัวกันเพื่อต่อต้าน การสู้รบระหว่างมนุษย์กับสัตว์จึงเกิดขึ้นและยืดเยื้อยาวนานถึง 500 ปี กษัตริย์จำนวนมากมายและทหารอีกนับไม่ถ้วนต้องตายในสนามรบ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีมนุษย์คนไหนสามารถเหยียบเข้าไปสู่ป่าศักดิ์สิทธิ์ได้เลยแม้แต่คนเดียว หนุ่มน้อยอายุ 12 ขวบ หลงเข้าไปในป่าลึกที่เป็นอีกมิติหนึ่ง แล้วได้ช่วยชีวิตราชินีนกยูงเอาไว้ ราชานกยูงจึงได้มอบไข่นกยูงทองคำที่เป็นสมบัติประจำเผ่าพันธุ์ให้เพื่อเป็นสิ่งตอบแทน จากนั้นจึงบอกถึงกติกาการออกจากป่าให้หนุ่มน้อยนั้นว่า การที่ใครจะออกจากป่าแห่งนี้ได้จะต้องผ่านบอกให้เขาเดินทางไปเรียนวิชาจากสำนักของสัตว์ทั้งหลาย เมื่อเขาเดินทางไปเรียนตามที่ราชานกยูงบอก เขาจึงได้เจอกับบททดสอบและบทฝึกสุดโหดนานัปการ เขาต้องใช้เวลาในการฝึกฝนอยู่ 8 ปี เมื่อเรียนจบหลักสูตรแล้วเหล่าสัตว์ทั้งหลายจึงได้จัดการประลองนา ๆ ป่าขึ้น เมื่อเขาสามารถเอาชนะตัวแทนจากป่าต่าง ๆ ได้ทั้งหมดแล้วจึงได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับโลกมนุษย์ได้ เมื่อเขากลับมาถึงก็พบว่าตัวเองได้จากไปนานถึง 800 ปี จากนั้นเรื่องราวการผจญภัยในโลกที่ตัวเองไม่คุ้นเคยก็เริ่มต้นขึ้น
สารบัญ
CONTENT
|
|
|
นิยายแนะนำ |
ดูทั้งหมด |
รายการรีวิว
REVIEW
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00

นิยายแนะนำสำหรับคุณ
ดูทั้งหมด
นิยายแนะนำสำหรับคุณ