เรื่อง มอบแด่เจ้า ภูผา ธาราหมื่นลี้ (แปลจบแล้ว)
ในตอนบ่าย มีาติดปะกาศตามถนนและตรอกซอยเมืองเทียนเฉิงทั้งหมด สามวันต่อมา เมื่อเวลาเที่ยงวันมาถึง ก็ถึงเวลาปะหารแม่ทัพเจิน้หากล่าวทูลเรื่องเท็จ และสร้างความสับสนด้วยคำพูดที่ั่ร้าย ้กับเผยแพร่เรื่องผีสางและเเจ้า จึงทำให้ฮ่องเต้พิโรธมาก.
าปะกาศี้ทำให้เิเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันในหมู่ปะชาชนเมืองเทียนเฉิง ไม่ว่าอย่างไร ก็เป็นเรื่องที่เข้าใยาก แม่ทัพเจินทำความดีความชอบมานับไม่ถ้วน และเขาก็เป็นผู้ไม่เชื่อในเเจ้า เขาจะพูดเรื่องผีสางจนทำให้ฮ่องเต้โกรธกระทั่งสั่งปะหารต่อหน้าปะชาชนเช่นี้ได้อย่างไร?
และยังมีาคาดเดาจากบรรดาขุนนางราชสำนั่าแม่ทัพเจินพ่ายแพ้สงครามบ้าง สมรู้ร่วมคิดกับคนต่างแคว้นบ้าง? หรือกบฏบ้าง? เขาเคยเป็นขุนนางที่โดดเด่นต่อหน้าฮ่องเต้ เหตุใดถึงได้กลายเป็นแบบี้ในั่ข้ามคืน?
อ้อ และยังได้ยินมาว่าในตำหนักลิ่วฉือซึ่งเป็นสถานที่ต้องห้ามมากที่สุดในวังหลังก็ถูกไฟไหม้เมื่อวัน่ และบุตรสาวแม่ทัพเจิน เจินิ่ีก็เสียีิในกองเพลิง ถึงได้ทำให้เิเหตุาณ์ในวันี้ได้
ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านที่เฝ้าูความื่เต้น หรือขุนนางที่ชิงดีชิงเด่นกันในราชสำนัก ต่างก็คาดเดากันว่าตระกูลเจินตอนี้จบิ้แล้ว ถ้าแม่ทัพเจินถูกปะหาร เจินลิ่วเจิ้งย่อมไม่อาจหลุดพ้นจากหายนะี้ไปได้ อนาคตในราชสำนักก็ต้องเปลี่ยนทิศทาง
ผู้คนในเมืองเทียนเฉิง ต่างพูดถึงเรื่องาปะหารแม่ทัพเจินจนไปถึงหูกู้หนานเฟิงและิเ่ที่อยู่ในตระกูลเฟิง กู้หนานเฟิงนิ่งสงบ แม้ว่าตระกูลกู้และตระกูลเจินจะขัดแย้งกันมานานหลายปีเพราะาแข่งขันในราชสำนัก แต่อย่างไรแม่ทัพเจินก็มีพรสวรรค์ในาป้องกันิแดน จึงรู้สึกเสียดายเล็กน้อย แต่ไม่ได้คิดอะไรมาก
ทว่าตรงกันข้าม ั้แต่ิเ่รู้ว่าแม่ทัพเจินจะถูกตัดศีรษะภายในสามวัน ุอย่างมันเกินความคาดหมายนางไปมาก
คนนอกไม่เข้าใเกี่ยวกับเนื้อหาในปะกาศ แต่นางรู้ดีที่สุดว่านี่เป็นคำขาดที่อวิ๋นซู่มอบให้นาง ้กล่าวหาทั้งหมดที่ว่ามาล้วนถูกเขียนขึ้นเพื่อให้นางอ่าน คงเป็นเพราะว่าบิดานางบอกเรื่องที่นางัตระกูลเจินให้ฮ่องเต้ฟัง ฮ่องเต้ถึงได้รู้ว่านางกระโดดลงหน้าผาแต่ไม่ตาย
หวนคิดถึงความมุ่งมั่นและความโหดเหี้ยมฮ่องเต้ ตอนที่เขาอยู่ในตระกูลเฟิงเพื่อตาาคนเมื่อสองสามวัน่ หากกู้หนานเฟิงไม่รอดจากภัยพิบัติครั้งั้เพราะหลานอวี้ สถานาณ์ตระกูลเฟิง ชะตากรรมกู้หนานเฟิง คงไม่ดีไป่าตระกูลเจิน
สุดท้ายแล้วนางก็หนีไม่พ้น หลังจากหลบหนีมาทั้งีิ นางก็เิวนัมายังแคว้นทงและเมืองเทียนเฉิงเช่นเดิม ัคิดถึงสิ่งที่ไต้ซืออู๋เซวียนพูดกับนางตอนที่อยู่ลาซ่าในเวลาั้
“เจ้ามาจากไหน ก็ัไปที่นั่น”`
คงจะเป็นาแจ้งนางอย่างชัดเจนแล้วว่านี่คือหน้าที่ที่นางต้องัมา นางเองที่ปฏิเสธ นางต้องากำจัดพันธนาาแ่โชคชะตา และต้องาใช้ีิที่เป็นอิสระ จึงทำให้เิปัญหาเ่าี้ ทำร้ายครอบครัวนาง หรือแม้กระทั่งทำร้ายกู้หนานเฟิง``
นางพูดกับเตี๋ยเย่
“เจ้ารู้หรือไม่ ข้าเคยเจอเหย่เลี่ยในที่แ่หนึ่ง แม้ว่าข้าจะไม่แน่ใมากนัก แต่ข้าก็คิดว่าเขาคือเหย่เลี่ย พวกเขาคล้ายกันเกินไป คนผู้ั้ชี้ทางให้ข้า และข้าคิดว่านี่เป็นหน้าที่ข้า มันคือีิข้า และข้าไม่ควรหนีจากมันั้แต่ัมาที่แคว้นทง"
แม้ว่าเตี๋ยเย่จะไม่เข้าใสิ่งที่นางพูดมากนัก แต่นางยังคงพูดปะโยคเดิม
“ตราบใดที่เจ้าต้องาไป ข้าสามารถช่วยเจ้าไดุ้เมื่อ”
ิเ่ยิ้มอย่างขมขื่น
“นายน้อยพวกเจ้ารู้ว่าข้าไปไม่ได้ เขารู้”
เส้นทางี้ เหย่เลี่ยเป็นคนชี้ทางให้นาง นางเชื่อว่าไต้ซืออู๋เซวียนก็คือเหย่เลี่ยในชาติั้
สามวันต่อมา ความร้อนระอุจากแสงแดดที่แผดเผา ผู้คนในเมืองเกือบทั้งหมดมารวมักันที่ใาเมือง มองูรถลากเข็นนักโทษพาแม่ทัพเจินไปที่ลานปะหาร
แดดี้สามารถแผดเผาคนได้ ทหารกันผู้คนไว้ไม่ให้เข้ามาใกล้
ตระกูลเจินทั้งวัยชราและวัยหนุ่มสาวต่างอยู่นอกพื้นที่ปะหาร พากันร้องไห้และตะโกน ใน้ำเสียงั้ราวกับจะฉีกกระชากหัวใคนให้ขาดเป็นชิ้นๆ
จากระยะไกล ฮ่องเต้ปะทับอยู่บนแท่นปะทับที่สูงที่สุด เขาไม่สนใแสงอาทิตย์ที่แผดเผา ขณะที่แม่ทัพเจินกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น มือเขาถูกมัดไว้ข้างหลัง ในระยะเวลาสามวันที่ถูกขังอยู่ในคุกนภา เขามีสุขภาพแ็แรง ไม่ได้รับาปฏิบัติอย่างไร้มนุษยธรรมเหมือนนักโทษปะหารทั่วไป และในฐานะทหารผ่านศึกที่ทำสงครามอยู่ในสนามรบมานับไม่ถ้วน เขาก็ไม่กลัวความตาย ดังั้ถึงแม้จะคุกเข่าอยู่ตรงั้ เขาก็ูไม่เหมือนนักโทษที่กำลังจะถูกปะหารเลยสักนิด
ในทางตรงกันข้าม เจินฮูหยินและเจินลิ่วเจิ้งต่างร้องไห้โหยหวน
ิเ่เห็นมองเหตุาณ์ี้จากระยะไกล และมองไปที่อวิ๋นซู่ซึ่งอยู่บนแท่นที่นั่งสูง ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง มองบิดานางที่คุกเข่าหลังเหยียดตรงรอความตาย และมองไปที่ด้านล่างแท่นปะหาร ก็เห็นมารดาและพี่านางร้องไห้จนแทบขาดใ ในที่สุดนางก็ก้าวออกไป และก้าวไปทางอวิ๋นซู่ าก้าวเิี้หนักหน่วงเสียยิ่ง่าายอมรับความตาย
แต่จู่ๆ ด้านหลังก็มีคนดึงนางเอาไว้ ่จะพาเข้าไปในตรอก
เป็นกู้หนานเฟิง เขากักนางไว้กับกำแพงิในตรอก มองนางด้วยดวงตาแดงก่ำ
“ิเ่ เจ้าอย่าทำเรื่องที่โง่เขลา”
เสียงเขาแผ่วเบาเหมือนเช่นเคย มีสายลมแผ่วบางพัดผ่านเส้นผมเขา และทำให้าแขนเสื้อปลิวไสวขึ้นมาพาดผ่านใบหน้านาง นางตอบัไปเบาๆ
“กู้หนานเฟิง ข้าขอโทษ ชื่อข้าคือเจินิ่ี”
เพียงคำตอบเีนาง ก็ทำให้ใบหน้ากู้หนานเฟิงเปลี่ยนไปทันที
“ข้าขอโทษ ัตนที่แท้จริงข้าคือลูกสาวแม่ทัพเจิน เจินิ่ี เจินิ่ีที่ถูกฮ่องเต้คุมขังในตำหนักลิ่วฉือ และเป็นคนที่ฮ่องเต้กำลังตาา ข้าโกเจ้า ทำให้เจ้าเดือดร้อน ข้าขอโทษจริงๆ ”
ายอมรับว่าตนเองเป็นใครมันยากถึงเพียงั้เลยหรือ? ใ่ มันยาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าาที่ปฏิบัติต่อนางอย่างจริงใ ปป้า รักนาง และไว้ในาง าบอกเขาว่านางคือเจินิ่ีทำให้เลือดบนใบหน้าเขาหายไปทีละน้อย ิ่ีรู้สึกลำบากใอย่างมาก
พวกเขาผ่านความยากลำบากมาด้วยกัน เคยผ่านความเป็นความตายในเมืองั้หยางมาด้วยกัน ความรู้สึกเ่าี้มันสะสมมาทีละน้อย ต่อให้มันไม่ใ่ความรักแบบหนุ่มสาว แต่ก็เป็นความรักที่มีต่อคนในครอบครัว
เมื่อนางัมายังชาติี้ คนแรกที่นางพบก็คือกู้หนานเฟิง อีกทั้งเขายังูแลเอาใใส่นางเป็นอย่างดี
ผ่านไปนาน กู้หนานเฟิงถึงได้พูดออกมา
“สำหรับข้า เจ้าคือิเ่ตลอดไป ิเ่ ถ้าเจ้าอยากจะหนีไปให้สุดขอบโลก ข้าก็จะไปกับเจ้า”
“กู้หนานเฟิง ูสิ คนที่คุกเข่ารอาปะหารอยู่นั่นคือบิดาข้า ข้าไม่อาจยืนมองเขาตายได้”
“ิเ่ เจ้าอย่าโง่สิ ถ้าเจ้าออกไปตอนี้จะมีปะโยชน์อะไร? ฮ่องเต้จะปล่อยเขาไป แต่เจ้าจะตายแทน”
ิ่ีมองไปที่เขาและตอบั!
“ไม่ เขาทำเช่นี้ ก็เพื่อหลอกล่อข้า”
นางและอวิ๋นซู่รู้จักกันดีเกินไป ที่เขาทำเช่นี้เพื่อล่อให้นางปาฏั
เที่ยงวันพอดี และภายใต้ดวงอาทิตย์ที่แผดเผา ดาบแหลมคมเปล่งปะกายอยู่ในมือเพชฌฆาต
ิ่ีผลักฝูงชนออกไป ่จะเิไปหามารดาและพี่าัเอง เมื่อคนจากตระกูลเจินเห็นนาง ต่างก็ก้าวถอยหลังไปด้วยความตกใราวกับเห็นผี เจินฮูหยินและเจินลิ่วเจิ้งเบิกตากว้างมองนางด้วยความเหลือเชื่อ กระทั่งนางตะโกนเรียก
“ท่านแม่ ท่านพี่”
พวกเขาได้สติัมา ่จะโอบกอดิ่ีแล้วร้องไห้
“ซีเอ๋อร์ พวกเราุคนคิดว่าเจ้า...” มารดานางไม่พูดอะไรต่อ เพียงจับมือนางเอาไว้้กับมองสำรวจว่าคนผู้ี้คือเจินิ่ีพวกเขาจริงๆ
หลังจากโล่งใขึ้นมาเล็กน้อย ก็มองไปยังแม่ทัพเจินบนแท่นปะหาร ่จะกอดิ่ีและร้องไห้
“บิดาเจ้าทำผิด ถูกลงโทษปะหารีิทันที ซีเอ๋อร์ เจ้าว่าควรทำอย่างไรดี?”
เจินิ่ีปลอบใมารดานาง
“ท่านแม่ ท่านพ่อจะไม่เป็นไร ไ่้่วง ข้าจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเดี๋ยวี้”
นางปล่อยพวกเขา่จะเิไปยังแท่นปะหาร
“น้องพี่ อย่าไปเลย”
เจินลิ่วเจิ้งคว้าันางเอาไว้ทันที
“เจ้าเพิ่งหนีออกมาจากตำหนักลิ่วฉือได้ ในเมื่อฮ่องเต้ำริว่าเจ้าถูกไฟครอกตายแล้ว เจ้าก็ควรใช้ปะโยชน์ี้หนีไป พวกเราตระกูลเจิน เกรงว่าคงไร้ซึ่งวาสนาแล้ว เจ้าควรไปจากเมืองเทียนเฉิงให้เร็วที่สุด าหนีไปอย่างน้อยก็ช่วยีิได้หนึ่งีิ”
เจินฮูหยินัได้สติ
“ใ่ ซีเอ๋อร์ พี่าเจ้าพูดถูก หนีไปตอนี้ หากท่านพ่อเจ้ารู้ว่าเจ้ายังไม่ตาย ต่อให้เขาตาย เขาก็ตายตาหลับ รีบไปเถอะ”
เจินิ่ีห้ามพวกเขา
“ท่านแม่ ท่านพี่ ไ่้่วง ข้าจะไม่เป็นไร ข้าจะพาท่านพ่อัจวน”
ครั้งี้นางปล่อยพวกเขาโดยไม่ลังเล ่จะก้าวไปยังแท่นปะหารต่อหน้าฝูงชน ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่แผดเผา ลานปะหารัเงียบสงัดลง นางผลักฝูงชนออกไป ภายใต้สายตาปะหาใุคน นางเิขึ้นไปยังตำแหน่งสูงตรงั้
บุรุษที่นั่งอยู่บนตำแหน่งสูงสุด ใบหน้าเขายังคงมีความทะนงัที่ไม่อาจต้านทานได้ แม้ในเวลาาวันที่ร้อนอบอ้าวเขาก็ยังนั่งัตรงไม่ขยับเขยื้อน แววตาเขาคู่ั้เปรียบเสมือนสระ้ำสีำไร้ก้น ส่องปะกายแสงอันน่าเกรงขามออกมา เขานั่งัตรงในท่วงท่าที่สง่างามที่สุด กำลังกวาดตามองทั้งในและนอกลานปะหาร
หัวใเจินิ่ีเต้นแรงขึ้นในุย่างก้าว เหมือนกับครั้งแรกที่ได้เห็นเขาในตอนั้ แต่ใบหน้านางยังคงเยือกเย็น ่จะเิตรงไปยังตำแหน่งั้โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
กระทั่งนางมาถึงด้านบนแท่นปะหาร ยืนอยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่นที่สุด า่าสูงผู้ั้ลุกขึ้นมาจากที่นั่งและมองมาที่นาง
นัยน์ตาสีเข้มราวกับตาเหยี่ยวเขาจับจ้องมาที่นาง ขณะเีกันหน้าอกเขาก็กระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง แม้แต่มือเขาก็ยังสั่นเทาเล็กน้อย
บริเวณรอบลานปะหารทั้งหมดเงียบสงัดอย่างน่าปะหาใเพราะาเคลื่อนไหวเขา ราวกับว่าเวลาได้หยุดนิ่งลง
เจินิ่ียืนห่างจากเขาสามหมี่ [1] ้ศีรษะและย่อคำนับไปที่เขา
“ฝ่าบาท ิ่ีมาช้า ได้โปรดไว้ีิบิดาหม่อมฉันด้วยเถอะเพคะ”
นางย่อัลง ใบหน้า้ต่ำเล็กน้อย ขณะที่นางกล่าวเช่นั้ ้ำเสียงนางก็นุ่มนวลและไพเราะเหมือนเมื่อหลายปี่
เห็นเพียงใบหน้าอวิ๋นซู่เดี๋ยวำเดี๋ยวขาว เขาเิตรงมาตรงหน้าิ่ีทีละก้าว ุย่างก้าวราวกับมีทองผุดขึ้นมา จนกระทั่งมายืนตรงหน้านาง เขาถึงได้หยุดลง ไม่พูดอะไรเป็นเวลานาน เอาแต่มองนางแบบั้อยู่หลายครั้ง เจินิ่ีเห็นลูกกระเดือกเขาขยับไปมา ่จะเห็นเขาอ้าปาก แต่เสียงั้เหมือนติดอยู่ในลำคอไม่อาจเปล่งออกมาได้
ผ่านไปนาน ถึงได้ยินเสียงแผ่วเบาเขา
“อาซี ับ้านกับข้า”
เจินิ่ีตอบด้วย้ำเสียงหนักแน่นโดยไม่ลังเล
“เพคะ”
ไม่ว่านางจะเิอ้อมอย่างไร ไม่ว่านางจะหลบหนีอย่างไร หลบหนีไปในอีกหนึ่งพันปีข้างหน้า นางก็ต้องัมาหาบุรุษที่ทำให้นางเจ็บปวดมากที่สุดในชาติี้ ัไปยังวังที่อยู่่ลึก หลังคาสีเขียวกำแพงสีขาวนั่นอีกครั้ง จากี้ไป นางไม่ใ่ิเ่ที่ใช้ีิอิสระอยู่นอกวังอีกต่อไป แต่จะเป็นเจินิ่ีที่ถูกคุมขังในวังลึก
“เสด็จัวัง” เสียงอันแหลมสูงอันกงกงทำลายความเงียบี้
แม่ทัพเจินเป็นเพียงความเข้าใผิดและไร้มลทิน ปล่อยัไปได้
เจินิ่ีและฮ่องเต้นั่งเกี้ยวัไปที่วัง เมื่อมองออกไปด้านนอกผ่าน่าสีทองหน้าต่าง นางเห็นบิดา มารดาและพี่าที่คอยมองส่งนางด้วยความเป็นห่วง หัวในางจึงปวดร้าวมากยิ่งขึ้น
ทันใดั้นางก็เห็นกู้หนานเฟิงยืนอยู่ท่ามาฝูงชนกำลังมองมาที่นาง รอบข้างเต็มไปด้วยผู้คนส่งเสียงสรรเสริญ มีเพียงเขาคนเีที่ยืนนิ่งอยู่ท่ามาเสียงวุ่นวายั้ แปแยกาฝู ท่าทางเขายังคงเหมือนตอนแรกที่พบเจอกัน ยังูหล่อเหลาและเปล่งปะกาย
มุมปากเขายกยิ้มขึ้น ราวกับกำลังยิ้มให้นาง ทว่าใบหน้าั้ัปิดซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ไม่ได้
คนเช่นเขา แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่ยอมแสดงัตนที่แท้จริงัเองต่อหน้าคนนอก ตอนี้เขามองิเ่ที่ค่อยๆ จากไปไกล หัวใเขาเจ็บปวดจนทนแทบไม่ไหว แต่ัยังฝืนยิ้มและมองไปที่นาง
เจินิ่ีเริ่มทนมองเขาไม่ไหวแล้ว
“ข้าขอโทษกู้หนานเฟิง” าำี้ นางก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว
สุดท้ายนางก็บังคับัเองให้ปิด่า และหันไปมองที่อื่นที่ไม่ใ่ข้างนอกนั่นอีก
่ที่นางจะหันไปมองอวิ๋นซู่ที่อยู่ข้างกายนาง กลิ่นอายเขายังคงเป็นสิ่งที่นางคุ้นเคย แม้แต่ความรู้สึกที่เขานั่งเคียงข้างนางก็ยังคุ้นเคยเหมือนเมื่อหลายปี่
ไม่ว่าชาติ่หรือชาติี้ ไม่ว่าจะเป็นในยุคปัจจุบันหรือในราชวงศ์ทง ต่อให้มีกาลเวลามากั้นา ความรู้สึกเ่าี้ก็ยังอยู่ในความทรงจำ ไม่เคยจางหายไป
อวิ๋นซู่้หน้ามองนาง ไม่พูดอะไร
เจินิ่ีสงสัยว่าตอนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่? เขาไม่ถามนางว่าทำไมถึงกระโดดลงจากหน้าผาแล้วไม่ตาย ไม่ถามนางว่าหลายปีมาี้นางไปอยู่ไหนมา ไม่ถามว่าเหตุใดถึงไม่เคยปาฏั เขาไม่พูดอะไรั้แต่ตอนอยู่บนลานปะหาร
หลังจากคำว่า “ิ่ี ับ้านกับข้า" เขาก็ไม่พูดอะไรอีก
อวิ๋นซู่ที่เงียบงันเช่นี้ทำให้นางครุ่นคิดไปต่างๆ นานา ทั้งยังทำให้นางรู้สึกห่างเหินและปะหม่าเล็กน้อย ดังั้ขณะที่นางนั่งข้างเขา จึงไม่กล้าผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อย แม้แต่หายใก็ยังควบคุมให้เบาที่สุด
ั้แต่นางัมาในชาติี้ นางได้พบเขาสามครั้ง ครั้งแรกยามอยู่บนถนนเมืองเทียนเฉิง ครั้งที่สองบนหอคอยเมืองั้หยาง และครั้งที่สามที่ตระกูลเฟิง สามครั้งี้นางได้แต่มองเขาจากระยะไกล ไม่เคยมองเขาแบบใกล้ชิดเลยพ
ตอนี้พวกเขาอยู่ใกล้กันมาก นางรู้สึ่าเขาสูงขึ้นและมีอำนาจมากขึ้น่าเดิมมาก ที่คางมีหนวดเคราสีำ หางตาเขายังมีรอยตีนกาเล็กน้อย แววตาเขายากจะคาดเดา เมื่อเทียบลักษณะเขาตอนี้กับตอนที่เขายังเป็นหนุ่มน้อย เป็น์าสามที่นางคุ้นเคย ตอนี้เขาได้กลายเป็นผู้ใหญ่เต็มั
นางคิดในใ จริงๆ แล้วบุรุษมีสองปะเภท คนหนึ่งเหมือนกู้หนานเฟิงที่มีใบหน้าหล่อเหลาเหมือนปีศาจ เิมาเพื่อล่อลวงเ่าดอกท้อ และอีกปะเภทก็เหมือนอวิ๋นซู่ แม้ว่าหน้าตาจะด้อย่า แต่รัศมีที่แผ่ออกมาจากัเขาัแ็แกร่ง สามารถครองใสตรีุคนได้ในั่พริบตา หากดวงตาเขาจับจ้องมาที่เจ้า หัวใเจ้าจะเต้นแรงเต็มไปด้วยความคาดหวังและความสุขที่ซ่อนอยู่ในหัวใ่ลึกเจ้า หรือเรียกอีกอย่างว่าเสน่ห์ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฐานะที่สูงส่ง่าใครในใต้หล้าี้
แม้ถนนจะราบเรียบ แต่ทางข้างหน้ามีหลุมขนาดใหญ่ คนข้างหน้าไม่ทันได้สังเกต ทำให้เิาโคลงเคลงเล็กน้อยอย่างัั ิ่ีพุ่งไปข้างหน้าตามสัญชาตญาณ แต่อวิ๋นซู่ก็คว้านางเอาไว้และโอบไหล่ปป้า
นางตกลงไปในอ้อมกอดที่แ็แกร่งเขา
ในตอนแรกเขาเพียงแค่โอบไหล่นางเบาๆ แต่หลังจากั้ไม่นาน เขาก็เอื้อมมือออกมากอดนางทั้งัไว้ในอ้อมแขนเขา แขนเขาแ็แรงราวกับเ็ กอดนางเอาไว้แน่น เสื้อ่หน้าเขาถูกับแ้นาง สัมผัสกับผ้าไหมที่นุ่มลื่น จมูกนางเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่คุ้นเคยเขา
ลายใเขาไม่มั่นคงเล็กน้อย ิ่ีอยากจะเงยหน้ามองเขา แต่ัถูกสองมือเขากดเอาไว้จนไม่สามารถขยับได้ ศีรษะเขา้ลงมาใกล้กับลำคอนาง
ลายใอันอบอุ่นทำให้นางรู้สึกคันเล็กน้อย ทว่าเขาก็ยังไม่พูดเช่นเคย นางคาดเดาความคิดเขาไม่ได้
จึงไม่กล้าเคลื่อนไหวใดๆ ดังั้นางจึงปล่อยให้เขากอดนางเอาไว้เช่นั้
เิ
[1] หมี่ เ่าั เมตร
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??