เรื่อง ครอบครัวของข้า นอกจากข้า ล้วนข้ามมิติมาทั้งครอบครัว
หลังจากจิ้งเป่ยโหวซื่อจื่อฟื้นึ้มา จางจ้าวฉือก็รู้สึกวางใจได้แล้ว
นี่คือไข้รายแหลังจากที่นางมาถึงที่นี่ หลังจากที่จางจ้าวฉือตรวจอาาา้าที่ของัเองเสร็จแล้ว จึงแจ้งเรื่องอาหารากินที่ควรระวังแก่ลุงเฉินที่ยืนจดรายละเอียดู่ด้านข้าง
าเดินทางของจิ้งเป่ยโหวซื่อจื่อครั้งนี้เป็ไปอย่างลับๆ ในระหว่างทางยังต้องพบเจอาลอบสังหารู่หลายครั้งหลายคราแต่ยังรมาได้ สุด้าเมื่อมาถึง้าเมืองับถูกทำร้ายสำเร็จเีได้
จิ้งเป่ยโหวซื่อจื่อหลบหนีออกมาได้จนถึงจวนนี้ ันั้นจึงให้ลอบนำสารไปส่งในเมืองหลวง หลังจากรายงานเรื่องเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาจึงรักษาบาดแผลได้อย่างไร้กังวล
ในเวลานี้สวี่เหราร้อนใจเป็อย่างา เมื่อคืนเขาฝั ฝัเห็นเุาณ์ที่ผ่านมาตลเวลายี่สิบกว่าปีของเจ้าของร่างเดิม ถือว่าสามารถยืดอกับจวนโหวได้แล้ว แต่นี้จิ้งเป่ยโหวซื่อจื่ออาายังไม่ค่อยดีนักจำเป็ต้องให้จางจ้าวฉือู่ดูแลไป่ สวี่ตี้พิจารณาแล้วจึงปรึกษากับสวี่เหราว่าจะยังไม่ับไปในนี้ ให้ใช้ชีวิตู่ที่นี่ไป่สักระยะึ่ เช่นนี้แล้วผู้ที่วางแผนลอบทำร้ายพวกเขาในจวนโหวคงจะโผล่หางออกมาบ้าง
ความเป็มาของครอบครัวสวี่ทั้งสามนั้น ทางจิ้งเป่ยโหวซื่อจื่อได้ฟังมาจาุงเฉินแล้ว เขาจึงรู้ถึงฐานะของสวี่เหรา ไม่ว่าครอบครัวจวนกั๋วกงและจวนโหวในเมืองหลวงจะมีามายเพียงใด ทว่ามีจำนวนไม่านักที่มีผู้สอบเข้าราชาได้เช่นสวี่เหรา
หลังจากจิ้งเป่ยโหวซื่อจื่อสามารถลุกึ้นั่งได้แล้ว จึงได้มีาพูดคุยกับสวี่เหรา เขารู้ว่าต่อไปสวี่เหราจะต้องเลือกฝ่าย แต่ความหมายในคำพูดของสวี่เหราับายเป็ว่าเขาอยากจะพาครอบครัวย้ายไปยังพื้นที่ด้านนอกเมือง จิ้งเป่ยโหวซื่อจื่อนึกถึงฝีมือารักษาของฮูหยินสามสกุลสวี่ ในใจจึงเริ่มพิจารณาบางอย่าง
ตกดึกทั้งสามนอนู่ในห้องเดียวกัน จางจ้าวฉือ่าวว่า “พวกเราจะับไปเมื่อไหร่กัน? ฉันอยากจะเห็นลูกสาวของพวกเราแล้ว ไอ๊หยา ได้ลูกสาวน่ารักมาฟรีๆ แบบนี้ ์ช่างดีกับฉันจริงๆ”
สวี่เหรา่าวเสริมว่า “เองก็อยากจะรีบับไป ยังมีเรื่องามายที่จะต้องจัดา งานเลี้ยงฉลองสอบเข้าราชาเพิ่งจะจบไปไม่ทันไรยังมาเิเรื่องนี้ึ้อีก ัว่าถ้าับไปช้าอื่นจะคิดว่าตายไปแล้ว แล้วลบเส้นทางที่จะเข้าไปเป็ขุนนางทิ้งน่ะสิ หากให้หวังพึ่งัเองในเรื่องนี้ สอบไม่ได้หรอกนะ”
สวี่ตี้ได้ยินันั้นจึงเ่ึ้ว่า “พรุ่งนี้พวกพ่อลองพูดกับจิ้งเป่ยโหวซื่อจืู่สิครับ ให้เขาจัดไปส่งพวกเราับบ้านก็น่าจะได้แล้ว”
สวี่เหราหายใจ่จะเ่ออกมาว่า “ก็ไม่รู้ว่าถ้าับไปแล้วจะต้องเผชิญ้ากับแบบไหน นี้แค่คิดยังรู้สึกัๆ ู่เลย”
สวี่ตี้ได้ยินเช่นนั้นจึงเ่ึ้ว่า “พ่อ พ่อเป็ถึงศาสตราจารย์ผู้ยิ่งใหญ่นะ ไม่เคยเห็นว่าพ่อจะัอะไรา่อนเลย กับเรื่องแค่นี้นับว่าเป็อะไรได้”
จางจ้าวฉือได้ยินันั้นจึงเ่ขัด “พวกเธอยังดี ที่ต้องัาที่สุดัคือฉันต่างหาก ครอบครัวใหญ่อย่างจวนโหวู่รวมกันเป็ครอบครัวใหญ่ไม่ได้แบ้าน พวกเธอพูดสิ าต่อสู้ในบ้านน่ะดุเดืกันานะ ฉันเป็ที่ไม่ได้ฉลาดอะไรานักจะไปรับมือได้ยังไงกัน”
สวี่ตี้เ่ไม่ได้ “แม่ เดิมทีแม่ก็ไม่เหมือนกับพวกนั้นู่แล้วนะ แม่ลืมแล้วหรือไง?”
จางจ้าวฉือพอได้ฟังแล้วก็คิดไม่ได้ว่าเป็เช่นนั้นจริงๆ
ครอบครัวฝ่ายมารดาของจางจ้าวฉือเป็แพทย์หลวงของราชวงศ์ที่แล้ว ต่อมาครอบครัวก็เริ่มตกต่ำลง กิจาในบ้านจึงเป็าเปิดโรงหมอู่ในเมืองแทน
หากจะ่าวถึงพี่น้องของจางจ้าวฉือ มีเพียงจางจ้าวฉือเ่านั้นที่มีพร์ด้านาแพทย์ที่สุด ท่านปู่เองก็นับว่าเป็ผู้ที่มีฝีมือเก่งกาจทางด้านาแพทย์เช่นกัน เาะมีท่านู่ โรงหมอของสกุลจางถึงได้ยิ่งใหญ่ เพียงแต่น่าเีดายที่ไม่มีสืบท รุ่นพ่อของจางจ้าวฉือไม่มีใครสามารถสืบทความสามารถด้านาแพทย์ของท่านปู่ได้เลยสัก เมื่อมาถึงรุ่นของจางจ้าวฉือ ฝีมื้านาแพทย์ของพวกพี่าก็เพียงธรรมดาสามัญ ทว่าับมีพร์ในด้านาทำธุรกิจค้าขาย าวันเข้าโรงหมอของสกุลจางจึงผันัไปเป็ร้านขายโอสถแทน
จางจ้าวฉือเป็สตรี แม้ราชวงศ์นี้จะมีาปฏิบัติต่อบุตรสาวอย่างใจกว้างอย่างไรก็ไม่มีทางอนุญาตให้สตรีผู้ึ่เชิด้าชูตาออกมานั่งตรวจโรคได้
เมื่อร้านขายโอสถไม่มีผู้มีความสามารถทางาแพทย์โดดเด่นมาทำารักษา ผนวกกับครานั้นพี่ใหญ่ของจางจ้าวฉือไปมีเรื่องกับมีอำนาจผู้ึ่ จึงถูกบีบบังคับให้ออกจากเมืองหลวง จำต้องเดินทางไปยังที่อื่น
โชคดีที่หลายปี่้านี้ปู่ของสกุลจางได้มีบุญุช่วยชีวิตนายท่านของหย่งหนิงโหวเอาไว้ นายท่านจึงได้ให้สวี่เหราที่ยังเด็กหมั้นหมายกับจางจ้าวฉือเอาไว้ ่ที่สกุลจางจะออกเดินทางไป นายท่านหย่งหนิงโหวจึงได้จัดงานแต่งงานให้กับจางจ้าวฉือ
จางจ้าวฉือได้เรียนรู้วิชาแพทย์จากท่านปู่มาตั้งแต่เด็ก บ้างไปเก็บสมุนไพรกับบรรดาพี่าที่ภูเขาด้านนอก และยังเคยาไปซื้อสมุนไพรที่ตลาดค้าขายสมุนไพรทางเขตตะวันออกเฉียงเหนือ แม้แต่ทางเจียงหาก็เคยไปู่หลายครั้ง สามารถพูดได้ว่า จางจ้าวฉือผู้นี้เป็ที่เคยเดินทางึ้เหนือล่องใต้มาแล้ว
หลังจากนางแต่งงาน อาจเป็เาะตนเองแต่งกับบุตรอนุของจวนโหว จึงไม่ต้องเรียนรู้เรื่องาดูแลเรือน ฝ่ายแม่สามีเองก็ไม่สนใจสามีของตน มารดาแท้ๆ ของสามียิ่งไม่สนใจสามีของตนเอง ทั้งจึงปิดประตูใช้ชีวิตของตนเองซึ่งก็มีความสงบสุขดี
ในแ ของจวนโหวรู้สึกว่าฮูหยินสามผู้นี้มิใ่สตรีอารมณ์ร้ายกาจ เดิมก็เป็ที่มาจากครอบครัวเ็ๆ โชคดีได้แต่งเข้าจวนโหวที่ยิ่งใหญ่ บรรดาบ่าวรับใช้ในจวนปกติแล้วมักเคารพเจ้านายที่แข็งแกร่งและรังแก่แอกว่าู่แล้ว ในจวนโหวที่ยิ่งใหญ่แ่นี้ นอกจากเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าที่มีโรงครัวเ็ ปกติแล้วอาหารล้วนนำมาจากโรงครัวใหญ่ทั้งสิ้น
อาหารทุกมื้อของทุกเรือนทานสิ่งใดล้วนมีากำหนดเอาไว้ ในแเรือนของสวี่เหรากับจางจ้าวฉือุภาพของกับข้าวยังพอใช้ได้ ถึงแม้หลังจากนำออกมาจากโรงครัวใหญ่ข้าวจะเย็นชืดไปหมดแล้ว เพียงใช้เตาหินเ็ต้มน้ำในเรือนมาอุ่นสักหน่อยก็เป็อันใช้ได้ ต่อมาไม่าุภาพอาหารเริ่มไม่ได้เรื่องแล้ว อาหารากินไม่ได้ดีไปกว่าบ่าวรับใช้ในจวน
สวี่ตี้ยังอายุได้ราวๆ หนาวกว่า อาหารทุกวันมักจะมีไข่ตุ๋นในสำรับ ซึ่งนายน้อยทุกล้วนมีเช่นกัน ต่างกันเพียงวัตถุดิบในาตุ๋นไข่เ่านั้น มีทั้งไข่ตุ๋นเปล่าๆ ่ในไข่ตุ๋นจะเติมผักหรือกุ้ง หรือของทะเลลงไปนั้น เรื่องนี้จะต้องดูว่าบิดามารดาของเด็กๆ ให้รางวัลอันใดแก่แม่ครัว
ยามที่จางจ้าวฉือแต่งงาน ในเรือนนอกจากสมุนไพรมีค่าามายแล้ว ยังมีตั๋วเงินอีกด้วย ถึงแม้ชื่อเีงของสกุลจางจะไม่โด่งัเช่นแต่่แล้ว แต่เาะขายสมุนไพรมาหลายปี เป็พ่อค้าที่ขายสมุนไพรที่ใหญ่ที่สุดในราชวงศ์ต้าเหลียง ไม่เช่นนั้นคงไม่ไปมีเรื่องกับผู้อื่นเาะพวกเขาอิจฉาตาร้อน คิดร่วมมือกันกดดันสกุลจาง บีบสกุลจางให้ออกไปจากเมืองหลวง
เพื่อาเติบโตที่สมบูรณ์แข็งแของลูก จางจ้าวฉือมักจะต้มน้ำแกงหลากหลายแบบให้แก่ลูกของนาง ประจวบเหมาะกับที่ลุงใหญ่สกุลจางนำอาหารทะเลแห้งถุงึ่ับมาให้จางจ้าวฉือ หลังจากนางต้มอาหารทะเลเสร็จแล้ว นอกจากจะนำไปให้สวี่เหราที่ต้องเตรียมสอบทานแล้ว ่ที่เหลือแบ่งไว้เป็่ของสวี่ตี้ เพื่อนำไปใส่ในไข่ตุ๋น!
อาหารทะเลเป็จางจ้าวฉือต้มเองกับมือ เุใดนางจะไม่สังเกตเห็นถึงเรื่องเช่นนี้กัน? อาหารทะเลที่นำไปให้โรงครัวติดกันสามวันับถูกขโมยไป จางจ้าวฉือทนไม่ไหวอีกต่อไป
เดิมทีนางก็ไม่ใ่ที่สามารถั้นความโกรธไดู้่แล้ว นางจึงถือไข่ตุ๋นที่โรงครัวเพิ่งจะนำมาให้มุ่งตรงไปยังเรือนของฮูหยินผู้เฒ่า
และโชคดีที่ไข่ตุ๋นนั้นล้วนเป็ของกินเล่นสำหรับเด็กๆ ไม่ใ่ในเวลาทานข้าว จางจ้าวฉือเข้าไปในเรือนของฮูหยินผู้เฒ่า่จะคุกเข่าลง ทำเอาในเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าตกอกตกใจ หลังจากที่ฮูหยินผู้เฒ่าฟังคำร้องเรียนทั้งน้ำตาของจางจ้าวฉือแล้วก็ทั้งโกรธ ทั้งู้ึ เพื่อของเ็ๆ เพียงเ่านี้ก็ให้ค่าขนาดนี้เชียวหรือ ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกว่าแม่นางสกุลจางผู้นี้มิใ่ที่สายตาตื้นเขินเลย
จางจ้าวฉือสามารถเข้าใจความหมายของฮูหยินผู้เฒ่า จึงเ่ว่าตนมิได้ให้ความสำคัญกับของพวกนี้ ที่มารบกวนฮูหยินผู้เฒ่านั้นเป็เาะว่าเหล่าใช้ในเรือนแอบรังแกเจ้านายในเรือน ถึงอย่างไรนางก็ยังได้ชื่อว่าเป็ฮูหยินสามของจวน เป็เจ้านายของพวกนาง แต่พวกนางับอยากได้ของเ็ๆ ้ๆ พวกนี้ เอาของระดับต่ำกว่ามาปลอมเป็ของระดับสูง นี่ยังดีว่าเป็แค่ของทานเล่นสำหรับเด็ก หากต่อไปในเรือนมีของสำคัญสิ่งใดแล้วมีนำมาเปี่ เช่นนั้นจะทำเช่นไร?
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าจึงได้ตระหนักถึงความสำคัญึ้มา มีคำสั่งเรียกฮูหยินของซื่อจื่อที่คอยดูแลเรือนมา สั่งให้เปี่ในโรงครัวใหญ่ ใครใคร่เปี่ก็เปี่เี ในนั้นเองผู้ในจวนโหวต่างรับรู้กันว่า ฮูหยินสามในเรือนนี้ไม่ใ่ที่จะมีเรื่องด้วยได้ง่ายๆ
หลังจากนั้นมา ผู้ในจวนโหวจึงปฏิบัติต่อฮูหยินสามที่ลงมือได้เกินกว่าที่คาดหมายเอาไว้ด้วยความเคารพ ทว่าผู้ามายในจวนหากมีกิจกรรมใดร่วมกันล้วนไม่เรียกจางจ้าวฉือไปร่วมด้วย พีกับที่นางเองก็มิได้ชอบรวมัพูดคุยสนุกสา เพียงคิดว่าตนเองเลี้ยงลูกู่ในจวนอย่างสงบสุขก็ดีู่แล้ว สิบกว่าปีมานี้ัตนของครอบครัวุาสามไม่ค่อยมีบทบาทาสักเ่าไหร่ หากไม่ใ่เาะว่าครั้งนี้สวี่เหราสอบติดราชา ในจวนโหวคงจะหลงลืมามีู่ของครอบครัวสามทั้งสี่นี้ไปแล้ว
จางจ้าวฉือคิดถึงเรื่องพวกนี้ได้จากในความทรงจำ นางหายใจยาวออกมา “ันั้นจะต้องรีบับจวนไปถึงจะดี เหล่าสวี่ ไม่ว่าอย่างไรุจะต้องขอตำแหน่งด้านนอกเมือง แม้จะไปเป็ผู้พิพากษาท้องถิ่นในเมืองเ็ๆ าแวดล้อมไม่ดีก็า พวกเราพาลูกาและลูกสาวไปใช้ชีวิตของัเองกันเถอะ”
สวี่เหราหายใจ ่จะ่าวว่า “รู้ความคิดของเธอนะ แต่ว่านี้พวกเราับจวนโหวไปก็เหมือนเป็ตั๊กแตนบนเชือกเส้นึ่ ยังไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์ทางสายเลืของกับจวนโหว พูดถึงนี้่ ัไม่เหมือนกับยุคปัจจุบันที่ใช้ชีวิตของัเองไปัเดียวก็ได้แล้ว สังในนี้น่ะ ให้ความสำคัญกับครอบครัว ตระกูล อะไรก็เชื่อมโยงกันไปหมด รังไข่พลิกไข่แตกหมดรังน่ะ [1] รู้จักไหม”
สวี่ตี้เ่ “ันั้นพ่อจะต้องขยันพัฒนาัเอง ทำงานเป็ขุนนางดีๆ พยายามเป็ที่สกุลสวี่ไม่สามารถขาดได้ เิเรื่องใหญ่ก็มีอำนาจในาพูด แบบนี้ถึงจะดี”
สวี่เหราพยัก้า ่จะเ่ “พ่อเองก็มีความคิดแบบนี้เช่นกัน แต่ว่าพ่อที่เป็ศาสตราจารย์วิจัยนโยบายึ่ ลูกให้พ่อไปเป็ขุนนางที่ต้องดูแลประชาชน พ่อคิดว่าพ่อคงทำไม่ได้หรอก”
สวี่ตี้เ่แย้ง “พ่อคิดแบบนี้ัก็ไม่ถูกนะ พ่อคิดดูสิ นโยบายพวกนั้นเอามาทำอะไรได้ เอามาเพื่อให้สวัสดิาแก่ประชาชน พ่อมีนโยบายที่ก้าว้าตั้งามาย พวกเรามาถึงที่นี่แล้ว พ่อก็ปรับใช้จากเงื่อนไขของสถานที่ กำหนดออกมาเป็หัวข้อจากนั้นค่อยไปทำจริง แบบนี้ก็สำเร็จแล้วไม่ใ่หรือครับ?”
สวี่เหราหายใจ่จะ่าว “ัเป็อย่างนี้ าปฏิบัติจริงกับทฤษฎีัต่างกันไม่ใ่น้อยเลยนะ”
จางจ้าวฉือที่ฟังู่เงียบๆ ู่าแล้วเ่ึ้ “เรื่องัมาถึงนี้แล้วุคิดาไปจะมีประโยชน์อะไร? สวี่ตี้พูดถูก พวกเราจะต้องดึงสติ ทำงานของุให้ดี หากงานของุดีแล้วจะสามารถเข้าตาของผู้ามาย ถึงนั้นยังต้องกังวลว่าใหญ่โตพวกนั้นจะไม่เห็นุอีกหรือ?”
สวี่ตี้หัวเราะพร้อม่าวว่า “ยังคงเป็แม่ที่ขาด”
จางจ้าวฉือหัวเราะพลางเ่ว่า “แม้จะเคยกินเนื้อหมู แต่ฉันก็ยังไม่เคยเห็นหมูวิ่งา่อน [2] นี้พวกเรามาคำนวณกันสักหน่อย ว่าับไปไหนถึงจะเหมาะสม ที่บ้านนั้นยังมีลูกสาวที่น่ารักของพวกเรารอู่นะ ไอ๊หยา ์ช่างดีกับเราจริงๆ รู้ว่าฉันอยากได้ลูกสาวสักมาตล ถึงได้ส่งให้พวกเรามาที่นี่”
ับมาที่ลูกสาวแสนน่ารักในจวนโหว หลังจากร้องไห้โยเยไปเมื่อบ่าย ร้องจนเหนื่อยแล้วจึงหลับไป ที่ตื่นึ้มาอีกครั้งับเป็ช่วงเย็นเีแล้ว ไปรอบห้องไม่พบผู้ใด ท้องก็เริ่มหิวแล้วจึงปีนลงจากเตียง ่จะเห็นว่าบนโต๊ะมีอาหารวางเอาไว้หลายอย่าง ด้านข้างมีหม้อโจ๊กเ็ๆ วางู่ ด้านในเป็โจ๊กข้าวหอมหวาน
เมื่อท้องเริ่มหิวสวี่จือเองก็ไม่ได้สนใจอย่างอื่นอีก นางคุกเข่าลงบนเก้าอี้ หยิบถ้วยใบึ่มาตักข้าว
แม่นางอู๋เข้ามาพี เห็นเด็กน้อยกำลังจะตักข้าวกิน ก็รีบรุดเข้ามาช่วยตักข้าวให้ คอยดูแลในระหว่างทานข้าว
สวี่จือทานข้าวเสร็จแล้วจึงนั่งแม่นางอู๋เก็บชามและตะเกียบ ่จะพูด “แม่นางอู๋ มีข่าวคราวท่านพ่อท่านแม่ข้าบ้างหรือไม่เจ้าคะ?”
แม่นางอู๋แอบหายใจในใจ เมื่อครู่เพิ่งมีข่าวมาจากเรือน้าว่า หาม้ากับรถม้าเจอในแม่น้ำแล้ว แต่หาครอบครัวุาสามไม่พบ ในจวนต่างพูดกันว่าครั้งนี้ทั้งสามคงโชคร้ายากว่าดี
แม่นางอู๋ัเ็ที่เงย้าึ้ใบ้าตนเอง หายใจ่จะเ่ว่า “ุหนูเก้าเจ้าคะ อีกไม่าุาสามกับฮูหยินสามก็จะับมาแล้วเจ้าค่ะ อ้อ ใ่แล้ว ในวันรุ่งึ้แม่นมของท่านก็จะับมาแล้วเจ้าค่ะ”
เมื่อคิดถึงแม่นม ในใจของสวี่จือค่อยรู้สึกมั่นคงาึ้ เรื่องัเป็เช่นนี้แล้ว จะอย่างไรก็ไม่มีทางจะพัฒนาไปทางที่แย่กว่านี้ได้อีก สวี่จือคิดเอาไว้แล้วว่าอยากจะมีชีวิตู่ในจวนให้ดี ต่อไปจะไม่ยอมถูกผู้อื่นเอารัดเอาเปรียบ จำเป็ต้องหาใหญ่โตให้เกาะขา อนุจู้นั้นไม่ต้องไปคิดถึง โหวฮูหยินกับอนุจู้นั้นไม่ถูกกันราวน้ำกับไฟ ไม่แม้แต่จะต้องพิจารณาให้เีเวลา สามารถรับรู้ได้เองว่านางควรจะเลือกเกาะขาผู้ใด
สวี่จือเคยพิจารณาา่อน ในครานั้นแม่นางอูู๋่ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่า หากไม่ได้รับาอนุญาตจากฮูหยินผู้เฒ่า แม่นางอู๋คงไม่้ามาพูดเรื่องพวกนั้นกับนาง นี่หมายความว่าอย่างไร ัหมายความว่าความจริงแล้วฮูหยินผู้เฒ่าไม่เห็นด้วยกับอื่นๆ ในจวน เรื่องที่ให้นางแต่งงานแทนญาติผู้พี่
โดย่าฮูหยินผู้เฒ่ามักจะู่ในเรือนากว่าออกมาด้านนอก หากตนสามารถได้รับความชอบความเอ็นดูจากฮูหยินผู้เฒ่า ต่อไปก็จะมีโอกาสได้อ่านตำรา ได้เ่าเรียน รวมถึงไม่ถูกบังคับให้แต่งงานออกไปเช่นนั้นใ่หรือไม่?
เรื่องนี้จำเป็ต้องวางแผนระยะยาว โดยปกติแล้วฮูหยินผู้เฒ่าู่แต่ในเรือนยากที่จะออกมาด้านนอก ่าเหลนามายในเรือนจะได้รับความเอ็นดูจากฮูหยินผู้เฒ่าได้อย่างไรนั้น ช่างเป็เรื่องที่ไม่ง่ายเลยจริงๆ แต่ไม่ต้องรีบร้อนไป ันางยังเด็ก อนาคตยังอีกยาวไ ขอแค่มีวิธีก็จะสามารถหาหนทางได้
สวี่จือแม่นางอู๋เงียบๆ ซึ่งถูกับไม่้าที่จะสบตาของสวี่จือ นางเ่ึ้ว่า “ุหนูเก้าเจ้าคะ พวกเราไปอาบน้ำกันดีหรือไม่เจ้าคะ?”
สวี่จือับยังคงเ่ต่อ “แม่นางอู๋ ข้าได้ยินที่พวกเขาพูดหมดแล้ว พวกเขาบอกว่าท่านพ่อกับท่านแม่ับมาไม่ได้แล้ว จริงหรือไม่เจ้าคะ?”
แม่นางอู๋ได้ยินันั้นก็รีบ่าว “อย่าไปฟังที่อื่นพูดจาเลอะเทอะเลยเจ้าค่ะ ุาสามกับฮูหยินสามเป็ดีขนาดนั้น จะับมาไม่ได้แล้วได้อย่างไรกันเจ้าคะ”
สวี่จือหายใจ แม่นางอู๋ัเ็ ท่าทางขมวดคิ้วหายใจ ทำให้รู้สึกทั้งเอ็นดู ั้ปใจ นางจึงยกมือึ้ไปลูบหัวของเด็กน้อยเบาๆ “ุหนูเก้าเจ้าคะ ต่อไปพวกเราก็จะเป็ผู้ใหญ่แล้ว ผู้ใหญ่จะต้องเรียนรู้ที่จะเติบโต เรียนรู้ที่จะดูแลตนเองนะเจ้าคะ”
เด็กน้อยฟังคำพูดของแม่นางอู๋ ในใจพลันปวดหนึบึ้มา เิใหม่อีกครั้ง ันางยังคงมีชีวิตที่ขมขื่นโดดเดี่ยวเช่นเดิม
เมื่อความเจ็บปวดปะทุึ้มา สวี่จือก็ไม่ได้ที่จะร่ำไห้ออกมาอีกครั้ง
แม่นางอู๋รีบประคองใบ้าของสวี่จือแล้วเช็ดน้ำตาให้อย่าง่โยน ่จะเ่ “ุหนูเก้าเจ้าคะ ร้องไห้ทำไมหรือเจ้าคะ?”
สวี่จือเงย้าึ้มา เาะน้ำตาทำให้ดวงตาเรียวที่สุกใสู่แล้วนั้นยิ่งยิ่งสุกใสากว่าเดิม นางยู่ปาก ่จะตอบ “แม่นางอู๋ ท่านมักจะบอกให้ข้าเรียนรู้ที่จะเติบโต เด็กที่ไม่มีมารดาคอยสั่งสอนเุใดถึงต้องเรียนรู้ที่จะเติบโตด้วยตนเองด้วยล่ะเจ้าคะ”พ
เมื่อแม่นางอู๋ได้ยินเช่นนั้นแล้วพลันชะงักไป ไม่รู้จะเ่คำใดออกมา จึงทำเพียงโอบกสวี่จือเข้ามาไว้ในอ้อมแขน หลังจากได้เห็นเด็กน้อยอายุเพียงเ่านี้พบเจอกับความเจ็บปวด นางรู้สึกเวทนายิ่งนัก พลันดวงตาของนางก็รื้นน้ำึ้มา
เชิงอรรถ
[1] หมายความคือ ึ่่ำแ่ ย่อมแย่ไปทั้งครอบครัว (เหมือนสุภาษิตไทย: ปลาเน่าัเดียวเหม็นทั้งข้อง)
[2] หมายถึง เรื่องราวของเราถึงแม้จะไม่เคยเห็นกับตาแต่ก็เคยได้ยินพูดกัน
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??