เรื่อง ทะลุมิติไปเป็นฮองเฮา พร้อมระบบเชฟเทพนักปรุง
เฟิ่งเฉี่ยนกางเล็บราวกับกำลังจะเข้าจู่โจม เขากลับเอ่ยปากึ้ราวกับเป็นหมัดน็อคคู่ต่อสู้ทำให้โทสะนางดับมอดทันที
“ยังจำข้อตกลงระหว่างเจิ้นและเจ้าได้กระมัง หากเจ้าไม่อาจรักษาไท่ฟู่ให้หายดีได้ ลงโทษทั้งหมดล้วนต้องเพิ่มโทษีหนึ่งเ่าตัว!” เซวียนหยวนเช่อหยุดไปครู่หนึ่ง เีง้าวทุ้มบุรุษกล่าวึ้อี่า “ตอนี้ เจ้ามีความผิดฐานขโมยวัตถุดิบเเพิ่มีหนึ่งข้อ...”
เฟิ่งเฉี่ยนมีสีหน้าหวานอมขมกลืน
ช่วยไม่ได้ทีู่ผู้อื่นจับผิดได้ นางได้แต่เดินหนีบหางตนเเอาไว้
“บรรดาท่านหมอต่างไม่มีวิธีการรักษา ข้าจะรักษาให้หายได้อย่างไรกัน” เห็นเค้าลางสีหน้าเขากำลังจะเปลี่ยน นางรีบเปลี่ยนวาจาใหม่ทันที “แต่ต่อให้ทำการรักษาก็ต้องให้เวลาแก่ข้าบ้าง อาการเจ็บป่วยไม่ใช่ว่าจะรักษาให้หายภายใวันเดียวได้”
“เช่นั้หากให้เวลาเจ้าเพิ่มีสามวัน สามวันให้ั หากอาการไท่ฟู่ไม่กระเตื้องึ้ เจ้าจงรับโทษต่อไปก็แล้วกัน!” เขาพูดลากเีงจนจบจากั้หมุนตัวเดินออกไปจากห้องครัว
เฟิ่งเฉี่ยนตกตะลึงอยู่กัี่ หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
สามวัน? สามวันพอที่ไหนกัน!
......
เฟิ่งเฉี่ยนถือข้าวผัดไข่จานหนึ่งมาถึงห้องนอนไท่ฟู่ ให้องนอนไท่ฟู่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย เซวียนหยวนเช่อนั่งอยู่ริมเตียงกำลังถามไถ่ไท่ฟู่ คนที่เหลือยืนห่างออกมา
เมื่อเห็นเฟิ่งเฉี่ยนกลับมาแล้ว มู่ฮูหยินรีบเข้ามาต้อนรับ “แม่นางเฟิง นี่ก็คือข้าวผัดไข่ที่เจ้าทำหรือ”
เฟิ่งเฉี่ยนพยักหน้า “ไม่รู้ว่าจะูปากไท่ฟู่หรือไม่”
มู่ฮูหยินรับจานข้าวผัดมานั่งลงริมเตียง “ท่านพ่อ ท่านทานสักคำเถิดเจ้าค่ะ!”
มู่ไท่ฟู่ฝืนลืมตาึ้มา ดูท่าทางเขาเหนื่อยล้ายิ่งยวด
“เจิ้นเ!” เซวียนหยวนเช่อกลับรับเอาจานและช้อนมาจากมือมู่ฮูหยินเพื่อป้อนไท่ฟู่ด้วยตนเ เมื่อเห็นภาพเช่นีุ้คนล้วนตื้นตันใจ ด้วยฐานะฮ่องเต้ผู้ครอบครองใต้หล้า เขาป้อนอาหารให้กับอาจารย์ด้วยตนเ เห็นได้ชัดว่าเขาให้ความเคารพแก่อาจารย์และมีความผูกพันแน่นแฟ้นเพียงใด
เฟิ่งเฉี่ยนเพลันเปลี่ยนความคิดที่มีต่อเขาเช่นกัน เขามิได้เป็นคนเลือดเย็นแล้งน้ำใจมาแต่กำเิ อย่างน้อยๆ ท่าทีที่เขาปฏิบัติต่อบุตรชายเขา อาจารย์เขา เขาได้ทำหน้าที่บุรุษผู้ซึ่งเป็นบิดาคนหนึ่งและศิษย์คนหนึ่งอย่างเต็มที่!
เอาหารซุนพลันส่งเีงึ้มาใตอนี้ “ฝ่าบาท ช้า่พ่ะย่ะค่ะ!”
เซวียนหยวนเช่อหยุดชะงัก คิ้วตาเย็นชาั้จ้องไปที่เขา
เอาหารซุนกล่าวอี่า “ฝ่าบาท ข้าเห็นว่าแม่นางท่านี้เป็นคนหน้าใหม่ใแวดวงเอาหาร นางเป็นเพียงเอาหารั้หนึ่งกระมัง”
แคว้นเป่ยเยียนมีเอาหารเพียงไม่กี่คน อย่าได้กล่าวว่าเป็นเอาหารใเมืองมู่หยางเลย ที่สามารถนับได้เขาล้วนรู้จักทั้งิ้ นางเป็นเพียงสตรีอายุน้อยคนหนึ่ง ีทั้งไม่มีความรู้ อธิบายได้เพียงว่านางเป็นแค่ผู้เรียนั้เบื้องต้นเ่าั้
ะที่พูดเรื่องเหล่าี้าตาเขาที่ตวัดผ่านมาทางเฟิ่งเฉี่ยนั้แฝงไปด้วยแววดูหมิ่นดูแคลน
เฟิ่งเฉี่ยนแค่นหัวเราะเีงเย็นใใจ นี่เขามิใช่รู้อยู่แก่ใจแต่กลับจงใจถามหรอกหรือ
“ูต้อง ข้าเป็นเอาหารั้หนึ่ง”
เอาหารซุนยิ้มบางๆ “เช่นั้แม่นางทราบหรือไม่ว่าจะแบ่งระดับั้เอาหารได้อย่างไร?”
เฟิ่งเฉี่ยนตกตะลึง นางไม่รู้จริงๆ
เอาหารซุนมีสีหน้าท่าทางราวกับคาดเดาได้แต่แรกแล้ว เขาพูดกลั้วหัวเราะ “เช่นั้ข้าขออธิบายการแบ่งระดับั้เอาหารกัุกท่าน...”
เขากระแอมกระไอลำคอแล้วพูดด้วยน้ำเีงสูงิๆ “เอาหารแบ่งเป็นเก้าระดับั้ ระดับั้ที่หนึ่งและอาศัยการฝึกฝนจากกลิ่นอายวัตถุดิบเ ระดับั้ที่สามถึง้าั้ฝึกจากการรวบรวมกลิ่นอายเ นั่นก็คือทำอย่างไรจึงจะรวบรวมกลิ่นอายจากวัตถุดิบเเพื่อนำมาฝึกฝนได้ เพื่อให้ผู้ที่กินอาหารเเหล่าั้ได้ซึมซับพลังเ ระดับั้ที่หกถึงแปดคือทำอย่างไรให้กลิ่นอายเเกิดึ้ีครั้ง ซึมซับพลังเทั้งิส่วน ให้สามารถเพิ่มระดับเป็นิส่วน หรือให้สูงยิ่ง่าั้ ีทั้งยังสามารถเรียกเอสูรออกมาได้ เมื่อไปถึงระดับั้ที่เก้าคือั้ที่สูงที่สุดคือการอัญเชิญเเจ้าลงมา”!
คนทั้งหมดตั้งใจฟัง สีหน้าท่าทางแต่ละคนเต็มไปด้วยความประหาใจ พวกเขาได้ยินมานานแล้วว่าผู้ที่เป็นเอาหารั้เป็นอาชีพที่สูงศักดิ์ ทว่ากลับไม่กระจ่างแจ้งถ่องแท้อันใดนัก ตอนี้เมื่อได้ยินคำอธิบายจากเอาหารซุน ุคนจึงตระหนักได้ว่าอาชีพี้สูงส่งจริงๆ
ปฏิกิริยาที่เอาหารซุนต้องการก็คือท่าทีเี่ี้ หาไม่แล้วพวกเขาไม่มีทางล่วงรู้ได้เลยว่า ผู้ที่ทำหน้าที่เอาหารั้มีความรู้สึ่าตนเหนือ่าผู้อื่นอย่างไร
เฟิ่งเฉี่ยนเเข้ามาทำหน้าที่เอาหารอย่างที่เรียกได้ว่าจับพลัดจับพลู นางมิได้เข้าใจถึงอาชีพเอาหารอย่างลึกซึ้ง เมื่อได้ยินคำพูดเอาหารซุนแล้วนางจึงบังเกิดความมั่นใจมากึ้
ได้ยินเอาหารซุนพูดึ้อี่า “แม่นางท่านี้เป็นเพียงเอาหารั้หนึ่ง ยังไม่ได้ฝึกฝนว่าทำอย่างไรจึงจะรวบรวมกลิ่นอายเได้ มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าะที่ทำการปรุงวัตถุดิบเอาจทำให้กลิ่นอายวัตถุดิบเกระจัดกระจายตัวออกไป หากปรุงเพื่อให้คนธรรมดาสามัญทั่วไปกินั้ก็ไม่ได้มีผลกระทบอันใดนัก ทว่าเดิมทีสุขภาพมู่ไท่ฟู่ไม่ใคร่จะแข็งแรงอยู่แล้ว ัจากกินอาหารลงไปอาจทำให้เกิดการปะทะกันกลิ่นอายเ ไม่เพียงแต่ไม่ช่วยให้สุขภาพดีึ้ ใทางตรงข้ามกลับเป็นการทำ้ารากฐานอย่าง้าแรง ัั้ เพื่อเป็นการระมัดระวังเอาไว้่ กระหม่อมไม่เห็นด้วยที่จะให้มู่ไท่ฟู่กินข้าวผัดไข่จานี้พ่ะย่ะค่ะ”
คำพูดที่กล่าวมาทั้งหมดดูเป็นเหตุเป็นผลจนแทบจะจับพิรุธไม่ได้ ทว่ามีเพียงเฟิ่งเฉี่ยนที่แจ่มแจ้งแก่ใจดีว่าเขาเป็นคนอย่างไร แค่ปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าเขาต้องการสื่อถึงอะไร เขาแค่เกรงกลัวว่าัจากมู่ไท่ฟู่กินข้าวผัดไข่ที่นางทำแล้ว จะแย่งหน้าที่เขาไป ทำให้เขาสูญเีความน่าเชื่อถือต่อพระพักตร์ฮ่องเต้ ทำให้ตำแหน่งเขาต้องสั่นคลอนมิใช่หรือ
ทว่าไม่อาจไม่ยอมรับว่าคำพูดทั้งหมดี้เขาฟังดูมีเหตุผลอย่างยิ่งยวด กระทั่งเซวียนหยวนเช่อที่ตัดสินใจเด็ดขาดกลับต้องฉุกคิด ขอเพียงมีความเสี่ยงหรืออันตรายเล็กน้อย เขาไม่มีทางนำชีวิตอาจารย์ผู้มีพระคุณมาล้อเล่น
ทันใดั้ เขาถือช้อนึ้มาตักข้าวคำหนึ่งส่งเข้าปากตนเ
การกระทำี้รวดเร็วและกะทันหันเกินไป คนทั้งหมดต่างคาดไม่ถึง!
ลั่วหยิ่งร้องอย่างตกใจ
“ฝ่าบาท ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”
เฟิ่งเฉี่ยนได้สติกลับคืนมาทันที เย่เอ๋อร์แ้ไข่ไก่ เป็นเพราะพันธุกรรมทางยีนที่ได้รับมาจากเขาใช่หรือไม่ เขาแ้ไข่ไก่เช่นกัน คิดถึงสภาพเย่เอ๋อร์ะมีอาการแ้ นางรู้สึกกลัดกลุ้ม าตาที่เซวียนเหยียนเช่อแปรเปลี่ยนไปทันที
เซวียนหยวนเช่อตวัดาตาเย็นชามาปราดหนึ่ง ลั่วหยิ่งรีบก้มหน้าต่ำ
มู่ไท่ฟู่ถามึ้อย่างสงสัย “ฝ่าบาท มีอันใดไมู่ต้องหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ลั่วหยิ่งไม่รู้มารยาท อาจารย์อย่าได้ถือสา” เซวียนหยวนเช่อตักข้าวึ้มาีคำหนึ่งป้อนให้เขา “อาหารจานี้ไม่มีปัญหาอันใด อาจารย์กินอย่างสบายใจเถิด”
มู่ไท่ฟู่ได้ยินเขาพูดเช่นี้จึงอ้าปากกินอาหารอย่างวางใจ
หัวใจคนทั้งหมดูบีบรัดีครั้ง...
โดยเฉพาะเอาหารซุนที่ตื่นเต้น่าใคร นี่เกี่ยวพันกับชื่อเีงเขา ไม่กินอาหารที่เอาหารั้สามปรุงออกมา แต่กลับกินอาหารที่เอาหารั้หนึ่งทำออกมา นี่จะให้เขามีหน้าอยู่ใแวดวงสังคมเอาหารได้อย่างกัน
“เคี้ยวแล้ว เคี้ยวแล้ว”
“ครั้งี้คงจะกินลงกระมัง”
ได้ยินคำคาดเดาุคน เอาหารจับจ้องไปที่ลูกกระเดือกมู่ไท่ฟู่ สีหน้าั้ดูสงบนิ่งทว่าใใจกลับร้อนรุ่ม!
้ามกลืนลงไป ้ามกลืนลงไปนะ!
เห็นเพียงแค่เขาเคี้ยวเ่าั้ เมื่อสักครู่ตอนที่กินอาหารที่เขาทำ ไท่ฟู่เคี้ยวอาหารเช่นกัน ทว่าสุดท้ายยังคงอาเจียนออกมา
อาเจียน รีบอาเจียนออกมาสิ!
เฟิ่งเฉี่ยนยืนอยู่ด้านข้างด้วยจิตใจที่ตื่นเต้นเช่นกัน ที่นางตื่นเต้นไม่ใช่เพราะกังวลใจว่าฝีมือการทำอาหารนางใช้ไม่ได้แล้วาหน้า ที่นางตื่นเต้นเพราะหากไท่ฟู่กินกระทั่งข้าวผัดไข่นางไม่ได้ นางยิ่งไม่อาจหาวิธีการมารักษาไท่ฟู่ได้แล้ว
ใที่สุด ัจากเคี้ยวอาหารไปหลายครั้ง ลูกกระเดือกไท่ฟู่ขยับครั้งหนึ่ง เขากลืนข้าวผัดไข่ลงคอไป!
คนทั้งหมดเริ่มส่งเีงวิพากษ์วิจารณ์กันีครั้ง
“ไท่ฟู่กินอาหารลงไปแล้ว ดีเหลือเกิน!”
“ดูแล้วความสามารถแม่นางเฟิงน่าจะสูง่าเอาหารซุน”
“เมื่อสักครู่ข้าเห็นข้าวจานั้ สีกลิ่นอายเเกือบจะเป็นสีส้ม ดูแล้วเหมือนอาหารเั้มาก่า”
“แต่เอาหารซุนมิใช่บอ่านางเป็นเอาหารั้หนึ่งหรือ”
“เอาหารั้หนึ่งจะปรุงอาหารเั้ออกมาได้หรือ เป็นไปไม่ได้กระมัง”
“หากเป็นเช่นี้จริงๆ เช่นั้ถือได้ว่านางเป็นผู้มีพรสวรรค์!”พ
ได้ฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ุคน สีหน้าเอาหารซุนแทบจะแข็งค้างทันที!
ไท่ฟู่กินแล้ว เขาถึงกับกินอาหารลงไปจริงๆ! เหตุใดกัน นี่เป็นเพราะเหตุใด
หรือเป็นเพราะอาหารที่ีฝ่ายปรุงออกมารสชาติดีหรือ ทว่าหน้าที่ความรับผิดชอบเอาหารมิใช่อยู่ที่การฝึกฝนกลิ่นอายเวัตถุดิบเ รวบรวมกลิ่นอายเหรอกหรือ หากเพียงแต่ทำให้อาหารมีรสชาติดี เช่นั้หาพ่อครัวสามัญทั่วไปที่ใช้วัตถุดิบธรรมดาก็ได้แล้ว
เขาพลันรู้สึกแก่ตัวลงหลายปี ความมั่นใจใอาชีพเอาหารตนที่มีมาโดยตลอดั้พังครืนลงมาใชั่วะ
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??