เรื่อง หงสาสีนิล
กิ่งไม้แห้งเหี่ยว สระน้ำที่ไร้สีสัน กระูาและทิวทัศน์ที่เหี่ยวเฉาพลันูเีงใสกังวานของทารกน้อยทำลายความหม่นหไปหมดิ้ แค่นางเปล่งเีง เรือนที่เงียบงันแห่งนี้ก็ราวกับฟื้นคืนชีพอีกครั้ง
ใบ้างามของหลัวอู๋เลี่ยงเปี่ยมไปด้วยความิดี
ครั้งก่อนตอนที่นางได้ิเจ้าหนูน้อยเรียกี่ชายว่า “พิ ี่” นางก็อดอิจฉาไม่ได้ ครั้งนี้เมื่อได้ิเจ้าหนูตรง้าเรียกนางว่า “เลี่ยง เลี่ยง” นางก็พอจะเข้าใได้ว่าคงเป็เพราะได้ิคนอื่นเรียกนางว่าแม่นางหลัว เจ้าัเล็กจึงได้เรียกนางเช่นนี้ เจ้าหนูน้อยเหตุใดจึงชอบพูดตามคนอื่นเช่นนี้ นางเองก็ไม่่แน่ในัก
ทว่าหลัวอู๋เลี่ยงยังไม่ทันหุบยิ้ม ก็เห็นเจ้าัเล็กไถลลงจากศีรษะม้าผ่านบาน้าต่าง เพียงรวดเีก็ไถลมาึโต๊ะเขียนหนังสือ บัดนี้ั้หมึกและกระดาษล้วนูนางทับไว้ใต้ก้นน้อยๆ นั้น กระดาษก็กลายเป็ยับยู่ยี่ ส่วนหมึกก็กระเซ็นไปทั่ว หญิงาเมื่อเห็นภาพนี้ก็ั้โกรธั้นึกขัน
“เจ้าตามข้ามาึที่นี่ได้อย่างไร ทำัอย่างกับเจ้ากรรมนายเวรเชียวนะ”
จากนั้นจึงอุ้มนางึ้
มือคู่น้อยของเฉินโย่วยกึ้้กับต้นหญ้าต้นหนึ่งในมือส่งให้หญิงาที่อุ้มตน แม้มันจะเริ่มเฉา แต่ก็ยังพอเห็นสีเขียวกับใบเล็กๆ ั้สี่ใบของมันทีู่่ารักไม่น้อยได้อยู่
ริมฝีปากของหญิงาพลันโค้งึ้
เจ้าม้าสีนิลเมื่อเห็นใบ้างามหลัง้าต่างนั้นปะดับด้วยรอยยิ้ม ก็ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง
เฉินโย่วน้อยเมื่อทำการแลกเปลี่ยนเรียบ้แล้ว ก็ทำทีราวกับรู้งาน รีบมุดเข้าไปในอ้อมอกของแม่นางหลัว
หลัวอู๋เลี่ยงแม้คิดจะห้ามก็ไม่ทันเีแล้ว ได้แต่จนปัญญา คิดในใว่าเจ้าหนูน้อยนี่คงเห็นนางเป็แหล่งอาหารไปแล้วกระมัง
หญิงายังคงตระกองกอดทารกไว้แนบอก าตาเืบของที่กระจัดกระจายบนโต๊ะเขียนหนังสือ ถัดไปนอก้าต่าง เจ้าม้าสีนิลก็ยังคงยืนเอ้อระเหยอยู่ที่เดิม ภาพตรง้าทำให้ใบ้างามปรากฏรอยยิ้มบางๆ ในใพลันหอมหวานไปด้วยความสุข
นางชอบเจ้าทารกน้อยนี่ ชอบเืเิ ต่อให้เจ้าทารกน้อยนี้จะมาสะกิดแผลเก่าในในางจนรู้สึกปวดแปลบในบางครา ทว่าในเวลาเีกันดใของนางก็รู้สึกอบอุ่นเืเิ
ทารกน้อยเมื่อดื่มนมเสร็จก็มีท่าทีง่ซึม ตากลมโตคู่น้อยกะพริบช้าลงจนแทบจะปิดลง ไม่นานนักแพขนตาคู่ยาวนั้นก็ปิดสนิทจริงๆ
หลัวอู๋เลี่ยงแม้ในใอยากจะอุ้มนางไปนอนบนเตียง ะกำลังใคร่ครวญ ก็คิดว่าส่งนางกลับึ้หลังเจ้าม้าสีนิลเห็นจะเป็การดีกว่า ึอย่างไรอยู่บนหลังเจ้าม้าก็คงจะปลอดภัยกว่าอยู่ที่นี่เป็แน่
ยิ่งกว่านั้นคือ นางไม่อยากให้นายท่านใหญ่เห็นเด็กคนนี้
ในทีุ่ เมื่อทารกึ้ไปอยู่บนหลังม้าแล้ว มันก็หมุนกายจากไปทันที ไม่มีท่าทีอาลัยเรือนหลังนี้แม้แต่น้อย
กระทั่งเมื่อครู่ที่หลัวอู๋เลี่ยงจะสั่งให้เสี่ยวเถาเอาอาหารไปป้อนให้มัน มันยังไม่ยอมแตะอาหารนั้นแม้เพียงึ่คำ
เมื่อทารกน้อยจากไป หลัวอู๋เลี่ยงจึงได้แต่ยืนพิงปะตูเจ้าม้าสีนิลวิ่งเหยาะๆ าไป ในใบังเกิดความรู้สึกห่อเหี่ยว
แสงตะวันเคลื่อนคล้อยต่ำลงสาดลงบนใบ้าของหญิงา จึงเห็นเป็ใบ้าึ่หนึ่งอาบไล้ด้วยแสงตะวัน ส่วนอีกึ่กลับูความมืดมิดปกคลุม หางตาเรียวยาวดุจใช้พู่กันตวัดวาด ริมฝีปากแดงอิ่มราวกับผลอิงเถา คิ้วโก่งดั่งคันศร เสื้อผ้าสีแดงสดใส ภาพฉากเช่นนี้ปรากฏบนภูเขากระูแห่งนี้ แล้วช่างงดงามเหนือสามัญ
ยามาัณห์มาเยือน
เฉินโย่วน้อยยังคงหลับฝันหวานอยู่บนหลังเจ้ามืด เมื่อาไๆ ก็คล้ายว่าเจ้าม้านั้นได้กลายเป็ม้าหลังปูดเีแล้ว มันจงใย่ำเท้าช้าๆ ซ้ำยังไม่ยอมตรงกลับไปยังไปหาอาลู่ ทว่ากลับเปลี่ยนทิศไปยังทิศทางที่เด็กหนุ่มได้เจอกับกระูกองสูงราวกับภูเขาแห่งนั้นแทน
ภูเขากระูแห่งนี้ล้วนอาศัยกระูก่อร่างสร้างึ้มา ยอดแหลมสูงของมันทำให้บางคราก็ูคล้ายเจดีย์ขนาดย่อม กองกระูสูงนี้ไม่รู้ว่าต้องใช้กระูมนุษย์ไปมากเท่าใดจึงจะเรียงกันได้สูงดุจภูเขาเช่นนี้
เจ้าม้าสีนิล่ๆ ย่ำเท้าเข้าไปใกล้กับภูเขากระู ปะจวบเหมาะกับแสงแดดยามเย็นตกกระทบลงบนยอดภูเขาทีู่คล้ายเจดีย์นั้น ั้กระูา และกระูเทาๆ บัดนี้ล้วนเรืองรองไปด้วยแสงแดด ูแล้วช่างเปี่ยมไปด้วยความเข้มขลังและความบริสุทธิ์
ทารกน้อย่ๆ ืตา แล้วลุกึ้นั่งบนหลังเจ้าม้าสีนิล ท่าทางจึงูราวกับนางกำลังขี่ม้าอยู่
เฉินโย่วน้อยภูเขากระูตรง้า รอบนอกมีกระูใหม่กองอยู่ ูแล้ว่าจะเพิ่งูนำมาวางไว้เีด้วยซ้ำ
ในาตาของเหล่าโจรนั้น ภูเขากระูนั้นมีพลังึลับบางอย่าง ยามคุกเข่าลงทำความเคารพก็ราวกับได้รับการชะล้างคาวเลือดจากการเข่นฆ่า นี่จึงทำให้ร่างกายรู้สึกปลอดโปร่งไม่น้อย ด้วยเหตุนี้การกินเนื้อดื่มสุราจึงไม่เป็เรื่องต้องห้ามแต่อย่างใด!
ในาตาของเฉินโย่วน้อยกลับเห็นกลมสีำหลาย ตั้งแต่สีอ่อนไปจนึเข้ม กระทั่งบนส่วนยอดเขานั้นก็มีกลมสีำเข้มราวกับหยดน้ำสีำกำลังจะตกลงมา ทารกน้อยเมื่อเห็นดังนั้นจึงมือออกไปรับ บนมือนางจึงมีของเหลวสีำหยดหนึ่งอยู่ ของเหลวนั้นเพียงชั่วอึดใก็ไหลซึมเข้าไปในมือนาง
ทารกน้อยไม่รู้ว่านานเท่าใดที่นางยังคงยื่นมือออกไปเช่นนั้น ส่วนของเหลวสีำจากภูเขากระูนั้นก็ยังคงหยดลงมาบนมือนางหยดแล้วหยดเ่า ก่อนจะซึมหายเข้าไปในกาย
ร่างของเจ้าม้าสีนิลพลันหนักึ้ มันกระวนกระวายใ หันซ้ายทีขวาที
เมื่อเงย้าึ้ก็พบกับคนผู้หนึ่ง เจ้ามืดถอยหลังก้าวหนึ่งอย่างอดไม่ได้ ร่างนั้นช่างเปี่ยมด้วยกลิ่นอายที่ไม่อาจต้านทาน
ราวกับฆ่าหนึ่งคน ลมหายใพลันติดขัด
ฆ่าสิบคน พลันได้กลิ่นความชั่วร้าย
ฆ่า้คน รัศมีแห่งความอาฆาตพลันแผ่กำจาย
ฆ่าพันคน พลันได้กลิ่นเข้มข้นของความตาย
หลีโฉ่วเคยสังหารคนั้เมืองมาเมืองหนึ่ง
เขาฆ่าคนมามากเีจนดาบในมือบัดนี้ไร้ซึ่งความเีแล้ว เสื้อผ้าบนเรือนกายก็แทบจะคั้นเลือดออกมาได้ ซ้ำยังเป็เลือดของผู้อื่น
เขายืนอยู่ข้างภูเขากระู ูทารกบนหลังม้าสีนิล
ทารกเช่นนี้ เขาก็นับว่าเคยฆ่ามาก่อน
เพียงแต่เมื่อเจอกับเจ้าเด็กคนนี้ ร่างำๆ นั้นแทบจะกลืนเป็สีเีกับเจ้าม้าสีนิล
ึกระนั้นเมื่อไป กลับพบว่าเจ้าเด็กคนนี้ก็้าตานับว่าดีอย่าง่าปะหลาด
หากพูดว่าแม่นางหลัวนั้นงดงามเีจนทำให้เขารู้สึกต่ำช้า เจ้าเด็กัำมิดหมีตรง้าก็เรียกได้ว่าทำให้ขบขัน นี่กลับสัมผัสได้ึความศักดิ์สิทธิ์จนมิอาจเกิดความรู้สึกคิดทำร้ายต่อนางได้ ยิ่งกว่านั้นยามนางก็ยังรู้สึกราวกับกำลังภูเขากระูก็ไม่ปาน ช่างควรค่าแก่การเคารพบูชา
นายท่านใหญ่รู้สึกว่าความคิดเช่นนี้ของตนูจะไมู่ต้องนัก
เขาจึงตั้งใพินิจูทารกบนหลังมาอีกครั้ง
ผิวพรรณออกจะำไปสัก่ ทว่าใบ้านั้นกลับงดงามนัก ราวกับว่ากระทั่งหลัวอู๋เลี่ยงยังมิอาจงามเท่า
คิ้ว ตา ริมฝีปากและจมูกของนางนั้นล้วนยังูเป็เด็ก บนใบ้าก็ยังมีขนเส้นเล็กละเอียด
ชายหนุ่มพลันสั่นไปั้สรรพางค์กายด้วยความื่เต้น ความรู้สึกช่างราวกับตอนที่เขาได้ฆ่าคน ต่อมาความรู้สึกื่เต้นนั้นก็่ๆ แปเปลี่ยนเป็ความิดี สำหรับเขาช่างเป็ความื่เต้นที่ยากจะพรรณนา
เมื่อก่อนมีเพียงแต่จะได้ฆ่าคนจนดตาเป็สีโลหิต หรือได้เคี่ยวกรำแม่นางหลัวจนไม่อาจนับราตรีได้ จึงจะทำให้เขาบังเกิดความรู้สึกเช่นนี้
เขาชอบความรู้สึกที่เต็มไปด้วยคาวเลือดเช่นนี้ ยามแส้ม้าที่หยาบกร้านเฆี่ยนลงไปบนผิวาเนียนจนเลือดผุดพรายราวกับดอกไม้ ภาพเหล่านั้นทำให้ใเขาก็เต้นระส่ำจนแทบหลุดจากอก
ทว่าสตรีตรง้าเขาตอนนี้กลับเป็เพียงเด็กเล็กคนหนึ่ง เหตุใดจึงทำให้เขาื่เต้นเช่นนี้ได้
แววตาของนายท่านใหญ่พลันเปลี่ยนเป็ร้อนรุ่ม
เจ้าม้าสีนิลรับรู้ได้ึความผิดปกตินั้น จึงหันหลังวิ่งจากไปทันที
เฉินโย่วน้อยจึงได้แต่กอดหลังเจ้าม้าสีนิลไว้
สิ่งุท้ายที่ชายหนุ่มเห็นจึงเป็เพียงบั้นท้ายของเจ้าม้าสีนิล และบั้นท้ายของทารกน้อยเท่านั้น
ความอิ่มเอมเหล่านั้นก็าไปเช่นกัน
นายท่านใหญ่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ใบ้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความรำึึ ก่อนจะแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผาก
แม่นางหลัวด้วยเพราะยังไม่วางใ จึงออกตามหาเจ้าหนูน้อย ทว่ากลับได้มาเห็นภาพนี้จากที่ไกลๆ ร่างอรชรนั้นก็พลันสั่นไหว ใบ้าไร้ซึ่งสีเลือด
ทารกน้อยยังคงเกาะอยู่บนหลังเจ้ามืดที่ออกย่ำผ่าน้าผาและสะพานเถาวัลย์ ก่อนจะเดินเข้าถ้ำ ลัดเลาะไปเรื่อยจนุเส้นทาง เมื่อึปากถ้ำเจ้าม้าสีนิลก็หยุดนิ่งครู่หนึ่ง
เฉินโย่วน้อยเมื่อเงย้าึ้มาจึงได้เห็นว่ากลางทุ่งหญ้านั้นมีนกขนยาวสีแดงราวกับเปลวเพลิงฝูงหนึ่ง ไม่ไกลกันนักก็มีต้นไม้ึ้เรียงตระหง่านระขอบฟ้า ซ้ำยังมีธารน้ำที่ยาวไร้ิุ้ ่ ๆ ไหลลงมาจากเนินเขา
เหล่านกโบยบินอย่างมีความสุข ูแล้วช่างมีอิสรเสรี ้กับเีงร้องของมันที่ดังกังวาน
ทว่าทารกน้อยเพียงเหม่ออยู่ครู่เี ก็ดึงาบังเหียนของเจ้ามืดให้ออกเดินต่อพ
ทารกน้อยเกาะอยู่บนหลังเจ้ามืดั้วันก็รู้สึกเหนื่อยล้า
จวบจนเจ้าม้าพาเฉินโย่วน้อยมาส่งที่กระท่อมไม้อีกครั้ง ก็ได้ิเีงฝูงม้ากำลังวิ่งควบอยู่ไกลๆ ้กับเีงหัวเราะของอาลู่
เมื่อได้เห็นี่ชายอยู่กลางฝูงม้า เฉินโย่วน้อยบนหลังม้าก็หัวเราะเช่นกัน ทว่าเพราะทารกน้อยยังไม่มีฟั จึงทำให้ยามอ้าปากหัวเราะนั้นูตลกไม่น้อย
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??