เรื่อง หงสาสีนิล
กองไฟใกระท่อมนั้นก่อขึ้นจากฟืน าร้อนจึงคงที่ ซ้ำยังควันน้อย.
ยามเหล่าปามาถึงแ้เห็นเด็กชายที่อยู่ข้างกองไฟ ก็ตะลึงไปครู่ึ่
บนพื้นยังมีคราบเลือดสดๆ อยู่
“ท่านอาปา ข้าเพิ่งจะฆ่าคนตาย”
ยามเหล่าปาเพิ่งย่างกรายเข้ามาใกระท่อม อาลู่ก็เอ่ยเรื่องี้ขึ้นเป็นสิ่งแ
เหล่าปาได้ยินแ้ก็ไม่ได้กล่าวอันใด เพียงหันกายกลับไปปิดประตูให้เรียบร้อย
ชายัค่อมยืนอาลู่ที่นั่งอยู่ข้างกองไฟ
“เจ้านึกเสียใหรือไม่ แ้กลัวไหม”
“ข้าไม่เสียใ เพียงแต่รู้สึกกลัวเ่านั้น” อาลู่ตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่เสียใก็ดีแ้ เดี๋ยวเจ้าก็ชินไปเ แต่ไหนเจ้าลองเ่าทีว่ามันเป็นมาอย่างไร”
“ตอนนั้นเขาหันัให้ข้า ข้าเลยซุ่มอยู่ใมุมมืด จากนั้นก็ปามีดออกไป าที่ท่านเคยเ่าว่าจุดที่อ่อนแอที่สุดของมนุษย์คือตำแหน่งหัวใที่เยื้องไปทางขวาเล็กน้อย ข้าเพียงเล็งาตำแหน่งที่ท่านว่า ต่อมาเขาก็ตายเสียแ้ มันเกิดขึ้นรวดเร็วนัก ข้าว่าเขาคงจะไม่เจ็บปวดเ่าใด เขาไม่ได้ร้องออกมาสักแอะเสียด้วยซ้ำ” อาลู่ค่อยๆ เ่าย้อนเหตุการณ์ให้เหล่าปาฟัง`
“ตำแหน่งที่เจ้าว่านั่นูต้องแ้ ่เรื่องที่เขาไม่ร้องนั้นก็หมายาว่าเจ้าลงมือได้ว่องไว ทว่าที่เจ้าแอบใมุมมืดนั้นเห็นจะไม่เหมาะนัก ว่าแต่ตอนนั้นเจ้าแบกเฉินโย่วอยู่หรือไม่” เหล่าปาั่ แ้ถามด้วยใบหน้าเคร่งขรึม``
อาลู่พยักหน้าตอบ
ตอนนั้นบนัเขายังแบกน้องสาวอยู่ าเาต้องการ่คน เขาไม่อาจให้มีาเสี่ยงหลงเืเพียงน้อยนิด เขาจึงตัดสินใลงมือฆ่าอย่างไม่ัเล
“อาโย่วว่าง่ายมาก” ใตอนนั้นเขาเงียบงันราวกับจะหยุดหายใ ทว่าประโยคี้เขากลับไม่ได้บอกเหล่าปา ด้วยกลัวว่าเหล่าปาจะรู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล ตอนี้เมื่อิึ้า ก็รู้สึกว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากลจริงๆ ด้วย
บางทีอาจเป็นเพราะเขากังวลเกินไปกระมัง
ทันใดเหล่าเด็กบนพื้นก็พากันขยับั
เฉินโย่วน้อยนั้นตื่นขึ้นมาเป็นคนแ ตาคู่น้อยนั้นปรือขึ้นเพียงครึ่ง เมื่อเห็นท่านอาปา นางก็รีบกลิ้งไปอยู่ข้างกายเขาทันที
ทุกครั้งยามที่ทารกน้อยเข้ามาใกล้เหล่าปา ชายัค่อมที่เคยนิ่งเงียบมาตลอดก็ัมือเท้าพันกันเป็นระวิง
กับอาลู่ท่าทีของเหล่าปาล้วนเย็นชาเสมอมา ทว่ากับเฉินโย่วน้อยนั้น เขากลับมีท่าทางราวกับกำัหวาดกลัว กลัวว่ามือหนักๆ ของตนนั้นจะทำให้นางบาดเจ็บ
ทว่าเฉินโย่วน้อยนั้นเก่งกาจเรื่องการแยกแยะารู้สึกของผู้อื่นอยู่เสมอ
เช่นยามอยู่ต่อหน้านายท่านสาม นางก็จะว่าง่ายเป็นพิเศษ
ยามอยู่ต่อหน้านายท่านใญ่ นางก็ยิ่งเปลี่ยนเป็นนิ่งเงียบราวกับจะหายั
เหล่าปาได้แต่นั่งัแข็งทื่อ เฉินโย่วน้อยจึงหลับตาแ้คลานไปทางที่เขานั่งอยู่ จากนั้นจึงหาพื้นที่สบายๆ แ้หลับต่อ
เหล่าปายามี้แม้อยากจะกล่าวอันใด ก็ยังไม่กล้ากล่าวเสียงดัง
“เหตุใดเจ้าจึงเก็บเจ้าเด็กสองคนี้กลับมา อาหารบนเขามีไม่พอจะเลี้ยงจ้าพวกี้หรอก เจ้าจะ่ก็่ได้เพียงชั่วคราว ให้่ไปทั้งชาตินั้นคงเป็นไปไม่ได้ ยิ่งหากว่าคนใค่ายมาเห็นเข้า จะูฆ่าทิ้งตอนไหนก็ไม่อาจรู้”
เหล่าปาพูดเสียงเบาราวกับจะกระซิบ ทว่า่าของอาสวินและอาอู่ักระตุกขึ้นทีึ่
าจริงแ้เพียงเหล่าปาเพิ่งจะก้าวเข้ามาใกระท่อม พวกเขาก็ตื่นแ้
พวกเขาคือเด็กจากถ้ำเชลย ต่อให้หมดสติไป ่ากายก็ยังคอยระแวดระวังภัยอยู่ดี
่หน้าี้อาลู่ก็เคยได้ยินเหล่าปาพูดเรื่องถ้ำเชลย
เขาจึงตรองเรื่องี้ดูอีกครั้งึ่
“ข้าจะไปคุยกับนายท่านสามว่าข้าจะจ่ายค่าเช่าเพิ่มอีก่ึ่ แ้ให้เจ้าสองคนี้คอยติดาข้า ข้าเคยได้ยินว่ายามอยู่ใหน่วยลาดตระเวนแ้ทำผลงานได้ดี ก็จะสามารถเลือกผู้ติดาได้ รอพวกเขารักษาัจนหายดี ก็ให้เจ้าัโตติดาข้าไป ่เจ้าัเล็กก็ให้อยู่เป็นเพื่อนอาโย่ว”
อาลู่เพียงเพิ่งจะกล่าว เสี่ยวอู่ก็ลุกขึ้นนั่ง แ้พูดตะกุกตะกักขึ้น “ข้าทำอะไรก็ได้ ข้าวิ่งเร็วนัก อาสวินก็ดูแลคนเก่ง ที่ผ่านมาเขาก็ดูแลข้าเป็นอย่างดี”
อาสวินัลืมตา ไม่ได้ลุกขึ้นมา เพราะไม่อาจลุกไหว ทว่ามือของเขานั้นก็ยังคงูเสี่ยวอู่กำไว้แน่น
เหล่าปาเพียงพ่นลมหายใหึขึ้นทีึ่ ทว่าก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือสนับสนุนอาลู่
เขาไม่ชอบในักที่อาลู่ใอ่อน ทว่าก็รู้สึกว่าจิตใเขายังคงมีเมตตาเช่นกัน
อาลู่บัดี้คือเด็กหนุ่มที่ัสูงที่สุดใกลุ่มพวกเขาแ้ ซ้ำยังราวกับเสาหลักให้พวกเขาเช่นกัน!
ข้าวเที่ยงวันี้นั้นคือน้ำแกงเต็มหม้อที่ต้มไว้
อาลู่ตักให้เหล่าปา่เป็นถ้วยแ จากนั้นจึงตักให้เสี่ยวอู่ที่ลุกผุดลุกนั่งขึ้นมาอีกถ้วยึ่
เสี่ยวอู่ที่อยู่ดีๆ ก็ได้รับการดูแลเช่นี้ก็ัมือั่ ค่อยๆ ยื่นมือออกไปรับน้ำแกงถ้วยนั้น
ถ้วยนั้นร้อนเสียจนฝ่ามือก็พลอยรู้สึกร้อนไปด้วย
เสี่ยวอู่นั้นรู้ดีว่าพวกคนใค่ายเชลยนั้นจะโดนเหล่าคนใค่ายใญ่ไล่ตะเพิดมาก็ไม่แปลกอะไร ซ้ำเหล่าโจรใค่ายยามต้องการฝึกฝนมือให้ชินกับการฆ่าคน ก็จะมาเลือกคนจากถ้ำเชลยไปฝึกฝน
เขายังจำได้ว่าใตอนนั้นเหล่าคนที่เข้ามาล้วนไม่เปิดกล้าเผยใบหน้า ตอนนั้นเขาทำได้เพียงแบกอาสวินหนีไปให้ไกลที่สุด สำหรับเขาแ้ถ้ำเชลยนั้นคือนรก แต่ด้านนอกนั้นสำหรับคนใถ้ำเชลยแ้ก็คือนรกเช่นกัน
เขารีบวางถ้วยลง แ้พยุงอาสวินให้ลุกขึ้น
เขาเก็รู้สึกหิวมากเช่นกัน
ยามน้ำแกงใหม้อเดือดปุดๆ เขาก็แทบจะตาลายด้วยาหิวโหย
ทว่าบัดี้เขานั้นกลับตักน้ำแกงกรุ่นร้อนใถ้วยที่เขาถืออยู่ ป้อนน้ำแกงข้นๆ นั้นเข้าปากอาสวินทีละช้อนๆ
อาสวินทีู่เสี่ยวอู่พยุงไว้นั้น รู้สึกว่าตนเหนื่อยนัก ซ้ำยังปวดไปทั้ง่า
ทว่าเขาก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร พยายามใช้แรงทั้งหมดฝืนปากตนให้อ้าออก ่จะพยายามกลืนอาหารลงไป ใใเขาคิดว่าเขานั้นต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป เขาอยากมีชีวิตอยู่เืเกิน เพราะเสี่ยวอู่นั้นช่างเขลาเกินไป
เมื่อกินไปได้ครึ่งถ้วย
เสี่ยวอู่ก็ไม่ได้ฝืนให้เขากินต่อ เพียงยกน้ำแกงครึ่งถ้วยที่เืขึ้นจรดริมฝีปาก แ้ซดใอึกเี
ดื่มอึกๆ เข้าไปเพียงครู่เี น้ำแกงครึ่งถ้วยนั้นก็ไม่เืเพียงสักหยด
จากนั้นเขาก็ลงมือเลียถ้วยอย่างตั้งอกตั้งใ ้เ่าๆ นั้นูเสี่ยวอู่เลียเสียจนขึ้นเงา
สุดท้ายเขาจึงยื่นถ้วยทีู่เลียจนขึ้นเงานั้นคืนให้อาลู่
เด็กหนุ่มไม่ได้ร้องขอเพิ่มแต่อย่างใด
อาลู่เก็ไม่ได้ตักให้เพิ่มเช่นกัน
“ไม่ได้กินอาหารมาา ก็ค่อยๆ กินหน่อยเถิด เพิ่งกินอาหารครั้งแ หากกินมากเกินไปอาจจะตายเอาได้” อาลู่หน้าเด็กหนุ่มแ้เห็นแววระแวดระวังและคาดหวังนั้น จึงอธิบายให้เด็กหนุ่มฟัง
เสี่ยวอู่พยักหน้าแรงๆ
วันต่อมา เพิ่งจะยามเช้า อาลู่ก็ลงเขาไปเสียแ้
เมื่อวานแม่นางหลัวก็มาที่นี่เพื่อกำชับให้เขาเอาเฉินโย่วมาฝากกับนาง
อาลู่ตอบตกลง
่เจ้าเด็กสองคนที่่มาจากถ้ำเชลยนั้น ่ากายบัดี้แทบจะไม่เืชิ้นดี จึงให้รักษาัไปอีกระยะึ่
แม่นางหลัวนั้นมายังกระท่อมตั้งแต่ยังเช้ามาก
ยามนางมาถึง เฉินโย่วจึงยังหลับอุตุ
เฉินโย่วนั้นยังเล็กนัก เมื่อกินข้าวเช้าเสร็จก็ยังต้องต่ออีกพักึ่
เหล่าปานั้นก็ออกไปทำงานเสียแ้
เฉินโย่วน้อยนั้นอยู่ข้างอาสวิน
อาสวินก็ยังหลับอยู่ แต่เสี่ยวอู่นั้นตื่นแ้แต่ยังนิ่งอยู่เฉยๆ ทำใไม่ได้ที่จะลุกขึ้นจากที่ เขานั้นชินกับการเห็นคนอื่นใถ้ำมืดเสียแ้ แม้แต่อาสวินนั้นเขายังไม่เคยได้เห็นหน้าชัดๆ
อาสวินแท้จริงแ้หน้าตาไม่ได้เลวร้ายอะไร เพียงแต่ผอมแห้งไปเสียหน่อย ซ้ำยังมีใบหูใญ่โตกว่าคนอื่น เมื่อรวมกับ่าผอมบางนั้นจึงทำให้ดูประหลาดไม่เบา
่เจ้าทารกน้อยนั้นกลับหน้าตางดงามนัก ดวงตา จมูกหรือริมฝีปากล้วนดูจิ้มลิ้ม เพียงแค่ผิวของนางนั้นออกจะดูคล้ำไปสักหน่อย
เจ้าทารกน้อยี้มีนามว่าเฉินโย่ว ี่ชายนางเรียกนางว่าอาโย่ว
่ี่ชายนางมีนามว่าอาลู่
เสี่ยวอู่อาสวินอยู่ครู่ึ่ จากนั้นจึงหันไปอาโย่ว คิดใใว่าเป็นเช่นี้ช่างดีนัก ใที่สุดก็ได้หลับอย่างวางใ ไม่ต้องคอยหดกายอยู่ตลอด ไม่ต้องกังวลอันใด
อาลู่่ออกเดินทางกำชับให้เขาดูแลน้องสาวให้ดี
เสี่ยวอู่จึงตัดสินใจับาองอาโย่วตาไม่กะพริบ
คิดๆ ไปก็คิดได้ว่าเขายังมีลูกปัดกระดูกอยู่กับัอีกสองเม็ด จึงล้วงออกมาแ้แอบยัดใส่มือทารกน้อยไว้ ใใคิดว่ายามทารกน้อยตื่นมาเห็นไข่มุกสองเม็ดี้ นางจะต้องยิ้มออกมาอย่างแน่
รอยยิ้มที่ไม่มีแม้กระทั่งฟันนั้น ทำให้เสี่ยวอู่รู้สึกรอคอยนัก
ทันใดนั้นประตูกระท่อมก็ัูผลักให้เปิดออก
เสี่ยวอู่ตกใจนแทบกระโ ัรีบเข้าไปบังตรงหน้าของทารกน้อยและอาสวินไว้
ทว่าคนที่ผลักประตูเข้ามานั้นกลับเป็นเพียงแม่นางน้อยคนึ่ นางสวมกระโปรงสีฟ้าดอกไม้ สวมรองเท้าคู่น้อย ์เอวช่างดูอรชร
เสี่ยวอู่ัหน้าแดงขึ้นทันใด
ทว่าเขาก็ยังคงระแวดระวังัเป็นอย่างมากอยู่ดี ท่าทางของเด็กหนุ่มนั้นดูราวกับหมาป่าที่พร้อมจะพุ่งไปกัดคนอยู่ทุกเมื่อ สั้นยุ่งๆ บนศีรษะของเขานั้นพากันตั้งชันพ
ทว่าแม่นางน้อยนั้นกลับไม่ได้ก้าวเข้ามาใกระท่อม เพียงเบี่ยงกายไปด้านข้าง จากนั้นจึงมีสตรีอีกนางปรากฏขึ้นด้านั
เสี่ยวอู่เมื่อเห็นสตรีนางนั้นก็ัอ้าปากค้าง
สตรีตรงหน้าเขานั้นดูเปี่ยมไปาศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์ใเวลาเีกัน ใบหน้าของนางก็ราวกับเปล่งแสงได้
“ท่านคือพระโพธิสัตว์หรือ”
“คิกๆ” เสียงหัวเราะของเสี่ยวเถา สาวใช้ด้านข้างดังขึ้น
“ไม่ๆ นางคือเลี่ยงเลี่ยงของข้า” เฉินโย่วน้อยตื่นแ้ จึงตะโกนบอกขึ้นเสียงดัง
หลัวอู๋เลี่ยงก็อดไม่ไหวที่จะหัวเราะขึ้นเช่นกัน
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??