เรื่อง หงสาสีนิล
กระท่อมไม้นั้นัเล็กนัก.
สำหรับสาวใช้แม่นางหลัวเช่นเสี่ยวเถา ยังรู้สึกว่าที่นี่เล็กเสียยิ่งกว่าที่พักนางเสียี
กระทั่งเตียงก็ไม่ี ีเพียงกองหญ้า และกองไฟกองึ่เท่านั้น
ที่นีู่่าไรก็ไม่คล้ายกับสถานที่ที่คนอยู่อาศัย
ทว่าด้านในนั้นัอบอุ่นทีเดียว
ด้านในนั้นีเ็อยู่ถึงสามคน
เสี่ยวชุนนั้นคอยเฝ้าอยู่ด้านนอกไม่ได้เข้ามาด้วย
เสี่ยวเถาโน้มกายลงไป ตั้งใจะอุ้มเฉินโย่วน้อยขึ้นมา
ทว่าเฉินโย่วน้อยัปรบืแ้อ้าแขนไปทางหลัวอู๋เี่้ทั้งร้องเรียกเสียงใส “เี่เี่ อุ้ม”
หลัวอู๋เี่จึงโน้มกายลง ผ้าคลุมสีขาวราวกับหิมะบนไหล่นางก็พลันร่วงลงพื้นจนเปื้อนฝุ่นไปหมด เพียงพริบตามันก็มิใช่สีขาวบริสุทธิ์ัเดิมี
เฉินโย่วน้อยโถมัเข้าหาอ้อมแขนหลัวอู๋เี่ก่อนจะปีนขึ้นไปบนกายนางแ้หาพื้นที่สบายั`
เมื่อทารกน้อยเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนแ้ นางก็เดินออกมาจากกระท่อม``
ไม่ได้สนใีคนที่เหลือในห้องแม้แต่น้อย
เสี่ยวอู่ลังเลใอยู่ครู่ึ่ก่อนจะแบกอาสวินขึ้นัแ้เดินตามสตรีคนเมื่อครู่ไป
เมื่อวานอาลู่ได้กล่าวไว้ว่ายามที่เขาไม่อยู่ เขาและอาสวินจะต้องูแล้สาวให้ดี
อาสวินยังกึ่งหลับกึ่งตื่น
ทว่าเสี่ยวอู่ก็ยังยืนยันจะเดินตามไป ทั้งวันมานี้เขาล้วนได้กินอาหารทุกวัน จึงทำให้่ากายดีขึ้นไม่น้อย
แม่นางหลัวอุ้มเฉินโย่วน้อยเดินัเรือน ด้านันางยังีเ็หนุ่มคอยเกาะติดมาีคน
นางมิได้ใส่ใเจ้าเ็พวกนั้น
เสี่ยวอู่เดินไปก็หวั่นใ ยิ่งเดินก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัว
เส้นทางนี้คือเส้นทางที่ทะลุไปยังค่ายเป็แน่
า่าเายังเดินตามต่อไปแ้เกิดเจอโจรคนอื่น พวกเขาย่อมถูกฆ่า่าไม่ต้องสงสัย
ทว่าอาลู่บอกให้พวกเขาูแล้สาว หากว่าหาันางไม่เจอ แ้พวกเขาจะูแลนางได้่าไร ันั้น่าน้อยพวกเขาก็จะต้องได้เห็นนางอยู่ในสายตา
สมองทื่อๆ เสี่ยวอู่ตกลงกับัเแ้ว่าจะทำเช่นนี้
อาสวินนั้นยังหลับอยู่ า่าเาตื่น ก็ค่อยถามอาสวินเพียงเท่านี้ก็สิ้นเรื่อง
เสี่ยวอู่คิดได้เช่นนั้นก็รีบเจ้าอ้าวตามไป
ยามเดินๆ ไปก็พบกับคนอื่นจริงๆ
เสี่ยวอู่พลันรู้สึกเกร็งไปทั้ง่า ทว่าัไม่ีใครเข้ามาถามอะไร
ตลอดเส้นทางก็เป็เช่นเดิม ไม่ีใครสนใว่าพวกเขาเป็ใคร
เสี่ยวอู่ที่แบกอาสวินอยู่นั้น ในทีแรกก็ทำัราวกับหนูัึ่ที่้จะหลบซ่อนอยู่ตลอดเวลา ทว่าเมื่อเดินไปๆ ัเขาก็พลันยืดตรงขึ้น
เขาแบกอาสวินเดินมาถึงเรือนัึ่
ถนนเรือนนี้ปูขึ้นด้วยกระู
ีต้นไม้ ีน้ำ และีปลา
ทั้งในเรือนยังีว่างจัดไว้ กลิ่นหอมหวานมันฟุ้งกระจายไปทั่ว อบอวลเสียจนเสี่ยวอู่แทบเมามายด้วยกลิ่นนั้น
เสี่ยวอู่ทั้งตื่นเ้ ระคนหวาดกลัว
แม่นางหลัวอุ้มเฉินโย่วน้อยมาตลอดทาง ทารกน้อยในอ้อมกอดนั้นไม่ง่วงงุนแม้แต่น้อย ซ้ำนางยังเริ่มพูดได้แ้ นี้ก็กำลังอยู่ในวัยช่างพูดพอดี นางจึงได้แต่ชวนสตรีที่อุ้มตนเจรจาไปตลอดทาง
แม้ว่ายามนางพูดออกมานั้น สักสิบประโยคก็ฟังไม่เข้าใไปแ้แปดประโยค
ถึงกระนั้นแม่นางหลัวก็ยังตั้งอกตั้งใสนทนากับนางนัก
ต่อมาหลัวอู๋เี่จึงเพิ่งรู้ว่าด้านัตนนั้นยังีเ็หนุ่มีคนคอยตามติด
“เจ้านี่ช่างตะกละเสียจริง” หลัวอู๋เี่ยื่นืไปดีดจมูกเฉินโย่วทีึ่ เจ้าเ็คนนี้จะต้องทำเพื่อพระธาตุเป็แน่ ทว่าเจ้าเ็น้อยจะไปรู้จักพระธาตุได้่าไร สำหรับนางก็คงเป็แค่ลูกปัดกระูเท่านั้น เช่นนั้นนางก็คงแค่อยากกิน
ผลลัพธ์คือเจ้าัน้อยเพียงแค่อ้าปากก็งับหมับเข้ากับนิ้วนาง ด้วยเพราะฟันนางยังไม่งอก ยามนางงับมาจึงไม่รู้สึกอะไร หากจะรู้สึกคงเป็าขบขันเล็กๆ เท่านั้น!
ก็มิรู้เช่นกันว่านางเจออะไรก็หยิบเข้าปากเช่นนี้ ต่อไปจะเกิดปัญหาอะไรหรือไม่
หลัวอู๋เี่พลันรู้สึกกังวลใ
“เสี่ยวชุน วานเจ้าไปเรียกท่านหมอหูมาให้ข้าที”
เสี่ยวชุนแม้โดยปกติจะหายัไปบ่อยๆ ทว่านางก็ยังนับว่าีคุณสมบัติสาวใช้ ไม่ว่านายหญิงสั่งอะไร นางก็ล้วนทำตามทันทีโดยไม่ถามถึงเหตุผล
เสี่ยวอู่ที่แบกอาสวินไว้บนั ยังคงดึงดันจะยืนอยู่หน้าประตู
“เข้ามาเถิด” หลัวอู๋เี่เอ่ยปาก
เสี่ยวอู่ลังเลอยู่ครู่ึ่ก่อนจะย่างเท้าเข้าไปในเรือน ยามเหยียบลงไปบนพื้นก็พบว่าใต้ฝ่าเท้าตนแท้จริงแ้ปูพรมนุ่มไว้ ยิ่งกว่านั้นพรมยังีขนนุ่มๆ ที่ยามเหยียบย่ำลงไปเท้าก็จะจมหายไปทันที
แม่นางหลัวเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะ
เรือนันี้นางไม่ว่าัอะไรก็เข้ามาได้ กระทั่งเจ้าเ็คนนี้ก็ยังเข้ามาจนได้
“ไม่ีอันใดหรอก เจ้าัเล็กนางชอบปีนป่ายนัก กลัวนางจะตกลงมากระแทกพื้น จึงได้ปูพรมไว้”
เสี่ยวอู่เมื่อเท้าทั้งข้างย่างเข้าไปในเรือน ก็พลันรู้สึกว่า่ากายตนนั้นเซไปมา
อาสวินที่กึ่งหลับกึ่งตื่น คิดจะพูดอะไรบาง่า ทว่าัอ้าปากไม่ออก จึงได้แต่ถูกเสี่ยวอู่แบกมาด้วยามึนงง
า่าเาเอ่ยปากได้ เขาย่อมไม่ให้อาสวินติดตามสตรีนางนี้มา
เพียงแต่ยามที่เสี่ยวอู่ย่างกรายเข้าไปในเรือน ก็เห็นเฉินโย่วน้อยที่นั่งอยู่บนตั่งนุ่มกำลังโบกืมาทางพวกเขา
เขาเดินไปหาทารกน้อยด้วยท่าทางเคอะเขิน เขาไม่เคยเดินบนพื้นนุ่มเช่นนี้มาก่อน
เฉินโย่วน้อยถือวิสาสะหยิบน้ำตาลกรอบบนโต๊ะข้างตั่งนุ่มขึ้นมาึ่ชิ้น แ้ยื่นืส่งให้เสี่ยวอู่
“อร่อย”
แม้จะยืนอยู่ไกลเจ้าน้ำตาลกรอบนั้น ทว่าก็ยังได้กลิ่นาหอมมัน ด้านบนชิ้นขนมนั้นยังีน้ำตาลไหม้และงา ทั้งชิ้นเป็สีน้ำตาล เป็ชิ้นเล็กแข็งๆ ูแ้น่ากินนัก
แค่มองก็รู้ว่าต้องอร่อยเป็แน่ น่าจะต้องอร่อยมากๆ ด้วย
เสี่ยวอู่ที่ืยังพยุงอาสวินไว้บนัตน บนฝ่าืก็พลันีเหงื่อผุด
เขาไม่ได้ยื่นืไปรับ เพียงหันไปมองสตรีด้านข้างตนทีึ่
หลัวอู๋เี่เห็นสายตาที่เ็หนุ่มส่งมา ดวงตาคู่นั้นโตนัก ทว่าศีรษะก็โตเช่นกัน
นางจึงพยักหน้าตอบ่าอ่อนโยน
เสี่ยวอู่จึงถูฝ่าืกับเสื้อผ้าตนจนสะอาด จากนั้นจึงค่อยรับน้ำตาลกรอบก้อนนั้นมา
จากนั้นก็ไม่ได้รีบกินเข้าไปทันที
ทว่าัวางอาสวินลงพื้น่าเบาืก่อน ให้อาสวินนั้นนั่งอยู่ข้างกายทารกน้อย จากนั้นก็หยิบก้อนน้ำตานั้นมาบิออกช้าๆ จากนั้นจึงป้อนเข้าปากอาสวิน
เขานั้นคิดจะกินส่วนที่เหลือเข้าไปให้หมด ทว่าเมื่อเห็นทารกน้อยยิ้มมาทางตน เสี่ยวอู่ก็ลังเลใ ก่อนจะบิน้ำตาลที่เหลือออกมา ป้อนใส่ปากเฉินโย่วน้อย ในใคิดว่านางนั้นคือ้สาว ีทั้งนางยังเล็กนัก
จากนั้นจึงค่อยหยิบน้ำตาลที่เหลือใส่ปากัเ แ้จึงเลียคราบน้ำตาลบนนิ้วตน
อาสวินนั้นยังหลับอยู่ ในาง่วงงุนก็รู้สึกถึงรสชาติหวานปะแล่มในปาก ราวกับเขานั้นกำลังฝันหวานอยู่ก็ไม่ปาน
เสี่ยวอู่ยามตั้งใกินก้อนน้ำตาลที่เหลืออยู่เพียงเสี้ยวัเ ก็รู้สึกว่ามันหวานนัก
ส่วนเฉินโย่วน้อยนั้นจ๊อบแจ๊บปากเพียงครู่เดียวก็กลืนลงคอไป
ต่อมานางจึงล้วงลูกปัดกระูขึ้นมาแ้โยนเข้าปากทันใด
หลัวอู๋เี่เมื่อเห็นทารกน้อยทำเช่นนี้ีแ้ก็มิรอช้า รีบดึงืนางให้วางลง ทว่าลูกปัดนั้นจะยังเหลืออยู่เสียที่ไหนกัน จะเหลือก็เพียงคราบน้ำลาย กับรอยยิ้มโง่งมทารกน้อยเท่านั้น
หลัวอู๋เี่เห็นเช่นนั้นก็ทั้งโกรธทั้งจนใ
ครั้นจะตีนางก็ไม่กล้าลงื
ประจวบเหมาะที่ยามนั้นประตูเรือนพลันเปิดออก
คนที่เข้ามานั้นไม่ได้ีเพียงท่านหมอ แต่นายท่านใหญ่ก็มาเช่นกัน
ยามนายท่านใหญ่เข้ามาก็เห็นแม่นางหลัวกำลังจับืเจ้าทารกน้อยอยู่ ใบหน้างามนั้นทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ทว่าท่าทางเช่นนั้นัขับให้นางยิ่งูงดงามเสียงยิ่งกว่าในวันปกตินัก ีทั้งยังูเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวิตชีวา
ท่านหมอหูและเคราแพะบนใบหน้าพลันกระแอมขึ้นทีึ่
เสี่ยวอู่เมื่อเห็นว่าีคนมาก็นั่งลงด้วยากังวลข้างอาสวิน
หลัวอู๋เี่เมื่อหันมาพบหลีโฉ่วก็พลันตกใ
วันนี้นางอยากพาเจ้าทารกน้อยมาที่นี่ วันก่อนจึงตั้งใปรนนิบัติเขาอยู่นานนัก
ในาเป็จริงยามนางอยู่กับทารกน้อย นางไม่แม้แต่อยากจะเห็นเงาเขาเสียด้วยซ้ำ
“ไม่สบายีแ้ึ เมื่อวานข้าก็เห็นเจ้ายังดีๆ อยู่นี่” นายท่านใหญ่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
หลัวอู๋เี่ยามนี้นั่งัตรงดุจพู่กัน เผยให้เห็นลำคอระหงนั้น ก่อนที่ใบหน้างามจะเงยขึ้นมองคู่สนทนา ยามนี้ท่าทางเช่นนี้นางก็ทำให้นางีเสน่ห์่าบอกไม่ถูก
“มิใช่ข้าหรอก แต่เป็เจ้าัเล็กต่างหาก นางชอบหยิบก้อนหินใส่ปาก ข้าจึงให้ท่านหมอมาตรวจูสักหน่อย”
ชายเคราแพะยาวท่านหมอหูลงืตรวจ่าคล่องแคล่วโดยไม่ได้กล่าวอันใด
ไม่แม้แต่จะหันมองสตรีข้างกายตน
เพียงก้มหน้าลงแ้ยื่นืไปจับแขนเฉินโย่วน้อย
เฉินโย่วก็ไม่ได้ขัดขืน เพียงจ้องหน้าคนตรงหน้าตนนิ่งๆ จากนั้นจึงยื่นืข้างน้อยออกมาจับเคราแพะท่านหมอหู ้กับยิ้มหวานออกมาพ
รอยยิ้มนางราวกับสามารถสื่อสารกับหัวใผู้อื่นได้
แค่มองก็ทำให้รู้สึกเบิกบานนัก
หลัวอู๋เี่รีบแกะืนางออก แ้ดุเสียงเบา “เจ้าอย่าซนนะ”
ผ่านไปพักใหญ่ท่านหมอหูก็เก็บืั “่ากายนางไม่สมดุลโดยกำเนิด นางคงไม่อาจอยู่รอดจนถึงวัยปักปิ่น”
รอยยิ้มเมื่อครู่บนใบหน้าหญิงงามพลันอันตรธาน
เสี่ยวอู่ก็พลันปากอ้าตาค้าง
อาสวินที่ยังหลับตาอยู่ก็ขยับปากไปมา ที่แท้นี่ัไม่ใช่ฝันดี
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??