เรื่อง หงสาสีนิล
ท่านหมอเคราแพะเิออกจากเรือนแห่งนี้ไปพร้อมกล่องยาบนหลัง.
ทว่านายท่านใญ่หลีโฉ่วนั้นไม่ได้เิามไป เขายังคงยืนขมวดคิ้วมองเด็กั้สามคนให้อง
เขานั้นไม่ได้ชอบเด็กนัก เพียงแค่อยากจะมีเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองไว้สืบทอดตำแหน่งต่อจากเขาสักคน
ทว่าวันนี้เขากลับต้องมาพูดประโยคนี้ีครั้งึ่ “ถ้าชอบนางนักก็อุ้มกลับมาเลี้ยงเสียก็ิ้เรื่อง หากี่านางไม่ยอม ก็ฆ่าทิ้งเสีย”
หญิงงามตรงหน้านายท่านสามที่แต่ไหนแต่ไรา็ล้วนเป็คน่โยน ไม่ว่าเขากล่าวอะไรก็ว่าาม ทันใดก็เปลี่ยนแปลงไปราวกับพายุเข้า
แจกันที่วางอยู่ตรงหน้าก็ถูกนางปัดทิ้งลงพื้น
“ข้าอยู่ได้ีไม่นาน นางก็อยู่ได้ีไม่นาน เอามารวมกันก็เหมาะสมกันดีใช่หรือไม่”
หลัวอู๋เลี่ยงเงยหน้าึ้มองหลีโฉ่ว
ดวงาคู่งามนั้นนองไปด้วย้ำา
หยาด้ำาค่อยๆ เ่ล้นจากดวงาแ้พราวเกาะบนแพขนาคู่งาม จากนั้นจึงค่อยๆ หยาดลงเป็สาย
แม้กระทั่งร้องไห้ นางก็ร้องได้น่ามองนัก`
หลีโฉ่วจึงได้แต่ยื่นมือออกมาปาดหยด้ำาให้นาง``
“ามใจเจ้า”
เมื่อกล่าวไปประโยคึ่ ก็เหลือบมองเจ้าเด็กหนุ่มที่ทำท่าทางราวกับกำลังป้องกันภัยรอบด้านนั้น ใอดีตหากเขาเห็นสายาเช่นนี้ เขาก็คงจะลงมือฆ่าอย่างไม่ลังเล ทว่าวันนี้เขากลับต้องฝืนไว้
จากนั้นจึงหมุนกายจากไปทันที
เมื่อหลีโฉ่วจากไปแ้
เสี่ยวอู่เหงื่อโทรมไปั้กาย ที่าคนเมื่อครู่มองมาที่เขา เขาก็รู้สึกไม่อาจควบคุมร่างกายไม่ให้สั่นเทาได้
บัดนี้เมื่อหันไปมองแม่นางหลัว ก็รู้สึกว่านางช่างเก่งกาจนักที่กล้าระเบิดอารมณ์ใส่าคนเมื่อครู่
อาสวินผ่อนลมหายใจยาวทีึ่ เขานั้นรู้สึกกลัวยิ่งกว่าเสี่ยวอู่ ด้วยเพราะเขานั้นฉลาดกว่า
ท่านหมอตรวจร่างกายเขาแ้ก็บอกว่าเขานั้นเพียงผอมเกินไป ูแลตัวเองดีๆ ก็ไม่มีปัญหาใดแ้
ทว่าทารกน้อยที่แสนร่าเริงตรงหน้าเขานั้นกลับกำลังจะลาโลกนี้ไปตั้งแต่ยังเล็กนัก
คนฉลาดเช่นอาสวิน แท้จริงเขาอยากจะคัดค้านคำพูดของท่านหมอนัก ทว่าเขาเองก็รักษาโรคไม่เป็ ซ้ำเมื่อมองท่าทางของท่านหมอ ก็เห็นว่าเขาคงจะไม่ได้พูดเป็แน่
“นี่ก็เป็เพียงสตรีนางึ่ อยู่รอดจนถึงวัยปักปิ่นจะมีอะไรโชคดีกันเ่า ไม่สู้....ไม่สู้....” หลัวอู๋เลี่ยงพูดเองเออเองคนเี ทว่าก็ไม่อาจพูดคำนั้นออกมาได้
อาสวินกับเสี่ยวอู่รู้ต่างก็รู้ว่าคำที่นางกำลังจะพูดออกมานั้นคือคำว่า ‘ไม่สู้ายไปเสีย’
ส่วนเฉินโย่วน้อยนั้นกลับไม่เข้าใจิ่ใดั้ิ้
นางเห็นเีแ่ว่าเลี่ยงเลี่ยงนั้นกำลังโ จึงหยิบก้อนหินออกมาจากกระเป๋าก้อนึ่ แ้ส่งให้สตรีตรงหน้าอย่างไม่เต็มใจ
หลัวอู๋เลี่ยงมองก้อนหินนั้น ก็เห็นว่าคือหินโมราที่ทารกน้อยดึงมาจากชุดนาง นางจึงได้แต่ั้โั้ขำใเวลาเีกัน
“เลี่ยงเลี่ยง ยิ้ม”
หลัวอู๋เลี่ยงมองทารกนั่งอยู่ที่เดิม ใบหน้าน้อยระบายยิ้ม้า มือนั้นก็ช่างอ้วนท้วนนัก จนนางอดไม่ได้ที่จะคว้าร่างน้อยๆ นั้นาอด
ทารกน้อยก็ไม่ได้ขัดขืน เพียงใช้มือคู่น้อยตบหลังสตรีที่อุ้มตนอยู่เบาๆ
ใใจหลัวอู๋เลี่ยงจึงค่อยๆ สงบลง
นางจึงอุ้มทารกน้อยไว้ใอ้อมกอดแ้โยกไปโยกมาเบาๆ พร้อมกับฮัมเพลงเป็จังหวะ นางนั้นมิรู้ว่าตนกำลังปลอบโยนเจ้าทารกน้อยอยู่ หรือเจ้าทารกนี้กำลังปลอบนางอยู่กันแน่
หลัวอู๋เลี่ยงฝืนร่างกายไม่ให้สั่นเทิ้ม
เีแ่...นางไม่ยินยอม
นางไม่ยอมให้เรื่องราวเป็เช่นนี้
หน่วยลาดตระเวนกลับมาแ้
เมื่อก่อนยามที่หน่วยลาดตระเวนกลับา็ไม่ได้ทำตัวเอิกเกริกอันใด
ทว่าบัดนี้กลับอึกทึกนัก
พวกเขาครั้งนี้ถึงขั้นแบกงูยักษ์กลับมาด้วยตัวึ่!
ยามวางลงตรงหน้าเขากระูก ก็ยิ่งทำให้มันูสะดุดานัก
คนกลุ่มใญ่จึงพากันมามุงู ช่างเป็ภาพที่หาูได้ยากนัก
เจ้างูเหลือมยักษ์นี่น่าจะอายุยาวนานจนน่ามีความคิดเช่นมนุษย์แ้กระมัง เหตุใดจึงถูกฆ่าายได้เ่า
อาลู่นั้นไม่ได้ร่วมมุงไปกับคนอื่นด้วย ใมือเขายังถือช่อดอกไม้สีขาวอยู่ีช่อึ่
ั้ช่อรวมดอกไม้สีขาวเป็ช่อึ่ ด้านบนูฟูนุ่ม ยามดอกไม้ช่อใญ่นี้อยู่ใมือเด็กหนุ่มก็ยิ่งูงดงามนัก
เพราะเด็กหนุ่มขี่ม้ามาไกลจึงทำให้ใบหน้านั้นเริ่มซับสีเลือดระเรื่อ ยามถือช่อดอกไม้ขาวไว้ใมือ ั้สองสีเมื่ออยู่ด้วยกันจึงูตัดกันชัดเจน
หลัวอู๋เลี่ยงเมื่อได้ยินข่าวก็อุ้มเฉินโย่วน้อยออกมา เมื่อมาถึงก็เห็นภาพาฉกรรจ์กำลังรวมตัวกัน
เด็กหนุ่มบนหลังม้าขาว ใมือถือดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ พร้อมกับรอยยิ้มหวานบนใบหน้า
เด็กน้อยใอ้อมกอดนางพลันอยู่ไม่นิ่ง
รีบยื่นมือั้สองโผไปหาี่า
อาลู่ลงจากม้า แ้วิ่งเหยาะๆ าหน้า้สาว รับทารกน้อยที่โผเข้ามาหาตนมาไว้ใอ้อมกอด
“ี่ขายให้เจ้า ชอบหรือไม่”
เฉินโย่วน้อยพยักหน้า จากนั้นก็หอมแก้มี่าฟอดใญ่ จนแก้มของอาลู่นั้นเปรอะด้วย้ำลาย ั้ชื้นและอุ่นนัก
เด็กหนุ่มอุ้มทารกน้อยไว้ใอ้อมแขน ทารกน้อยจึงชูช่อดอกไม้กลมๆ ึ้ หลัวอู๋เลี่ยงเห็นภาพนั้นก็รู้สึกว่าช่างน่ามองนัก จนนางรู้สึกอิจฉาเจ้าทารกน้อย
“รบกวนแม่นางหลัวแ้ วันนี้้สาวคงไม่ซนใช่ไหม”
“ไม่เลย นางว่าง่ายนัก” หลัวอู๋เลี่ยงอยากพูดอะไรบางิ่ ทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา
มองทารกน้อยถือดอกไม้ใมือเล่น จากนั้นก็โถมหน้าน้อยๆ ซุกลงไปใช่อดอกไม้นั้น แ้จึงอ้าปากกัดเข้าคำึ่ แต่อาจเป็เพราะดอกไม้นี้ไม่อร่อย ซ้ำยังมีขนเยอะเกินไป ใบหน้าน้อยนั้นจึงทำหน้ายู่ยี่ึ้มา จากนั้นจึงทำท่าถุยดอกไม้ใปากออกมาเสียหลายครั้ง
หลัวอู๋เลี่ยงเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะึ้
เสี่ยวอู่ที่แบกอาสวินไว้บนหลังนั้นยังไม่กล้าขยับเข้าไปใกล้ ด้วยตรงนั้นมีโจรภูเขาอยู่กันเยอะเกินไป จึงได้แต่ยืนมองอยู่ไกลๆ
ได้ยินคนใกลุ่มนั้นพูดกันว่า เจ้างูยักษ์ตัวนั้นอาลู่เป็คนจับมาได้
ี่ลู่ช่างร้ายกาจเกินไปแ้
ใบหน้าของเสี่ยวอู่พลันเต็มไปด้วยความเลื่อมใสใตัวอาลู่
ไม่นานนักอาสวินบนหลังอาลู่ก็ตื่นึ้ เห็นเด็กหนุ่มพร้อมใบหน้ายิ้มแต่กำลังอุ้มทารกน้อยไว้ใอ้อมอก สีหน้าของเขานั้นช่างูมีความสุขเหลือเกิน
แววาของอาสวินพลันมีแววยุ่งยาก
เขานั้นเกิดมาพร้อมสติปัญญาเป็เลิศเหนือใคร
ิ่ที่เขาเคยเห็น่าสายานั้น เขาล้วนจำได้ไม่ลืมเลือน
ทว่าบัดนี้เขาอยากลืมรอยยิ้มเต็มใบหน้าของเด็กหนุ่มตรงหน้านัก
เสี่ยวอู่นั้นแทบทนไม่ไหว
รอจนอาลู่เิเข้ามาหา เขาก็วิ่งไปตรงหน้าทันที พร้อมถามอาลู่ด้วยใบหน้าตื่นเ้ “ี่ลู่ เจ้างูตัวนี้ี่เป็คนเก็บกลับมาจริงหรือ ท่านช่างร้ายกาจนัก”
อาลู่มองเห็นอาสวินกับเสี่ยวอู่จากไกลๆ
เมื่อเห็นเด็กหนุ่มวิ่งเข้ามาหา เขาก็ถามออกไปด้วยความตกใจ “พวกเจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร ข้ายังไม่ได้คุยกับนายท่านสามเลย”
“ี่ลู่ เมื่อวานท่านบอกให้พวกข้าช่วยท่านูแล้สาวให้ดี แต่แม่นางคนนั้นกลับมาอุ้มนางไป พวกข้าเลยามนางมา”
อาลู่พยักหน้าเบาๆ
เมื่อเห็นเสี่ยวอู่แบกอาสวินมาด้วยจึงเอ่ยปากถาม “ร่างกาย้าเจ้าดีึ้บ้างหรือยัง”
“ดีึ้าแ้ ข้าป้อนอาหารให้เขากิน ไม่นานก็น่าจะดีึ้แ้ เีแ่...” เสี่ยวอู่อยากจะพูดเรื่อง้สาว ทว่ากลับถกอาสวินสะกิดหลังเบาๆ เขาจึงไม่ได้พูดต่อ
อาลู่เองก็ไม่ได้สนใจต่อ
“เย็นนี้พวกเรากินเนื้องูกัน ท่านอาปาฝีมือดีนัก เนื้อนี่เอามาทำ้ำแกงได้ ้ำแกงก็เหมาะสำหรับบำรุงร่างกาย้าเจ้าพอดี”
“อืม”
เจ้างูยักษ์หน้าภูเขากระูกไม่นานนักก็ถูกแบ่งเนื้อกันจนเรียบ้ ส่วนอาลู่นั้นได้รับเนื้องูครึ่งตัวแต่เพียงผู้เี ทว่าอาลู่ก็แบ่งเป็สี่ส่วนเช่นกัน จากนั้นก็คิดว่าจะเอาไปมอบให้นายท่านสามและแม่นางหลัว
ส่วนที่เหลือนั้นก็เก็บไว้ให้ตัวเอง
อาลู่อุ้ม้สาว เสี่ยวอู่ก็แบกอาสวิน เจ้าก้างคอยเินำทางอยู่ด้านหน้า ั้หมดจึงค่อยๆ เิามกันเข้าไปใถ้ำ
ใถ้ำนั้นมืดสนิท
เฉินโย่วน้อยผล็อยหลับไปีครั้ง ทว่าใมือก็ยังคงถือช่อดอกไม้ พร้อมั้ซุกไซร้ใอ้อมกอดของอาลู่อย่างมีความสุข
“เสี่ยวอู่ เมื่อครู่เจ้าอยากจะกล่าวอะไร” อาลู่อยู่ดีๆ ก็เอ่ยปากถามึ้
เสี่ยวอู่พลันชะงักไปครู่ึ่ ก่อนจะอึกๆ ัๆ ไม่รู้จะกล่าวอะไร
ทันใด้ำเสียงเย็นเยียบของเด็กหนุ่มบนหลังเสี่ยวอู่ก็ดังึ้
“แม่นางหลัวให้ท่านหมอมาตรวจร่างกายให้เฉินโย่ว ท่านหมอบอกว่าร่างกายนาง่แอโดยกำเนิด ีั้นางอาจจะอยู่ไม่ถึงวัยปักปิ่น”
เสี่ยวอู่รู้สึกตกใจไม่เบา อาสวินยามพูดนั้นไม่เคยเอ่ยปากยืดยาวถึงเพียงนี้
ทว่าบัดนี้ิ่ที่เขาตกใจกลับไม่ใช่เรื่องที่อาสวินยอมพูด แต่เป็ิ่ที่อาสวินนั้นพูดออกมาพ
เสี่ยวอู่ไม่เข้าใจนักว่าวัยปักปิ่นแท้จริงแ้มีความหมายว่าอะไร แต่ก็พอเข้าใจใิ่ที่เขาพูดว่า ้สาวของี่ลู่นั้นคงจะอยู่ได้ีไม่นาน
อาลู่ที่อุ้ม้สาวอยู่ก็ยังคงก้าวต่อไม่ได้ชะลอฝีเท้าแต่อย่างใด ั้ยังเร่งเิามหลังเจ้าม้าดังเดิม
ั้สองด้านของถ้ำก็ค่อยๆ สว่างึ้
“ไม่มีทางหรอก ข้านั้นดวงดีนัก นายท่านสามก็เคยกล่าวว่าข้านั้นเป็คนดวงดี” อาลู่ตอบเด็กหนุ่มั้สองด้วย้ำเสียงหนักแน่น
ทว่าคนเลินเล่อเช่นเสี่ยวอู่ที่กำลังเิามหลังอยู่ กลับคิดว่าเสียงของี่ลู่นั้นแฝงแววสะอื้นในั้น
เจ้าช่อดอกไม้ปุกปุยนั้นเมื่อสัมผัสเข้ากับแก้มของทารกน้อย นางก็ยู่หน้าึ้ทีึ่
อาลู่จึงดึงดอกไม้ออกมาเบาๆ จากนั้นจึงลูบแก้ม้สาวตน รู้สึกว่า้สาวตนนั้นช่างงดงามนัก
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??