เรื่อง หงสาสีนิล
เถาวัลย์สีเขียวมรกตเลื้อยปกคลุมไปั้กำแพง.
ตรงหัวมุมกำแพงยังมีบ่อปลาเล็กๆ ที่มีเพียงปลาสีดำและขาว ดูไร้สีสัน
ด้วยปลาหลากสีนั้นหากถูกนำมาปล่อยในบ่อนี้ ไม่นานนักก็จะถูกเฉินโย่วใช้แหช้อนึ้มา
เฉินโย่วน้อยชอบสิ่งที่มีสีสันนัก
ข้างบ่อปลานั้นยังมีแปลงผักเล็กๆ อีกแปลง
บัดนี้จึงได้เห็นว่าแม่นางหลัวผู้สูงส่งได้เลิกปลูกดอกไม้เสียแ้ แต่เปลี่ยนมาปลูกต้นผักพระพุทธแทน
ใบมันหนานัก งอกึ้เป็คู่ๆ แ้โน้มเข้าหากันจนดูราวกับมือที่กำลังประนม สามารถกินดิบได้ รสชาติหวานกรอบไม่เบา
ฤดูหนาวก็สามารถปลูกได้
นอกจากผักพระพุทธแ้ บนภูเขาแห่งนี้ก็ยังปลูกผักอีกหลายชนิด เีได้ว่าแทบจะปลูกกันทุกครัวเรือน
บัดนี้ค่ายบนภูเขาแห่งนี้ไม่เีตนเองว่าค่ายอีกต่อไป นายท่านสามบอกว่า บัดนี้ค่ายเราไม่ได้เป็โจรผู้ปล้นชิงอีกแ้ ทุกล้วนเป็สุจริตชน ันั้นจึงเปลี่ยนชื่อที่นี่เป็หมู่้าไป๋กู่แทน
ที่ร่างกายอ่อนแอก็ให้ปลูกผักอยู่บนเขา เลี้ยงแพะเลี้ยงแกะ ึเวลาก็ค่อยเอาไปขายในตา`
ส่วนที่แ็แรงหน่อยก็ให้เป็หน่วยาตระเวน หรือทำ้าที่คอยสืบข่าวก็ได้เช่นกัน ทว่า้าที่เหล่านี้กลับไม่ได้มีเพื่อไว้ปล้นสะดมเหมือนเก่า แต่มีไว้เพื่อคอยเก็บค่าผ่านทาง``
แม้จะไม่มีการปล้นทรัพย์ดั่งวันวาน แต่ชีวิตบนเขานี้ก็ดีึ้ยิ่ง ทุกที่ล้วนเจริญงอกงาม
“ี่สวิน ช่วย้า้” เฉินโย่วน้อยคร่ำครวญึ้
บนร่างนางยังสะพายะเป๋าหนังงูใบเล็กวิ่งไปะโดดไป
หลัวอู๋เลี่ยงวิ่งไล่นางครู่ึ่ก็หอบแฮ่ก
ร่างกายแม่นางหลัวนั้นนับวันก็ยิ่งแ็แรงึ้ น่าจะเป็เพราะเฉินโย่วน้อยทำให้นางโกรธอยู่เสมอ ทุกวันจึงต้องวิ่งไล่ร่างเล็กๆ นั้นเสียหลายั้ แม้จะไม่เคยจับตัวได้สักครา
เฉินโย่วน้อยก็นับวันก็ยิ่งซน
เมื่อหันกลับไปไม่เห็นแม่นางหลัวตามมาก็ยืนรออยู่ครู่ึ่ เมื่อเห็นเงาน้าหลัววิ่งมาทางตนแ้ใกล้จะจับตนได้อยู่รำไร ก็ออกวิ่งต่อ......
หลัวอู๋เลี่ยงนั้นโกรธจนควันแทบจะออกหู
เ็หญิงน้อยวิ่งอ้อมภูเขาอยู่รอบึ่ ุท้ายก็วิ่งไปทางเรือนท่านลุงสาม
้าเรือนท่านลุงสามมีบาง่ากองอยู่ ดูแ้เกะกะนัก
ยามนางมาที่เรือนนี้ทุกั้ นางก็จะอ้อมเข้าเรือนจากทางด้านหลังเสมอ
ด้านหลังเรือนนั้นมีโพรงเล็กๆ อยู่ ต่อมาี่สวินก็ให้ทำประูึ้ นางจะได้ไม่ต้องคลานลอดเข้ามา
มืออ้วนๆ ักประูให้เปิดออกจนมีเสียงเอี๊ยดอ๊าดัึ้
สวนหลังเรือนท่านลุงสามนั้นสวยนัก มีั้ต้นไม้ สระา และองุ่น
ยามนางเข้ามาก็เห็นี่สวินนั่งอยู่บนเก้าอี้หวายพิงต้นองุ่นอยู่ บนศีรษะนั้นยังมีหนังสือปิดไว้
เฉินโย่วน้อยค่อยๆ ย่องเข้าไปหา เพิ่งจะเดินไปึ้าเขา ก็เห็นว่าบนค้างมีงูดอกไม้ตัวึ่กำลังร่วงลงมา เ็หญิงจึงกรีดร้องเสียงหลง แ้จึงจับเจ้างูตัวเดิมโยนกลับึ้ไปบนค้างองุ่น
อาสวินก็จนใได้แต่หยิบหนังสือที่ปิด้าเขาลง
เฉินโย่วน้องเพียงครู่เดียวก็ปีนึ้ไปบนเก้าอี้หวายแ้นั่งลงบนตักอาสวิน จากนั้นก็หยิบองุ่นที่อยู่ด้านข้างโยนเข้าปากไป
อาสวินมองเฉินโย่วน้อยที่วิ่งมาจนเหงื่อโทรม ก็เอ่ยถามนาง่าจนปัญญาว่า “เจ้าไปซนมาอีกแ้หรือ”
เฉินโย่วน้อยส่าย้า ทำเสียงอู้อี้ตามอาสวินพร้อมองุ่นเต็มปาก “เป่าเสียหน่อย ข้าแค่วิ่ง ส่วนน้าหลัวก็ไล่ตาม ไ่ไป ไ่ไปก็เจอกับท่านลุงสาม ข้าเลยมาหาท่านที่นี่ไง”
อาสวินหยิบหนังสือึ้มาเคาะศีรษะเ็หญิงบนตักตนเบาๆ
เฉินโย่วน้อยจึงยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาทีึ่
ทว่าแม้แต่รอยยิ้มชั่วร้ายเช่นนี้นางก็ยังดูงดงามนัก
“เจ้าแอบลงจากเขาไปก่อเื่อีกแ้”
“ข้าไม่ได้ก่อเื่ มีน้าชายกลุ่มึ่ตะโกนบอกให้ข้ากินเผ็ด ข้าก็เลยบอกว่าข้าชอบกินเผ็ดเสียที่ไหน จากนั้นก็ไม่มีอะไรแ้” เฉินโย่วน้อยอธิบายให้อาสวินฟังด้วยท่าทีจริงจัง!
จากนั้นศีรษะน้อยๆ นั้นก็ถูกหนังสือเคาะเข้าอีกทีึ่
“ข้าจะลงโทษเจ้าให้ท่องหนังสือ บ่ายข้าจะมาตรวจ หากเจ้าท่องไม่ได้ เย็นนี้ก็ไม่ต้องกินข้าว ข้าจะไปคุยกับเสี่ยวอู่และอาลู่เองว่าห้ามอ่อนข้อให้เจ้า”
เฉินโย่วเมื่อได้ยินว่าต้องท่องหนังสือ ใบ้าน้อยก็พลันก้มต่ำทันที
เดิมทีนางคิดจะมาอวดะเป๋าหนังงูใบใหม่นาง
ใครจะคาดว่าลัพธ์กลับเป็การทำร้ายตัวเอง
นางช่างจนปัญญากับเื่การเรียนนัก เพราะไม่ว่าท่านลุงสาม น้าหลัว ะทั่งอาปาและี่ชาย ต่างก็เห็นดีเห็นงามเหมือนกันทุก
นางนั้นพยายามต่อต้านตั้งหลายั้ ทว่ากลับไม่เกิดใด
อาสวินมองน้องาที่ทำท่าราวกับกำลังน้อยใ ก็รีบหัน้าไปทางอื่น ด้วยรู้ทันว่าเจ้าตัวเล็กจะมาไม้นี้อีกแ้
หากเพียงไม่ระวังก็ย่อมต้องโดนนางหลอกเข้าให้
หลังช่วงบ่าย
ในเรือนนั้นปรากฏภาพอาสวินกำลังอ่านหนังสืออยู่ เฉินโย่วเองก็กำลังอ่านหนังสือเช่นกัน
อาสวินยามอ่านหนังสือนั้นเงียบงันด้วยาตั้งใ ยามนั่งหลังก็ตรงดุจพู่กัน บางั้ก็จะหยิบพู่กันึ้มาบันทึกบาง่า ค่อยๆ พลิกอ่านทีละ้าไปเรื่อยๆ
ส่วนเฉินโย่วยามอ่านหนังสือนั้นช่างมีชีวิตชีวิตชีวา เสียงใสๆ นางก็ัฟังชัด
“โค่นแ้จำจันทร์เจ้า ลอยล่องเร้าตามสายธาร ธารใสเกลียวธารา
มิหว่านพฤกษ์เก็บไหนเลย สามร้อยโยชน์พรรณพฤกษา หนีแก้วตาไปไหนเลย
อดสูเจ้าสุกรยามนิทราถูกล่าเอย ้าใดปลิดชีวา ท่านป้าน้าหรือลุงเฉลย
ไม้จันทน์ทำซี่ล้อ แ้วางต่อข้าสายธาร ธารใสเกลียวธารา
มิหว่านพฤกษ์เก็บไหนเลย สามร้อยรวงธัญญา ใยแก้วตาจำอาดูร
อดสูเจ้าสุกรยามนิทราถูกล่าเอย ้าใดปลิดชีวา ท่านป้าน้าหรือลุงเฉลย
ไม้จันทน์ทำลูกล้อ แ้วางว่องข้องสารธาร ธารใสเกลียวธารา
มิหว่านพฤกษ์เก็บไหนเลย สามร้อยรวงธัญญา ไยะทาห้อยแขวนเอย
อดสูเจ้าสุกรยามนิทราถูกล่าเอย ้าใดปลิดชีวา ท่านป้าน้าหรือลุงเฉลย”
นอกเรือน นายท่านสามยืนมองพื้นที่ไกลๆ ด้วยาเคอะเขิน
ข้างกายเขามีแม่นางหลัวยืนอยู่
แม่นางหลัวนั้นไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด หากมีอะไรเปลี่ยนไป ก็คงมีเพียงแต่นางที่ดูงดงามึ้เท่านั้น เมื่อ่นั้นนางดูงดงามทว่าเย็นชานัก จึงทำให้รู้สึกว่านางนั้นดูราวกับไร้หัวใ
ทว่านางในปัจจุบัน แม้แต่รอยยิ้มน้อยๆ นางก็ล้วนแต่ดูอบอุ่น จนทำให้นึกสนใ
แม้ว่าคืนนั้น เขาจะเห็นนางเป็ลงมือักนายท่านใหญ่ลงสระะดูก
ทว่ากลับทำให้เขายิ่งนึกรักนางเสียด้วยซ้ำ
ท่าทางยามนางักนั้นดูแ้ช่างดุดันมั่นใเช่นวีรบุรุษ เด็ดขาดไร้าลังเล
“นางช่างฉาจริงๆ”
นายท่านสามพยัก้าเห็นด้วย
เขารู้ว่าแม่นางหลัวนั้นกำลังพูดึเจ้าตัวน้อยที่กำลังโคลงศีรษะท่องหนังสืออยู่นั้น
เ็หญิงวัยเพียงห้าขวบ สอนไปเพียงั้เดียวก็สามารถจดจำตัวอักษรั้หมดจนสามารถอ่านหนังสือได้เอง ั้ที่นางนั้นไม่ได้ตั้งใอันใด มีแต่จะขี้เกียจตัวเป็ขน มีเพียงยามเล่นเท่านั้นจึงจะจริงจังึ้มา
“ข้ายามอายุเท่านางก็ยังมิได้สนใอักษรเท่านาง พูดไปแ้อาโย่วนั้นเก่งกว่าข้าเสียอีก” หลัวอู๋เลี่ยงยามพูดึเฉินโย่ว ใบ้างามก็พลันยิ้มออกมา่าอดไม่ได้
“อาสวินเองก็เก่งนัก หากว่าเขาสามารถเข้าเรียนได้ ย่อมต้องได้ที่ึ่เป็แน่ เสียดายนักที่บัดนี้ข้าไม่มีอะไรจะสอนเขาแ้ ทว่าโชคดีที่หลายปีมานี้ หนังสือที่มีบนภูเขานั้นก็นับว่าไม่น้อยเลย”
นายท่านสามแอบมองแม่นางหลัวทีึ่ ก็จะรีบหลบสายตาไปมองสถานที่ไกลๆ ร่างชายหนุ่มยืนตัวตรง ซ้ำยังแ็ทื่อ
“ไปเรียนงั้นหรือ...” หลัวอู๋เลี่ยงครุ่นคิดอยู่ครู่ึ่ แต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไร
มิรู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่เสียงอ่านนั้นยิ่งัใกล้เข้ามาทุกที
หลัวอู๋เลี่ยงนั้นพลันรู้สึกว่าเหนือศีรษะนางนั้นมีอะไรเคลื่อนไหวอยู่ ที่แท้ก็เป็เจ้าตัวน้อยกำลังปีนกำแพง มือข้างึ่ยังถือหนังสือไว้ อีกข้างก็กำดอกไม้ไว้แ้จึงโยนมาทางนาง
เพียงิตา ดอกไม้ดอกน้อยสีเหลือง ก็โปรยเต็มร่างั้สอง
นายท่านสามนั้นแท้จริงสามารถหลบทัน ทว่าเขากลับไม่ยอมหลบ
เจ้าใบ้างามนั้นแหงนึ้มองเจ้าตัวแสบที่กำลังยิ้มกว้าง ่า้ๆ นั้นก็ยังโคลงไปโคลงมาตามจังหวะการอ่านตน นางรู้สึกโกรธจนไม่รู้จะทำเช่นไร
โปรยมาั้เดียวก็มีดอกไม้ร่วงมามากึเพียงนี้ เมื่อครู่ย่อมจะต้องเก็บดอกไม้อยู่เป็แน่ ะนั้นนางก็ยังสามารถอ่านท่องหนังสือไปด้วยได้ ทำั้สองเื่พร้อมกันเช่นนี้ แน่นอนว่านางจะต้องตั้งใเก็บดอกไม้มากกว่านี้เป็แน่
“เจ้าลงมานี่เดี๋ยวนี้!” แม่นางหลัวที่บนศีรษะยังมีดอกไม้ปักอยู่ ตะโกนเีเจ้าตัวน้อยด้วยาโกรธ
เฉินโย่วน้อยจึงส่าย้าแรงๆ “ไม่ได้หรอก ข้ายังต้องอ่านหนังสือ มิมีเวลามาเล่นเป็เพื่อนท่าน”
ยามพูดไปก็ยกหนังสือึ้มา แ้โคลงศีรษะไปมา สองขาก็โยกตาม ลูกปัดดอกไม้บนรองเท้านางจึงวิบวับไปมา ยามแสงตกะทบก็ยิ่งทำให้มันดูน่ามองนักพ
จากนั้นเสียงหวานเ็าก็ัึ้
“นกจีจิวขันร้องเีหาคู่, อยู่บนเกาะแก่งกลางแม่น้ำ
างามแสนดีเอย, เจ้าเป็ที่หมายปองชายหนุ่ม
ผักซิ่งในแม่น้ำมีั้ใหญ่เล็กปะปนกัน, าเจ้าสาละวนเด็ดผักซิ่ง เดี๋ยวด้านซ้าย เดี๋ยวด้านขวา
างามแสนดีเอย, ข้าตามเกี้ยวนางั้ยามตื่นและยามหลับ
เกี้ยวนางยังไม่สมหวัง, เฝ้าคำนึงึนางั้ยามตื่นและยามหลับ”
แสงอาทิตย์อัสดงสาดลงบนแก้มแม่นางหลัว “ลู่เฉินโย่ว เจ้าลงมานี่เดี๋ยวนี้!!!”
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??