เรื่อง เกี้ยวรักท่านอ๋อง ฉบับชายาข้ามมิติ
ิ่ที่อวิ๋นอี้ไม่รู้ก็คือใเมืองหล เทพบุตรใสายาของเ่าหญิงาคือหรงซิว แม้ว่าผู้หญิงหลายจะไม่เคยเห็น้าที่แท้จริงของเขา แต่จากข่าวลือต่างๆ ทำให้หรงซิวได้รับการยกย่องมา่ายาวนานและไม่มีผู้ใดเทียบได้.
รูปงาม พื้นฐานครอบครัวชีวิตดี ความาาี ร่างาแข็งแกร่ง
เ่าบุรุษที่ทำงานหนักั้ชีวิต ไม่ใช่เพื่อบรรลุเป้าหมายเ่าี้หรอกหรือ?
กล่าวได้เลยว่าหรงซิวเกิดมาก็ยืนอยู่บนจุดหมายของั้ชีวิตของใครหลายแล้ว ้ได้เปรียบที่ไม่เหมือนผู้ใดี้ ทำให้หลายอิจฉา แต่ก็ทำกระไรมิได้
ด้วยเหตุี้ ใเมืองหลจึงมีธรรมเนียมหนึ่งขึ้นมา หากจะชมว่าบุรุษหล่อเหลาความาาี ก็จะนำมาเปรียบเทียบกับหรงซิว
ไม่หล่อเ่าหรงซิวหรือ? แล้วจะพูดด้วยเหตุใด
พื้นเพไม่ดีเ่าหรงซิวหรือ? ขอเถิดนะอย่าพูดให้อายผู้ใดเลย
ไม่มีความสามารถ่าหรงซิว? เะเะ ตอนี้ผู้ใดก็พูดโวได้แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยหรือ?
ร่างาไม่แข็งแกร่งเ่าหรงซิว? ขอบคุณนะ แต่มาทางที่ใดจงกลับไปทางั้เถิด
ไปๆ มาๆ หรงซิวกลายเป็นมาตรฐานของบุรุษที่สตรีต่างก็อยากแต่งงานด้วยมากทีุ่ใเมืองหล
ชื่อเสียงที่ทำให้หยิ่งผยองได้เยี่ยงี้ ตกเป็นของผู้ใดย่อมเป็นเกียรติมากเป็นธรรมดา แต่ทว่าชื่อเสียงเ่าี้ กำลังถูกย้ายจากหรงซิวไปเป็นลู่จงเฉิงแทนเสียแล้ว`
อวิ๋นอี้เห็นเซียงเหอใบ้าหมกมุ่น จึงขัดจังหวะเซียงเหอไม่ได้ "เหตุี้ลู่จงเฉิงจึงกลายเป็นชายหนุ่มที่เ่าสตรีต่างอยากแต่งงานด้วยทีุ่แล้วหรือ?"``
“ใช่น่ะสิเพคะ!” เซียงเหอพูดด้วยรอยยิ้ม "พระชายา ข้าเกรงว่าท่านไม่รู้ที่มาของท่านลู่จงเฉิงสินะเพคะ!"
อวิ๋นอี้ส่ายหัว นางไม่รู้เลย
ใความประทับใของนาง ลู่จงเฉิงเป็นรวยเงินเยอะที่โง่เขลาและยังโชคร้ายีด้วย
หรงซิวเคยพูดถึงอาชีพของเขา บอ่าเคยเป็นอาจารย์ใเขตเจียงหนาน
เป็นเพียงอาจารย์ จะมีที่มากระไรี?
ความอยากรู้ของอวิ๋นอี้ เป็นแให้เซียงเหอพูดต่อ นางสูดหายใเข้าลึกๆ พูดด้วยน้ำเสียงราวกับเผยความลับ "ท่านลู่จงเฉิง เป็นถึงอัครมหาเสนาบดีของราชศ์เราเลยนะเพคะ!”
“...อ่า เรื่องั้ข้ารู้”
“นี่ไม่ใช่เรื่องหลักเพคะ” เซียงเหอปัดมือ “ประเด็นคือ เขาเป็นบุตรเพียงเดียวของตระกูลลู่ที่เจียงหนาน”
“ตระกูลลู่ที่เจียงหนานหรือ?” เป็นอวิ๋นอี้ที่เิ่อยากรู้แล้ว ฟังูช่างยเยี่ยมนัก แต่นางไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นตระกูลแบบใดกัน
ความประหลาดใที่เซียงเหอคาดไว้มิได้มีให้เห็น เื่เห็นอวิ๋นอี้ทำ้างง นางนึกขึ้นได้ว่านางความจำเสื่อม
นางหยุดคิด ทำได้เพียงพูดให้อวิ๋นอี้ฟังคร่าวๆ ีรอบหนึ่ง
าใต้คำบอกเล่าของเซียงเหอนาน่าครึ่งชั่วยาม อวิ๋นอี้ยิ่งฟังก็ยิ่งตกใ
ตระกูลลู่ที่เจียงหนาน มีชื่อเสียงมากใเจียงหนานและแม้กระทั่งั้แคว้น หลักๆ เป็นเาะพวกเขาร่ำรวย ั้ยังทำการค้าเก่งีด้วย
หัว้าตระกูลลู่ปัจจุบันคือ ลู่อวิ๋นพ่อของลู่จงเฉิง
ลู่อวิ๋นมีเรื่องเล่าขานเื่ตอนที่เขาเป็นเ็ เขามิได้โดดเด่นใหมู่ทายาทตระกูลลู่ แถมยังูทื่อๆ ซื่อๆ แต่เื่เขาอายุได้หกขวบ ได้ออกทะเลกับพ่อแม่ โชคร้ายที่เกิดพายุใทะเลเข้าปะทะ ทำให้ตกลงไปใทะเล
ุคิดว่าเขาต้องายแล้วเป็นแน่ จึงไม่ได้ทำการค้นหา ผู้ใดจะรู้ว่าหนึ่งเดือนต่อมา ลู่อวิ๋นไม่เพียงแต่กลับบ้าน่าปลภัย ั้ยังนำกล่องอัญมณีกลับมาด้วย
หลังจากคราั้ ลู่อวิ๋นก็โชคดีตลมา ไม่ว่าเขาทำการใดุ่าล้วนเป็นเลิศเลยทีเดียว
เขากลายเป็นหลานที่โดดเด่นทีุ่ และกลายเป็นหัว้าตระกูลที่เก่งกาจทีุ่
เดิมทีตระกูลลู่นับว่าร่ำรวยเพียงเล็กน้อยเ่าั้ แต่หลังจากที่ลู่อวิ๋นรับชู่แลตระกูลต่อ ใเาเีห้าปี ก็กลายเป็นตระกูลใญ่ที่มีชื่อใราชศ์ต้าอวี่
“กระั้ต้องรวยมากเลยใช่หรือไม่?” อวิ๋นอี้ถึงกับปิดปากไม่ลง ถามต่อ
เซียงเหอพูด่าไม่พอใที่ตีเหล็กไม่เป็นเหล็กกล้า [1] "ไม่ใช่แค่รวยมากเพคะ แต่รวยุๆ! กิจการห้าใสิบใเมืองหลเป็นของตระกูลลู่ั้สิ้นเพคะ"
"ขนาดั้เชียว!" อวิ๋นอี้ถามกลับ
เซียงเหอยิ้ม เตือนสตินางีว่า "ท่านลู่จงเฉิงเป็นลูกชายเดียวของตระกูลลู่เพคะ ึ่หมายความว่าเงินั้หมดนั่นต่อไปก็จะเป็นของเขา มีเงินมีฐานะั้ยังหล่อเหลา ผู้ใดมิอยากได้เขาเล่าเพคะ?”
อยากสิ อยากสิ แม้แต่ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว่านาง ยังหวั่นไหวเช่นี้
ขณะที่นางอยู่ใภวังค์ เซียงเหอก็เอารูปมาวางไว้ข้าง้านาง “พระชายาเพคะ ท่านน่าจะเคยเห็นอัครมหาเสนาบดีขวาลู่ใช่หรือไม่เพคะ ท่านูให้หน่อยเถิดเพคะว่านี่เหมือนกับเขาหรือไม่?”
ครั้ง่ๆ ที่ลู่จงเฉิงมาบ้าน เซียงเหอไม่เคยเห็นเขามา่
อวิ๋นอี้เปิดูภาพ ก็ขำออกมามิได้
ใภาพ้าาดี แต่นั่งอยู่บนพระที่นั่งบัวที่มีแสงสีทองประาอยู่ข้างหลัง นี่มันหมายความ่าไร?
เขากลายเป็นเทพเซียนแล้วหรือ่าไร?
อวิ๋นอี้ตอบคำถามสองสาม้จากเซียงเหอ เก็บรูปไว้ คิดว่าจะนำรูปไปให้ลู่จงเฉิงูวันหลัง
ช่ี้ร้านตัดเสื้อกำลังเป็นที่พูดถึง ประกอบกับข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับลู่จงเฉิง ทำให้เต็มร้านุวัน
เ่าสตรีหลายรวมตัวกันมาที่นี่ ตอนเช้ามาแล้ว ตอน่า็าี ตอนเย็น่ร้านจะปิด ก็ยังมาีรอบ!
มาวันละสามครั้ง ซื้อเสื้อผ้าหรือไม่ั้เป็นีเรื่อง แตุ่ั้ที่มาจะต้องถามจ่างกุ้ยว่า เถ้าแก่ลู่เข้ามาหรือยัง
จ่างกุ้ยส่ายหัวและยิ้มแหยๆ ุั้ “มหาเสนาบดีลู่ยุ่งกับงานราชการขอรับ ปกติแล้วจะไม่ค่อยเข้าร้านขอรับ”
แม้จะพูด่าั้แล้ว แต่เ่าสตรีก็ไม่ลดละ ุต่างเหยียดปากพูด “่าไรเสียร้านก็อยู่ตรงี้ ข้าจะรอ ข้าไม่เชื่อหรอ่าเขาจะไม่โผล่มาเลย!!”
เสียงหัวเราะเบาๆ ของเ่าสตรีดังมาจากชั้นล่าง่าชัดเจน
อวิ๋นอี้ปิด้าต่าง ตัดขาดการเชื่อมต่อกับโลกานอก แล้วหันไปมองชายที่นั่งอยู่บนเบาะนั่ง
คือลู่จงเฉิง่าไม่ต้องสงสัย
อันที่จริงเขามาที่นีุ่วัน แต่เื่กลายเป็นบุคคลสาธารณะ เขาจะเข้าทางที่ขึ้นไปด้านบนโดยเฉพาะ
เ่าสตรีผู้ใดที่มารอ ก็ต้องคว้าน้ำเหลวกลับไปุครา
อวิ๋นอี้นั่งตรงข้ามเขา ิาใ้ตัวเ แล้วถามว่า "พอใกับาได้ช่ี้หรือไม่เจ้าคะ?"
บัญชีถูกวางลงต่อ้าลู่จงเฉิง สายาของเขากวาดมามองที่อวิ๋นอี้ พยัก้าเบาๆ "พอใพ่ะย่ะค่ะ"
"ตอนี้ท่านเชื่อข้าแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ?"
ลู่จงเฉิงเลิกคิ้วขึ้น่าที่ไม่เคยทำมา่ "เชื่อพ่ะย่ะค่ะ"
อวิ๋นอี้เอียงคอ ี่ายิ้มพูด “่โรงเตี๊ยมของท่าน มิต้องเป็นห่นะเจ้าคะ ตอนี้ข้าต้องเตรียมของบางิ่่ รอีสองสามวัน แล้วข้าจะทำให้มันเกิดใหม่!”
หลังจากผ่านเหตุการณ์ต่างๆ มาหลายครา ลู่จงเฉิงก็เชื่อมั่นใแนวคิดของอวิ๋นอี้มาก
เขาพยัก้าเล็กน้อย "ใเื่มอบหมายให้ท่านแล้ว ท่านทำได้ามใเลยพ่ะย่ะค่ะ ข้าต้องการเพียงผลลัพธ์"
"เยี่ยม!" อวิ๋นอี้ปรบมือ นางชื่นชมบุรุษกล้าหาญเช่นี้
หลังจากพูดคุยเกี่ยวกับการค้าาจบแล้ว พวกเขาต่างก็เงียบลง
ลู่จงเฉิงอ่านบัญชีต่อไป ใขณะที่อวิ๋นอี้ชันแก้มมองเขา
เขาูไร้ที่ติเสียจริง
หากความหล่อของหรงซิวลึกซึ้งและน่าดึงูด งดงาม่าน่าทึ่งละก็ ความหล่อของลู่จงเฉิงก็เป็นความงาม่าเป็นธรรมชาติ เป็นความเรียบง่ายที่นิ่งสงบ ทำให้เขาูหนักแน่นได้อยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นเวลาใด
อวิ๋นอี้มองขนายาวของเขา ตกอยู่ใภวังค์่าไม่ได้
จนกระทั่งถ้วยชาถูกวางลงตรง้านาง ลู่จงเฉิงเคาะโต๊ะเบา ๆ "ดื่มชาเถิดพ่ะย่ะค่ะ อย่ามองข้าเลย"
"......"
อวิ๋นอี้กระแอม รู้สึกน่าอายเป็น่ามาก
นางมีประสบการณ์ใการกู้สถานการณ์ที่น่าอับอายเช่นี้ ไม่นานอวิ๋นอี้ก็เอาภาพวาดเหมือนมาจากด้านหลัง แล้วกางออกบนโต๊ะ
การกระทำของนางปลุกเร้าความอยากรู้ของลู่จงเฉิง เขาไม่ได้ที่จะมองไป
เื่เห็นว่าใรูปคือเขา นั่งอยู่บนที่นั่งดอกบัว มุมปากก็กระตุกไม่ได้ "นี่กระไรพ่ะย่ะค่ะ?"
"ท่านไงเจ้าคะ!" อวิ๋นอี้เบิกบานใมาก “ใสายาของาๆ มหาเสนาบดีเป็นเช่นี้เจ้าคะ!”
"......"
ใบ้าไร้อารมณ์ของลู่จงเฉิง เิ่มีอาการ
เขากระแอมเบา ๆ เตือนอวิ๋นอี้ว่า "เอาภาพวาดมาให้ข้า"
"ท่านต้องการเก็บภาพไว้หรือ?" อวิ๋นอี้รู้สึกประหลาดใ "ไม่ได้เจ้าค่ะ ุั้ที่ข้าูภาพี้ข้าหัวเราะราวกับเสียสติ ข้าให้ท่านมิได้หรอก"
"เอามาพ่ะย่ะค่ะ" ลู่จงเฉิงพูดีครั้ง
อวิ๋นอี้ม้วนรูปขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มบนใบ้า กำลังจะเอามันเข้าไปใอ้อมอก
แต่ผู้ใดจะรู้ว่า ลู่จงเฉิงที่กำลังนั่งเงียบๆ อยู่เื่ครู่ ู่ๆ ก็ลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งเข้ามาหานาง
การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดทำให้อวิ๋นอี้ตกตะลึงอยู่กับที่ นางไม่ได้หลบ ลู่จงเฉิงเลยโอบนางไว้ใอ้อมแขนของเขา
ทันทีที่ร่างาอยู่แนบชิดกัน นางได้กลิ่นอันหอมหวนบนร่างาของเขาได้่าชัดเจน เหมือนกับตอนที่เขาอุ้มนางลงจากภูเขาใวันที่ฝนตก ค้างอยู่ที่ปลายจมูกไม่คลาย
หัวใของเขาเต้นเ็ แต่น้ำเสียงยังสงบนิ่ง หลังจากดึงภาพออกจากมือของนางแล้ว เขาถึงเพิ่งจะตระหนักได้ถึงความแนบชิดระหว่างพวกเขาั้คู่
ลู่จงเฉิงถอยหลังไปสองสามก้าวทันที เขามองไปที่อวิ๋นอี้ เม้มปาก และุท้ายก็ไม่พูดกระไรออกมา
เขากลับไปนั่ง วางรูปั้ไว้ข้างๆ และอ่านบัญชีต่อไปราวกับว่าไม่มีกระไรเกิดขึ้น
อวิ๋นอี้้าแดง นางยืนนิ่งอยู่นาน ถึงได้ขยับเท้าแล้วนั่งลง
จนกระทั่งถึงเย็น ร้านตัดเสื้อปิดแล้ว ั้สองถึงได้ลงไปข้างล่างด้วยกัน
จ่างกุ้ยางานผลของกิจการ่าะเี แล้วพูด "เถ้าแก่ขอรับ ใความคิดของข้า ร้านของเาังเล็กอยู่ ช่ี้มีลูกค้าเยอะและกระแสก็มากขึ้นเรื่อยๆ ท่านคิดจะขยายร้านหน่อยหรือไม่ขอรับ?"
ลู่จงเฉิง ได้ยินแล้วก็พยัก้า มองไปที่อวิ๋นอี้ พูดว่า "พระชายาคิด่าไรพ่ะย่ะค่ะ?"
"ข้าคิดว่าเาังมิต้องรีบหรอก ลูกค้าชอบที่จะแย่งกันซื้อ ก็เหมือนกับสินค้ายิ่งมีจำนวนจำกัด ยิ่งแย่งกันราวกับจะปล้น เวลาั้ยังไม่ต้องขยายร้านหรอกเจ้าค่ะ จดจ่ออยู่กับงานตอนี้่จะดี่า”
“ใเื่พระชายาว่าเช่นั้ ตอนี้เราก็ทำามี้ไป่” ลู่จงเฉิงพูด ั้สองก็มาถึงประตูร้านพี
ข้างนอกฝนตกปรอยๆ
ฤูวสันต์เป็นเช่นี้เสมอ ูเศร้าแต่ช่างงดงาม
ลู่จงเฉิงมองท้องฟ้าที่มืดมิดแล้วถามอวิ๋นอี้ว่า "คืนี้องค์ชายมิมารับท่านหรือพ่ะย่ะค่ะ?"
"น่าจะมาเจ้าค่ะ" อวิ๋นอี้ตอบ ช่ี้ตอนาคืนหรงซิวจะมารับนางตรงเวลาตล เป็นบุรุษที่ดีนัก
“กระั้ข้าจะรอเป็นเพื่อนจน่าองค์ชายจะมา” หลังจากที่ลู่จงเฉิงพูดจบ ั้สองก็เงียบลงีครั้ง
เสียงฝนโปรยปา ฟ้าและพื้นดินราวกับถูกท้วยาข่ายหนาทึบ ั้ใ้และไกลมีหมอกลง ท้องถนนูไม่ใช่ท้องถนน โลกมนุษย์ก็ูไม่เหมือนโลกมนุษย์
อวิ๋นอี้นึกถึงคำถามที่ค้างคาอยู่ใใมาเนิ่นนาน ไม่ได้ที่จะถาม “อัครมหาเสนาบดีขวาลู่เจ้าคะ ข้าได้ยินข่าวลือใตลาดว่าการค้าาของบิดาของท่านใญ่โตมากหรือเจ้าคะ?”
พ
“พ่ะย่ะค่ะ” ลู่จงเฉิงไม่ได้ปิดบัง ูเาๆ ว่า “ใญ่โตและมากมายนักพ่ะย่ะค่ะ ผู้ต่างพูดกันว่า เจียงหนานมิใช่เจียงหนาน แต่เป็นเจียงหนานของตระกูลลู่”
"......"
อวิ๋นอี้อ้าปากค้าง เขาไม่ได้ถ่อมตัวเลยจริงๆ แต่นางยังมีคำถามอื่นี นางทำได้แค่ระงับคำต่อว่าแล้วพูดต่อ “แล้วเหตุใดท่านถึงยังต้องพยายามมีกิจการของตนเเล่าเจ้าคะ?”
ลู่จงเฉิงหัน้ามามองนาง่าจริงจัง "เาะหากข้าไม่พยายาม ข้าจะต้องกลับไปสืบทมรดกมหาศาลของตระกูล"
"......"
ตรรกะบ้าบอกระไร
อวิ๋นอี้แทบทนไม่ไหวอยากจะตบ้าตัวเเสีย
นางไม่ควรถามเลย เป็นเพื่อนกับรวย ไม่ว่าจะถามกระไร มีเพียงนางที่เจ็บปวด
เชิงอรรถ
[1] ตีเหล็กไม่เป็นเหล็กกล้า 恨铁不成钢 เปรียบเปรยถึง ไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่านของ พยายามกวดขันแล้วแต่ก็ยังไม่เป็นผล
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??