เรื่อง ชู่ว์... พระชายา ท่านซ่อนสิ่งใดไว้บนคาน!
เพียงโบกมือสบายๆ ก็สามารถทำให้นางหายไป่ารวดเร็วราวกับเถ้าถ่านและควัน [2].
ล้วนมิอาจต่อสู้ได้เลยสักนิด
ฮวาเหยียนสบถด่ามารดามันเถิด ตี้หลิงหานเพิ่งอายุเท่าไหร่กัน? อายุยี่สิบสี่หรือยี่สิบห้าปีก็ทะลถึงระดับยุทธ์แ้ ระดับยุทธ์เชียวนะ ้ผ่านระดับปรมาจารย์ไปถึงสิบสองขั้นถึงจะเป็นมหาปรมาจารย์ และเหนือกว่าระดับมหาปรมาจารย์ก็คือระดับยุทธ์...
ผู้เฒ่าติงยังกล้าบอกว่านางเป็นผู้มีพรสวรรค์ีหรือ? อยากจะตะโกนถามผู้เฒ่านั่น ให้ลองมาดูว่าผู้มีพรสวรรค์ที่แท้จริงแ้นั้น้าตาเป็น่าไร
ติ๋ง ติ๋ง
ฮวาเหยียนได้ยินเสียงน้ำลายตัวเองไหล
“นั่น... รอสักครู่! ”
ภายใพริบตาัได้ยินเสียงฮวาเหยียนร้องตะโกน พัลมปราณที่พลุ่งพล่านก็ถูกรวบรวมและจัดการ่าหมดจดเรียบร้อยใทันที หัจากนั้นสองตาที่เอ่อล้นด้วยน้ำตาก็จ้องมองไปที่ตี้หลิงหาน "ฝ่าบาท มีอันใดก็พูดกันดีๆ คนโบราณกล่าวเอาไว้ว่าสุภาพบุรุษเคลื่อนไหวด้วยปากแต่ไม่เคลื่อนไหวมือ"
น้ำเสียงนั้นเปลี่ยนไป่าสิ้นเิ กลายเป็นเสียงที่โศกเศร้ายิ่งนัก
สามีที่สามารถยืดและงอ ปรับตัวตามสถานการณ์ได้ เมื่อถึงเวลาที่้ยอม เขาก็ควรจะยอม
ใครจะไปรู้ว่าองค์รัชทายาทที่อยู่ตรง้าผู้นี้จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับยุทธ์กัน นางไม่อยากพ่ายแ้ จึงจำเป็น้เมินคำที่ตนเองเพิ่งจะสบถด่าองค์รัชทายาทไปใก่อน้านี้ และใเวลานี้เองการเสแสร้งแกล้งแสดงใบ้าที่อ่อนแอย่อมเป็นทางออกที่ดี`
ตี้หลิงหานจ้องไปทางสตรีที่อยู่ตรง้า เขารู้สึกประหลาดใยิ่งนัก ก่อนจะสงสัยว่าเวลาเพียงแค่สี่ปีนี้จะสามารถเปลี่ยนคนคนหนึ่งไป่าสมบูรณ์แบบได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ? สตรีจากตระกูลใหญ่ผู้สง่างามและโด่งดังไปทั่วเมืองหล เหตุใดถึงได้กลายเป็นเช่นนี้ได้...``
้าด้านไร้ยางอาย?
หัจากที่ครุ่นคิดอยู่นาน ตี้หลิงหานก็คิดคำคำนี้ขึ้นมาได้
ความเร็วใการเปลี่ยนสี้านี้เกรงว่าแม้แต่นักแสดงงิ้วก็ยังเทียบไม่ติด
เขาถูกผิวที่หนาฮวาเหยียนพาให้ตกใอยู่กับที่ ชายหนุ่มไม่รู้จริงๆ ว่าเขาควรจะจัดการนางตอนนี้เลยดีหรือไม่
ฮวาเหยียนไม่สนใว่าตี้หลิงหานจะมองนาง่าไร ตอนนี้นางรู้สึกเสียใภายหัยิ่งนัก แม้จะนับว่านางได้เห็นใบ้าที่แท้จริงตี้หลิงหานผู้สวมบทบาทสุภาพบุรุษแ้ แต่ทำไมนางถึง้พูดออกไปด้วยเ่า เพราะั้แต่สมัยโบราณคนที่อาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน้ก้มหัวยอมให้ฝ่ายชายและตกเป็นเบี้ยล่าง นางแสดงตน่ากล้าหาญ องอาจใการเปิดโปงความจริงเช่นนั้น แ้ฉากต่อมาเป็นเช่นไร นางคิดว่าีฝ่ายเป็นแค่คนธรรมดา แ่่าสุด้าแ้ เขากลับเป็นถึงองค์รัชทายาทผู้มีวรยุทธ์สูงส่ง
"มู่อันเหยียน ้าเจ้ายังหนากว่ากำแพงเมืองเสียี"
สี้าตี้หลิงหานเย็นชายิ่งนัก เขาเยาะเย้ยเสียดสี่าไร้ความเกรงใ
ฮวาเหยียนนึกด่าเขาใใเป็นร้อยรอบแต่กลับไม่แสดงออกทางสี้าเลยแม้แต่น้อย ทั้งการเปลี่ยนสี้านางก็เป็นไปด้วยความรวดเร็ว
“ฝ่าบาท ท่านเป็นที่นับ้าถือตา ีทั้งใยังกว้างดั่งมหาสมุทร ดังนั้นอย่าถือสากับหญิงสาวด้อยประสบการณ์่าหม่อมฉันเลยเพคะ? ดีหรือไม่เพคะ? พวกเรามาคุยกันดีๆ เถิดเพคะ”
รอยยิ้มฮวาเหยียนนั้นงดงามยิ่งกว่าดอกท้อ นางั้ใที่จะละเลยคำพูดตี้หลิงหานที่หาว่านาง้าหนา มันก็แค่การเย้าแหย่เล่นเท่านั้น ระดับวรยุทธ์ตี้หลิงหานนั้นอยู่ใระดับที่สามารถสังหารนางได้ด้วยนิ้วมือเพียงนิ้วเดียว นางย่อมตระหนักใเรื่องนี้ได้มิใช่หรือ?
“จู่ๆ ก็จะให้เปิ่นกงคุยกับเจ้าดีๆ หรือ? ”
ตี้หลิงหานถาม สี้าชายหนุ่มเต็มไปด้วยความเย็นชา เขายืนกอดอก ใบ้าเย้ยหยันและไม่อาจปิดซ่อนความเย็นชาที่แผ่จากคิ้วตาเขาได้
ใใฮวาเหยียนนั้นไร้ซึ่งความศรัทธาและความเกรงั ทว่าใบ้านางกลับแสดงความหวาดผวาออกมา
“ฝ่าบาท เดิมทีหม่อมฉันก็เป็นเพียงหญิงสาวจากตระกูลอ๋องผู้อ่อนแอไร้พัต่อกรกับผู้ใด หม่อมฉันได้เห็นฉากนองเลือดเช่นนี้แ้ก็ทำให้ตกใจนสมองัขาวโล่งไปหมด หากทำให้พระองค์ขุ่นเคืองใ พระองค์ผู้มีจิตใกว้างขวาง โปรดอย่าได้คิดถือสาหม่อมฉันเลยเพคะ อย่าได้ยึดติดกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ได้หรือไม่? ”
ดูท่าทีการยอมรับความผิดน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ใบ้าตี้หลิงหานครุ่นคิดครั้งแ้ครั้งเ่า
เขารู้สึกว่าสตรีที่อยู่ตรง้าเขาคือมู่อันเหยียนตัวปลอม ความสามารถใการเบิกตาโตพลางพูดเรื่องไร้สาระนั้นช่างเปิดโลกให้กับผู้คนเสียจริง หญิงสาวจากตระกูลอ๋องผู้อ่อนแอไร้พัต่อกรเช่นนั้นหรือ? นางกล้าพูดออกมาได้่าไร
"เฮอะ"
ตี้หลิงหานหัวเราะเยาะ
“เมื่อครู่เจ้าเพิ่งกล่าวว่าข้ามิใช่บุรุษมิใช่หรือ?”
ตี้หลิงหานเชิดคาง แสดงท่าทีเย่อหยิ่งพลางจ้องมองไปที่ฮวาเหยียน!
อึก
ฮวาเหยียนลอบกลืนน้ำลาย ช่างเป็นสายน้ำชโลมจิตใเสียจริงหัจากที่ผ่านสถานการณ์ที่เลวร้ายก่อน้านี้มา
บุรุษย่อมให้ความสำคัญกับเรื่องเช่นนี้มาก
ทันใดนั้นนางก็โบกมือกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “จะเป็นเช่นนั้นได้่าไร ฝ่าบาทคงได้ยินผิดไป ่ากายพระองค์ทรงแข็งแรงยิ่งนัก แท่งทองพระองค์ย่อมไม่มีวันโรยรา มากด้วยพละกำัขย่มเขย่าทุกท่าทาง หนึ่งคืนเจ็ดครา ทุกค่ำคืนคึกคักราวกับเป็นเจ้าบ่าวมือใหม่...”
"หุบปาก"
ใบ้าตี้หลิงหานเปลี่ยนเป็นมืดสนิททันที
สตรีผู้นี้ไม่เหลือยางอายแ้ใช่หรือไม่? กล้าที่จะพูดจาอันใดมั่วซั่ว แ้สิ่งที่นางพูดแปลว่าอะไรกัน? เป็นเจ้าบ่าวมือใหม่ทุกคืน? นี่กำัสาปแช่งเขา่านั้นหรือ?
ฮวาเหยียน "...! "
เหตุใดถึงโกรธีแ้ล่ะ!
บอกว่าไม่ใช่บุรุษก็โกรธ บอกว่าเป็นบุรุษผู้เปี่ยมพละกำั แท่งทองคำไม่มีวันโรยราก็ยังโกรธี ฝ่าบาทผู้นี่ช่างปรนนิบัติเอาใยากเสียจริง
ฮวาเหยียนเบะปากและไม่พูดจาอันใดี
...
ตี้หลิงหานพบว่ามู่อันเหยียนที่อยู่ตรง้ามีความสามารถเป็นที่หนึ่งใการยั่วโมโหคน เขาเองก็ขี้เกียจจะเล่นลิ้นกับนางต่อแ้ ดังนั้นเขาจึงถามขึ้นมาีครั้งด้วยความเย็นชา
“มู่อันเหยียน เปิ่นกง เอาคืนมาเดี๋ยวนี้”
ฮวาเหยียนรู้ว่านี่เป็นโอกาสสุด้าที่ตี้หลิงหานจะมอบให้นาง หากนางไม่สามารถเอาสิ่งนั้นออกมาได้ี องค์รัชทายาทเต่ามีขน [3] นั้นคง้ใช้กำักับนางแน่ แต่นางไม่รู้จริงๆ ว่าสิ่งนั้นคืออะไร? หากอยากรู้ว่ามันคืออะไร นาง้โยนคำถามเข้าจุดและถามซ้ำแ้ซ้ำเ่าก่อนหรือ?
“ฝ่าบาท ใช่ไม่กี่ปีมานี้ศีรษะหม่อมฉันหลงลืมไปหลาย่า พระองค์ช่วยบอกใบ้ให้หน่อยได้หรือไม่ว่ามันคือสิ่งใด? ”
นางถามด้วยน้ำเสียงเด็กดีที่ว่านอนสอนง่าย ทำให้คนอื่นแทบไม่รู้เลยว่าก่อน้านี้นางหยิ่งผยองและจองหองเพียงใด
การแสดงออกตี้หลิงหานค่อนข้างเย็นชา เขาจ้องไปที่มู่อันเหยียนด้วยท่าทีที่เยาะเย้ยและดูถูก
"เจียงจื่อเฮ่า ดอกบัวพันปี"
หกคำที่ถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากบางตี้หลิงหานนั้นปลุกนางให้ตื่น
ฮวาเหยียนตกใเป็น่ายิ่ง อะ... อะไรนะ?
เจียงจื่อเฮ่า ดอกบัวพันปี?
ช่างน่าประทับใยิ่งนัก เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อนนั้น ยาอายุวัฒนะที่นางฉกฉวยเอามาจากเจียงจื่อเฮ่า ถูกนางและหยวนเป่าแบ่งกันกินเข้าไปแ้ แท้จริงแ้สิ่งนี้เป็นตี้หลิงหานหรอกหรือ?
ข้าทำพลาดไปใช่หรือไม่? สถานการณ์ตอนนี้หมายความว่า่าไรกันแน่?
อา...
ฮวาเหยียนรู้สึกปวดฟันกรามยิ่งนัก
นี่มันอะไรกันเนี่ย!
นี่นางเข้าใผิดทั้งหมดเลยหรือ?
นึกว่าที่ตี้หลิงหาน้การคือขวัญแทนใแทนรักเขากับมู่อันเหยียน ทว่ากลับกลายเป็นดอกบัวพันปีที่นางขโมยไป สวรรค์ทรงโปรด
ดตาฮวาเหยียนสั่นเทา เป็นไปไม่ได้เลยที่จะยอมรับใเรื่องนี้ สถานการณ์ยามนี้คับขันแ้จริงๆ หากยอมรับเรื่องนี้ ทุก่าคงจบแ้จริงๆ
ตี้หลิงหานมองฮวาเหยียนที่อยู่ตรง้า ใยามนี้นางก้มศีรษะลง เขาจึงมองไม่เห็นสี้านาง เงาเทียนใคุกมืดที่มืดสนิทสาดกระทบใบ้านาง ไม่รู้นางกำัคิดอะไรอยู่ แต่ตี้หลิงหานคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ
ผ่านไปครู่หนึ่ง ฮวาเหยียนก็พูดขึ้นมาว่า “ฝ่าบาท เจียงจื่อเฮ่าที่ท่านพูดถึงคือผู้ใดกัน? หม่อมฉันไม่รู้จักเขาเลยจริงๆ แ้ดอกบัวอายุพันปีนี่เป็นแบบไหนกันหรือ? ”
ตี้หลิงหานมองไปยังใบ้าที่ไร้เดียงสาฮวาเหยียน ันึกเยาะเย้ยใใ หากไม่ใช่เพราะเขาที่จับได้ว่าคนที่ขโมยดอกบัวพันปีคือนาง ท่าทางที่ไร้เดียงสาและน่าสงสารนางใยามนี้ คงสามารถหลอกลผู้คนได้แ้จริงๆ
“ไม่ยอมรับหรือ? ”
ตี้หลิงหานถามพลางหรี่ตามองการแสดงฮวาเหยียน
“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่เข้าใสิ่งที่พระองค์ตรัสจริงๆ ระหว่างเรามีเรื่องเข้าใใช่หรือไม่เพคะ?”
ฮวาเหยียนตอบด้วยใบ้าที่เต็มไปด้วยความไม่รู้ไม่เห็นอันใดทั้งสิ้น
ตี้หลิงหานก้าวเข้าไปข้าง้า ั์ตาสีดำสนิทเขาเย็นชาราวกับแร่ภูเขาไฟ แสดงให้เห็นถึงความเฉียบขาดและไม่แยแสต่อโลก เขาก้มตัวลงและโน้มเข้าไปตรง้าฮวาเหยียน
ฮวาเหยียนประหม่าอยู่เล็กน้อย การกระทำเขาพาให้นางตกใจนก้าวถอยหัไปหนึ่งก้าว ทว่าเพียงก้าวเดียวก็แสดงให้เห็นแ้ว่าในางเต็มไปด้วยความประหม่า
แต่ดูเหมือนว่าตี้หลิงหานจะไม่เห็นมัน เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำอยู่ใลำคอว่า “ทหาร ไปเชิญคุณชายเจียงมา บอกว่าข้าเรียกให้เขามายืนยันตัวตนคนผู้หนึ่ง”พ
เิอรรถ
[1] งอและยืดได้ อุปมาผู้ที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้
[2] หายไป่ารวดเร็วเหมือนเถ้าถ่านและควัน อธิบายว่าหายไป่าหมดจดใระยะเวลาอันสั้น
[3] คนที่ชอบกัดแทะ ใส่ใรายละเอียดมากเกินไป
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??