เรื่อง Defeat me! สะดุดรักยัยเกมเมอร์ตัวร้าย
ตอนที่ 02 เตรียมย้ายถิ่น
พอเรื่องของบริษัทนั้นเป็นข่าวขึ้นมา
พ่อของฮารุก็รู้ทันทีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะลูกสาวตัวดีของเขา จากนั้นมือใหญ่ก็ยกขึ้นมากุมขมับที่เส้นเลือดใหญ่กำลังเต้นตุบ ๆ เหมือนจะระเบิดออกมาให้ได้
เรื่องนี้ทำเอาเขาปวดหัวไปหลายวัน ในหัวก็ได้แต่คิดว่าจะทำอย่างไรกับลูกสาวบังเกิดเกล้าผู้นี้ดี
คิดไปคิดมาก็คิดได้แค่ทางออกเดียว คือส่งไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนเหมือนกับเด็กทั่วไป จะได้ไม่ต้องหมกมุ่นกับเรื่องที่ไม่ใช่อยู่ในวัยตัวเองต้องทำ
เพราะคิดได้ดังนั้นเขาก็เตรียมเอกสารที่ต้องใช้ไปสมัครเรียนในวันพรุ่งนี้
เช้าวันรุ่งขึ้น
ฮารุถูกพ่อของตัวเองพาไปส่งที่เรียนโรงเรียนประถมอันดับหนึ่งของเมืองฮาชิ
แต่…
เรียนได้ครึ่งวันก็ทำเอาครูใหญ่ของโรงเรียนรีบนำตัวมาส่งคืนที่บ้าน
และได้เรียกบิดาของเด็กมาคุยให้ชัดเจนว่า
เด็กนักเรียนคนนี้ โรงเรียนของพวกเขาสอนไม่ไหวจริง ๆ เพราะความรู้ของเธอไม่ได้อยู่ระดับเดียวกับเด็กในวัยเดียวกัน
ทางที่ดีให้เขาส่งเธอไปสอบวัดระดับที่โรงเรียนมัธยมปลายอันดับหนึ่งของเมืองดีกว่า พอให้คำแนะนำจบ
ครูใหญ่ก็รีบบึ่งรถออกมาทันที
กลัวว่าจะอยู่ต่อสักวินาทีเดียว แล้วเด็กนักเรียนที่มีนามว่า ‘ฮารุ’ จะเปลี่ยนใจขอกลับไปเรียนดังเดิม
ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ พวกคุณครูที่ได้สอนเธอคงไม่ได้เป็นสุขแน่ในแต่ละวัน
พ่อของฮารุถอนหายใจอย่างปลงตก พลางเงยขึ้นมาสบตาดำขลับกระจ่างใสราวกับดวงดวงบนท้องฟ้าพลันใจอ่อนยวบ
ฮารุกระพริบตาปริบ ๆ ราวกับเด็กน้อยไร้เดียงสา นัยย์ตาู่นั้นราวกับจะบอกว่า นี่ไม่ใช่ความผิดของเธอที่ไอคิวสูงกว่าเด็กทั่วไปสักหน่อย
ถ้าจะให้โทษ ก็คงต้องโทษคนที่ทำให้เกิดมาสิ
พ่อของฮารุตัดสินใจทำตามคำแนะนำของครูใหญ่โรงเรียนประถม
เช้าวันรุ่งขึ้น
เป็นอีกวันที่พ่อของฮารุทำการขับรถส่งเธอไปสอบวัดระดับความรู้ที่โรงเรียนมัธยมปลายอันดับหนึ่งของเมืองฮาชิ
ปรากฎว่า…
โรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งของเมือง ก็ไม่ใช่ที่ของเธอ เพราะความรู้ของเธอมากกว่ามัธยมปลายซะอีก…
ไม่รู้ว่า 3 ปีที่อยู่ในองค์กรลูกสาวของเขา พัฒนารวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร
เฟยอี้หันหน้ามองด้านข้างของลูกสาวของตนเอง พลางถอนหายใจเบา ๆ
‘ปลอยให้มันปริศนาต่อไปเถอะ’ เฟยอี้คิด
ถ้าลูกสาวอยากบอก เขาก็จะเป็นผู้ฟังที่ดี แต่ถ้าลูกสาวของเขาไม่อยากบอก เขาก็จะไม่ถาม
ทุกคนย่อมมีเรื่องส่วนตัวของตนเอง
เขาไม่อยากเป็นพ่อแม่ที่เจ้ากี้เจ้าการในสายตาของลูกสาวของเขา
ถ้าเขารู้ว่า ภายใน 3 ปี ที่อยู่ในองค์กร
นอกจากทำกิจกรรมที่สนใจอย่างเช่น การแฮกบัญชีของทางการประเทศอื่น ไม่ก็ทำอาวุธแปลก ๆ ขึ้นมา
ฮารุก็ขลุกอยู่แต่ห้องสมุดขององค์กร เธออ่านหนังสือในห้องสมุดขององค์กรเกือบจะทั้งหมดแล้ว
เธออ่านแค่ผ่าน ๆ รอบเดียวก็สามารถจำได้แล้ว
เรื่องอ่านหนังสือท่องจำทำความเข้าใจพวกนั้น มันไม่ได้ยากสำหรับเด็กสาวอย่างเธอเลย
ความรู้ที่ได้สอบวัดระดับที่โรงเรียนนั่น มันเป็นเหมือนการปลอกกล้วยเข้าปากเธอเท่านั้นแหละ
ในที่สุด…
พ่อของฮารุก็ตัดสินใจส่งเธอไปเรียนกับศาสตราจารย์ที่รู้จักในมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงของเมืองหลวงประเทศ J
ฮารุใช้เวลาแค่ 6 ปีเรียนจบหลักสูตรสูงสุดแล้ว นั่นก็คือ ปริญญาเอก
ที่จริงเธอต้องใช้คำว่า ด็อกเตอร์นำหน้าแล้ว แต่เฟยอี้พ่อของฮารุเบรคเธอไว้ก่อน เขาปวดหัวกับลูกคนนี้ของเขามาก
เฟยอี้อยากให้ลูกสาวของเขาได้ใช้ชีวิตแบบเด็กอายุ 16 ปี ทั่วไปเช่นกัน
ในฐานะของผู้เป็นพ่อ เขาปวดใจกับเรื่องนี้ที่สุด
เขาไม่อยากให้ลูกสาวของเขาโตก่อนวัยอันควร เขาอยากให้เธอมีช่วงเวลาวัยรุ่นดี ๆ ที่ควรจดจำไว้
มีมิตรภาพในกลุ่มเพื่อน พากันไปเที่ยวเล่น พากันเรียน มีช่วงเวลาสดใสวัยรุ่นคนหนึ่งควรจะมี
มีพัพพี่เลิฟในวัยเรียน เป็นช่วงความรักที่บริสุทธิ์และงดงาม ช่วยพากันไปในทางที่เหมาะที่ควร
เขาอยากให้ลูกสาวตัวดีได้สัมผัสประสบการณ์ของวัยรุ่น เพราะมันเป็นโอกาสเดียวในชีวิต
ผ่านแล้วก็ผ่านเลยไป ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก
เขาไม่อยากให้ลูกเขาเสียใจกับช่วงเวลาที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิตไป
หรือในบางครั้งก็เกเรพากันโดดเรียนไปร้านเกม ร้องคาราโอเกะกับเพื่อน
เหมือนเขาในตอนนั้น
สำหรับช่วงวัยรุ่น มันเป็นช่วงที่ไม่ต้องคิดหน้าคิดหลังที่สุด อยากจะทำอะไรก็ทำ อยากจะเที่ยวก็เที่ยวเฮฮากันไป
เขาไม่อยากให้ลูกสาวของเขาพลาดเวลาในช่วงวัยรุ่นนี้ไปจริง ๆ ….
ปัจจุบันฮารุอายุ 16 ปีเต็มแล้ว แต่ก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะอยู่ดี~
และขณะนี้เธอกลับมาที่องค์กรแล้ว!
กำลังฟังตาเฒ่าผู้ดูแลพร่ำพรรณนาถึงการเปลี่ยนที่อยู่ใหม่อีกครั้ง ทำให้ฮารุรู้สึกโมโหที่บอกว่า เธอไม่เหมือนกับเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน!
ไม่เหมือนตรงไหน ถ้ากล้าก็เอาปากกามาวงเลยสิ!
ได้ยินแบบนั้นแล้วยิ่งหงุดหงิดในใจ
เธอก็เป็นแค่สาวน้อยน่ารักอ่อนแอบอบบางคนหนึ่งเท่านั้น
ยังเป็นเด็กที่มีความสุขดีด้วย สุขภาพจิตก็ดี ร่างกายก็แข็งแรง จะเอาอะไรกับเธออีก!
ฮารุมองพวกคนในห้องที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ทำหน้าเหมือนเธอให้กลืนก้อนหินลงไปในท้อง ก็พลันทำให้โทสะปะทุอีกครั้ง
เธอเขวี้ยงรูบิคไปที่ผนังเข้าอย่างจัง
ทำให้คนในห้องสะดุ้งโหยงออกมาจากห้วงภวังค์ความคิดของตนเองทันตาเห็น
เมื่อคนทั้งห้องเผลอไปนึกถึงเพียงแค่ไม่กี่วีรกรรมของคุณหนูน้อย ก็อดที่จะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ไม่ได้
คนในห้องมองหน้ากันไปมา พลางพยักพเยิดให้อีกฝ่ายพูดแก้ตัว
น่าหลานเฉิงเห็นแบบนั้น ก็ยกมือขยับแว่นพลางแสร้งกระแอมไอเบา ๆ ขึ้นมาเพื่ออธิบายต่อ
“คือแบบนี้นะครับคุณหนู ที่เมืองลั่วเป็นบ้านเกิดของคุณพ่อคุณหนู คุณพ่อของคุณหนูอยากให้คุณหนูไปบองใช้ชีวิตแบบหนุ่มสาววัยรุ่นทั่วไป ควรจะทำอย่างไรก็ทำอย่างนี้ ถึงแม้ว่าคุณหนูจะเรียนจบด็อกเตอร์แล้ว แต่ความจริงคือคุณหนูเพิ่งจะอายุ 16 ปีบริบูรณ์ คุณพ่อของคุณหนูอยากจะให้ไปสัมผัสชีวิตของเด็กวัยรุ่นที่นั่นสักครั้ง และยังได้กลับไปบ้านเกิดไปจัดการพวกคนที่ทำให้นายหญิง เอ่อ… คุณแม่ของคุณหนูจากไปก่อนวัยอันควรด้วย”
ฮารุครุ่นคิดตามคำพูดของน่าหลานเฉิง ก็ื่าเหตุผลใช้ได้ จึงพยักหน้าลงช้า ๆ บ่งบอกว่าเห็นด้วยกับคำพูดของเขา
และประโยคที่เข้าหูของฮารุที่สุดก็คือ “ควรจะทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น” หึหึ ได้เลย
เธอไม่ได้ตอบกลับอะไรไปสักประโยค
หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ลุกขึ้นพรวดพราดเดินผลักประตูออกไป
น่าหลานเฉิงกับพวกคนที่มีตำแหน่งระดับสูงขององค์กรที่อยู่ในห้องนั้นต่างพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก พลางมองหน้ากันไปมาแล้วยิ้มแห้ง ๆ ส่งให้กันและกัน
ื่าครั้งนี้ าปะุผ่านไปได้้ี
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??