เรื่อง นับถอยหลังสู่การประหารราชาปีศาจ (Yaoi) [แปลจบแล้ว]
“เคร้ง!! เคร้ง! ปัง!!”
ลูกธนูของฝ่ายตรงข้ามถูกชโลมด้วยผงยาเผาไหม้ที่ลุกโชน เสียงประกายแสงสว่างวาบโจมตีชุดเกราะทำให้โม่จ้านได้สติกลับมาทันใด หัตถ์สลัวพลันเกาะกลุ่มกันและกำบังอยู่ด้านหน้าเจียนั่ว ท่ามกลางเสียงอึกทึกของการปะทะและเสียงดังสนั่น โม่จ้านที่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันได้ยินเพียงเสียงอื้ออึงในลำคอด้วยความเจ็บปวดของอัศวิน
ระดับความแข็งแรงของชุดเกราะเจียนั่วไม่ต่ำ หากโจมตีลงบนผิวชุดเกราะยังพอกำบังไหว ทว่าเปลวไฟที่สัมผัสผ่านระเบิดอย่างรวดเร็วจนเผาไหม้เยื่อบุภายใน มิเพียงแต่สร้างความเจ็บปวดทางผิวหนัง ทว่ายังทิ้งรอยแผลบาดเจ็บจากไฟลวก คงความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนเอาไว้
“เจียนั่ว เจ้า---”
“ข้ามิเป็นอันใด ระวังด้านหน้า มีมาอีกแล้ว!”
ทันทีที่เจียนั่วกล่าวจบ ลูกธนูกว่าสามสิบดอกที่ชโลมด้วยผงยาเผาไหม้พลันพุ่งเข้าหาคนทั้งสองอีกคราราวกับเม็ดฝนพรั่งพรู โม่จ้านบริภาษด้วยความโกรธ หัตถ์สลัวพลันแบออกพลางกวัดแกว่งซ้ายขวาด้วยความเร็ว จัดการปัดป้องลูกธนูดัง-่าฝนจนกระจัดกระจายออกไป
เก๋อจือบังคับสายลมลอยขึ้นกลางอากาศตั้งแต่ต้น ใช้มือบดบังแสงอาทิตย์พลางตั้งใจมองหาทิศทางต้นตอของฝนธนู อีกฝ่ายมีอย่างน้อยสี่คน ผู้หนึ่งซ่อนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ข้างถนน นึกมิถึงว่าอีกสามคนที่เหลือจะซ่อนอยู่บนหลังคาของอาคารเล็กสูงสองชั้นหลังหนึ่ง
“โม่เจ๋อเอ่อร์ มีสามคนซ่อนอยู่บนหลังคาอาคารสีเทา อีกผู้หนึ่งอยู่บนต้นไม้!!!”
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของเด็กหนุ่มผมแดง โม่จ้านที่เพิ่งก้าวไปด้านหน้าพลันถอยกลับมาทันที—อาการบาดเจ็บของเจียนั่วเป็นอย่างไรยังมิรู้ และ ‘การป้องกันทางอากาศ’ ของกลุ่มเล็กมีเพียงตนผู้เดียวเท่านั้น แม้ว่าเป้าหมายของอีกฝ่ายคือตน กระนั้นก็มิอาจรับรองว่าอีกฝ่ายจะไม่ปล่อยฝนธนูเข้าโจมตีเจียนั่วอีกระลอก ต่อให้มีโอกาสเกิดขึ้นเพียงน้อยนิด ตนก็ต้องปกป้องมิให้เจียนั่วได้รับบาดเจ็บเป็นหนที่สอง
“เก๋อจือ ลาถีเท่อ พวกเจ้าสองคนบุกเข้าไป!”
ลาถีเท่อเพิ่งสวมถุงมือเสร็จและเตรียมพุ่งไปข้างกายเจียนั่ว หลังได้ยินคำกล่าวของโม่จ้านพลันชะงักไปชั่วเสี้ยววินาที จากนั้นฝีเท้าพลันเปลี่ยนทิศไปยังต้นไม้ใหญ่
นับแต่โม่จ้านปลุกหัตถ์สลัวให้ตื่นขึ้นมาก็ได้เปลี่ยนจากผู้ลี้ภัยแสนปอดแหกเป็นผู้กระหายสงครามที่สู้ได้เป็นสู้ ยามพบเจอการต่อสู้ระหว่างทำภารกิจ โม่เจ๋อเอ่อร์มักเป็นคนแรกที่พุ่งออกไป ถือเป็นการ ‘สร้างเสริมประสิทธิภาพสูงสุด’ ตามคำกล่าวของตัวเขาเอง ---- การโจมตีและรักษาฐานมั่นของหัตถ์สลัวช่างยอดเยี่ยมนัก หากไม่ฝึกให้มากสักหน่อยจะใช้การได้อย่างไร
และในครานี้ ภายใต้สถานการณ์ที่เจียนั่วได้รับบาดเจ็บ ตนหมายจะเข้าไปคุ้มกันโดยสัญชาตญาณ ทว่ากลับได้รับคำสั่งให้ออกไปประจัญบานที่ไม่ได้ยินมาเนิ่นนาน...
มุมปากของลาถีเท่อหยักยกพลางส่ายหน้าขณะวิ่งไปด้านหน้า
อย่าเห็นเพียงว่าภายนอกคนทั้งสองมิได้ใกล้ชิดสนิทสนมกันสักนิด กระนั้นเมื่อถึงยามคับขันยังคงปกป้องอีกฝ่ายมิใช่หรือ ผู้หนึ่งนำตนเองกำบังศร อีกผู้หนึ่งคอยปกป้องใกล้ชิด เหลือก็แต่เพียงเขียนคำว่าเป็นห่วงไว้บนใบหน้าเสียแล้ว โม่เจ๋อเอ่อร์ยังมาแขวะว่าตนกับเก๋อจือตัวติดกันเกินไป แท้จริงแล้วเป็นพวกเขาสองคนต่างหากที่เผยกลิ่นอายใกล้ชิดสนิทสนมออกมาอยู่ตลอด....
...อืม มิเพียงแต่กลิ่นอาย ทว่ายังมีกลิ่น โดยเฉพาะยามได้พบกับโม่เจ๋อเอ่อร์ในยามเช้า บนกายของอีกฝ่ายมีกลิ่นคาวพิเศษเช่นนั้น...
เก๋อจือมิได้บินตรงไปยังหลังคาอย่างโง่เซ่อ เพียงแต่อ้อมไปทางอาคารด้านข้างเพื่อหาที่กำบังและลอบโจมตีไปยังตำแหน่งของนักธนู ลาถีเท่อถนัดการต่อสู้ระยะประชิดตามลำพัง เช่นนั้นหน้าที่สำคัญอย่างการกำราบผู้ที่ลอบโจมตีมิให้หลงเหลือย่อมต้องเป็นของตน
“หนึ่ง สอง สาม อืม มีสามคน อีกฝ่ายเปิดหน้าต่างชั้นดาดฟ้าลอบโจมตีโม่เจ๋อเอ่อร์ หากร่ายเวทลงไปจะต้องพังเป็นแน่...”
หลังใคร่ครวญไม่กี่อึดใจ เก๋อจือยังคงตัดสินใจลงมืออย่างหนัก
อาคารทั้งหมดบนตรอกขี้เถ้าล้วนแต่เป็นการเช่าทั้งหลัง อีกทั้งยังราคามิน้อย เพียงแต่ต่อให้พังอาคารหลังนั้นแล้วต้องควักเงินจ่ายค่าชดเชย ตนก็ยังต้องระบายโทสะนี้ให้ได้ เมื่อใดก็ตามที่เจียนั่วได้รับบาดเจ็บ ภายนอกโม่เจ๋อเอ่อร์ดูคล้ายมิสนใจ ทว่าแท้จริงแล้วกลับพันแผลอย่างระมัดระวังยิ่งกว่าผู้ใด โชคดีที่ระดับความเร็วในการฟื้นตัวของเจียนั่วรวดเร็วอย่างน่าประหลาด มิเช่นนั้นโม่เจ๋อเอ่อร์คงเชิญหมอมาทุกวัน หากคิดเช่นผู้ดูแลรักษามากเกินไปจนผู้กระทำความผิดหลบหนีไป โม่เจ๋อเอ่อร์คงจะบ่นไปอีกหลายวันเสียแล้ว
...ใช่แล้ว ตนยังเคยพบกับบาทหลวงที่เคยช่วยเหลือลาถีเท่อหลายครา เพียงแต่เมื่ออีกฝ่ายเห็นตนกลับหนีไปเสียแล้ว มันเรื่องอันใดกัน?
ขณะหวนนึก งานบนมือของเด็กหนุ่มผมแดงยังคงไม่ชะงัก คาถาที่ผ่านการท่องจำจนขึ้นใจถูกร่ายจนจบ ครั้นคทาเวทกวัดแกว่งเล็กน้อย วงเวทย์ขนาดใหญ่พลันปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้าและลอยอยู่เหนือตัวอาคาร นักธนูทั้งสามสะดุ้งโหยงก่อนรีบหดหัวกลับไป
เก๋อจือหัวเราะเสียงเย็น มือทั้งสองกำคทาไว้มั่น ปากเอ่ยพึมพำ อัญมณีร่ายเวททั้งสามชิ้นเรืองแสงทันใด วงเวทย์สั่นไหวราวกับมีชีวิต แยกชั้นบนล่างอย่างช้าๆ จนกลายเป็นวงเวทย์สองวงที่เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว
“ธาตุแห่งไฟอันแรงกล้า โปรดให้ข้าหยิบยืมพลังของเจ้าเรียกเกลียวคลื่นร้อนระอุอานุภาพเกรียงไกรออกมาขจัดศัตรูให้สิ้นด้วยเถิด!”
น้ำเสียงใสไพเราะของเก๋อจือเปี่ยมด้วยพลัง ธาตุลมที่มีชีวิตชีวาโอบล้อมรอบกาย พยุงร่างผอมบางของเด็กหนุ่มเอาไว้ เสื้อคลุมปักขอบสองแถบอันเป็นสัญลักษณ์ของจอมเวทปลิวไหวไปตามสายลม ผนวกกับอัญมณีร่ายเวททอแสงเรืองรอง คล้ายกับกำลังสำแดงและเผยให้ทุกคนเห็นว่า นี่จึงจะเป็นความกล้าหาญที่จอมเวทหนุ่มพึงมี
ในกลางอากาศ วงเวทย์สองชั้นที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่าสิบเมตรหมุนเวียนไปคนละทาง เปลวเพลิงสีแดงอัดแน่นอยู่ภายในและกำลังพรั่งพรูออกมามิต่างกับหินหนืด เสียงร้องโหยหวนอย่างสิ้นหวังของเหล่านักธนูดังมาจากอาคารไม้ ---- เดิมทีบ้านหลังนี้ถูกใช้เป็นป้อมปราการสำหรับการลอบโจมตี ทว่ายามนี้กลับกลายเป็นกรงจำกัดขอบเขตการเคลื่อนไหว ทั้งๆ ที่รู้ตั้งแต่ต้นว่าจอมเวทด้านนอกกำลังร่ายเวทมนตร์ระดับสูงสุดอันน่าสะพรึงกลัว กระนั้นตนกลับกระโดดหนีลงไปมิทันเสียด้วยซ้ำ
ในเสี้ยววินาทีที่อาคารและร่างกายถูกกระแสเพลิงกลืนกิน ภายในใจของนักธนูทั้งสามล้วนแต่ถูกอัดแน่นด้วยความรู้สึกนึกเสียใจภายหลัง --- เด็กผมแดงที่ตามอยู่ด้านหลังเป้าหมายแต่ไกลสวมเสื้อคลุมจอมเวทระดับกลาง ทว่าทันทีที่ลงมือกลับสามารถร่ายเวทขั้นสูงที่จอมเวทขั้นสูงเท่านั้นจึงจะร่ายได้...
ในยามนี้ ภายในใจของเหล่าผู้คนที่พบเห็นเหตุการณ์ต่างตกตะลึงอย่างยิ่ง
ผู้ที่มายังสถานที่แห่งนี้คุ้นชินกับการฆ่าแกงทุกหนทุกแห่งเสียแต่ต้นแล้ว ทันทีที่เกิดเรื่องจึงหลบเลี่ยงทันที บรรดาร้านค้าบนตรอกต่างรีบปิดประตูใหญ่โดยพลัน อีกฝ่ายคือ ‘กลุ่มมือธนูแรดทมิฬ’ ที่ขึ้นชื่อเรื่องการดักปล้น จะเลือกลงมือกับผู้ที่เพิ่งมาเยือนตรอกขี้เถ้าโดยเฉพาะ มีอัตราความสำเร็จสูงและลงมือเหี้ยมโหด ไม่เคยหลงเหลือผู้รอดชีวิตมาแต่ไหนแต่ไร เดิมทีนึกว่าเด็กหนุ่มที่เผยทรัพย์สินโดยมิรู้เนื้อรู้ตัวผู้นั้นจะถูกสังหาร นึกมิถึงว่าเหล่า ‘ผู้คุ้มกัน’ ที่อยู่ด้านหลังจะมีความสามารถโดดเด่นเช่นนี้ อีกทั้งนึกมิถึงว่าจะมีจอมเวทระดับสูงที่ปลอมตัวเป็นจอมเวทระดับกลาง
โม่จ้านที่คอยเอาใจใส่เก๋อจือทางหางตาอยู่ตลอดเผยรอยยิ้มออกมา เด็กหนุ่มผมแดงเปลี่ยนรูปแบบจากตะโกนเรียกลูกค้าเช่นเมื่อก่อนเป็นการเริ่มวางแผนการโดยใช้ข้อได้เปรียบของตนเองเสียแล้ว ภายในใจของตนเกิดความรู้สึกปลื้มอกปลื้มใจราวกับเห็นบุตรประสบความสำเร็จพรั่งพรูออกมาอย่างน่าประหลาด
แม้จะกล่าวว่าในบรรดาอาชีพทั่วไป มีเพียงนักธนูระดับสูงเท่านั้นที่สามารถสร้างความรู้สึกถูกคุกคามให้แก่จอมเวทได้ กระนั้นจอมเวทธาตุลมคือข้อยกเว้น --- ด้วยความสามารถในการควบคุมของพลังเวทธาตุลม นักธนู ‘นอกรีต’ ย่อมฝีมือมิได้มาตรฐานเท่าจอมเวท หากจะถูกโจมตีกลับย่อมเป็นเรื่องธรรมดา สำหรับกลุ่มทหารรับจ้างที่ช่ำชองแล้ว การมีจอมเวทธาตุลมที่เชี่ยวชาญการควบคุมสามารถทำให้พลังต่อสู้ของกลุ่มเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งระดับขั้น
ยิ่งไปกว่านั้นพลังเวทธาตุไฟของเก๋อจือยังอยู่ในระดับสุดยอดเสียนานแล้ว สามารถชดเชยจุดอ่อนด้านพลังโจมตีของเวทธาตุลม ภายใต้พรสวรรค์ของตนเองและ(การบีบบังคับขู่เข็ญของคนทั้งสาม)ความเพียรพยายาม ยามนี้ศักยภาพของเก๋อจือเหนือกว่ายามแรกอย่างมาก การจะกลายเป็นจอมเวทผู้ยิ่งใหญ่มิได้เป็นเพียงจินตนาการเลื่อนลอยแต่อย่างใด
เพียงแต่ผู้ที่ตกตะลึงที่สุดในยามนี้มิใช่กลุ่มคนที่แอบซุ่มดู ทว่ากลับเป็นมังกรกึ่งมนุษย์ที่กำลังติดต่อกับผู้ว่าจ้าง --- จุดติดต่อสื่อสารกับร้านตีเหล็กห่างกันเพียงหนึ่งตรอกเท่านั้น ซีนั่วพุ่งออกมาหน้าประตูทันทีที่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว ตามด้วยเบิกตาอ้าปากค้างมองอาคารเล็กหลังหนึ่งถูกเปลวเพลิงในวงเวทย์กลืนกินจนหมดสิ้น
“เปลวเพลิงไหลทะลักคือการโจมตีขั้นสูงของจอมเวทธาตุไฟ...ขณะเดียวกันยังร่ายเวทย่ำวายุ...”
มังกรกึ่งมนุษย์จ้องมองร่างคุ้นเคยกลางอากาศอย่างทึ่มทื่อ ปากเอ่ยพึมพำกับตนเองเสียงเบา
“...ศักยภาพของเจ้าเด็กผู้นั้น แท้จริงแล้วน่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้เชียวหรือ...”
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??