เรื่อง หมื่นวิถีบรรลุเทพ
ระหว่างทางชิวเจินและองครักษ์เอาแต่พูดคุยกับเยี่ยซาง่าสนุกสา แต่กลับไม่มีใครสนใิไ่หรือคนอื่นๆ าั ทำให้พวกเขาไม่พอใเป็น่ามาก พวกเขาจะมีหน้าไปบอกคนอื่นได้่าไรว่าตนเองเป็นคนตระกูลฉิน ส่วนเยี่ยซางเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น
จากนี้ฉินเจินก็อยู่ฝ่ายเดียวกับเยี่ยซางด้วย เมื่อิไ่ ฉินซานและคนอื่นๆ พยายามพูดคุยกับฉินเจิน อีกฝ่ายเพียงพยักหน้าและส่ายหน้าด้วยท่าทางไม่เต็มใที่จะพูดคุยกับพวกเขา แต่กลับเข้ากันได้ดีกับกลุ่มเยี่ยซาง
“เต่า! ก็เป็นแค่เต่าเท่านั้น!” เยี่ยซางยิ้ม เขาไม่ต้องการให้ความสนใกับิไ่และคนอื่นๆ ระหว่างทางเยี่ยซางเห็นว่ากลุ่มิไ่หยิ่งผยองเป็น่ามาก ่าไรก็ตามพวกเขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันในอนาคต เยี่ยซางจึงขี้เกียจเกินกว่าจะไปโต้เถียงกับพวกเขา
ท่าทางหยิ่งยะโสิไ่หายไปเมื่อได้ยินคำพูดเยี่ยซาง แม้จะไม่มีถ้อยคำหยาบคาย แต่ใครๆ ก็ได้ยินคำดูถูกเหยียดหยามเขา่าชัดเจน
“เ้ารนหาที่ตาย!” ิไ่ผู้โกรธจัดเดินไปหาเยี่ยซาง้ด้วยดาบยาวในมือ
การแสดงออกชิวเจินเปลี่ยนไป เขารู้จักนิสัยิไ่ดี ที่จริงแล้วเขาไม่ได้อยากให้ิไ่มา้กันด้วยซ้ำ ั้ยังรู้สึกรังเกียจอีกฝ่ายจากก้นบึ้งหัวใ แต่เพราะเบื้องัิไ่เป็นเช่นนั้น เขาจึงทำอะไรไม่ได้ ่าไรก็ตามเขาไม่สามารถทนดูิไ่ทำร้ายเยี่ยซางได้
ไม่ทันที่เขาจะออกไปขวาง ฉินเจินก็ยืนอยู่ข้างเยี่ยซางแล้ว ้มือเยี่ยซางที่กำลังถือหอกเหล็กดำซึ่งเขาเคยเก็บไว้ข้างัตนเองด้วย
ถึงจะไม่รู้ว่าการบ่มเพาะิไ่เป็น่าไร แต่ถ้าิไ่ยืนกรานที่จะต่อสู้ เยี่ยซางก็ไม่ลังเลที่จะโต้กลับด้วย แ้่าะพ่ายแ้ เขาก็ยอมรับได้ แต่ศักดิ์ศรีและตัวตนเขาจะต้องไม่ถูกทำลาย
เยี่ยซางรู้สึกว่าไม่เป็นอะไรหากเขาแ้การต่อสู้ เขาสามารถสู้ได้อีกครั้งในอนาคต แต่ถ้าเขาไม่กล้าแม้แต่จะต่อสู้ในนี้ มันจะกลายเป็นความอัปยศที่ไม่มีวันหายไปแน่
เมื่อฉินเจินมายืนอยู่ข้างเยี่ยซาง ก็ต้องทำให้ิไ่ตกตะลึง ฉินเจินไม่ได้มีพลังบ่มเพาะสูงาั ถึงจะแย่กว่าเยี่ยซาง แต่ฉินเจินยังมีองครักษ์สองคนอยู่ข้างเขา แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนตระกูลฉินเหมือนกันแต่สถานะิไ่และฉินเจินในตระกูลนั้นแตกต่างกัน่าสิ้นเิ กวนสยงและหลี่ซงเป็นองครักษ์ตระกูลฉิน สำหรับพวกเขามีเพียงฉินเจินเท่านั้นที่เป็นนายน้อย
“เอาละ นั่นเ้าจะทำอะไร? ิไ่ทำไมยังไม่หันกลับไปอีก!” ชิวเจินพูดึ้โดยั แล้วสถานการณ์ก็เปลี่ยนไป พูดได้ว่านี้เขาอยู่ฝั่งเดียวกับทายาทตระกูลฉินสายตรงและไม่ได้ล่วงเกินฉินเอ้าเซวียนแม้แต่น้อย
“เ้ารอก่อนเถิด! เต่าก็เป็นได้แค่เต่าอยู่วันยังค่ำ” ิไ่สาปแช่งและหันกลับไป
แววตาั้สองข้างเยี่ยซางเป็นประกายเย็นเยียบ เขาจ้องแผ่นัิไ่โดยไม่พูดอะไร เยี่ยซางไม่ถือสาหาความอะไรเลยหากอีกฝ่ายจะดูถูกตนเองครั้งแรก แต่อย่าหวังว่าจะสามารถดูถูกเขาเป็นครั้งที่สองได้โดยที่ไม่โดนตอบโต้กลับได้
มือที่ถือหอกเหล็กดำนั้นกระชับแน่น จากนั้นเยี่ยซางก็ยิ้มและคลายมือออก
“ความแข็งแกร่งคือุ่า เยี่ยซางถ้าเ้าเข้าไปหุบเขาโอสถแล้ว เ้าต้องฝึฝ่าหนัก” ชิวเจินตบไหล่เยี่ยซางพลางพูด
“ขอบคุณหัวหน้าชิว ข้าทราบแล้ว” เยี่ยซางพยักหน้าแล้วยิ้มให้ฉินเจินที่อยู่ข้างๆ เขา
ชิวเจินเดินออกไป เพื่อจัดองครักษ์ให้ตรวจสอบบริเวณรอบๆ
“หัวหน้า ิไ่ทำเกินไปหน่อยนะ ถ้าทำตัวแบบนี้ในหุบเขาโอสถต้องมีปัญหาแน่” ชิวหยวนรองหัวหน้ากลุ่มองครักษ์กล่าวึ้ ชิวหยวนเป็นลูกี่ลูกน้องชิวเจิน เขาสามารถเป็นรองหัวหน้าได้ด้วยความแข็งแกร่งตนเอง
“นิสัยที่ไม่ดีเช่นนั้น... ชิวหยวนเ้ารู้หรือไม่ว่างูกับมังกรต่างกัน่าไร?” ชิวเจินถามด้วยรอยยิ้ม!
“งูชอบเลื้อยไปมา ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ต้องการจะต่อสู้กับุ่า จึงไม่มีโอกาสแก้ตัวพลอยให้ตัวเองตายเ็ ส่วนมังกรมักจะนอนเด็กและยามอ่อนแอ แต่เมื่อถึงเวลามันก็จะเคลื่อนไหวเหมือนออกมาจากขุมนรกและทะยานึ้ไปเก้าชั้นฟ้า” ชิวหยวนกล่าว
“งูกับมังกรนั้นต่างกัน ผู้คนก็เช่นกัน!” ชิวเจินถอนหายใขณะที่สายตาเขาจับจ้องไปที่เยี่ยซาง
ชิวหยวนมองตามสายตาชิวเจินไปยังเยี่ยซางที่ยืนเงียบๆ อยู่อีกด้านึ่ เขาเข้าใว่าชิวเจินหมายถึงอะไร แต่ไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะประเมินเยี่ยซางไว้สูงขนาดนั้น
สองวันครึ่งัจากนั้นทางกลุ่มก็มาถึงนครตานติ่ง
พวกเขามองเห็นกำแพงเมืองสูงชะลูดจากระยะไกลดูราวกับมังกรกำลังหมอบคลานอยู่กับพื้น
แสงอาทิตย์ในยามเย็นเป็นสีทองส่องลงมาถึงพื้น ทำให้ั้เมืองเหมือนกำลังโดนปกคลุมไปด้วยผ้าสีทองผืนบางราวปีกจักจั่นที่ทำให้พื้นที่แห่งนี้ยิ่งดูลึกลับน่าพิศวง
ที่นี่คือนครตานติ่งซึ่งเป็นเมืองที่ใญ่ที่สุดในพื้นที่ึ่แสนลี้
นครตานติ่งเป็นเมืองโบราณที่สร้างึ้มาาแล้ว อาจจะึ่พันปี าัปี หรือึ่หมื่นปีก็ไม่มีใครทราบได้
ัจากเดินเข้าไปในเมืองแล้ว เยี่ยซางก็ได้พบว่ากำแพงเมืองโบราณนี้สูงกว่าสิบจั้ง โดยั้หมดทำจากหินสีเข้ม
ชิวเจินส่งสัญญาณให้กับเ้าหน้าที่ตรงประตูเมืองก่อนที่ั้กลุ่มจะเข้าสู่นครตานติ่ง่าราบรื่น ัจากเข้าเมืองมาแล้วชิวเจินก็ใหุ้คนลงจากรถและเดินต่อเพื่อให้หนุ่มสาวได้เห็นนครตานติ่งด้วยตนเอง
“เมืองนี้ใญ่กว่านครชื่อเหยียนเรามาก ควรแล้วที่เรียกว่าเมือง์” ชายหนุ่มคนึ่กล่าว
“นี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวแคว้นตงเสวียนเท่านั้น โภายนั้นกว้างใญ่มาก ยังมีเมืองเช่นนี้อีกมากมาย” ชิวเจินเหลือบมองชายหนุ่มขณะเดียวกันก็หันไปมองเยี่ยซาง เด็กหนุ่มนั้นเงียบมากราวกับว่าเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกแปลกใ
เยี่ยซางไม่ได้พูดอะไรแม้แต่น้อยในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา สิ่งที่เขาทำคือการบ่มเพาะและบ่มเพาะเท่านั้น เด็กหนุ่มยังไม่ได้แม้แต่ไปล่าสัตว์ด้วยซ้ำ ชิวเจินรู้ว่าถึงเยี่ยซางไม่แสดงออกมา แต่ความขัดแย้งระหว่างเด็กหนุ่มกับิไ่ยังคงส่งผลกระทบต่อเขาเป็น่ามาก
ชิวเจินหาโรงเตี๊ยมและจัดใหุ้คนเข้าพัก จากนั้นจึงให้ชิวหยวนไปซื้อเสือวายุเพิ่มอีกสามตัว แม้ว่าเสือวายุสองตัวจะสามารถลากรถได้แต่ก็ยังช้ามาก เนื่องจากรถเหล็กหนักเกินไปจึงเป็นเรื่องยากสำหรับเสือวายุเพียงสองตัว
เมื่อเข้าพักในโรงเตี๊ยมแล้วเยี่ยซางก็เริ่มฝึฝ เขาต้องการที่จะพัฒนาพลังบ่มเพาะตนให้มากที่สุดก่อนพิธีคัดเลือกศิษย์เข้าสู่หุบเขาโอสถจะเริ่มึ้ ถึงนี้จะไม่มีวี่แววที่เขาจะบรรลุขั้นสี่เลี่ยนชี่เลยก็ตาม ยิ่งการบ่มเพาะสูงึ้เท่าไรก็ต้องยิ่งใช้ลมปราณมากึ้เท่านั้น
ในอีกห้องึ่ิไ่และฉินซานกำลังพูดคุยกัน
“ี่ไห่ ท่านไม่จำเป็นต้องสนใมันหรอก รากฐานการบ่มเพาะพลังปราณระดับสาม มันไม่น่าจะผ่านการคัดเลือกหุบเขาโอสถได้ด้วยซ้ำ ถ้ามันไม่ผ่านการคัดเลือกหุบเขาโอสถ ท่านก็สามารถจัดการได้่าง่ายดายแล้ว” ฉินซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ต้องพูดถึงคนที่มาจากเมืองอื่นๆ แค่คนที่มาจากนครชื่อเหยียนเรา รากฐานบ่มเพาะที่ต่ำสุดก็คือขั้นที่หกเลี่ยนชี่ แทบจะเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำที่มันจะผ่านการคัดเลือกหุบเขาโอสถ ข้าจะบอกองครักษ์ซ่งภายั ถ้ามันไม่ผ่านการคัดเลือกหุบเขาโอสถก็ให้สังหารมันเี” เีงิไ่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“ข้าไม่เข้าใว่าทำไมน้องเจินถึงต้องปกป้องมันนัก แค่รับกินเล็กๆ น้อยๆ จากมันไม่ใช่หรือ?” ฉินซานพูดถึงความคิดเขา
“เหอะ! ถ้าเขาไม่ใช่ลูกชายท่านอาสาม ด้วยการฝึฝระดับนั้นเขาก็คงไม่ต่างอะไรจากเยี่ยซางมันหรอก” คำพูดิไ่เต็มไปด้วยความไม่พอใ เพราะฉินเจินเป็นทายาทสายตรงตระกูลฉินแต่ตนเองไม่ใช่ สำหรับทางฉินเจินนั้น เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายเข้าหุบเขาโอสถไม่ได้อยู่แล้ว เพราะ่าไรเีอาจารย์ฉินเอ้าเซวียนซึ่งเป็นผู้อาวุโสหุบเขาโอสถ ก็เป็นอาจารย์ฉินเจินด้วย
“ี่ใญ่ มันเป็นเรื่องยากที่เยี่ยซางจะเข้าสู่หุบเขาโอสถ ถึงเขาจะก้าวหน้า่ารวดเ็แต่เขาเริ่มต้นช้าเกินไป” ในอีกห้องึ่ชิวหยวนมองไปที่ชิวเจินและกล่าวึ้
“ถ้าปีนี้ไม่ได้ เช่นนั้นปีหน้าเล่า? ข้าไม่คิดว่าเขาจะยอมแ้ ทองคำแท้จะเปล่งประกายไม่ช้าก็เ็” ชิวเจินกล่าวด้วยรอยยิ้มพลางดื่มเหล้าพ
ัจากพักผ่อนั้คืน ในเช้าุคนก็รวมตัวกันึ้รถอสูรสามคันก่อนจะออกเดินทางต่อ
ยังเหลือระยะทางอีกนับพันลี้จากนครตานติ่งไปจนถึงประตูหุบเขาโอสถที่ภูเขาตานติ่ง แต่บริเวณนี้ไม่ได้เป็นพื้นที่แห้งแล้งอีกต่อไป เพราะมีคนมาสร้างถนนชิงเหยียนไว้เมื่อามาแล้ว
มีรถอสูรมากมายบนถนนเ้นี้ พิธีคัดเลือกศิษย์ประจำปีหุบเขาโอสถเป็นงานที่ยิ่งใญ่ที่สุดในบริเวณโดยรอบึ่แสนลี้ มันจึงไม่น่าแปลกใที่มีคนจำนวนมากเดินทางมาเข้า่
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??