เรื่อง ธาราย้อนแห่งนครเชียงทอง

ติดตาม
18 สิ่งประดิษฐ์...
18 สิ่งประดิษฐ์...
  • ปรับสีและขนาดตัวอักษร

บอสเ๹ิ่๣จากการขีดเขียนภาพร่าง๻่า๫ๆ ลงบนพื้น มีความคิดที่จะทำนั่นทำนี่จนเต็มหัว แต่สุดท้ายก็ยังนึกไม่ออกว่าควรจะเ๹ิ่๣จากสิ่งไหน


จนสุดท้ายก็ปิ๊งไอเดียถึงสิ่งที่ตนต้องทำอยู่ทุกวัน นั่นคือการไปตักน้ำที่หนองน้ำและหาบกลับมายังเพิ่งพักซึ่งอยู่ไกลมาก บอสเลยคิดจะสร้างรถลากสำหรับเอาไว้ช่วยในการขนน้ำ เขาจึงเ๹ิ่๣เขียนภาพร่างลงบนพื้น จากสิ่งที่เคยได้เรียนมาในวิชาการออกแบบและเทคโนโลยี ตอนอยู่ ม.1 ในเรื่องล้อและเพลา


บอสค่อยๆ เ๹ิ่๣คิดหาวัสดุและอุปกรณ์๻่า๫ๆ ในยุคนี้ที่พอจะนำมาทำได้ จึงนึกถึงต้นไผ่และต้นหวายที่ตนเคยเห็นมาก่อนแล้วที่อยู่ในป่าซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดมากนัก เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้ว จึงคำนวณปริมาณที่จะใช้ในแต่ละประเภทไว้ จากนั้นจึงเดินไปขอยืมมีดพล้าจากลุงคำที่หมู่บ้าน แล้วมุ่งหน้าเข้าป่าไป


บอสเดินเทียวไปเทียวกลับอยู่หลายรอบ จนได้วัสดุเพียงพอครบถ้วน ซึ่งประกอบด้วย หวายใหญ่ หวายอ่อน ไผ่ตรง ไผ่อ่อนป่า เมื่อนั่งพักเอาแรงจนหายเหนื่อยแล้ว บอสจึงกุลีกุจอใช้มีดเ๹ิ่๣เตรียมวัสดุ๻่า๫ๆ ให้ขึ้นรูปตามรูปแบบและขนาดที่ได้ออกแบบไว้


บอสเอาหวายใหญ่มาดัดทำเป็นล้อและใช้ไผ่ประกอบในส่วนที่ไม่ต้องดัดงอ ใช้วิธีการสลักร่วมกับหวายอ่อนมัดเป็นตัวยึดแน่น จนตัวล้อทั้ง 2 และเพลาแล้วเสร็จ จากนั้นจึงขึ้นโครงส่วนที่เป็นตัวถังสำหรับบรรทุกน้ำและคานที่ใช้จับในการเข็น โดยออกแบบให้บรรทุกน้ำได้ครั้งละ 4 คุ และออกแบบให้ที่จับมีความยาวจากตัวถังขึ้นมาพอสมควร เพื่อลดแรงที่ต้องใช้ยกและดัน


บอสนั่งทำสิ่งประดิษฐ์นี้จนหมดวัน จนสุดท้ายก็แล้วเสร็จเป็นรูปเป็นร่าง บอสจึงรีบนำไปทดลองใช้ทันที แต่เหมือนจะมีอุปสรรค เพราะเส้นทางที่ไปยังหนองน้ำถึงจะเป็นที่ราบ แต่ถนนยังมีลักษณะเป็นตะปุ่มตะป่ำไม่ได้ราบเรียบ ล้อของรถลากที่บอสได้สร้างขึ้นจึงผ่านไปได้ค่อนข้างลำบาก ดังนั้นเขาจำเป็นต้องมาเคลียร์เส้นทางก่อน วันนี้บอสจึงต้องเดินไปหาบน้ำด้วยตัวเองเช่นเดิม


หลังจากอาบน้ำ กินข้าวและไปหาพระอาจารย์ที่กุฏิเหมือนเช่นทุกวันเสร็จ พอกลับมาที่เพิงพัก บอสก็เ๹ิ่๣นอนคิดถึงสิ่งประดิษฐ์อื่นๆ ที่พอจะเป็นไปได้เพิ่มเติมอีก เพราะวันนี้เขาได้รู้แล้วว่าตนเองพอจะนำความรู้๻่า๫ๆ ที่ได้เคยเห็นและร่ำเรียนมาในยุคสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ในยุคสมัยนี้ได้


วันถัดมาหลังจากทำกิจวัตรทุกอย่างเสร็จ บอสก็เ๹ิ่๣ดำเนินการเคลียร์เส้นทางจากเพิงพักของตนไปยังหนองน้ำเป้าหมาย แล้วทดลองใช้รถเข็นไปขนน้ำดู ซึ่งการทดลองก็ประสบความสำเร็จ บอสสามารถขนน้ำกลับมาได้ทีละ 4 คุ และเมื่อสิ่งประดิษฐ์แรกนี้เป็นดังสมมุติฐานที่ได้ตั้งไว้แล้ว เขาจึงคิดจะสร้างสิ่งอื่นต่อไปเรื่อยๆ


วันใดที่ไม่มีกิจธุระจากพระอาจารย์หรือจากคนในหมู่บ้าน บอสก็จะขะมักเขม้นอยู่กับการสร้างอะไรเรื่อยเปื่อยของตนไป จนวัสดุและข้าวของที่เหลือใช้ล้นเต็มเพิงทะลักออกมาด้านนอก ช่วงไหนที่พระอาจารย์เดินผ่านมา ก็จะหยุดมองดูบอสที่กำลังสร้างสิ่งนั้นทีสิ่งนี้ทีอย่างสนอกสนใจและเอ็นดูในความช่างคิดของบอส


กาลเวลาล่วงเลยผ่านไป 2 เดือน กำลังจะย่างเข้าสู่เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2067 (แต่ลาวจะนับเป็น พ.ศ. 2068) ซึ่งเ๹ิ่๣เข้าสู่ฤดูฝน ในช่วงสายของวัน พี่สังและพี่สีกำลังเดินมาหาบอสที่เพิงพักเพื่อจะแจ้งให้เขาเข้าไปช่วยงานของหมู่บ้านในช่วงบ่าย เมื่อเดินมาหยุดถึงหน้าเพิงพัก ซึ่งตอนนี้ไม่น่าจะเรียกว่าเพิงได้แล้ว ไม่คงเค้าว่าเคยเป็นเพิงมาก่อนเลย ตอนนี้เหมือนจะเป็นบ้านหลังหนึ่งแล้ว


ตัวบ้านมีผนังรอบขอบชิดที่สร้างด้วยไผ่และหวานสานสลับกัน ข้าวของด้านในถูกตกแต่งอย่างเป็นระเบียบ มีการจัดวางสิ่งที่ใช้สอยแขวนอยู่เป็นจุดๆ ด้านในสุดมีเตียงที่ยกระดับขึ้นจากพื้น ถัดมาเป็นที่แขวนเสื้อผ้า และมีโต๊ะหนังสืออยู่ที่มุมห้อง ทั้งคู่ต่างมองดูด้วยความงุนงงว่าบอสสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาเพียงคนเดียวได้ยังไง หลายอย่างก็เป็นสิ่งที่พวกตนไม่เคยเห็นมาก่อน


“ไซ นี่เอ็งทำสิ่งเหล่านี้ได้เยี่ยงไรกัน เอ็งไปเรียนรู้มาจากที่ใดรือ พอจักสอนพวกข้าบ้างได้หรือไม่…”


“ได้สิขอรับ วันใดพวกท่านว่างๆ ก็มาหาข้าที่นี้ได้ แลพวกท่านอยากจักทำสิ่งใดข้าก็จักสอนพวกท่าน”


“จริงรึ เช่นนั้นก็ดีเลย ข้าคิดว่าหากทำของพวกนี้ไปลองขายในเมืองดู ข้าคาดว่าจักได้เงินอยู่มากโขเชียวหล่ะ…”


“จริงรึขอรับท่านพี่สี มันจักขายได้จริงๆ หรือ เช่นนั้นก็ดีเลยข้าขอทำไปขายบ้าง จักได้มิรบกวนพระอาจารย์ท่าน เวลาข้าอยากซื้อของอันใด”


“ดีๆ เอ็งนี่มันรู้ความจริงๆ เช่นนั้นพวกเราก็ตกลงตามนี้หนา…”


“ขอรับ เออ… ว่าแต่พวกท่านพี่มาหาข้าด้วยเรื่องอันใดหรือขอรับ เมื่อครู่ ข้าก็ลืมถาม มัวแต่คุยเรื่องอื่นไปก่อน…”


“อ้อ ท่านลุงคำให้มาแจ้งแก่เอ็งว่า ให้เอ็งเข้าไปที่หมู่บ้านช่วงบ่ายหน่ะ เห็นว่ามีเรื่องจักให้ช่วยอะไรนี่แหล่ะ”


“เช่นนั้นดอกรึ ได้ขอรับ ช่วงบ่ายข้าจักเข้าไป รบกวนท่านพี่ทั้งสองไปแจ้งแก่ท่านลุงคำด้วยนะขอรับ”


พี่สังและพี่สีได้แจ้งในสิ่งที่ลุงคำวานมาแล้ว แถมยังแนะช่องทางหารายได้ให้บอสด้วย ทั้งสามจึงคุยกันต่อถึงสิ่งที่จะทำด้วยกันอย่างถูกคอ จนลืมดูว่าท้องฟ้าเ๹ิ่๣มืดครึ้มมาแล้ว ไม่นานฝนก็ตกลงมา-่าใหญ่อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทั้งสามจึงต้องรีบหลบเข้าไปภายในบ้านของบอส พี่ทั้งสองจึงได้เห็นสิ่งประดิษฐ์ที่สำคัญและน่าทึ่งของบอสอีกอย่างตอนฝนตกนี้


บอสได้ทำหลังคาด้วยการใช้ไม้ไผ่ผ่ากลางวางสลับหงายคว่ำเป็นแนวคร่อมกันไปมา ซึ่งมีลักษณะคล้ายสังกะสีในปัจจุบัน ทำให้ฝนที่ตกลงมาไหลตามร่องไม้ไผ่ลงสู่รางไม้ไผ่ที่แขวนอยู่ใต้หลังคาแล้วไหลต่อไปจนลงโอ่งเก็บน้ำ พี่สังและพี่สีไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน จึงมองดูด้วยความประหลาดใจปนทึ่ง


“เจ้าสิ่งนี้มันเรียกว่ากะไรหรือวะ ไซ”


“สิ่งนี้เรียกว่าหลังคาขอรับ ข้าว่ามันน่าจักดีกว่าการใช้หญ้าคา เลยลองเปลี่ยนดูหน่ะขอรับ”


“อื่ม ข้าก็คิดว่ามันแลดูดีกว่า จริงของเอ็ง…”


พวกเขาต่างสนทนากันอีกยกใหญ่ถึงสิ่งประดิษฐ์นี้ ก่อนที่ฝนจะหยุดตก และทั้งหมดก็แยกย้ายไปทำกิจของตน บอสเ๹ิ่๣คิดถึงสิ่งที่คุยกันวันนี้ เขาคิดว่าบางทีสิ่งประดิษฐ์พวกนี้อาจจะทำเงินให้เขาได้ไม่มากก็น้อย จึงเดินไปที่โต๊ะหนังสือแล้วหยิบกระดาษข่อยขึ้นมาคำนวณและจดบันทึกไว้


จากวันนั้นเป็นต้นมา วันใดที่พี่สังและพี่สีว่างจากงานของตนและของหมู่บ้าน ทั้งคู่จะมาหาไซที่บ้าน เพื่อทำสิ่งประดิษฐ์สำหรับจะนำไปขายที่ตลาดในเมืองเชียงทองร่วมกัน ทั้งสามต่างช่วยกันอย่างขะมักเขม้น จนเวลาผ่านไปถึง 15 วัน ได้สิ่งของร่วม 100 ชิ้น โดยส่วนใหญ่เป็นของใช้สอยภายในบ้านทั่วๆ ไป


บอสได้วานพี่ทั้งสองให้เอาของเข้าไปขายในตัวเมือง ซึ่งตนไม่ได้เข้าไปด้วยเพราะต้องอยู่รับใช้พระอาจารย์ โดยในช่วงนี้เป็นหน้าน้ำแล้ว การจะข้ามไปยังเมืองเชียงทองต้องใช้เรือข้ามแม่น้ำคาน ไป-กลับ ไม่เหมือนตอนไปครั้งก่อนหน้าที่สามารถเดิมข้ามได้เลย จึงต้องใช้เวลาเดินทางเพิ่มพอสมควร บอสเลยไม่ค่อยสะดวกที่จะไปด้วย


เมื่อถึงตลาดกลางเมืองเชียงทอง สิ่งประดิษฐ์๻่า๫ๆ ที่พวกเขาช่วยกันสร้างมา ดูจะเป็นที่สนใจของคนในพระนครกันพอสมควร เพียงวางและตะโกนขายไม่กี่ชั่วโมง ของทั้ง 100 ชิ้น ก็ขายหมดจนเกลี้ยง ได้เงินมาหลายฮ้อยพอสมควร ดูด้วยตาแล้วก็คาดว่าอาจมีแตะถึงตู้ ระหว่างเก็บแผงเพื่อเตรียมตัวกลับอยู่นั้น พี่สังจึงคิดถึงการค้าขายต่อไปในอนาคต


‘ไม่คิดว่าผู้คนจักสนใจเจ้าของพวกนี้มากเช่นนี้ หากเป็นเยี่ยงนี้ต่อไป พวกเราอาจจักรวยก็ได้สินะ…’


---------------------------------------


* เนื่องด้วยเงินตราในยุคอาณาจักรล้านช้างมีมาตรวัดและการชั่งตวงที่หลากหลาย หากจะนำมาใช้ในนิยายเรื่องนี้ให้ตรงตามจริง ผมเกรงว่าผู้อ่านอาจจะสับสนเอาได้ ผมจึงขอนำเพียงชื่อหน่วยของเงินมาใช้อ้างอิงเท่านั้น โดยอัตราแลกเปลี่ยนในนิยายเรื่องนี้ ผมขอคิดขึ้นใหม่ทั้งหมด ให้เป็นดังนี้ครับ

1 ฮ้าง มีค่าท่ากับ 10 ตู้


    1 ตู้ มีค่าเท่ากับ 10 ฮ้อย
    1 ฮ้อย มีค่าเท่ากับ 100 ลาด
    1 ลาด มีค่าเท่ากับ 10 ลาดฮ้อย


โดยเปรียบเทียบกับราคาของสินค้า ได้ดังนี้

ถั่วต้ม 1 กำ ราคา 5 ลาดฮ้อย
    ไข่ไก่ 1 ฟอง ราคา 1 ลาด
    เนื้อหมู 2 กก. ราคา 1 ฮ้อย
    ทองคำ 1 สลึ่ง ราคา 1 ตู้
    วัว 1 ตัว ราคา ราคา 1 ฮ้าง

---------------------------------------



ตอนต่อไป
19 การค้า...

นิยายแนะนำ

นิยายแนะนำ

ความคิดเห็น

COMMENT

ปักหมุด

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited( Kawebook.com )

Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )
ที่อยู่ : 20 หมู่ที่ 6 ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร 74000
เวลาทำการ : 08 : 00 - 18 : 00 จันทร์ - เสาร์
e-mail : contact@kawebook.com

DMCA.com Protection Status

เริ่มต้นเผยแพร่ผลงาน

เริ่มต้นเป็นนักเขียนออนไลน์ เขียนเรื่องราวที่ประทับใจ สร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ และแบ่งปันประสบการ์ดีๆ กับผู้คนทั่วโลก kawebook.com เป็นโอกาส เป็นสื่อกลาง และยังเป็นอีกหนึ่งช่องทาง ในการสร้างรายได้ให้กับนักเขียนมืออาชีพ และนักเขียนมือสมัครเล่นจากทุกมุมโลก เพียงสมัครเป็นสมาชิกเว็บไซต์เพื่อเขียนหนังสือ การ์ตูน หรืออัพโหลดอนิเมชั่น ที่เป็นผลงานของท่าน และเผยแพร่ผลงานสู่สาธารณชน

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา