เรื่อง พันธสัญญาสะท้านโลกา
ตอนที่ 2.
อัจฉริยะปราณตำหนิ
ใยามตะวันฉายขึ้นสู่ฟากฟ้า พร้อมแเจิดจ้าที่มอบพลังใการเริ่ม้วันใหม่ให้กับุชีวิตใดินแ พร้อมสายลมโชยพัดพาาูลงต่ำ าเทือกเขาลงสู่เมืองเ็ ๆ ท่ามางเทือกเขาเหล่านั้นที่อุดมไปด้วยพืชพรรณนานับประการจนได้ญาว่าดินแทองคำอันเขียวขจี นามของเมืองนั้นคือ ชินเจี่ยโป
เป็ดั่งสัญญะเริ่ม้ของการใช้ชีวิตเื่ยามอาทิตย์ฉายแ เหล่าไพร่ฟ้าใเมืองชินเจี่ยโปต่างก็เริ่มออกมาทำกิจธุระของตน ไม่เว้นแม้แต่เหล่าลูกเ็เด็กแดงที่ต่างก็มีกิจของตนที่ต้องทำ นั่นคือการเล่าเี
“ฮะฮ่า ข้านำไป่ล่ะ!”
“เ้าเล่นสกปรกนี่! รอข้า่เถอะ!”
และสถานที่เล่าเีที่เหล่ายุวชนประจำเมืองแ่นี้กำลังวิ่งแจ้นมุ่งไปอย่างสนุกสนาน คือตำหนักใหญ่ใางเมืองที่ปูพื้นด้วยศิลาขัดละเอียดพร้อมตัวตึกที่ก่อ่าสร้างูถึง 5 ชั้นด้วยไม้เนื้อแดงที่รับกับแตะวันยามเช้าจนส่องประางามหยด ทำให้มีญาว่า ตำหนักแดงย่ำรุ่ง หรือที่รู้จักกันใชื่ออย่างเป็ทางการว่า สำนักหินผา
นี่คือสำนักการศึกษาที่ก่อตั้งขึ้นมาาราชโองการของฮ่องเต้แ่จักรวรรดิจ่งหัว ผู้ที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาเหนือสิ่งอื่นใด จนทำให้เหล่าไพร่ฟ้าทั่วหล้าได้มีโอกาสเข้าศึกษาเล่าเีหลักสูตรพื้นฐาน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความเก่ง้ามิให้น้อย้าผู้ใดแด่ชาวจ่งหัว
มันจึงเป็เหตุให้ใุย่ำเช้า ้าประูใหญ่ลามไปจนถึงขั้นบันไดหินขัดละเอียด จึงมักขนัดแน่นแออัดไปด้วยเหล่าลูกิ์หลากาช่วงวัยที่หวังจะมุ่ง่าประูเข้าสู่สำนัก่ใคร ดั่งคำโบราณว่า นกที่ตื่นเช้าย่อมจับหนอนได้่ใคร ฉันใด เหล่าิ์สำนักหินผาโดย่ใหญ่เก็เป็ฉันนั้น
หากอยากมีการเีดีเด่น เป็ที่ต้องตาหล่าคณาจารย์ จนสุดท้ายจักถูกขนานนามว่าอัจฉริยะ คนผู้นั้นมักเป็ผู้ที่มาจับจองที่นั่งแถว้าสุดของห้องเีตั้งแต่เช้าตรู่อยู่เอ มันคือเม็ดง่าย ๆ แต่เห็นอย่างยิ่งยวด เาะอยู่้าสุดย่อมได้ใ้ชิดาา์ ย่อมได้รับสารความรู้โดยง่าย และย่อมได้้าได้ตา ชิงความโดดเด่นได้ากว่าการนั่งอยู่เบื้องัราวกับถูกซุกซ่อนไว้ใต้เงาเช่นนั้น
นอกเหนือาเรื่องของการนั่งแถว้าแล้ว ใบางศาสตร์วิชาที่ต้องใช้สิ่งของเพิ่มเติมใการเี เช่น วิชากระบี่ ที่จะบังคับให้เหล่าิ์ต้องใช้กระบี่ฝึกหัดที่ทำาไม้เหมือนกันทั้งหมดใการเล่าเี `
หากแต่คุณภาพของกระบี่ไม้ฝึกหัดเก็มีความแตกต่างกัน บางเล่มยังคงสดใหม่ราวกับเพิ่งถูกเหลาาช่างฝีมือ บางเล่มก็บิ่นเสียหายจนแทบจะายเป็ท่อนไม้ทื่อ ๆ หากอยากได้กระบี่ฝึกหัดที่พึงใ ผู้มา่ย่อมมีสิทธิ่ ผู้มาทีัมิอาจมีหนทางเลือก จำต้องยอมใช้กระบี่ฝึกหัดที่เหลือซึ่งรู้กันดีว่ามันไม่ได้ต่างาท่อนไม้ฟืนไฟเ่าใดนัก``
นั่นคือเหตุและที่ทำให้เหล่าิ์แ่สำนักหินผาต่างกระหายการมาถึง่ผู้ใดถึงเพียงนี้ หากแต่ก็มีบางรายที่ไม่ได้ยึดถือใคำโบราณเข้าว่า แต่ยึดถือใำ้า่า*เเสียากว่า ทำให้เกิดวลีเด็ดใหมู่ิ์ผู้เกียจคร้าน เช่น นกที่ตื่นเช้าย่อมอ่อนเพลีย
ิ์ที่ยึดถือมั่นใำ้า่าเหล่านี้ หากมิใช่ผู้เกียจคร้านที่มิสนใสิ่งใดนอกเสียาความสุขสบายชั่วครู่ ก็จักเป็ผู้ที่ถูกยกยอเสียยิ่งกว่ายอัจฉริยะที่พวกเขาทะนงตนคิดการใหญ่เก่งเิครู จึงไม่คิดจะเข้าเล่าเีอีกต่อไป
แม้จะเป็เหล่าิ์ที่ดูเหลวแหลกเิทนเช่นไร ก็ยังมีโอกาสไปถึงฝั่งฝัได้หากมีผู้สั่งสอนอบรมที่ดีและใส่ใาพอ หากแต่ว่า มีิ์อยูุ่่มหนึ่งที่แม้จะขยันขันแข็ง ขวนขวายขนาดไหน หรือต่อให้ฉลาดรอบรู้เพียงใด แม้แต่ทางสำนักหินผาเก็ยังหนักใไม่น้อยใการให้การศึกษากับิ์ุ่มนี้
นั่นคือเหล่าิ์ปราณตำหนิ หรือิ์ผู้ที่ไม่อาจฝึกยุทธได้เนื่องด้วยเหตุที่เส้นลมปราณภายใามีปัญหาจนมิอาจจะไหลเวียนพลังชี่ได้สะดวก จนยากนักที่จะฝึกฝนศาสตร์แ่ชี่ให้สำเร็จได้ ซึ่งสำนักหินผาเได้ถูกก่อตั้งมาด้วยจุดประสงค์ใการฝึกฝนเหล่าปถุชนให้ายเป็ผู้ฝึกยุทธให้ได้าที่สุดเป็หลัก
มันจึงเป็เหตุที่ทำให้ทางสำนักเกิดความางเมินต่อุ่มิ์ผู้อาภัพเหล่านี้ ต่อให้ชุบเลี้ยงต่อไปก็มีแต่จะเสียข้าวสุขเป่า ๆ เาะอย่างไรเสียพวกเกิดมามีเส้นปราณตำหนิล้วนมิอาจฝ่าทางตันของการฝึกยุทธเิกว่าขั้นฝึกจิตได้เลย เาะพวกเขามิอาจเค้นรวมพลังปราณออกมาได้ หรือต่อให้เค้นออกมาได้มันก็น้อยนิดเิกว่าจะนำไปฝึกปรือต่อ
และเื่ลมปราณที่หมุนเวียนใ่าไม่อาจถูกฝึกฝนหรือใช้งานได้ ยามเื่กาลเวลา่าไปจนิ์เหล่านี้เติบใหญ่ พวกเขาจะายเป็ผู้ไร้ลมปราณโดยบูรณ์ ลมปราณก็เหมือน่าา ย่อมมีเสื่อมถอยไปากาลเวลา ยิ่งไร้การฝึกฝนยิ่งจักหดหายทำให้คนผู้นั้นายเป็เพียงคนไร้ค่าใยุทธจักรแ่ลมปราณนี้
สุดท้ายแล้วปลายทางของเหล่าิ์แ่สำนักหินผา ผู้ใดมีพรสวรรค์ถูก่าขานเป็อัจฉริยะ มักจะมี้ามีตา เรืองอำนาจพอเาะ เาะได้เข้าศึกษาต่อใหลักสูตรผู้ฝึกยุทธ ่จะายเป็ผู้ฝึกยุทธอย่างแท้จริงได้หรือไม่ล้วนขึ้นอยู่แต่คนผู้นั้น
่เหล่าิ์ที่ไม่อาจเข้าสู่เขตแศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าผู้ฝึกยุทธได้ อย่างแย่สุดก็ได้รับราชการเป็ทหารชั้นผู้น้อยที่พอมีกำลังรบราต่อสู้อยู่บ้าง หากแต่ผู้ใดขวนขวายก็อาจจะได้ายเป็เ้าคนนายคนได้อยู่ เาะอย่างน้อยการมีลมปราณย่อมเหนือกว่าผู้ที่ไม่มีอยู่าช่วงตัวนัก
แต่กับเหล่าิ์ปราณตำหนิทั้งา ปลายทางของพวกเขาล้วนจบอยู่ที่การเป็คนไร้ค่า แม้จะมีมันองเป็เลิศเลอเพียงไหนก็มิอาจทัดเทียมกับอำนาจพลังที่เด็ดขาดอย่างผู้มีพลังแ่ชี่ได้ เป็บุรุษคงเป็ได้แค่ข้าราชการชั้นผู้น้อย ไม่ก็เป็ผู้ขาย่าาใช้แรงงาน ่สตรีนั้นหากมีวาสนาได้ตบแต่งกับบุรุษที่ฝึกยุทธก็อาจจักมีชีวิตความเป็อยู่ที่ดีขึ้นได้บ้าง แต่ชีวิตนั้นก็มิใช่ของตนอีกต่อไปแล้ว
ทำให้เหล่าิ์ปราณตำหนิทั้งาต่างค่อย ๆ ถูกขับออกาสำนักด้วยเหตุต่าง ๆ นา ๆ ทั้งการไล่ออกาทางสำนักเหากมองว่าคนผู้นั้นไร้ค่าเิทานทน หรืออาจเป็ผู้ที่รู้ตนยอมเดินลงาบัลลังก์ที่ตนมิควรคู่
หากแต่ใยามนี้ มีิ์ปราณตำหนิอยู่ผู้หนึ่งที่ยังคงยืนหยัดกัดฟัต่อคำติฉินนินทา และการรังแกของคนุผู้่ามาได้จนใ้งวดเวลาสำเร็จการศึกษาเข้าไปุะ เพียง่าพิธีบูชาจันทราเใอีก 2 เดือนข้าง้าไปได้ เขาจักายเป็ตำนานบทใหม่ใซอกหลืบที่ไม่มีผู้ใดอยากให้เกิดขึ้น
ตำนานของอัจฉริยะปราณตำหนิผู้แรกที่อาจหาญจบการศึกษาขั้น้ได้สำเร็จ…
ณ ลานฝึกกระบี่ใที่ร่มภายใสำนักหินผา ทั่วทั้งห้องต่างเต็มไปด้วยเหล่าลูกิ์ลูกหาที่บุรุษสวมเป็ชุดถังจวงที่แบ่งเป็เสื้อคอจีบแขนยาวถึงศอก พร้อมด้วยกางเกงขายาวสวมใส่สบายที่หาดูได้ยากใวงสังคมปกติที่ผู้คนใส่เพียงแต่ชุดฮั่นฝู่ ่สตรีนั้นจะสวมเป็ชุดฉางผาวที่แลดูคล้ายกี่เพ้าที่สวมเป็ชุดผ้ายาวแต่ับมิดชิดากว่าเาะแม้เป็สตรีแต่ต้องสวมกางเกงขายาวไว้เช่นเดียวกัน
และเครื่องแต่งาทั้งหมดที่่ามานั้นถูกย้อมให้เป็สีดำทมิฬอันแสนเรียบง่าย ปา เาะแก่การสวมฝึกฝน โดยมีสิ่งประดับที่เพิ่มเข้ามาคือสัญญะรูปภูผาสีเหลืองอร่ามตรงางัของเสื้อ และผ้าคาดมัดเอวที่แบ่งเป็สี ๆ าลำดับชั้นปีภายใสำนัก และเหล่าิ์ภายใลานฝึกแ่นี้ล้วนสวมผ้าคาดทองคำขาว อันเป็สีสัญญะของิ์ชั้นปีสุดท้าย
“ฮ่าห์!”
ฟึ่บ! ปั่ก!
แน่นอนว่าการที่ต้องถ่อมาฝึกถึงลานฝึกกระบี่บนชั้น 4 ของสำนักแ่นี้ มันจะเป็อื่นใดไปไม่ได้นอกาช่วงเวลาของคาบเีพื้นฐานกระบี่ขั้นปลาย ทำให้ภาพที่การจับคู่กันของเหล่าิ์ผ้าคาดทองคำขาวกำลังขะมักเขม้นฟาดฟัดาบไม้ฝึกหัดใมือจึงเป็ภาพที่ปรากฏไปทั่วอาณาบริเวณแ่นี้
“เยี่ยม เยี่ยมา ำ่ไป ำ่ไป”
โดยมีาา์ประจำวิชาเีภาคบังคับวิชานี้กำลังนอนอยู่บนเปลที่ห้อยเอาไว้ใ้ ๆ กับเสาใางห้องอย่างเอ้อระเหยลอยชายพลางพูดเอ่ยกำชับเหล่าิ์ด้วย้ำเสียงเหยาะแหยะ ใะที่สายตาไม่ได้ชายมองลูกิ์ลูกหาที่กำลังฝึกฝนอยู่เลยแม้แต่น้อย เาะมัวแต่จดจ้องกับตำราอะไรสักอย่างที่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการฝึกฝนกระบี่เ่าใดนัก
สาเหตุที่ผู้เป็าา์ทำตัวเหลาะแหละได้เช่นนี้ มันเป็เาะวิชากระบี่คือวิชาภาคบังคับที่เหล่าิ์ได้เีรู้มาตั้งแต่ที่เริ่มเข้าฝึกยุทธกับสำนักหินผา โดยเฉพาะใช่วงที่่าพ้นขั้นฝึกามาได้แล้ว การเีวิชากระบี่ก็เข้มข้นตั้งแต่เวลานั้น จนมาถึงใยามนี้
ทำให้าา์ประจำวิชาส่งต่อความรู้ให้กับิ์ไปจนหมดาหลักสูตรแล้ว เพลาปัจจุบันจึงเป็การทบทวนและฝึกฝนต่อยด้วยตนเเ่านั้น าา์มี้าที่เพียงบังคับไม่ให้ิ์ละเลยการฝึกฝนเพียงเ่านี้ก็เป็อันใช้ได้แล้วสำหรับวิชาภาคบังคับของิ์ชั้นทองคำขาว
เหล่าิ์ที่เหลือรกว่า 900 ชีวิตเก็รู้ดีว่าหากตนอยากมุ่งสู่หนทางผู้ฝึกยุทธต่อไป การฝึกฝนอย่างเข้มงวดคือสิ่งที่มิควรละเลยเป็อันขาด ทำให้ิ์่ใหญ่ใคาบเีแบ่งภาคที่แบ่งช่วงเวลาให้ิ์ได้เล่าเีพร้อมกันคราวละกว่า 100 คนใเพลานี้ ยังคงจับคู่ซ้อมกันต่อไปแม้จะฝึกฝนร่วมกันมาเช่นนี้ราว 1 ชั่วยามแล้วก็า
ทว่า
“ฮึ๊บ!”
มีเพียงหนึ่งเดียวใที่แ่นี้ที่ไร้คู่ฝึกซ้อมเป็ตัวเป็ตน เด็กหนุ่ม่าูที่มีเพ้าสีดำเี่ยไปทางสีไม้เปลือกแก่ เส้นที่ไว้ยาวาขนบชาวจ่งหัวถูกมัดรวบเป็ทรงหางม้าอย่างดูดีเป็ระเบียบไพล่เอาไว้ทางด้านั แต่สิ่งที่แปลกตาที่สุดของหนุ่มวัย 16 กะรัตผู้นี้คือนัยตาสีฟ้าใสที่หาดูได้ยากยิ่งใทั่วหล้าจ่งหัวแ่นี้ นัยตานั้นกำลังขะมักขะเม้นกับการฟาดฟัดาบจำลองใมือของตนไปข้าง้าอยู่ซ้ำ ๆ ใส่หุ่นไม้จำลองตรง้าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ฟึ่บ ฟั่ ปั๊ก ปึ๊ก!
ท่วงท่าของเขานั้นดูมีทรงไม่เลวเลย มีทั้งความพริ้วไหว และความคล่องตัว ตรงาตำราการฝึกกระบี่แบบไม่มีผิดเพี้ยน หากแต่การที่ไม่ได้ซ้อมกับคู่ฝึกที่เป็มนุษย์เช่นเดียวกัน ทำให้เด็กหนุ่มดูขาดความน่าเชื่อถือใฝีมือกระบี่ไปไม่น้อย แต่เขาก็หาได้สนใไม่ ยังคงเดิน้าฟาดฟัหุ่นจำลองต่อไปราวกับคนบ้า
สาเหตุเพียงหนึ่งเดียวที่ทำให้มันเป็เช่นนี้ ไม่ใช่เาะรูปลักษณ์ของเขาดูแปลกประหลาดเิชาวจ่งหัวทั่วไป ไม่ใช่เาะสันดานนิสัยที่ย่ำแย่เลย แต่มันเป็เาะเขาคือ อัจฉริยะปราณตำหนิ ผู้เหลือรเพียงหนึ่งเดียวใิ์ชั้นทองคำขาว
“ย้าก!”
“เฮ้ย!”
ปั๊ก! เปรี้ยง!
เสียงสั่นสะเทือนที่ดังขึ้นระหว่างการฝึกปรือฝีมือของิ์ชั้นทองคำขาวกว่า 100 ชีวิตใคาบฝึกแบ่งภาค คือการปะทะกันระหว่างคมกระบี่เสริมลมปราณที่เหล่าิ์ที่บรรลุขั้นฝึกจิตล้วนแต่สามารถทำได้ !
เีแ่เรียกเค้นลมปราณาตันเถียนหมุนเวียนมาสู่ฝ่ามือ แล้วส่ง่าลมปราณาฝ่ามือไปสู่กระบี่ฝึกหัด เพียงเ่านี้คมกระบี่ของใบดาบไม้ก็ทรงพลังขึ้นมาราวคมกระบี่โลหะเลยก็มิปาน จึงทำให้เกิดเสียงดังลั่นใยามกระทบกระทั่งกันเหมือนดั่งเช่นใยามนี้
และนั่นคือสิ่งที่ผู้ที่เป็ปราณตำหนิมิอาจจะทำเช่นนั้นได้ เขาจึงถูกปล่อยทิ้งอย่างเดียวดายให้ต้องฝึกฝนกับหุ่นไม้ทีุ่ผู้คนเลิกใช้กันไปตั้งแต่ฝึกฝนพื้นฐานกระบี่ขั้น้เสร็จิ้ไปแล้ว เป็เาะเขาไม่อาจจะรับมือกับระดับพลังเช่นนั้นได้ ุคนจึงไม่คิดที่จะมาฝึกกับอัฉริยะปราณตำหนิผู้นี้แม้แต่คนเดียว
จึงเป็เหตุให้ใที่สุดเขาจึงโดนางเมินทั้งาิ์ด้วยกัน และาคณาจารย์ที่ไม่เคยเห็นคุณค่าของิ์ปราณตำหนิอยู่แล้วจนเกือบจะบูรณ์ เป็เพียงเหลือบไรตัวดีที่ยังคงเกาะแน่นบนัสุนัขได้ากว่าตนอื่นเพียงเ่านั้น
“เฮ้ย! ถนอม่าาเสีย! อีกเีแ่ 2 เดือนพวกเ้าจักต้องเข้าสอบหลักสูตรผู้ฝึกยุทธแล้ว คงมิอยากพลาดโอกาสเพียงเาะบาดเจ็บาการฝึกซ้อมนี่หรอกใช่หรือไม่?”
เื่มีการปะทะที่ใส่ลมปราณกันจนเสียงดังสนั่นเิเลยออกมา าา์ที่นอนอยู่บนเปลก็จะลุกขึ้นมาห้ามเช่นนีุ้ครั้ง เพื่อป้องกันมิให้เกิดการนองเลืกันใคาบเีที่เขารับผิดชอบอยู่ มิเช่นนั้นจะไม่ใช่แค่เหล่าิ์ต้องตกที่นั่งลำบาก เขาเก็จะพลอยโดน่าแหข้อหาไม่ดูแลรับผิดชอบการฝึกสอนให้ดี ๆ
“ขอรับ! ข้าจะระวัง!”
“ข้าก็เช่นกันขอรับท่านาา์”
ิ์ทั้งสองที่อยู่ใระดับขั้นฝึกจิตต่างก็โค้งคำนับท่านาา์อย่างเถรตรงต่อคำตำหนิเหล่านั้น ่จะหันับไปขะมักขะเม้นกับการฝึกปรือฝีมือกระบี่กันต่อไป
“...”
เื่ได้เห็นฉากการปะทะกันด้วยพลังแ่ชี่อันเข้มข้นที่ตนไม่อาจจะดึงหมุนเวียนมันออกมาได้อย่างเป็ปกติ มันก็ทำให้อารมณ์ของเด็กหนุ่มขุ่นมัวขึ้นไม่น้อย เขาตัดสินใหันับมาฝึกฝนฝีมือกระบี่ของตนต่อไป แต่ภายใใยังคงอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกไม่พีงประสงค์ที่ตนเไม่อาจทำอะไรได้เหมือนอย่างิ์ทั่วไป
“ฮ่าห์!”
แต่ถึงกระนั้น เขามิเคยคิดยอมแ้ แม้จะทำได้เีแ่ปลดปล่อยลมปราณ่าปลายประสาทที่นิ้วมือทั้ง 10 ของตนก็าที ซึ่งมันแน่นอนเลยว่า ไม่ว่าเขาจะพยายามต่อไปาเ่าใด ลมปราณที่พวยพุ่งออกมาได้เพียงปลายนิ้วก็มิอาจจะเติมเต็มจนก่อ่าเป็พลังที่ใบดาบได้เลยด้วยซ้ำ มันทำเีแ่ไหลออกไปแล้วสูญิ้ไปอย่างไร้ค่าางธาตุอากาศ…
“..”
ุครั้งที่พยายามก็มีเพียงแต่ความผิดหวังที่เป็เพื่อนแท้ เด็กหนุ่มยิ้มอย่างเพศให้กับตัวเเ็น้อยที่ยังคงคิดพยายามุครั้งที่มีโอกาส แม้จะรู้ตนเดีว่าเป็ผู้มีปราณตำหนิมาตั้งนานนมราว 6 ปีเศษแล้ว
แม้เด็กหนุ่มผู้มีสีสันประหลาดตาผู้นี้จะเป็ิ์ปราณตำหนิ แต่สาเหตุที่ถูกขนานนามราวกับคำดูถูกระคนคำชมอย่าง อัจฉริยะปราณตำหนิ เช่นนี้ มันก็ไม่ได้มาเพียงเาะโชคช่วย และสาเหตุที่เขาเป็ผู้อยู่รเพียงหนึ่งเดียวของชั้นปีทองคำขาวครานี้ มันย่อมมีเหตุเกื้อหนุนอยู่เช่นเดียวกัน
เหมือนสวรรค์จะเห็นใ ไม่ก็นรกประทานพร เาะเด็กหนุ่มผู้นี้ับมีมันองเฉลียวฉลาดที่สามารถเล่าเีการวิชาภาคทฤษฎีแทบุวิชาได้คะแนนดีเด่นเป็ลำดับ้ ๆ ของชั้นปีอยู่เอมาตั้งแต่แรกเริ่มที่เข้าสำนักตั้งแต่เื่ 8 ปี่แล้ว
จะวิชาภาคบังคับอย่างการฝึกาด้วยชี่ ฝึกกระบี่กระบอง ฝึกจิตคุมลมปราณ วิชาปราณประยุกต์ วิชาการศึกสงา วิชาสังคมและการเมืองจ่งหัว ไปจนถึงวิชาศาสตร์แ่ผู้ฝึกยุทธที่จักสอนเกี่ยวกับหลักปฏิบัติที่เหล่าผู้อยู่ใวิถีแ่ชี่ควรประพฤติตน ซึ่งเขาทำมันได้ใขั้นเกณฑ์ที่น่าพึงใแทบุวิชา อาจเว้นไว้ใรายวิชาที่ฝึกฝนลมปราณอย่างหนักที่เขาอาจมีลัพธ์ที่น่าผิดหวัง
แต่เด็กหนุ่มก็ทดแทนมันด้วยความขยันหมั่นเพียรใการเล่าเี เาะเขาลงเีวิชาทางเลือกเพิ่มเติมแทบทั้งหมดที่ลงได้ตราบเ่าที่มีโอกาสและไม่เีชนกับคาบเีวิชาบังคับ โดยมิเกี่ยงเลยว่ามันจะเป็วิชาแปลกพิลั่นพันึ หรือเป็วิชาไร้ค่าทื่แทบไร้คนเหลียวแลเลยแม้แต่น้อย
จะเขียนพู่กัน ัไ้ ชงชา ศาสตร์พิธีการหลวง ศาสตร์อาหารเพื่อการฝึกยุทธ ศาสตร์ร่ายรำเพื่อกระบี่ ไปจนถึงวิชาลงอักขระปราณ ปรุงยา ศาสตร์แ่เข็มเพื่อการแพทย์ และเหล่าวิชาที่เด็กหนุ่มมักศึกษาได้อย่างทะลุปรุโปร่งอย่างวิชาที่ต้องใช้มันองใการพินิจพิเคราะห์ อย่างวิชาตำราพิชัยสงาโบราณ ยุทธศาสตร์โลกจ่งหัว และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศาสตร์แ่พันธสัญญา
“สนธิสัญญาที่เขียนกันด้วยปลายพู่กันใุวันนี้มันก็แค่ปาหี่ทางการเมืองที่พวกไร้ลมปราณแต่ับมักใหญ่ใฝู่มันลอกเลียนาศาสตร์แ่พันธสัญญา! ตงกันด้วยเงื่อนไข เื่ผิดคำมั่นก็ชดใช้ด้วยประโยชน์.. เ๊ะ! ไร้สาระ!”
“พันธสัญญาไม่ใช่สิ่งไร้เลื่อนลอยพรรค์นั้น แต่เป็ศาสตร์ที่จรดด้วยปลายพู่กันแ่จิตปราณ เขียนุอักษรลงไปราวกับสลังใของผู้ผูกพันธะ! หาได้มีประโยชน์อื่นใดมาเกี่ยวข้องไม่ เป็การเขียนพันธะทางใ แบ่งปันุสิ่งาแต่ตงกัน หากผู้ใดผิดคำมั่นายราคาที่ต้องจ่ายจักเรียงร้องเอาเ่าความผิดที่ก่อ.. นี่ต่างหากเล่าคือพันธสัญญา!”
“จงอย่าได้ลืมเรื่องนี้แม้แต่วินาทีเดียวเชียวล่ะ เยากั๋ว่าเอ๋ย!”
ภายให้องเีเ็ ๆ ราวกับรูหนูที่เหมือนจะไม่ใช่ห้องเีปกติ แต่ดูท่าจะเป็ห้องทำงาน่บุคคลขนาดเ็กะทัดรัดจุคนได้ไม่เิ 5 รายก็น่าจะขนัดแน่น มันเป็ห้องของบุรุษใชุดฮั่นฝู่สีขาวตรง้า ที่กำลังพร่ำเพ้อถึงเรื่องศาสตร์แ่พันธสัญญา ่จะหันมาเน้นย้ำด้วย้ำเสียงเกรี้ยวกราดกับลูกิ์เพียงหนึ่งเดียวใศาสตร์วิชาทางเลือกพันธสัญญาแ่นี้อย่าง อัจฉริยะปราณตำหนิ เยากั๋ว่านั่นเ
“ท่านเน้นย้ำข้าุครั้งที่ข้าเข้าเี ข้าจะไปลืมได้เยี่ยงไรเล่า ท่านาา์ัเ่”
หนุ่มน้อยแซ่เยาได้แต่ยกยิ้มพลางส่ายศรีษะไปมาเบา ๆ ะที่มือขวากำลังจรดพู่กันที่ส่งแผ่ิ่นอายของลมปราณออกมาอยู่ตลเวลาอย่างน่าประหลาดใ โดยเฉพาะเื่อยู่ใมือของผู้มีปราณตำหนิอย่างเช่นเขา
สาเหตุที่ลมปราณสำแดงเดช่าปลายนิ้วของเด็กหนุ่มออกมาได้ นั่นเป็เาะเรื่องของขนาดที่พู่กันมีขนาดเ็กว่ากระบี่อยู่าโข จึงใช้พลังใการไหลเวียนลมปราณไม่า ปอกรกับนี่คือพู่กันแ่จิตปราณ ที่มีผึสื่อจิตปราณ สลักอยู่ภายใพู่กันแ่นั้น ส่งให้ใช้ลมปราณเพียงปลายเล็บก็จะเห็นดั่งปลดปล่อยลมปราณาทั่วทั้งฝ่ามือ
ด้วยสองเหตุมา จึงทำให้เยากั๋ว่าสามารถเล่าเีศาสตร์แ่พันธสัญญาได้โดยมิมีข้อติดขัด ยิ่งเื่เด็กหนุ่มผู้นี้ถือเป็ยอัจฉริยะใแง่ของความฉลาดเฉลียวอยู่แล้ว พันธษาศาตร์ที่เป็ดั่งไม้กันา เาะความยากเย็นแสนเข็ญใการจดจำและทำความเข้าใหลักอักษรแ่พันธสัญญา ที่ต่างาอักษรภาษาจ่งหัวที่ใช้กันอยู่โดยทั่วไป ทำให้เหล่าิ์ต่างตัดใที่จะเีกันตั้งแต่เนิ่น ๆ
แน่นอนว่ามีเีแ่อัจฉริยะปราณตำหนิเพียงผู้เดียวที่ฝ่าฟัขวากหนามทางด้านภาษามาได้ไจนใ้บรรลุวิชานี้เต็มแก่ และใยามนี้คือการทดสอบสุดท้ายถึงความเชี่ยวชาญใหลักการเขียนพันธสัญญา ที่าา์ประจำศาสตร์วิชาอย่างัเ่ ทดสอบเด็กหนุ่มด้วยการให้เขียนพันธสัญญาขึ้นเ และต้องทำให้มันใช้การได้จริงขึ้นมาให้จงได้!
“...”
นั่นเลยทำให้บุรุษวัยชราที่หนวดเคราเพ้าถูกชโลมด้วยสีราวดอกบ๊วย แต่ยังคงมัดเ้ามวยอย่างเรียบร้อยเป็ผู้มาาเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยผู้รากาดี กำลังใช้สายตาพินิจพิเคราะห์ุปลายพู่กันของลูกิ์อันดับหนึ่งที่กำลังบรรเลงมาอย่างยาวนานร่วมคึ่งชั่วยามได้แล้วที่เด็กหนุ่มนั่งเขียน ๆ ขยำกระดาษ แล้วเขียนใหม่ซ้ำวนไปวนมาราวกับห้วงแ่อนันต์
จนใที่สุด พันธษาศาสตร์ก็ค่อย ๆ ไล่เรียงก่อรูปรวมตัวกันเป็ประโยค และมันก็ไล่ยาวาบรรทัดสู่บรรทัด เีแ่ไม่กี่อึดใเ่านั้นที่มือของเยากั๋ว่าได้ยกขึ้นเหนือกระดาษพร้อมกับสันมือที่เต็มไปด้วยคราบสีดำาร่องรอยของหมึกที่ใช้เขียนคู่พู่กันขาว
“ข้าทำสำเร็จแล้วขอรับ ขอท่านาา์โปรดพิจารณา”
ยามที่พันธสัญญาที่เขียนขึ้นด้วยมือของตนสำเร็จลุล่วงได้เป็ฉบับแรก สี้าแ่ความภาคภูมิที่ไม่เคยมีมา่ยามที่ต้องฝึกฝนวิชากระบี่ก็ได้ผุดขึ้นมาบนใบ้าอ่อนเยาว์ระคนคมได้รูปของเด็กหนุ่ม ่ที่เขาจักใช้สองมือหยิบช้อน่าพันธสัญญาส่งให้ถึงมือของผู้เป็าา์
“...ขอข้าดูหน่อยซิ”
าา์วัยชรา่าขึ้นมาด้วย้ำเสียงนิ่งเงียบผิดาวิสัยที่ขี้โวยวายาปกติของตาแก่วัยใ้ฝั่ง สายตาที่พร่ามัวจนต้องใช้แว่นสายตาช่วยเหลือใการมองุสิ่งให้ชัดเจน ค่อย ๆ ไล่ไปาุอักขระอย่างพินิจพิจารณา ่ที่รอยยิ้มจะค่อย ๆ ผุดขึ้นมาที่มุมปาก แล้วานั้นจึงได้เอื้อนเอ่ยคำพูดขึ้น
“พันธสัญญาิ์าา์ชั่วนิรันดร์… อย่างนั้นึ”
เขาเอ่ยคำนั้นออกมาด้วย้ำเสียงอันอบอุ่นใที่ฟังดูซาบซึ้งกับสิ่งที่ปรากฏให้เห็นใพันธสัญญา นั่นทำให้กั๋ว่าลุกขึ้นยืนาโต๊ะเขียนทำงานเพียนหนึ่งเดียวให้อง ่จะคุกเข่านั่งลงตรง้าผู้เป็าา์ที่กำลังก้ม้าอ่านพันธสัญญาอยู่
“ข้าอยากให้ท่านจดจำข้า ิ์ไร้ค่าที่พยายามดั้นด้นจนสำเร็จศาสตร์แ่พันธสัญญา เาะท่านคือาา์ท่านแรกที่สอนข้าด้วยใจริงหาใช่ฝืนทำเาะ้าที่ ข้าจึงอยากให้ท่านเป็พลังให้แก่ข้า ยามใดที่ข้าตกยากความรู้ที่ได้าท่านจะปรากฏขึ้นตือนสติให้ข้ารู้ว่ายังมีศาสตร์แ่พันธสัญญาที่ช่วยเหลือข้าไดุ้เื่ ข้าเก็จักเป็กำลังให้ท่านาา์ ยามใดที่ท่านลำบาก…”
เด็กหนุ่มเอ่ยพูดเนื้อความ่หนึ่งใพันธสัญญาขึ้นมา ซึ่งมันถูกเขียนขึ้นมาด้วยใสลังด้วยจิต่าพู่กันแ่จิตปราณ่าอักขระพันธษาศาสตร์ ุอย่างล้วนั่นกรองออกมาาใ จนทำให้ผู้เป็าา์ยิ้มกระหยิ่มด้วยความพึงใใะที่ลูกิ์กำลังเอ่ยร่ายคำเหล่านั้นอยู่
“...ัานั้นไม่จำเป็ ขอแค่เ้าต้องการศาสตร์แ่พันธสัญญา เ้าก็คือิ์นิรันดร์เพียงหนึ่งเดียวที่ข้าพึงมี”
าา์ชราเอ่ยขัดหนุ่มน้อยขึ้นมาพร้อมกับค่อย ๆ ใช้นิ้วมือของตนไล่ไปาอักษรใใบกระดาษแ่พันธสัญญา ่ที่เหล่าอักษรที่ไม่จำเป็จักค่อย ๆ ลอยละลิ่วด้วยพลังแ่ชี่ ่จะสูญสลายหายไปางอากาศัาา์ัเ่โบกสะบัดพัดไล่ด้วยปลายมือะที่เอื้อนเอ่ยบอกความใใของตนต่อิ์เช่นเดียวกัน
แล้วานั้น
ฉึบ
“ข้า ัเ่ ขอลงนามใพันธสัญญาฉบับนี้”
ปลายเล็บานิ้วชี้กดลงบนปลายนิ้วโป้งจนเลืหลั่งไหลออกมา ่ที่ท่านาา์จะใช้ปลายนิ้วโป้งเปื้อนโลหิตที่กำลังหลั่งไหลออกมาอย่างช้า ๆ ค่อย ๆ บรรจงสลักชื่อของตนลงไปใใบพันธสัญญาที่ิ์ของตนเป็ผู้่า
“...ท่านาา์”
การกระทำเหล่านั้นล้วนบ่งบอกุอย่างว่าผู้เป็าา์ไม่ได้ต้องการสิ่งตอบแทนใด ๆ าิ์ ขอเีแ่รับวิชาาตนไปได้อย่างบูรณ์ เพียงเ่านี้ก็ถือว่าิ์ได้ตอบแทนคุณแล้ว นั่นทำให้กั๋ว่าถึงกับสะอื้นขึ้นมาัเห็นท่านาา์หลั่งเลืลงพันธสัญญาเช่นนั้น
กึด!
“ข้า เยากั๋ว่า ขอลงนามใพันธสัญญาฉบับนี้เช่นกัน”
้ำตาที่รื้นจนเต็มปริ่ม ค่อย ๆ ทะลักไหลออกมาพร้อมโลหิตที่หลั่งาการกัดนิ้วโป้งด้วยเขี้ยวฟั านั้น โลหิตสายที่สองก็ถูกประสานลงใพันธสัญญา เป็พิธีกรรมอันบูรณ์ครบถ้วนใการลงนามแ่พันธสัญญาาสองผู้สองคน
ฟู่ว!
่ที่พลังแ่ฟ้าดินจักค่อย ๆ ก่อ่ากองอักขระลอยล่องขึ้นมาาผิวกระดาษ แล้วานั้นมันจึงแผ่ตัวขยายออกกว้างแล้วกระจายตัวเข้าไปสลักอยู่ใ่า ่าทะลุเข้าสู่จิต ผูกบ่วงพันธสัญญาเข้ากับทั้งสองดวงจิตนี้ชั่วนิจนิรันดร์
“...จงจำเอาไว้นะ เสี่ยวเยา”พ
“ขอรับ..”
ัาตัวพันธสัญญาได้ทำงานจนเสร็จิ้ พร้อมกับทั้งสองดวงจิตที่ตระหนักรู้ถึงสิ่งใหม่ที่สลักเข้าไปใจิติญญา ผู้เป็าา์จึงได้เริ่มเอื้อยเอ่ยออกมา ใะที่ิ์ยังคงหลั่ง้ำตาด้วยความซาบซึ้งตึงจิตใ
“ผู้ที่สำเร็จศาสตร์แ่พันธสัญญาต่อาข้าก็มีเพียงเ้า เหตุนี้ข้าจึงได้เชื่อว่าเ้าจักเป็จอมยุทธผู้ยิ่งใหญ่ได้อย่างที่หวัง อย่าให้ปราณตำหนิมาฉุดรั้งเ้าเอาไว้ เาะตัวเ้าแท้จริงเลอค่ายิ่งกว่านั้น”
ะที่เอื้อนเอ่ยคำสำคัญออกไป ชายา็่ ๆ ดึง่าของลูกิ์เพียงหนึ่งเดียวเข้าไปสวมกอย่างแนบแน่นอย่างที่ไม่เคยทำมา่
“เกิดเหตุไม่คาดฝั วิกฤตการณ์พลิกผันลำบากเช่นใด ขอให้เ้านึกถึงข้า นึกถึงพันธสัญญานี้เอาไว้ ศาสตร์แ่พันธสัญญามันจักช่วยเ้าได้เอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็า”
“...ขอรับ ิ์จักจำใส่ดวงใเอาไว้”
ไม่ต่างกัน ทางิ์ผู้น้อยเก็ใช้แรงที่มีสวมกผู้เป็าา์ทั้ง ๆ ที่้ำตายังหลั่งริน ้ำเสียงยังคงสั่นไหว
นี่เป็ครั้งแรกนอกาครอบครัว ที่มีผู้เป็ยาใให้กับเด็กหนุ่มแสนอาภัพผู้มีฝัยิ่งใหญ่ผู้นี้…
เชิงอรรถประจำตอน
*ำ้า่า ายถึง คำที่ผู้พูดดัดแปลงมาาคติ วลีดังาีต แล้วแปลงมาเป็คำ่าที่ตัวเยึดถือแทน จึงได้เรียกว่า “ำ้า่า”
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??