เรื่อง พันธสัญญาสะท้านโลกา
ที่ 3.
ผู้มา่เทศกาล
ในุ ๆ ปี มักจะมีห้เวลาึ่ที่ทั้งสำนักหินผา… ไ่ิ ทั้งเมืองชินเจี่ยโปจะคึกคักขึ้นมาราวกับเป็ช่เทศกาล แต่กลับมิใ่ เดิมทีเป็เพียงแค่วัน ๆ ึ่ในเดือนที่สองปีก็เท่าั้ หากแต่ความหมายมันได้ผิดเพี้ยนไปนับั้แต่เื่ 15 ปี่
ใ่แ้ นับั้แต่ที่สำนักหินผาได้ถูกก่อั้ขึ้นมา้ ๆ กับนโยบายการศึกษาขั้น้ที่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันทรงบันดาลให้ั้แต่ ณ วินาทีแรกที่ขึ้นครองราชย์ ัแ่ั้ ุ ๆ เดือนสองแต่ละขวบปี เดิมทีมันก็เป็ช่เวลาสอบไล่เหล่าศิษย์ที่จบการศึกษาจาะดับขั้นพื้นฐาน เพื่อก้าวเ้าสู่หนทางแห่งผู้ฝึกยุทธ
ซึ่งการอุบัติขึ้นสำนักหินผายิ่งำใ้จำนวนศิษย์เยอะาขึ้น จนำใ้มันเป็เทศกาล โดยเฉพาะในหัวเมืองเ็ ๆ ที่ไร้ซึ่งงานรื่นเริงเหมือนดั่งเช่นเมืองหลแห่งจ่งหัว ำใุ้ ๆ วันสอบไล่ัสูตรผู้ฝึกยุทธ ในเมืองชินเจี่ยโปจักเฉลิมฉลองกันดั่งวันไหว้เทพจันทรา รึไม่ก็วันเช็งเม้งอย่างไรอย่างั้
พลุไฟสกาวเต็มน่านฟ้า คือการฉลองให้แด่ผู้ที่ก้าวผ่านจากมนุษย์ธรรมดาสู่การเป็ผู้ฝึกยุทธ สุราเมรัย้กับแกล้มรสเลิศ คือการย้อมใแด่ผู้ที่ผิดหวังจำต้องกลับมาสู่เส้นทางแห่งชีวิตปุถุชน
แต่ทว่า ใันี้ ที่อีก่าช่เวลา 2 เดือนที่เทศกาลสอบยุทธจะเริ่ม้ขึ้น อย่างน้อยก็ในสำนักหินผา ได้มีเรื่องราวบางอย่างที่อุบัติขึ้นมา จนำใ้ทั้งสำนักหินผาเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา่จะึช่เวลาที่มันควรจะเป็
แม้ปะตูทางเ้าสำนักจะยังคงแน่นขนัดเหมือนเช่นเคย แต่ใันี้ที่โถงทางเดินัอันแสนกว้างขวางโอ่อ่า ตรงจุดที่กึ่งกลางตำหนักที่เชื่อมเส้นทางระหว่างบันไดก้าวขึ้นสู่ชั้นถัดไป ไปจนึเส้นทางสี่ทิศที่จักพาเหล่าศิษย์ตระเวนเดินไปได้ถ้วนทั่วทั้งอาณาบริเวณภายในชั้นึ่แห่งนี้
“สวรรค์ช่วย…”
“จริงรึนี่?”
ณ นี้ที่แห่งั้กลับเนืองแน่นไปด้วยผู้เียิ่ง่าหน้าปะตูทางเ้า ้กับเีงอื้ออึงเซ็งแซ่ผู้เหล่าั้ดังขึ้นมาเต็มไปหมดยามเื่ได้เห็นบางิ่ที่ติดอยู่เด่นหราบน ป้าิเ ที่มีไว้แจ้งข่าวสารสำคัญให้กับเหล่าศิษย์ได้รับรู้`
“เฮอะ…``
ในช่จังหวะั้ ได้มี่าหญิงสาวนางึ่ที่อยู่ในชุดศิษย์ปะจำสำนักหินผาที่มีสีำไม่ต่างจากุผูุ้เท่าไหร่ แต่ผ้าที่คาดเอวนางซึ่งบ่งบอกึระดับชั้นอันเป็สีทองคำขาว ้ทั้งรูป่าหน้าาอันแสนสง่าและโดดเด่นไม่เบา มันจึงำใ้า ๆ สายาที่เบนหันมามองทางนาง ต่างก็ยังคงไล่มองามจนะทั่งนาง เดินฝ่าทะลุฝูงศิษย์ที่หน้าปะตู เ้ามาจนึโถงทางเดินอันเป็คลื่นระลอกที่สองจนำใ้นางึกับต้องเบะปากออกมาอย่างรู้สึกหน่ายใ
“...นี่ หมิงหมิง!”
ในะที่่าขอดเอวบางกำลังพยายามจะเดินเลี่ยงผ่านโถงทางเดินที่ขนัดแน่นออกไป จนเส้นผมสีำแต่กลับขับแสงอินทนิล*ออกมาจนดูเงางามเื่ยามโล้แสงกำลังปลิวสไวไปมาสมกับที่ถูกไวยาวจนปะั ั้เองที่นัยาสีลูกไม้หวานสุกงอมเปล่งปะกายระเรื่อนางสะดุดเ้ากับสหายตนที่กำลังยืนอยู่ในศิษย์มุงตรงั้ด้วย นางจึงได้เอ่ยทักขึ้น้เดินตรงเ้าไปหาอย่างรู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมาได้บ้าง
สหายที่นางเอ่ยทักซึ่งมีนามเรียกขานกันในกลุ่มว่าหมิงหมิงได้หันกลับมา ้กับเส้นผมตตัดสั้นสีน้ำเงินเข้มจนเกือบออกำ ควบด้วยนัยน์าสีแดงเพลิงดูร้อนแรงไม่ต่างจากรูป่าอันสมส่วนนาง แม้จะไม่ได้โดดเด่นเท่ากับผู้เรียกอย่าง ิิ แต่ หมิงหมิง เองก็จัดได้ว่าเป็สาวหน้าาดีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
“อ้าว ิิ เจ้าเพิ่งมารึ?”
และเื่ได้ิสหายเอ่ยทักเช่นั้ หมิงหมิงจึงแปลกใที่ได้เห็นิิที่นี่ในช่เวลาที่ตะวันเริ่มคล้อยเคลื่อนมุ่งสู่ฟากฟ้าแ้ นั่นำใ้ิิเอ่ยทักออกไปเช่นั้
“...ช่างเรื่องข้าเถอะ บอกมา่ดี่าว่าตรงนี้มีเรื่องอะไร?”
เื่หมิงหมิงเอ่ยทายทักถามไปเช่นั้ ิิกลับเริ่มทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์คุกกรุ่นเล็ดลอดออกมาแม้เพียงน้อยิ ่ที่นางจะปรับสีหน้าตนได้ภายในเสี้ยวอึดใ แ้จึงทำทีท่าเป็สนใเหล่าศิษย์มุงทั้งาว่าทำอะไรอยู่กันแน่ จึงได้วุ่นวายเช่นนี้
“จริงสิ! เรื่องใญ่แ้ิิ! เจ้าจำอัฉริยะปราณตำหนิผู้ั้ได้ใ่หรือไม่?”
“..ข้าจำได้”
และมันได้ผล หมิงหมิงลืมความสนใที่มีต่ออาการผิดปกติสหายไปในบัดดล ่จะหันกลับไปสนใป้าิเ ้กับโพล่งึชื่อชื่อึ่ที่ไม่ว่าใครก็ามในสำนักแห่งนี้จักต้องรู้จักเป็แน่แท้ ซึ่งิิเองก็เป็เช่นั้
แม้จะไม่ได้รู้จักมักจี่หรือพูดคุยกันได้อย่างสนิทใ แต่ด้วยความที่เป็สหายร่วมรุ่น นางจึงต้องเคยเห็นอัจฉริยะปราณตำหนิผ่านสายาอยู่บ้างในยามที่ต้องเีร่วมกันในวิชาภาคบังคับ แต่นางก็ไม่ได้ิดีิร้ายกับชายผู้ั้เีเท่าไหร่ แตกต่างจากบางผู้บางที่เกลียดชังชายผู้ั้ราวกับเขาไปฆ่ามารดาใครมาเช่นั้แล
“นั่นแหละเรื่องใญ่! ก็อัจฉริยะปราณตำหนิกลายเป็ศิษย์เอกแห่งผู้อาวุโสหมังเย่ ึ่ในปรมาจารย์แห่งพันธสัญญาไปแ้น่ะสิ!”
ิ้คำกล่าวด้วยน้ำเีงสุดื่เ้หมิงหมิง ำใ้ผู้รอบข้างต่างก็ร้องฮือกันออกมาอย่างเซ็งแซ่ โดยเฉพาะเหล่าผู้ที่ยังยืนกันอยู่หน้าปะตูทางเ้าสำนักที่ก็ได้ิเรื่องราวนี้ัเจนเต็มสองรูหูเช่นเดียวกัน
“แบบั้ก็สุดยอดไปเลยมิใ่รึ! ได้เป็ศิษย์ว่ายอดแ้ ได้เป็ศิษย์เอกนี่ยิ่ง่าเยี่ยมยุทธ!”
“ปรมาจารย์แห่งพันธสัญญา? คือปรมาจารย์แขนงไหน ไยข้าึไม่เคยได้ิชื่อ?”
“ปรมาจารย์ท่านั้เก่งกาจึเพียงไหนรึ? ไยาต่ำเลือกพรรค์ั้เป็ศิษย์เอกได้!?”
“หรือเจ้าอัจฉริยะปราณตำหนินั่นจะแกล้งทำหลอกุผูุ้ แต่ความจริงมันคืออัจฉริยะฟ้าปะทาน?”
“โอ๊ย! ใครก็ได้ช่วยตอบข้าทีเถอะว่าเรื่องมันเป็อย่างไรกันแน่!”
ความื่เ้ระสงสัยำใ้เหล่าลูกศิษย์ลูกหาแห่งสำนักหินผาต่างก็พูดึเรื่องราวนี้กันอย่างออกรสออกชาติามความเห็นในทรรศนะตน มีทั้งผู้ที่เลือกชื่นชม มีผู้ที่เกิดความสงสัยใคร่รู้ มีผู้ที่เกิดความอิจฉาในใ ไปจนึมีผู้ต้องการจับผิด นี่แหละหนามนุษย์ ึ่วลีตีความได้นับล้านขึ้นอยู่แต่ปัจเจกบุคคล
“แ้เจ้าล่ะคิดเช่นไรรึ ิิเก่งข้า!”
“...ข้าไม่รู้ ข้าไม่ใ่ปรมาจารย์ท่านั้หรือเาั๋ซ่านเีหน่อย ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร”
ัได้ิเรื่องราวสุดสะพรึงจนกลายเป็ข่าวหน้าึ่ภายในสำนักหินผาแห่งนี้แ้ ิิก็เกิดอาการนึ่งงันตกใไปบ้างชั่วครู่ แต่ก็ั้สติกลับมาได้อย่างรวดเ็ แม้หมิงหมิงจะถามขึ้นมาแทบจะัพลันเหมือนกัน แต่ิิก็คงสติตอบุอย่างไปามที่คิดได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง
แม้ในในางจะเกิดความสงสัยใคร่รู้เช่นเดียวกันว่าความจริงเบื้องัเรื่องทั้งหมดนี้เป็เช่นไรกันแน่ แต่ความปกติภายในจิตใช่วยบอกให้นางเลิกสนใเรื่องราวนี้ลงเี เาะนั่นไม่ใ่กงการธุระอันใดนาง หากเขาทำได้ดั่งคำอ้างก็จักเป็ผลดีต่อตัวเขา หากแต่ถ้าใช้กลโกงใดขึ้นมา เขาจักย่อมได้รับโทษทัณฑ์คืนสนอง
“...เจ้าจำชื่อเขาได้ด้วยรึนี่?”
กลับกลายเป็ว่า แม้นางจะตอบได้อย่างสุขุมวางตัวกึ่งกลางได้ราวกับเครื่องต แต่เรื่องที่นางจำชื่อเขาได้กลับำใ้หมิงหมิงเปิดปะเด็นใหม่ขึ้นมาในทันที
“ข้า..”
จดจำได้เพียงแต่ผู้ควรค่าแก่การจดจำเพียงเท่าั้ นั่นคือิ่ที่นางอยากจะเป็พูด และมันคือความจริงออกไป แต่ิิก็รีบหยุดปากตนเอาไว้เาะรู้ดีว่ามันจักำใ้นางต้องเจอกับคำถามามายจากหมิงหมิงเพิ่มขึ้นแน่หากหลุดออกไป
แม้จะไม่เคยได้เห็นกับาใัที่เาั๋ซ่านยังเป็ดาวจรัสแสงในวัยเยาว์่จะึวาระ 10 ขวบปีเบิกบรรลุเส้นลมปราณ แต่เพียงได้เห็นทั้งทีท่า ุิ หน้าา ไปจนึความรอบรู้ยามได้เห็นจากที่เคยร่วมเีมาด้วยกันไม่น้อย่าสองปี นางก็ยอมรับกับตัวเองว่าเขาเป็ึ่ที่นางคอยจับาอย่างรู้สึกเีดายึ ๆ มาตลอด นางจึงได้จดจำชื่อเขาได้เช่นนี้
แต่การจะเอ่ยยอมรับิ่ั้ไปตรง ๆ ต่อหน้าสหายสนิท มิใ่ิ่ที่พึงะทำเีเท่าไหร่นัก ทั้งเหตุผลในเรื่องมารยาทกุลสตรีที่มิควรเอ่ยออกหน้าึบุรุษผู้ึ่ ไปจนึนิสัยหมิงหมิงที่ต่อให้มีมูลเพียงน้อยินางก็้จะเอ่ยแซวไปมิหยุดตลอดทั้งสัปดาห์
“ข้าอะไร??”
และด้วยเหตุั้ ิิจึงมิอาจจะเอ่ยปากอะไรตอบสหายสนิทไปได้ นางจึงทำได้เพียงเค้นสมองอันชาญฉลาดที่ไม่หวั่นต่อการทดสอบใด ๆ หากแต่ในนี้กำลังกดดันอย่างหนักเาะคำถามไม่เป็เรื่องเป็ราวสหายสนิทอย่างหมิงหมิง ที่กำลังพูดย้ำย้อนขึ้นมาอีกครายามที่เห็นิินิ่งไป
ปึง! ฟึ่บ!
“เฮ้ย! หลบไปไอ้พวกสวะปลายแถว”
“หลีกไป!”
“โอ๊ย!”
ั้เองที่เีงดังอึกทึกครึกโครมได้ดังขึ้นมาทำลายบรรยากาศอันแสนกดดันที่ิิกำลังเผชิญอยู่ออกไป ้กับที่เหล่าศิษย์ชายหนุ่มในชุดฝึกสีำ้สายคาดเอวสีทองคำอันเป็ขั้นรองลงมาทองคำขาว ได้พากันเดินแหวกผ่านเหล่าฝูงชนตรงหน้าปะตูจนคลื่นมนุษย์ถูกแหวกออกเป็สองข้างทางตรงปะตูหน้าสุด
“ถ้าไม่อยากเ็ตัวก็หลบให้พวกข้า!”!
“เฮ้ย ไป๊!”
“ขะ ข้าหลบแ้นะ!”
ใครกำลังขวางมันผู้ั้จักต้องถูกชนจนะเด็น ใครมิยอมหลบเลี่ยงมันผู้ั้จักต้องเ็ตัว ้าความสับสนและความไม่พอใให้กับแทบุผูุ้ที่อยู่ ณ ตรงั้ในเวลานี้ แ้เป้าหมายต่อไปคือการมุ่งตรงมายังฝูงศิษย์ที่ยืนมุงป้าิเอยู่ตรงหน้าบันไดในยามนี้
การปรากฏตัวศิษย์สองผู้ที่ราวกับเป็มือซ้ายมือขวาเช่นนี้ การะทำที่ไม่ได้สนใกฏเกณฑ์ใด ๆ ทางสำนัก ไปจนึการเปิดตัวด้วยเีงอึกทึกครึกโครม มีอยู่เพียงึ่เดียวที่อาจหาญใกล้าทำเรื่องหยาบคายได้ามายท่ามกลางตำหนักแห่งสำนัก
“เชิญขอรับ”
“เชิญเลยขอรับ”
ัลิ่วล้อทั้งสองตัวที่แยกเขี้ยวใสุ่ผู้จนทั้งหมดแบ่งแยกเป็สองข้างทางตรงปะตูทางเ้าสำนัก มันก็กลับมาสะบัดหางส่ายพั่บ ๆ ต่อหน้าผู้เป็นายมันที่กำลังเดินขึ้นบันไดมาอย่างสบายใเฉิบ ราวกับมิรู้ร้อนหนาวต่อสายาพยาบาทจากุผู้ที่อยู่รอบข้างแม้แต่น้อย
“...เหอะ”
ใบหน้าเย่อหยิ่งที่เต็มไปด้วยอัตาซึ่งกำลังแสดงความพึงใจนแสยะหัวเราะออกมา ัจากได้เห็นสีหน้าเ็แค้นเหล่าศิษย์ชั้นปลายแถวที่ทำได้แต่เพียงมองดูตนเดินขึ้นบันไดผ่านเ้าสำนักไป่เท่าั้
สาเหตุที่มิมีใครกล้าต่อกร จาก่ากายที่ใญ่โตราวนักรบเถื่อน ้ด้วยมัดกล้ามเนื้อแสนกำยำที่ทำเอาชุดฝึกปะจำสำนักแทบจะปริออกมาแ้ ทั้งผมเพ้าที่ถูกตัดเกรียนเรียบข้าง้มัดจุกขึ้นเหนือหัวอย่างเรียบง่ายอย่างดูไร้ระเบียบยิ่งเสริมรัศมีแห่งเถื่อนให้ดูแช่มั ไม่ต่างจากหนวดเคราที่เริ่มเฟิ้มจนเต็มรอบปาก ำใ้บางคราดูยากจะแยกได้ว่าชายผู้นี้เป็เพียงเด็กหนุ่มหรือวัยกลางแ้
ทั้งหมดั้ปะกอบรวมกันกับนามอันแสนโด่งดังภายในเมืองแห่งนี้อย่าง ชางก้วนจุน ก็ยิ่งำใ้ผู้ต่างยำเกรงต่อผู้นี้ยิ่งขึ้นไปอีก แม้ภายในจิตอาจจะรู้สึกคั่งแค้นอยู่ไม่น้อยก็ามที
“...ยัง ยังไม่หลีกทางกันอีก! ไม่เห็นรึอย่างไรว่าท่านก้วนจุนมาึสำนักแ้!”
“หรือต้องให้พวกข้าสั่งสอน!?”
ทันทีที่เท้าผู้เป็นายก้าวผ่านปะตูสำนักขึ้นมาได้ เีงเห่าหอนสัตว์สี่ขาผู้เลียนายแผล่บ ๆ ก็ได้ดังลั่นขึ้นมาทั่วทั้งโถงทางเดินอีกครา พวกมันจ้องไปยังเหล่าฝูงชนก้อนใญ่ตรงหน้าบันไดทางเชื่อมระหว่างอาณาเขตภายในสำนัก
“ช้า่…”
่ที่สุนัขข้างกายทั้งสองจะเริ่มแยกเขี้ยวอีกครา ผู้เป็นายก็ได้ะตุกสายปลอกคอจนำใ้สัตว์เลี้ยงทั้งสองต้องหยุดชะงักลงด้วยคำพูดง่าย ๆ ่ที่ชางก้วนจุนจะเดินขึ้นหน้าตรงไปยังอาณาบริเวณฝูงชนที่ยังคงยืนนิ่งกันอยู่ัได้พบเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“...”
เพียงแค่รัศมีและความใญ่โตาา ก็ำใ้เหล่าศิษย์ธรรมดาต่างต้องถอยกรูด ราวกับผู้วิเศษแหวกทะเลได้เพียงมือเป่า ชางก้วนจุนก็แหวกคลื่นมนุษย์ด้วยเพียงแค่สายาที่มองไปเช่นเดียวกัน ่ที่เขาจะเดินตรงผ่านเส้นทางที้เปิดขึ้นเองามธรรมชาติ ไปจนึป้าิเที่ติดอยู่เด่นหรา ใ้กับบันไดทางขึ้นสู่ชั้นถัดไป
“...ไอ้สวะปลายแถวนี่”
เพียงแค่สายาไล่ไปามตัวอักษรที่ถูกสลักเอาไว้บนะดาษที่ปิดแปะเอาไว้บนป้ายจนิ้สุดั้ ใบหน้าชางก้วนจุนซึ่งเดิมทีก็ดุร้ายราวกับอสุราอยู่แ้ ก็ยิ่งทวีความทะมึนทึนายิ่งขึ้นไปจนเห็นได้ัว่าเส้นเลือดเริ่มปูดขึ้นที่หน้าผาก ้ใบหน้าที่เริ่มแดงจากความไม่พึงใอย่างหนักต่อิ่ที่ได้อ่านลงไป
ตึง!
ยามที่อารมณ์ผู้เอาแต่ใได้ปะทุขึ้น ก็ยากที่ใครจะฉุดรั้งได้อยู่ เีงะทืบเท้าที่ดังขึ้นเื่เท้าขวาหันเวียนกลับไป ้กับสองเท้าที่ก้าวั ๆ อย่างรวดเ็แต่ก็ลงน้ำหนักอย่างแรงแสดงให้เห็นึความบ้าคลั่งเจ้าฝีเท้านี้
“ไปพาตัวไอ้สวะปราณตำหนิมาให้ข้า! เี๋นี้!”
“ขะ ขอรับ!!!”
ยังมิทันจะเดินไปึที่ เีงชางก้วนจุนก็ดังสนั่นลั่นทางเดินขึ้นจนำใ้ผู้ที่อยู่ใ้ ๆ บางึกับต้องยกมือขึ้นปิดหูเาะหวาดหวั่นต่อเีงสนั่นั้ ำใ้สุนัขรับใช้ทั้งสองต่างรีบโค้งคำนับอย่างลุกลี้ลุกลน ่จักรีบวิ่งหางจุกตูดกันออกไปโดยมิทันได้พูดสอพลออย่างเช่นุทีด้วยความหวาดกลัว
“..พับผ่าเอ้ย! ข้าอุส่าห์จะมาฝึกวิชาอารมณ์ดี ๆ ทำข้าเีอารมณ์หมด! ไอ้ปราณตำหนิชั้นต่ำ!”
ัจากลิ่วล้อทั้งสองหายไปามคำสั่งแ้ ชางก้วนจุนก็ยังคงเดินต่อไปด้วยสีหน้าะฟัดะเฟียด้กับบ่นะปอดะแปดออกมาเีงดังราวกับต้องการจะใหุ้ได้ิ หรือไม่ก็มิสนเลยว่าใครบ้างจะได้ิแ้คิดเช่นไร
“...เจ้าจะทำอะไร ชางก้วนจุน”
ั้เอง ในะทีุ่กำลังถูกรัศมีแห่งความบ้าคลั่งชางก้วนจุนำใ้ตกอยู่ในภวังค์จนเป็อัมพาตทางปากกันไปเกือบหมด มีเพียงแค่ิิผู้เดียวที่กล้าปริปากขึ้นแ้ก้าวเดินามัออกมาจากฝูงชน มายืนอยู่ไม่ไกลจากชางก้วนจุนานัก
“...เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า! เค่อ ฉิง!”
ทันทีที่เีงหวานสุภาพแต่เต็มไปด้วยความแข็งแกร่งิิ หรือนามเต็ม เค่อฉิงได้ดังขึ้น ชางก้วนจุนก็หันกลับมามองนางเพียงแค่หางา แต่มันกลับเป็ปลายหางาที่เต็มไปด้วยอารมณ์เดือดดาลที่เจียนจะทะลักอยูุ่เื่ ่จะพูดเน้นย้ำอย่างช้า ๆ ั ๆ ให้สตรีผู้แส่หาเรื่องได้ฟัง
เป็คำเตือนครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายที่อย่างชางก้วนจุนจะมีให้กับสตรี
่ที่มันจะเดินออกไปจากโถงั ตรงไปยังบันไดที่พาลงไปยังชั้นใต้ดินแห่งสำนักทีุ่รู้กันดีว่ามันคือทางลงไปยังห้องฝึกลมปราณ ป่ให้เหล่าศิษย์ทั้งาต่างนิ่งค้างกับบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความอึดอัด โดยเฉพาะกับเค่อฉิงที่นิ่งค้างไปอย่างหวาดหวั่นัได้เห็นสายาอาฆาต และน้ำเีงเย็นเยียบราวชนวนระเบิดที่ใ้ถูกจุด
และนั่นำใุ้ผู้ตรงั้ได้รับรู้โดยทั่วกันว่า จากข่าวใญ่ที่อัจฉริยะปราณตำหนิได้สำเร็จวิชาใหม่กลายเป็ศิษย์เอกแห่งพันธสัญญา ข่าวระลอกสองที่กำลังจะามมาคงไม่พ้นข่าวที่ชางก้วนจุนเ้าไปปะทุษร้ายอัจฉริยะปราณตำหนิจนหมดสภาพราวกับผ้าขี้ริ้วเป็แน่!
“ระ เรื่องใญ่ เรื่องใญ่แ้!!!”
ทันทีที่มีผู้ึ่ตะโกนขึ้นมาอย่างลุกลี้ลุกลนัชางก้วนจุนหายไปจากสายา ความโกลาหลุผู้ ั้แต่หน้าปะตูไปยังโถงทางเดินก็เกิดความวุ่นวายจ้าละหวั่นในทันที มีทั้งผู้ที่พยายามจะวิ่งออกไปเพื่อแจ้งข่าว มีทั้งผู้ที่จะไปกล่าวฟ้องอาจารย์เพื่อเอาคืนชางก้วนจุน และก็มีทั้งผู้ที่มิได้สนใใยดีเริ่มเคลื่อนที่ไปใช้ชีวิตามปกติตน
แต่กับเค่อฉิงั้… นางหลับาลงราวกับต้องการเค้นสมาธิจากจิตตนให้คงมั่น ่ที่สายาอันหวาดหวั่นต่อชางก้วนจุนนางจะแปรเปลี่ยนเป็ความแน่วแน่ ่ที่ขาเรียวจะก้าวเดินออกไป
“ดะ เี๋ ิิ จะไปไหนน่ะ? อีกครู่จะึเวลาเีกลศาสตร์ตำราพิชัยสงครามแ้นะ!”
เื่เห็นสหายสนิทดูแปลกไปัต่อปากต่อคำกับชางก้วนจุนไปึ่ครา ้กับเห็นทิศทางการเดินที่ไม่ได้เตรียมจะขึ้นอาคารไปยังห้องเี แต่เป็การเดินตรงไปามทางเดินที่จะนำไปสู่เขตสวนป่าัสำนัก ำใ้หมิงหมิงจึงรีบเอ่ยขึ้นมาอย่างรีบร้อนราวกับกลัวว่าสหายตนจักคิดทำอะไรหาเรื่องใส่ตน
“เจ้าขึ้นไป่ได้เลย ข้ามีธุระต้องจัดการ”
ทว่า เค่อฉิงกลับไม่คิดจะหยุดเดินหรือหันมามองหน้าเพื่อพูดกับสหายตนเีด้วยซ้ำ เาะนางั้ได้เห็นเต็มสองา ว่าแววาอาฆาตชางก้วนจุนไม่ใ่แค่ความรู้สึกหงุดหงิดใที่มีผู้ใดขึ้นมาโดดเด่นเหนือตน แต่เป็ความรู้สึกที่ซับซ้อนยิ่ง่าั้ ราวกับเป็เรื่องราวที่เกิดขึ้นผ่านมานานนับาสิบปี
แม้จะมีกฏห้ามศิษย์ในสำนักฆ่าแกงกันจนึแก่ชีวิต แต่การปะลองั้ย่อมทำได้ มิมีผิดหากทั้งสองฝ่ายิยอม้ใและมีพยาน และนางเกรงว่าชางก้วนจุนจักใพลั้งมือสังหารอัจฉริยะปราณตำหนิได้เลยหากเกิดการปะลองขึ้น
ึไม่ได้สนิทชิดเชื้อแต่ก็เป็สหายร่วมชั้นเี นางจึงมิอาจจะป่ให้ผู้น่าสงสารผู้ึ่จักต้องเจอคราวเคราะห์เพียงเาะอารมณ์ฉุนเฉียวอีกผู้ได้อย่างไร? เพียงแค่คิดจะหลับาทำเป็ไม่เห็นก็ทำเอานางสงบจิตลงมิได้เลย ด้วยเหตุั้นางจึงได้คิด
ข้าจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นเป็อันขาด!
ะเดียวกัน ทางฝากฝั่งผู้เป็้สายปลายเหตุที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวึความวุ่นวายที่ก่อตัวอยู่ภายในสำนัก
“...”
บริเวณป่าไม้ติดกับส่วนัสุดสำนักหินผา ท่ามกลางพนาไพรเขียวขจีที่ดูปลอดโปร่งไม่ได้หนาทึบอย่างที่ควรจะเป็ ได้มี่า ๆ ึ่กำลังนั่งขัดสมาธิอย่างสงบนิ่งอยู่ใต้ร่มไม้อันเย็นสบาย มือทั้งสองปะสานอินเ้าด้วยกันที่หน้าท้อง ณ จุดัเี ะที่ภายใน่ากำลังบีบเค้นพลังชี่จากจุดัเีเพื่อพยายามงัดมันให้พวยพุ่งออกไปยังุส่วน่ากาย
“..ฟู่ว”
นั่นจึงำใ้เหงื่อไคลไหลย้อยไปเต็มตัวทั่ว่า เาั๋ซ่าน ้กับลมร้อนที่ถูกพ่นออกมาเป็ระยะ ๆ ราวกับการระบายความร้อนที่เกิดขึ้นจากการกำลังั้ใฝึกฝนพลังแห่งลมปราณภายในกายอยู่เพียงตัวเดียว ณ ป่าัสำนักอันห่างไกลจากตัวตึกอยู่าช่ตัวเช่นนี้
สาเหตุที่เด็กหนุ่มต้องมาฝึกฝนอย่างเดียวดายเช่นนี้ ทั้งที่เป็ึศิษย์ชั้นทองคำขาวที่มีสิทธิเ้าึได้แทบุพื้นที่ในสำนักแห่งนี้ โดยเฉพาะห้องฝึกฝนลมปราณชั้นใต้ดินที่เหล่าศิษย์ต่างก็ใฝ่ฝันอยากจะเ้าไปภายในั้กัน เพื่อเร่งยะดับการฝึกฝนลมปราณภายในกายให้รุดหน้ายิ่งขึ้น
เาะห้องฝึกลมปราณล้วนเต็มไปดิวยหินแร่ชี่กง ที่จักช่วยให้การหมุนเวียน และสะสมลมปราณผู้ที่อยู่ใ้ชิดกับมันพัฒนารุดหน้าได้า่ายามปกติ แต่ด้วยเหตุที่มันเป็แร่ทรงคุณค่า แถมยังหาพบได้น้อย จึงำใ้ราคาต่อก้อนแม้เ็เพียงเท่าหัวแม่มือก็แพงระยับจนซื้อบ้านได้ทั้งั
มันจึงเป็เหตุผลที่ทางสำนักไม่อนุญาติให้เหล่าศิษย์ปราณตำหนิที่มีปัญหาในการฝึกฝนลมปราณ จะบรรลุได้ยาก จะหมุนเวียนลมปราณไม่ได้ จะใช้พลังลมปราณออกไม่ได้ก็แ้แต่ ุผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับลมปราณจึงถูกห้ามมิให้เ้าใช้ห้องนี้อย่างเด็ดขาด เาะเกรงว่าจะเป็การมอบหวีให้หัวล้าน
เาั๋ซ่านจึงไร้ซึ่งทางเลือก จำต้องหาสถานที่สงบที่ไร้ซึ่งผู้ในยามที่ต้องการฝึกฝนทดลองหาวิธีใช้งานลมปราณตนให้สามารถออกมา่ากายส่วนอื่นได้จากปลายนิ้วเีที ซึ่งเขาก็เลือกป่าัสำนักแห่งนี้เนื่องด้วยความปลอดภัยเาะยังอยู่ในอาณาเขตแห่งสำนักหินผา
รวมเ้ากับเหตุผลที่ว่า พลังชี่มีอยู่ในุิ่ที่เกิดขึ้นามธรรมชาติ ำใ้ป่าแห่งนี้น่าจะเป็ที่ที่อุดมไปด้วยพลังชี่อยู่ไม่ยิ่งหย่อนไป่าห้องฝึกลมปราณ
ฟู่วววววว…
ึะั้แ้ แม้เขาจะสามารถซึมซับพลังฟ้าดินจากธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์รอบข้างได้ จนพลังหยวนชี่เหล่าั้ได้ถูกนำไปหลอมรวมเ้าสู่จุดัเีที่ละิทีละน้อยจนมันค่อย ๆ ถูกเติมเต็มจนมีลมปราณอัดแน่นไปุอนู เป็เหตุให้ภายในท้องน้อยอันเป็ที่อยู่จุดัเีเริ่มรู้สึกปั่นป่วน
ทว่า แม้จะเกร็งทั่ว่า แม้จะสั่งสมพลังได้ึปานั้ แม้จักั้สมาธิให้ายเีอย่างไร พลังที่ถูะเบิดออกมาจากัเีที่กำลังบ้าคลั่งกลับน้อยิจนแทบสลายไปในทันทีเื่มันไหลามเส้นปราณ จนมันสามารถสำแดงตัวตนออกมาได้เพียงแค่ผ่านช่องทางะจิ๊ดริดตรงปลายฝ่านิ้วเท่าั้
“เฮ้อ!”
นี่คือกำแพงหฤโหดที่ปิดกั้นเขากับโลกแห่งการฝึกยุทธที่แท้จริงเอาไว้ การส่งพลังจากภายในออกสู่ภายยังเป็ิ่ที่เด็กหนุ่มมิอาจหาทางส่งพลังไปได้า่าปลายฝ่านิ้วได้เลย นั่นำใ้เขารู้สึกเหนื่อยหน่ายใกับสถานการณ์ที่ไม่คืบหน้าขึ้นเลยจนเริ่มถอนหายใ ้ป่าาิ แ้หวนคืนกลับสู่โลกแห่งความเป็จริง้กับที่ดาก็กำลังค่อย ๆ เมินขึ้น
ฟู่ว…
พ
ลมหายใถูกสูดเ้าออกอย่างึ ๆ เพื่อขจัดความขุ่นมัวอารมณ์ที่เกิดขึ้นจากความล้มเหลวออกไป ะที่ปลายนิ้วมือทั้งสิบต่างก็แดงพองจากความเร่าร้อนที่ลมปราณอัดแน่นได้ถูกป่ออกมาผ่านเพียงแค่ช่องทางั้จนดูแสบร้อนไม่เบา
6 ปีมานี้ก็ยังคงมิอาจก้าวข้ามปลายนิ้วไปได้สินะ ั้า่ะ… เื่ดาลืมื่ขึ้นมา เาั๋ซ่านก็ก้มลงมองปลายนิ้วที่แดงพองตนเอง่จะพรรณาในใขึ้นมาอย่างรู้สึกเหนื่อยล้าปนตัดพ้อ
แต่เขาไม่มีความคิดจะย่อท้อ มิเช่นั้เขาคงยอมแพ้ไปั้แต่ที่รู้ว่า้มีเส้นลมปราณตำหนิแ้ ำใ้แม้ใบหน้าจะมีความเหนื่อยล้า แต่ความมุ่งมั่นั้ใจริงั้ยังคงปะดับปะดาอยู่อย่างมีชีวิตชีวา
และในั้เอง ะที่เาั๋ซ่านกำลังจดจ่ออยู่กับจิตตนจนมิอาจได้ใส่ใเรื่องอื่นใด ก็ได้มีเงาเส้นสายึ่ที่กำลังคืบคลานเ้ามาใ้เด็กหนุ่มจากทางด้านั
“กรู๊ว?”
และเจ้าิ่ั้ก็ร้องขึ้นมาผ่านอยปากอันทรงพลังแต่ก็เ็จิ๋วตน ้กับ่าที่กลมดิ๊กราวกับก้อนขนค่อย ๆ ก้าวขยับเดินมาด้วยขาเ็ ๆ เช่นแง่งขิงที่กำลังคืบคลานเ้าใ้ ควบรวมด้วยดากลมโตที่กำลังจ้องมาทางเด็กหนุ่มจนำใ้เขาเริ่มรู้สึกตัวต่อิ่ึลับั้
“...นกฮูก?”
ในทีแรกเด็กหนุ่มเกิดความวิตกขึ้นมาว่าสัตว์ที่ย่างกรายเ้ามาเป็สัตว์อสูรหรือเป่า เาะรอบเมืองชินเจี่ยโปแห่งนี้มักมีการพบเจอสัตว์อสูรอยู่จำนวนไม่น้อย ทว่า ิ่ที่เขาพบเห็นเป็เพียงนกน้อยตัวอ้วนที่กลมเาะขนมัน ซึ่งกำลังจับจ้องมาทางเขาจนนัยาสีเขียวส่องปะกายใสแป๋ว…
มันมาทำอะไรที่นี่ล่ะเนี่ย?
เชิงอรรถปะจำ
*อินทนิล แปลว่า สีม่
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??