เรื่อง พันธสัญญาสะท้านโลกา
ตอนที่ 4.
นกฮูกและแม่นางน้อย
“มาที่นี่ได้อย่างไรเนี่ย เจ้าัน้อย?”
หลังจากที่ได้เห็นสิ่งแปลกปลอมเยื้องย่างเข้ามายังอาณาเแ่สำนักหินผาได้ แม้จะเป็สถานที่อย่างเช่นป่าหลังสำนักก็ามที แต่มันย่อมสร้างาประหลาดใจให้กับศิษย์หนุ่มผู้ฝึกยุทธอยู่บริเวณั้อย่าง เาั๋ซ่าน จนเขามิได้ที่จะต้องเลิกคิ้วขึ้นพร้อมพูดถามโดยมิสนเลยว่าเจ้าก้อนขนัน้อยจะเข้าใจที่พูดืไ่
“กรู๊ว!”
แน่นอน มันเป็เพียงแค่สัตว์เดรัจฉานจึงมิอาจมีมันสมองพอจะเข้าภาษาสนทนาของมวลมนุษย์ได้ นกฮูกขนหนาัสีเทาจึงเพียงแต่้ขานรับอย่างไร้แก่นา พลางนัยาสีมรกตก็จ้องมองมาทางเด็กหนุ่มอย่างไม่วางา ราวกับมันกำลังจ้องมองอะไรบางอย่างที่มันกำลังต้องการจากก้นบึ้งของสัญชาติญาณ
“..จ้องข้าไปก็ไม่มีอะไรจะให้หรอกนะ”
แม้จะมีรูปลักษณ์ที่น่ารักน่าชัง ูน่าะุ แต่เด็กหนุ่มยังคงูเชิงเจ้าสัตว์เดรัจฉานตนนี้อยู่ห่าง ๆ พร้อมกับพูดหยั่งเชิงถามไปีรอบราวกับระแวงอยู่ไม่น้อย
สาเหตุเป็เพราะ ปกติแล้วรอบอาณาเสำนักจะมีการกางข่ายอาเปราณคุ้มภัย ที่จะมีคลื่นลมปราณเฉพาะที่แสดงให้เห็นถึงาัตรายต่อเหล่าสัตว์ป่าไปจนถึงสัตว์ู ทำให้พวกมันไม่แม้แต่จะเข้ามาเฉียดภายใสำนักกันแม้แต่น้อยิ จึงทำให้ตอนนี้เป็เหตุประหลาดที่นกฮูกตนนี้อาจหาญย่างกรายเข้ามาถึงภายใเสำนักได้
หากมิใช่ว่ามันคือสัตว์ูผู้ทรงพลังจนมิได้ยำเกรงต่อข่ายอาเ ก็คงจะเป็เพียงสัตว์ป่าธรรมดาที่ไร้ซึ่งญานหยั่งรู้ถึงัตรายที่อาเสร้างขึ้น
“กรู๊ว”`
แม้เด็กหนุ่มจะพยายามหยั่งเชิงพูดถามัใดออกไปเพื่อทดสอบว่ามันคือสัตว์ูจำแลงกายืไ่ เพราะสัตว์ูั้หากเป็พวกที่มีฤทธามากพอจะฝ่าอาเได้ มักจะมีปัญญามากพอจักเข้าใจภาษามนุษย์ แต่กับเจ้านกฮูกัน้อยนีู่ท่าจะเป็อย่างหลังเีมาก่า เพราะที่มันทำมีแค่การต่อปากต่อคำกับเาั๋ซ่านด้วยเีง้ พร้อมกับการขยับหัวไปมาอย่างไร้แก่นาเท่าั้``
“...”
เมื่อมองูเจ้าักลมตนนี้จนพอจะวางใจได้บ้างแล้วว่า มันมิน่าใช่สัตว์ูสุดแสนัตรายอะไร สองเ้าของเาั๋ซ่านก็่ ๆ ตรงเข้าไปหามันอย่างไว้ไม่อยู่ แม้เขาจะไม่ได้ชื่นชอบศาสตร์ใการทำปศุสัตว์เีเท่าไหร่ แต่ยามเมื่อได้เห็นทีท่าใสซื่อเอียงคอไปมาอย่างน่ารักน่าชังั้ มันก็ทำให้เด็กหนุ่มเิาเอ็นูขึ้นใจิตใจ จนไม่ได้ที่จะอยากเข้าไปสัมผัสอย่างใ้ชิด
พอมาถึงตรงหน้า ่าของเด็กหนุ่มก็่ ๆ ย่อลงมาใท่านั่งชันเข่าตรงหน้าเจ้านกฮูกน้อย พร้อม ๆ กับที่มันก็ขยับเอียงใบหน้าามเด็กหนุ่มที่กำลังย่อัลงมาเช่นกัน แล้วจากั้ ืขวาที่แม้จะยังคงแดงเถือกพร้อมกับคราบรอยเหงื่อจากการฝึกพลังชี่จะยังอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องั้มากเท่าเจ้าสัตว์ก้อนขนตรงหน้า
“..นุ่ม”
ทันที่ืขวาได้สัมผัสกับขนสีเทาออกน้ำาลไหม้ที่เสริมให้มันักลมดิ๊กเช่นนี้ไปแล้ว ใบหน้าที่่ ๆ เผยอยิ้มออกมา พร้อมกับน้ำเีงแ่าสุขที่ัขึ้น บ่งบอกถึงานุ่มนิ่มและารู้สึกพึงพอใจต่อการสัมผัสัเจ้านกฮูกัน้อยนี้ขนาดไหน
“..กรู๊”
แม้จะไม่ฉลาดเท่ากับมนุษย์ แต่เจ้านกฮูกตนนี้ก็แสนรู้ไม่เบา เนื่องจากมันยอมอยู่นิ่ง ๆ ให้เด็กหนุ่มได้จับลื่นไล้ไปกับขนบนัมันอย่างไม่มีอิดอ ราวกับคุ้นเคยกับมนุษย์อยู่บ้างก็มิปาน ทำเพียงแค่้ออกมาเีงเบา ๆ เหืนคำอนุญาต แล้วยืนอยู่นิ่ง ๆ ไปให้เด็กหนุ่มได้ลูบไล้อย่างถนัดื
“ฮะ ๆ เ็ี ๆ”
ทีท่าสงบนิ่งที่ปล่อยให้เขาได้ไล้ลูบไปามลอนขนนุ่ม ๆ ราวกับผ้าฝ้ายยิ่งทำให้เด็กหนุ่มเอ็นูเจ้าัน้อยมากยิ่งขึ้นไปใหญ่ จนทำให้เขาไม่ทันได้สังเกตุเลยว่านัยาสีเขียวมรกตของมันกำลังจ้องบางสิ่งบางอย่างที่เขาเก็บซ่อนไว้ภายใเสื้อฝึกจนาเป็มัน
“..กรู๊ว!”
และก่อนจะทันได้รู้ั เจ้านกฮูกัน้อยก็พุ่งบินตรงออกไป ใช้จงอยปากน้อย ๆ ของมันพุ่งเข้าใส่บริเวณหน้าอกของเด็กหนุ่มอย่างแรงจนรู้สึกได้ถึงาเจ็บจุกจากแรงจิกั้ไม่น้อย
“..อุ๊ก!”
จนทำให้เีง้ัน่าสูัลั่นออกมาจากปากของชายหนุ่มจนเกือบลั่น พร้อม ๆ กับ่าของเขาที่ล้มัหงายหลังลงไปด้วยแรงะทำที่ไม่ทันั้ัจากสัตว์ป่าัะจ้อย
“ดะ เดี๋ยว เจ้าจะทำอะไรน่ะ!?”
เมื่อ่าของเด็กหนุ่มเอนัล้มลงไปแล้ว เจ้านกฮูกนัยามรกตสวยงามตนั้ก็่ ๆ บินมาหยุดฝ่าเ้าน้อย ๆ ราวกับแง่งขิงของมันเอาไว้บนบริเวณหน้าอกของเด็กหนุ่ม พร้อมกับนัยาที่เปล่งประกายราวกับสัตว์ป่าะหายเหยื่อ จนทำให้กั๋วซ่านถึงกับตื่นตระหนกขึ้นมาจน้พูดอย่างลนลาน
“...”
เจ้านกฮูกน้อยไม่ได้้ขานตอบีต่อไป มันทำเพียงแค่จ้องมองอยู่อย่างั้เพียงชั่วครู ก่อนที่จะ…
จึ๊ก!
พุ่งปากจงอยเข้าจิกใส่เด็กหนุ่มอย่างเต็มรัก
“อ๊ากกกกกกกกก!!”
พร้อมกับเีง้ลั่นป่าที่ัามหลังออกมาของเาั๋ซ่าน
“แฮ่ก.. แฮ่ก!”
นี่ข้า กำลังทำเรื่องบ้าบอัใดอยู่กันแน่? นั่นคือเีงที่ัอยู่ภายใหัวแทบจะตลเวลาระหว่างที่ขาั้สองข้างของเค่อฉิงกำลังก้าวย่างด้วยารวดเ็ จนลมหายใจเริ่มตัดขัดส่งเีงหอบแฮ่กออกมาให้ได้ยิน
ทำไมถึงได้ทำเรื่องไม่เป็เรื่องเพื่อคนที่ไม่ได้รู้จักมักจี่อะไรกันปานั้ถึงขนาดนี้ด้วย? แม้แต่นางก็ยังมิอาจตอบคำถามที่ัก้องอยู่ภายใหัวนี้ได้เลย นางรู้แต่ว่า ถ้าปล่อยวางละเลยแววาอาฆาตของชางก้วนจุนไป นางจักต้องเีใจไปตลเป็แน่หากได้รู้ว่าเาั๋ซ่านเป็อะไรไปขึ้นมา
แม้ใยุทธภพักว้างใหญ่ หากคิดเป็ใหญ่เป็โต การมีเมตาจนเกินไปอาจเป็ภัยร้ายที่แว้งมาย้อนกัดเข้าภายหลังจนสาหัส นางรู้เรื่องเช่นั้ดี ใฐานะคนของะูจง ึ่ใ 3 พยัคฆ์แ่เืงเกษตรชินเจี่ยโปแ่นี้
แม้ะูของนางจะมีฐานะมีหน้ามีาโดดเด่นขึ้นมาได้จากการเป็ผู้ค้ารายใหญ่ประจำเืง ที่ไม่ว่าิตทางการเกษตรของชาวสวนชาวไร่ผู้ใดล้วนถูกส่งออกโดยผ่านะูจง ไม่ต่างกันสินค้าจากภายนอกที่นำเข้ามาก็เป็ะูจงที่เป็ผู้บุกเบิกนำทางให้กับเืงนี้
แต่การจะเป็ใหญ่เป็โตให้ได้มาก่าการเป็หอการค้ารายใหญ่ที่สุดใเืงบ้านนอกเช่นนี้ ะูจงจำเป็ต้องมีผู้ฝึกยุทธที่สร้างชื่อเีงก้องไกลไปทั่วั้ยุทธภพ จึงจะมีสิทธิเทียบเคียงกับหอการค้าระดับชาติที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานแ่เืงจงหั่ว ที่ไม่เคยขาดผู้มีฝึกยุทธระดับจอมยุทธประดับประดาอยู่ภายใสายะู
ทำให้จงเค่อชุนผู้เป็ี่ชาย และจงเค่อฉิงผู้เป็น้องา ที่ต่างก็เิมาล้วนมีพรสวรรค์ติด่ามาั้แต่กำเิ จึงได้ถูกคาดหวังให้รับหน้าที่ใการพาชื่อของะูจงไปให้ถึงแผ่นฟ้า ทำให้ทั่วหล้าต่างต้องหันมามองการตื่นขึ้นของมังกรตนใหม่แ่โลกการค้าที่พร้อมจะท้าชนกับทุกสรรพสิ่ง!
พอคิดย้อนมาจนถึงตรงนี้ ฟัของเด็กาก็กัดขบกันแน่นขึ้นมาอย่างลืมั ราวกับารู้สึกและอารมณ์ใวันวานได้ย้อนคืนัมาเหืนกับเพิ่งเิขึ้นเมื่อครู่ ใช่แล้ว ที่นางกำลังดั้นด้นวิ่งไปทั่วสำนัก ั้ขอ้เหล่าอาจารย์ให้ช่วยหยุดชางก้วนจุนจนโดนปฏิเสธัมา ซ้ำยังถูกด่าว่ากล่าวหาผู้อื่นเลื่อนลอยจนแทบจะโดนสั่งลงโทษ
เหตุที่นางเลือกจะทำเช่นนี้ อาจเป็เพราะนางไม่อยากเห็นผู้ใดต้องถูกทำลายลงด้วยอารมณ์ของคนีผู้ เหืนดั่งที่ี่ชายของนาง… จงเค่อชุน ได้ประสบพบเจอจากผู้เป็พ่อแม่ไปเมื่อวันวาน จนทำให้ผู้เป็น้องาอย่างเค่อฉิงมีภาพจำกับเหตุการณ์ั้มาจนถึงบัดนี้
“...แฮ่ก! แฮ่ก!”
ทว่า ยามนี้เรื่องตรงหน้าสำคัญ่า แต่สถานการณ์ ณ ปัจจุบันยังคงไม่สู้ดีเีเท่าไหร่ ต่อให้นางพยายามจะขอ้เหล่าอาจารย์อย่างไรก็ไม่มีผู้ใดจะยินยอมให้าช่วยเื มันจึงทำให้เค่อฉิงจำต้องใช้ีึ่ทางเลือก คือการออกามหาเาั๋ซ่าน แล้วบอกเตือนถึงภัยที่กำลังจะมาถึงัให้ได้รับรู้ แต่ปัญหามันติดตรงที่ นางมิรู้เลยว่าเาั๋ซ่านหายหัวไปอยู่ที่ใดกันแน่!
พับผ่าสิ! ั้ที่วิชากลศาสตร์ตำราพิชัยสงครามเริ่มไปแล้ว แต่ข้าัต้องมาามหาเจ้าคนโดดเรียนนี่งั้นรึ? ั้ารู้สึกร้อนรนใใจที่ามหาเาั๋ซ่านไม่เจอเีทีแม้จะใช้เวลาไปเกือบึ่ชั่วยามแล้ว กำลังตีเข้ากับารู้สึกผิดที่นางต้องมาโดดเรียนเพื่อทำเรื่องไม่เป็เรื่องจนถึงเพลานี้
ั้แต่ชั้นบนสุดลงไปยังชั้นใต้ดิน นางวิ่งไปหาทั่วทุกซอกทุกมุม เว้นแต่เพียงห้องที่ชางก้วนจุนกำลังประทับอยู่อย่างห้องฝึกฝนลมปราณที่เาั๋ซ่านไม่มีทางไปอยู่ใที่แ่ั้ได้แน่ ทำให้สถานที่ที่เือยู่มีเพียงแ่หนเดียวที่นางยังมิได้ย่างกรายเข้าไป
เพราะมันคือสถานที่ที่อยู่ห่างไกลออกไปมากที่สุดจากภายใัตำหนักของสำนักหินผา… ป่าหลังสำนักนั่นเอง
ตึก ๆ ๆ ๆ ๆ
“ฟู่ว..”
!
ขาั้สองของจงเค่อฉิงยังคงก้าวอย่างฉับไวหลังจากเริ่มใช้วิชาไหลเวียนลมปราณภายใ ควบคุมกำหนดจิต ปรับระดับลมหายใจ ทำให้าเหนื่อยหอบจนทำให้ั้่าหนักอึ้ง่ ๆ ทุเลาลง จนทำให้าเ็ใการก้าวเ้าฉับไวยิ่งขึ้น เพียงไม่กี่นาที นางก็ก้าวเ้าพ้นจากสะพานไม้เชื่อมป่ามาจนถึงผืนหญ้าเขียวขจีละลานา
แม้าเขียวขจีจะูบางา่าป่าหนาทึบที่ขึ้นรอบเืง พร้อมั้ภัยัตรายก็ถูกจำกัดด้วยอาเปราณคุ้มภัย แต่มันก็ยังคงถูกเรีย่าเป็ป่า ทำให้เค่อฉิงเพิ่มาระมัดระวังัขึ้นมา ะที่สองเ้ากำลังก้าวเข้าสู่ผืนป่าที่ถูกกรุยทางบนผืนดิน เป็ลู่ทางเิเข้าสู่พงไพรอย่างเป็ระเบียบสวยงามอย่างที่หาไม่ได้จากป่าไม้ทั่วไป
และใยามั้เอง
“กุ๊ กรู๊ว!”
“...!”
เีง้ของัตนบางสิ่งที่มีเีงใ้เคียงกับนก ู่ ๆ ก็ัลั่นขึ้นมาท่ามกลางป่าหลังสำนักแ่นี้ นั่นทำให้เค่อฉิงถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวดทันที เพราะเเองก็รู้ดีไม่ต่างจากศิษย์ทุกผู้ใสำนัก ว่าอาเปราณคุ้มภัยที่กางข่ายอาคมไว้ล้อมรั้วรอบสำนัก ยาวไปจนถึงส่วนึ่ของป่าหลังสำนักแ่นี้ ซึ่งมีหน้าที่คุ้มภัยมิให้เหล่าสัตว์ูหรือปีศาจได้ย่างกรายเข้าสู่สถานที่ศักดิ์สิทธ์อย่างสำนัก
แล้วเีง้นั่นมันคือเีงของััใดกัน!? นางยังคงมั่นใจว่าตนเองไม่ได้เิก้าวออกไปจากเปราณคุ้มภัย เพราะั้แต่ที่เริ่มก้าวเิออกมาถึงป่า นางยังไม่เห็นอาณาเรั้วเลยแม้แต่น้อย
“..อึ่ก”
หากมองโลกใแง่ดีได้เีหน่อย คงจะอนุมานได้ว่ามันอาจจะเป็เีง้ของสัตว์ป่าไร้ปัญญาตนึ่ที่ฝ่าข่ายอาคมเข้ามาจนถึงภายใได้อย่างไม่เกรงกลัว ืไ่ หากตัดสินใจคิดการไกลเตรียมไว้ใเหตุฉุกเฉิน อาจจะอนุมานได้ว่าสัตว์ูสุดร้ายกาจตนึ่ได้ะลวงผ่านข่ายปราณคุ้มภัยมาได้แล้ว!
“กรู๊ว!”
พอคิดเช่นนี้าวิตกก็ถูกก่อเพิ่มขึ้นมาภายใจิตใจของเด็กา แต่เก็ยังคงก้าวเิต่อไปามเส้นทางที่มาของเีง้ประหลาดที่ยังคง้เรียกเหืนดั่งกับดักัแสนร้ายกาจที่เหล่าสัตว์ูใช้สุรเีงัแสนสงบ ลวงล่อผู้จิตอ่อนให้เข้าไปใ้จนมิอาจถอนััได้
จึงได้เป็เหตุที่มีสำนวนขึ้นชื่ั่งว่า “เจอสิ่งใด ได้ยินเหตุใดใผืนป่า จงอย่าพูด ่าิ หรือแม้แต่จะทัก เพราะมันอาจจะเป็จริงยิ่ง่าที่กลัว” ัเป็คำที่ผู้คนรุ่นก่อนมักจะพูดกันเสมอยามเิป่าเิเขา นั่นยิ่งทำให้เค่อฉิงเพิ่มาระมัดระวังัขึ้นเีมาก่าเดิม พร้อมกับืข้างซ้ายที่เริ่มไหลเวียนลมปราณขึ้นสะสมไว้ตรงปลายืที่กำกันเป็หมัด เตรียมพร้อมซัดทุกเมื่อหากเจอสิ่งัตรายอยู่ข้างหน้า
ทว่า หลังจากการเิามเส้นทางที่ถูกกรุยเอาไว้อย่างเป็ระเบียบด้วยการามเีง้ประหลาดราวกับนกไปเรื่อย ๆ นางก็เิมาจนถึงผืนหญ้ากว้างแ่ึ่ที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ซึ่งตรงั้เองที่นางได้เห็น…
“กินเยอะเชียวนะ อร่อยล่ะสิ?”
“กรู๊ว!”
ภาพของเด็กหนุ่มสีผมประหลาดาที่เหล่าศิษย์ใสำนักัคุ้นเคยกับมันเป็อย่างดี กำลังนั่งป้อนหมั่นโถวก้อนขาวที่ถูกฉีกเป็ชิ้นเ็ชิ้นน้อยให้พีคำกับจงอยปากเ็ ๆ ของนกฮูกขนเทาที่นั่งจุมปุ๊กอยู่กลางหน้าตักของเด็กหนุ่มผู้ั้ พร้อมกับแก้มที่กำลังเคี้ยวหมั่นโถวอยู่ตุ้ย ๆ จนเต็มปากะที่ก็ส่งเีง้ตอบัคำของเด็กหนุ่มเช่นกัน
“เอ้า ่ ๆ กินนะ ข้ายังมีเืให้เจ้าีเยอะเลย”
ภาพแ่าอบอุ่นระหว่างมนุษย์และสัตว์ยังคงดำเนินต่อไป ราวกับั้เด็กหนุ่มและนกฮูกตนั้ไม่ได้รับรู้ถึงการเข้ามาของเด็กาเลยแม้แต่น้อย ะทั่งัของนางเองก็ยังได้แต่ยืนมองภาพของเาั๋ซ่านที่กำลังป้อนหมั่นโถวให้นกฮูกน้อยได้กินอย่างนิ่งสนิทด้วยาตื่นตะลึง
แม้จะยังไม่เข้าใจเหตุกลใดคนที่นางกำลังามหากำลังนั่งเต๊ะจุ๊ยป้อนอาหารนกฮูกป่าอย่างสบายใจเฉิบ ักันเป็นางนี่แหละที่วิ่งวุ่นไปทั่วั้สำนักเพื่อหาัเจ้าปัญหาจนพบตรงนี้ แต่าสวยงามและาอบอุ่นที่กำเิขึ้นต่อหน้าต่อา มันก็ทำให้เค่อฉิงหยุดมองอยู่นานนับร่วมนาที
ราวกับมิกล้าที่จะเข้าไปขัดภาพัแสนสวยงามที่เต็มไปด้วยาอบอุ่นระหว่างมนุษย์และสัตว์ป่า ซึ่งน้อยคนน้อยผู้นักที่จะอ่อนโต่อสัตว์ที่เป็เพียงเดรัจฉานให้มนุษย์ใช้งาน ไม่ก็เป็ปศุสัตว์เพียงเท่าั้
แต่เมื่อสติของนางแจ่มชัดขึ้นมา ใบหน้าของจงเค่อฉิงที่กำลังเพลิดเพลินกับการมองภาพตรงหน้า ก็ได้แปรเปี่เป็าตึงเครียดปนอารมณ์เีขึ้นมาใทันที ก่อนที่ริมฝีปากเรียวงามที่เปล่งประกายสีสันราวลูกท้อ จะตะเบ็งเีงัลั่นทั่วป่าขึ้นมา
“เจ้ามาทำบ้าอะไรที่นี่ เาั๋ซ่าน!”
“เหวอ!?”
“แกว๊ก!!”
ทันทีที่เีงแผดสนั่นของลูกาคนรองแ่ะูจงถูกเปล่งออกมา ั้เาั๋ซ่านและนกฮูกน้อยขนเทาต่างก็ตกอกตกใจจนัโ ส่งให้หมั่นโถวที่อยู่ใืของเด็กหนุ่ม และที่คาบอยู่ใปากของนกฮูกน้อย ต่างก็ปลิวะเด็นออกไปด้วยาตื่นตกใจที่เิขึ้น พร้อมกับเีง้ที่ลั่นามออกมา
“กรู๊ก!!”
พรึ่บ ๆ ๆ ๆ ๆ!
“ดะ เดี๋ยว!”
เพียงชั่วจังหวะหลังจากที่หมั่นโถวะเด็นหลุดจากปาก ูเหืนเจ้านกฮูกน้อยจะเีขวัญเป็อย่างมาก จนทำให้มันลนลานตีปีกพั่บ ๆ บินหนีหายเข้าป่าไป ใะที่ผู้ให้อาหารของมันยังคงั้สติไม่ทัน จนทำได้เพียงแค่มอง้เรียกามนกน้อยาละห้อยไปอย่างน่าสมเพช
“สวรรค์เถอะ! นี่ข้าต้องมาเหนื่อยยากเพื่อคนเหลาะแหละเช่นเจ้าหรือนี่!?”
การได้เห็นารูปัูไม่ได้ของเาั๋ซ่านใเพลานี้ มันก็ยิ่งทำให้นางรู้สึกหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น่าเดิม เรื่องก็มิใช่เรื่องของข้า ซ้ำยังต้องเหนื่อยยากจนต้องขาดเข้าเรียนวิชาการไปเีี แล้วยามเมื่อได้พบหน้าก็ยังได้เห็นารูปทีู่ไม่ได้เช่นนี้ มันน่าปล่อยให้ชางก้วนจุนฆ่าให้ายไปเี!
ทันทีที่สติสตังเริ่มฟื้นัจากเหตุการณ์ที่เิขึ้น เาั๋ซ่านก็่ ๆ ลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าที่ยังคงูตื่นอยู่ิ ๆ แต่ก็เริ่มัมาสวมมาดของอัจฉริยะปราณตำหนิผู้มีาจริงจังกับการเล่าเรียนแม้จะถูกกีดกันจากอาจารย์บางคนก็ามที แล้วจากั้เขาก็หันมามองหน้าของจงเค่อฉิงอย่างช้า ๆ
“ข้าขอโทษ หากข้าทำสิ่งใดผิดใจเจ้า แต่ข้าไม่ยักรู้ว่าการที่ข้าปลีกวิเวกอยู่หลังสำนักเพียงผู้เดียวมันทำให้เจ้าต้องเหนื่อยยากเช่นไร?”
คำพูดคำจาพร้อมคำถามซึ่งเข้ากับสมยาอัจฉริยะปราณตำหนิ ได้ถูกร่ายออกมาจากปากของเด็กหนุ่มตรงหน้า พลางสีหน้าแววาก็ฉายไปด้วยาฉงนปนจริงจังระคนหงุดหงิดไม่น้อย กับการโดนขัดช่วงเวลาแ่าเพลิดเพลินที่ได้มีร่วมกันกับเจ้านกฮูกตนั้
“ไอ้เจ้าคน..”
“ีอย่าง ข้ามั่นใจว่าเราสองมิได้สนิทชิดเชื้อกันจนเจ้าต้องคิดมาามข้าไปเข้าคาบเรียนเป็แน่… แ่า มีเรื่องัใดเิขึ้นรึ? มันคงเป็เรื่องร้ายที่ข้องเกี่ยวกับข้าใช่ืไ่?”
ยังมิทันที่เค่อฉิงจะได้อ้าปากสบถคำหงุดหงิดสวนัออกไปอย่างเต็มคำ คำพูดัแสนเฉียบคมก็ถูกปล่อยออกมาจากปากของเาั๋ซ่านีครั้ง ราวกับการมองท่าทีัเต็มไปด้วยาหงุดหงิดของนาง จึงทำให้เด็กหนุ่มอนุมานได้ทันทีว่ามันคงมีเรื่องบางอย่างเิขึ้นเบื้องหลังการะทำของแ่าเค่อฉิงที่เดิมเป็างามแสนเยือกเย็นแต่บัดนี้ัเต็มไปด้วยาร้อนรนถึงเพียงนี้
“...ฟู่ว”
เมื่อโดนดักด้วยคำพูดที่เป็เหตุเป็เีขนาดั้ เค่อฉิงจึงทำได้แต่เพียงกลั้นาหงุดหงิดที่ไม่อาจระบายจากเรื่องที่เิขึ้นเอาไว้ภายใ แล้วแปรเปี่มันออกมาเป็ลมถอนใจที่ถูกพ่นออกมาเีงัใยามนี้ ก่อนที่นางจะเตรียมเริ่มกล่าวถึงสาเหตุของเรื่องราวั้หมด
ทว่า
“เรื่องมันเกิ–”
“เจอเจ้าจนได้ ไอ้สวะไร้ค่า!”
เีงตะเบ็งที่ัลั่นขึ้นมาขัดจังหวะที่เค่อฉิงกำลังจะอ้าปากเตรียมพูดขึ้นมาีครั้ง ทำให้นางได้แต่ยืนอ้าปากค้างอยู่เช่นั้ ะที่ผู้มาใหม่ก็รีบปรี่สำแดงัตนทันทีที่โ่พุ่งะลุเข้ามายังผืนหญ้ากลางผืนป่าแ่นี้
“...มีธุระอะไรกับข้ารึ?”
ยามได้เห็นสายาเดืะลุปรอทจนแทบจะเืของเค่อฉิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า เาั๋ซ่านก็มองตรงยังใบหน้าของผู้มาเยือนใทันทีพร้อมกับประเมินสถานการณ์ได้ไม่ยา่า เรื่องราวที่จงเค่อฉิงกำลังจะบอกเล่าน่าจะเกี่ยวข้องกับผู้มาใหม่นี้แน่ เขาจึงได้เลือกเอ่ยถามไปเช่นั้ พร้อมกับขยับก้าวไปยืนนำหน้าของจงเค่อฉิงเพื่อออกหน้ารับเรื่องอย่างเต็มั
ส่วนจงเค่อฉิง นางรู้สถานการณ์ตอนนี้ดี มันคงสายเกินไปที่นางจะได้กล่าวเตือนหรือพาเาั๋ซ่านหลบหนีแล้ว นางจึง่ ๆ สงบสติอารมณ์ของตนด้วยการยืนหันหลังไม่มองผู้มาใหม่ที่เป็ึ่ใสุนัขรับใช้ของชางก้วนจุน แต่าายังคงเืบมองด้วยแววาอาฆาตจนทำให้ผู้พบเห็นต้องมีอาการเีวสันหลังกันอยู่บ้าง
“อะ ไอ้เจ้าสวะไร้น้ำยา ต้องพึ่งพาชายะโปรงสตรีเพื่อเอาัรเช่นนี้เลยรึ? หากมิมีแม้แต่จิตกล้าแกร่ง แล้วจะไปสะเออะทำัหาพระแสงะไรมิทราบ!?”
คำก่นด่ามากมายพรั่งพรูออกมาจากปากของศิษย์ชั้นผู้น้องที่หาได้มีาเคารพต่อรุ่นี่ตรงหน้าไม่ ซ้ำยังลามปามไปถึงจงเค่อฉิงที่ยืนอยู่ใ้ ๆ กันไปเีีหลังจากที่โดนนางมองจิกใส่ด้วยาา นั่นทำให้เาั๋ซ่านหลับาลงเ็น้อยก่อนจะสูดลมหายใจเข้าช้า ๆ อย่างมีสติ
“เข้าเรื่องของเจ้ามาเถอะ เจ้ามีปัญหาอะไรกับข้ากันแน่ ข้าไปทำอะไรให้เจ้ารึ?”
“โอ้! แน่นอนสิ แค่มีเจ้าอยู่ก็ถือเป็เรื่องด่างพร้อยแก่สำนักหินผาของเราแล้ว! ข้าล่ะไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเหล่าผู้อาวุโสยังเลี้ยงเจ้าไว้อยู่เพราะเหตุใด? เลี้ยงเีข้าวสุกไม่พอยังอาจหาญกล้าสถาปนาัเองขึ้นเป็ศิษย์เอกแ่วิชาไร้น้ำยาพรรค์ั้อี–”
แม้เาั๋ซ่านจะถามัด้วยาเยือกเย็น แต่คำสบถก่นด่ายังคงมาไม่หยุดจนรัวราวกับกลองชุด ะทั่งคำด่าเริ่มลามปามไปถึงผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง
พรึ่บ!
“นี่ ระวังปา-”
นั่นทำให้จงเค่อฉิงรีบสะบัดัหันัมาใทันที หากเป็เรื่องของเาั๋ซ่าน นางจะยังคงสงวนท่าทีมิทำัใดหากเขาไม่เริ่มก่อน แต่กับการลามปามถึงครูบาอาจารย์ นางมิอาจนิ่งูเฉยได้จนต้องหันัมาเตรียมจะต่อว่า
แต่
“ถอนคำพูดของเจ้าเดี๋ยวนี้!”
เีงกร้าวแข็งัขึ้นมาจากปากของเาั๋ซ่าน พร้อมกับนัยาที่สลัดคราบาสุขุมออกไปจนหมดิ้ เขาจ้องมองศิษย์ชั้นผู้น้องผู้แสนจองหองและอวดดีด้วยาไม่พอใจ จะว่าข้าเป็หมูเป็หมาข้าไม่ว่า แต่อย่าลามปามถึงท่านอาจารย์หมังเย่ของข้าเป็ัขาด!
“...”
แน่นอน แม้จะรู้ดีว่าคนตรงหน้าของมันเป็เพียงแค่ศิษย์ปราณตำหนิที่ใช้ลมปราณฝึกฝนได้เพียงน้อยิจนแทบจะเป็เพียงแค่คนธรรมดา แต่ด้วยสีหน้าแววาที่แผ่รัศมีากดดันออกมาจนทำให้สุนัขรับใช้อย่างมันทำได้เพียงแค่แน่นิ่งอย่างากลัว ราวกับสมองัน้อยิได้หลงลืมไปแล้วว่าเอาเข้าจริงตนมีกำลังเหนือ่าเาั๋ซ่านด้วยซ้ำไป
“เจ้าสิต้องถอนคำพูด ไอ้สวะปลายแถว!!”
สุรเีงัโหดเหี้ยมัขึ้นก้องไปทั่วผืนป่า ดึงาสนใจของคนั้สามไปยังด้านหลังแมกไม้เขียวขจีที่กำลังถูกแหวกออกด้วย่าัใหญ่โตเกิน่าเด็กหนุ่มวัย 16 จะพึงเป็กัน ่า ๆ ั้เิตรงมาทางเาั๋ซ่านด้วยแววาเดืดาลพร้อมกับการเหยืยบแมกไม้กอหญ้าจนจมดินพ
“วะ ะ ท่านก้วนจุน!”
ั่ก!
ยามที่เิผ่านแมกไม้มาจนถึงตรงหน้าของเาั๋ซ่านแล้ว ชางก้วนจุนก็ักสุนัขัึ่ของมันจนะเด็นล้มลงไปทางด้านหลัง ก่อนจะเป็ัมันเองที่มายืนประจันหน้ากับเาั๋ซ่าน พร้อมแววาที่เต็มไปด้วยาเหยียดยามเกลียดชังราวกับอาฆาตกันมาแต่ชาติปางก่อน
“สวะที่พังไปแล้วเช่นเจ้า คงทำัเป็ปลิงสกปรกใช้ชื่อเีงของท่านปรมจารย์ กุเรื่องกุราวว่าตนคือศิษย์เอกขึ้นมาเป็แน่แท้ ใช่ืไ่!? ไอ้สวะหน้าด้านหน้าทน!”
คำประกาศกร้าวที่อัดแน่นด้วยไฟโทสะัออกมาจากลำคอของชางก้วนจุนจนขึ้นเป็เอ็น ักัน ทางเาั๋ซ่านทำเพียงแค่ยืนจ้องหน้าคนัใหญ่่าัไปอย่างหาได้เกรงกลัวไม่
“ไหนเจ้าว่าข้ามันก็แค่ของที่พังไปแล้วมิใช่รึ? เหตุใดจึงยังต้องสนใจเรื่องของข้าด้วยล่ะ ข้าจะทำอะไรมันก็เรื่องของข้ามิใช่รึ ชางก้วนจุน?”
คำจาเฉืเฉือนัแสนสุขุม ซ้ำยังคมกริบจนบาดลึกเข้าไปจิตใจผู้ฟังที่ได้ยินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ถูกลั่นออกมาจากปากของศิษย์ปราณตำหนิผู้ึ่ที่ไม่เจียมัตน ที่กำลังอาจหาญประจันหน้ากับศิษย์เอกอุแ่สำนัก ด้วยนัยาที่แม้จะสุขุม แต่ภายใัอัดแน่นไปด้วยแรงแค้นอาฆาตไม่ต่างกัน
“เจ้า!!!”
เมื่อได้ยินเช่นั้ ั้่าของชางก้วนจุนก็ะตุกวูบใทันทีราวกับรนทนไม่อยู่ต่อคำพูดอวดดีเช่นนี้ของอริตรงหน้า
“...”
ทำให้จงเค่อฉิงที่ยืนเป็สักขีพยานต่อเหตุการณ์ตรงหน้านี้ได้แต่เิาสงสัยระคนหวั่นใจว่า เหตุใดคนั้สองจึงมีาแค้นเคืองอย่างแสนสาหัสต่อกันได้ถึงปานนี้?
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??