เรื่อง พันธสัญญาสะท้านโลกา
ตอนที่ 8.
มื้ออาหารตำหนัก
บนเส้นทางเดินทีู่กรุยดินเป็นทางไว้อย่างเรียบแปล้ ได้มีมวลหมู่ประชาชาวจงหั่วอันมากล้นที่กำลังใช้เวลาทิ้งท้ายในช่อาทิตย์อัสดงวันเดินเ้าเหยียบย่ำ โดยเฉพาะกับสถานที่อย่าง ตลาดสดชินเจี่ยโปแห่งี้ที่ในยามี้เรียกได้ว่าผู้คนส่วนใหญ่เมืองต่างก็มารวมกันแออัดแน่นขนัดกันอยู่
“...”
ภายในหมู่มวลประชาเหล่าั้ ก็มีเด็กหนุ่มเรือนผมสีสันสะดุดาที่กำลังเดินนำหน้าเด็กสาวเรือนผมสีดำประกายม่สุดสง่าที่ได้แต่เดินก้มหน้าก้มาามมาอยู่สักพัก โดยที่ั้สองมิได้เอ่ยกล่าวสนทนากันเลยนับตั้งแต่เดินผ่านประตูใหญ่แห่งสำนักหินผามา
“เจ้ามิชอบตลาดรึ?”
แม้จะเดินนำอยู่ด้านหน้า แต่หางายังคงเหลือบมองผู้ามัอยู่เสมอ ทำให้เยากั๋วซ่านรับรู้ถึงอากัปกิริยาที่แปไปตั้งแต่เริ่มเดินมาจากสำนักเค่อฉิง จึงทำให้เขาตัดสินใจเอ่ยถามไปเ่ั้
อนึ่ง เาะนางูเป็นลูกคุณหนูคุณนาย จึงมิแปหากนางจะชังตลาดสดผู้คนต่ำต้อยเ่ี้
“ครอบครัวข้าเป็นหอการค้า ข้าจะเกลียดตลาดได้อย่างไรเล่า”
คำถามจากเยากั๋วซ่านเรียกให้จงเค่อฉิงที่ก้มหน้าก้มาใช้าคิดอยู่กับตนได้เงยหน้าึ้มองรอบข้างีครา ่ที่นางจะตอบกลับคำถามด้วยน้ำเีงเรียบนิ่งูไม่เหมือนกับผู้ที่กำลังเหม่อลอยอย่างที่คิด
“แล้วเุใดถึงทำตัวราวกับไม่พึงใจเ่ั้ เาะข้ารึ?”`
เื่ตลาดสดมิใ่ปัญหาสำหรับนาง แล้วเุใดกันถึงได้ทำหน้าหงิกงอเป็นปลาทูมู่ทู่อยู่เ่ั้ าสงสัยภายในใจเยากั๋วซ่ายังมิได้รับการา จึงได้เอ่ยถามต่อไป``
“มิใ่.. เฮ้อ นี่เจ้าเคยกังวลสิ่งใดบ้างหรือไม่เนี่ย?”
แทนที่จะได้รับคำตอบ กลับได้รับคำถามสวนกลับมาแทน หนำซ้ำสีหน้าที่สับสนสงสัยราวกับมิเ้าใจในการะทำเขาไดู้ส่งมาจากดาเค่อฉิง ูท่าแล้วนางคงจะหนักใจกับาเรื่อยเปื่อยจนเิไปเยากั๋วซ่านไม่น้อย
“กังวลสิ กังวลอยู่แล้ว…”
คำถามั้ทำให้เยากั๋วซ่านชะงักจนหยุดเดินไป ่จะหันกลับไปพูดตอบามจริงที่ใจคิด ใครบ้างเล่าจะไม่เคยคิดกังวล ที่เขาูทำตัวปกติสุขได้เ่ี้เาะถึงคิดเครียดไปก็มิได้สิ่งใดต่อต่างหาก มิเ่ั้เขาคงจะปวดเศียรปวดเกล้าวันละร้อยรอบไปแล้วะมัง
“..ขอโทษ ไม่สิ ไม่ได้หมายถึงเ่ั้!”
พอเห็นเยากั๋วซ่านูมีสีหน้าซึม ๆ ลงไปอย่างเห็นได้ชัด แถมยังหยุด้าฝีเท้าจนหยุดนิ่งท่ามาฝูงชนเ่ี้ มันเล่นทำเอานางถึงกับรู้สึกผิดึ้มา แต่ที่นางหมายถึงไม่ใ่เ่ี้เี่! จงเค่อฉิงจึงได้ยกมือขวาึ้นวดขมับเบา ๆ ะที่กำลังเรียบเรียงคำที่จะพูดต่อไปมา
“ที่ข้าหมายถึงคือ ข้ากังวลว่าควรจะทำตัวเ่ไรดีต่างหาก… ก็ข้าไม่ค่อยจะมีสหาย ยิ่งกับสหายที่เป็นผู้าแล้วด้วย ข้าถึงได้กังวลอย่างไรเล่า!”
นางค่อย ๆ พูดเผยสิ่งที่เก็บงำไว้ในใจึ้มา ะที่ฝ่ามือข้างขวาที่กำลังนวดขมับอยู่ก็ค่อย ๆ กางแผ่ปิดบังสีหน้าเขินอายตนที่้เผยเรื่องในใจมาต่อหน้าตัวต้นเุที่ทำให้นางรู้สึกะสับะส่ายเ่ี้
ฉลาดถึงขั้นอัจฉริยะแต่เุใดเรื่องเ่ี้จึงได้หัวทึบนักนะ!
“อะ อ๋อ.. อือ”
พอได้ฟังสาเุที่นางทำตัวแป ๆ จากปากนางเแล้ว มันก็ทำให้เยากั๋วซ่านได้เ้าใจในทันที ่ที่คำพูดั้จะทำให้เด็กหนุ่มได้ย้อนคิดกลับมาในฟากฝั่งตน จนมันทำให้เขาเก็เิอาการอึ่กอั่กตอนตอบรับึ้มาบ้าง
อืม.. กังวลแต่เรื่องฝึกยุทธ์จนลืมไปเลยว่าตนั้ไม่ได้คุยกับสหายรุ่นราวคราวเีกันมานานเพียงใดพอคิดึ้มาได้มันก็ทำให้เขาเริ่มกังวลึ้มาไม่น้อย
“เอ่อ เ่ั้แล้ว เจ้าหิวหรือไม่?”
ทันทีที่รู้สึกตัวจนเิอาการประหม่าึ้มา เยากั๋วซ่านก็เริ่มยิงคำถามไปแบบไม่คิดราวกับพยายามจะหาทางเปี่ทิศทางบทสนทนา แต่เุใดถึงได้ถามถึงเรื่องอาหารการกินกับสตรีกันเล่า?
โครกกกกกกก…
อ้อ เป็นข้าเที่หิว
“ข้าเก็.. นิด่”
ในทีแรกนางกะจะตอบามจริงไปว่ายังมิได้รู้สึกอยากอาหารแต่อย่างใด เาะนี่ยังไม่ถึงเวลาทานข้าวามปกติที่นางมักจะกิน ทว่า เื่ได้ยินเีงท้องร้องเบา ๆ ัา นางก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นผู้ใด จนทำให้นางยอมเออออห่อหมกามไปด้วยารู้สึกขำ ๆ
“ถ้าเ่ั้ แวะโรงเตี๊ยมกัน่ไหม?”
ทันทีที่ได้ยินแม่นางจงว่ามาแบบั้ เยากั๋วซ่านก็เอ่ยพลางเริ่มาาหันมองไปรอบข้างเพื่อมองหาโรงเตี๊ยมที่ตน้การ พร้อมกับสองเท้าค่อย ๆ เริ่ม้าเดินนำต่อไปจนทำให้เค่อฉิงถึงกับขมวดคิ้วกันเป็นปมต่อคำพูดั้าหนุ่มจนมิได้้าเดินามไปแม้แต่น้อย
“เจ้ามิรีบกลับบ้านไปกินกับครอบครัั้นรึ!?”
พอได้เห็นเยากั๋วซ่านูจริงจังกับการามหาโรงเตี๊ยมึ้มาเ่ั้ ด้วยประสบการณ์ที่ไม่ดีในฐานะญิงามที่มักจะโดนเหล่าบุรุษชักชวนไปร่ำสุราามโรงเตี๊ยมบ่อย ๆ นางจึงได้รีบเอ่ยึ้มาเีงดังอย่างัพลัน เาะากลัวว่าเยากั๋วซ่านเจะเริ่มมีาคิดพิสดารดั่งเ่บุรุษน่าเพชเหล่าั้ที่นางเกลียดเ้าะูกดำแล้วหรือไม่
นางมิอาจเดาทางาผู้ี้ได้เีเ่าไหร่ แต่ะั้ จากที่ได้สัมผัสถึงตัวตนแบบผิวเผิน นางยังคงรู้สึกเชื่อมั่นว่าเขาอาจมิใ่อย่างที่นางคิด ขอให้อย่าเป็นเ่ั้เลยเถอะ…
“...จริงสิ เจ้าคง้กลับไปกินกับครอบครัวสินะ”
ทันทีที่ได้ยินนางกล่าวมาเีเีงดังจนคนรอบข้างเริ่มปรายามอง เยากั๋วซ่านถึงได้สำนึกรู้ว่าตนั้มองข้ามเรื่องสิ่งใดไป จนทำให้สีหน้าที่กำลังงง ๆ ป้ำ ๆ เป๋อ ๆ ที่พยายามคิดว่าจะวางตัวเ่ไรดีต่อหน้าสตรีผู้ี้ ก็ค่อย ๆ พลันเปี่ไปเป็นรอยยิ้มจาง ๆ ที่เผยให้เห็นถึงารู้สึกอันหลากหลายะที่กำลังเอ่ยมาเบา ๆ ราวกับพูดเพียงให้ตนได้ยินเพียงเ่าั้
แต่ารู้สึกที่ฉายภาพเด่นชัดบนดหน้า ผ่านดาอันเป็นหน้าต่างหัวใจ มันคือาเศร้าศร้อยที่ผุดึ้มาเหนือสิ่งอื่นใด
“เ่ั้.. รีบจัดการเรื่องราวให้เสร็จดี่า หรือเจ้าคิดว่าเพียงเ่าี้ก็เพียงพอจะสังเกตุการณ์แล้วหรือไม่?”
เพียงครู่เี แววาแห่งสงบอันเศร้าสร้อยั้ก็ได้เลือนหายไปอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วเยากั๋วซ่านก็กลับมาพูดดั่งเ่ปกติพร้อมกับเผยอยยิ้มบาง ๆ ให้นางได้เห็นอย่างูเรียบง่ายและเป็นสุข แต่เพียงเสี้ยววินาทีั้ ทำให้จงเค่อฉิงได้ฉุดคิดถึงบางสิ่งจนทำให้นัยน์านางเบิกโพล่งมาด้วยาตกใจ
ุสิ่งอย่างพลิกผันหาใ่อย่างที่น่าคิดหรือากลัว มันเลยทำให้นางรีบจ้องมองใบหน้าที่ประดับประดาไปด้วยรอยยิ้มอันแสนเงียบงันเยากั๋วซ่าน จนทำให้สีหน้านางเริ่มผันเปี่จากากังวลมาเป็นาจริงจังเีแทน
“ข้าบอกเจ้าแล้วนี่ว่าอย่างไรข้าก็้เห็นเจ้าถึงบ้านโดยมิมีชางก้วนจุนมาคอยระราน ข้าจักทำามคำมั่นั้”
เธอกล่าวมาอย่างจริงจังพร้อมกับยกมือขวาึ้ทาบอกเสริมมาดมั่นให้แกคำกล่าวคุณหนูแห่งตระกูลจง ทำเอาเยากั๋วซ่านถึงกับแปใจไม่น้อยจน้อ้าปากเหวอมา่ ๆ อย่างผิดมาดอัจฉริยะแห่งหมู่ปราณตำหนิที่มักจะนิ่งเงียบเป็นหมาป่าเีดาย
“ีอย่าง ข้าเก็อยากจะกินข้าวบ้านบ้าง แนะนำโรงเตี๊ยมดี ๆ ที่เจ้ารู้จักมาสิ”
ัจากกล่าวยืนยันว่าจักทำามคำมั่นอย่างแน่วแน่ให้ได้เห็นแล้ว นางก็ลดมือตนลงพร้อมกับเริ่ม้าเดินึ้มานำหน้าาหนุ่ม ่จะเอื้อนเอ่ยีคำปราถนา พร้อมกับหันเบือนใบหน้ากลับมาส่งยกยิ้มที่มุมปากเพื่อยืนยันให้าหนุ่มได้รับรู้ว่านางตอบรับคำชวนแล้ว
“แต่เจ้า ไม่ใ่ว่า..”
“ข้าบอ่าอยากกินข้าวบ้าน ไม่ได้ยินรึ? พาข้าไปโรงเตี๊ยมอร่อย ๆ เดี๋ยวี้เลย!”
ะั้แล้ว สีหน้าแววาที่เขาได้เห็นนางแสดงมา่หน้ามันย่อมทำให้เิาสับสนปนหวั่นใจว่าควรจะตอบรับกับคำตอบั้เ่ไรจนทำให้พูดสิ่งใดไม่ แต่จงเค่อฉิงก็ทำใหุ้อย่างชัดเจนด้วยการยืนยันพร้อมกดเีงแข็งราวคำสั่ง แม้ใบหน้าจะยังยกยิ้มดั่งพูดทีเล่นทีจริง
“...รับทราบขอรับ คุณหนู”
พอได้เห็นทีท่าเ่ั้จนมั่นใจได้แล้วว่านางตัดสินใจอย่างแน่วแน่ไร้ซึ่งอารมณ์ขุ่นเคืองใจเหมือนที่พูดขัดเรื่องทานข้าว่หน้าี้ เยากั๋วซ่านก็พยักหน้ารับ่จะเอ่ยแซวน้อย ๆ พร้อมกับ้าเดินึ้ไปข้างหน้าเพื่อนำพานางสู่โรงเตี๊ยมเจ้าประจำที่ตนมักไปฝากท้องอยู่เป็นประจำ
“...”
โดยมีจงเค่อฉิง้าเดินามัพร้อมกับสีหน้าระรื่นก็ค่อย ๆ จางลงไปเื่ย้อนคิดไปถึงใบหน้าอันเจ็บปวดคนที่เดินอยู่ข้างหน้าตนในเวลาี้ ไม่จำเป็น้พูดบอกกล่าวก็รู้ได้ทันที จากอารมณ์ารู้สึก จากบริบทเรื่องราว
การที่เขามิได้คิดถึงการทานข้าวที่บ้าน นั่นเป็นเาะที่บ้านไม่มีใครให้ทานด้วย… มันก็เ่าั้
“อาหารที่โรงเตี๊ยมในตลาดเ.. ก็ไม่เลวเ่กันนะ”!
“ดีใจที่เจ้าชอบนะ”
ัเสร็จิ้มื้ออาหารจนท้องฟ้าฉาบแแสดไดู้กลบด้วยฟ้าทมิฬหลากดาราแล้ว ผู้คนในตลาดสดก็เริ่มหร่อยหรอลงพร้อมกับร้านค้าบางส่วนก็เริ่มเก็บแผงไปแล้วไม่ต่างกัน ทำให้คนสองผู้ี้เดินเคียงคู่กันอย่างสบายใจเฉิบะเอ่ยถึงเรื่องรสมืออาหารโรงเตี๊ยมเจ้าประจำที่เยากั๋วซ่านพาไป
“เห็นทีคง้มาีแล้วสิ”
ูท่าคุณหนูตระกูลจงคงจะประทับใจอาหารโรงเตี๊ยมแห่งสามัญชนอยู่ไม่น้อยจนเอ่ยมาด้วยรอยยิ้มเ่ั้ แม้ปกติจะทานอาหารเหลาที่เหล่าพ่อครัวในตำหนักจัดเตรียมไว้ให้เป็นประจำ ะั้ถึงรสชาติจะยเยี่ยมไร้ที่ติ แต่ผู้คนรายรอบโต๊ะกลับทำให้รสชาติอันหอนหวานแปรเป็นเย็นชืดสุดแสนน่าเบื่อหน่าย
“นี่ ๆ เดี๋ยวข้าก็โดนจับข้อหาพาคุณหนูตระกูลจงเที่ยวเตร่เอาหรอก”
กลับกัน ในยามที่ได้มองใบหน้าขบขันที่กำลังยิ้มตอบเธอัจากเล่นมุขตลกเรื่อยเปื่อยไปเยากั๋วซ่าน ก็ทำให้นางได้นึกถึงอาหารเ่ติ่มซำ ัเ้าู และซุปเต้าหู้พร้อมข้าวสวยร้อน ๆ ที่เพิ่งทานไปซึ่งไม่ได้เลิศเลอเทียบเ่าอาหารเหลาแม้แต่นิด
แต่าสุขใจยามที่ได้ทานโดยมิ้ใส่ใจาาและคำพูดครอบครัว มันทำให้อาหารเหล่าี้อร่อยึ้เป็นกอง จนทำเอานางแทบอยากจรลีมานั่งทานอาหารบ้านให้ได้เีแทบุวันนับจากี้ ซึ่งหากอยากทำให้ได้เ่ั้ นางจัก้เ้าสำนักฝึกยุทธ์ต่างเมืองให้จงได้
แม้ไม่อาจหลบหนีพ้นจากกรงทอง แต่อย่างน้อยก็ยังมีหนทางลัดเลาะให้ไปพักใจได้บ้าง แม้เป็นเวลาเพียงน้อยนิดแค่ไม่กี่ปียามเล่าเรียนก็ามที
“ฮะ ๆ ่าเะ ข้าก็แค่พูดเล่นไปเรื่อยเ่าั้”
ตราบใดที่ยังอยู่ในชินเจี่ยโป เมืองที่ตระกูลจงครองคลังสมบัติประจำเมืองเอาไว้ มิว่านางจะย่างกรายไปที่ใด บิดามารดาย่อมรับทราบไปถึงหูเป็นแน่ ไม่ช้าก็เ็ ทำให้นางเอ่ยตอบคำหยอกเย้าขอเยากั๋วซ่านไปเ่ั้ ะที่ใบหน้าก็เจือหม่นลงมาอย่างเห็นได้ชัด
“...เ่ั้แล้ว รีบจัดการให้จบเรื่องจบราวเถิด”
ัได้ร่วมมื้อค่ำจนก่อเิการละลายพฤติกรรมต่อกัน ทำให้คนั้สองผู้เริ่มพูดกันอย่างเป็นกันเได้มากึ้ และมันทำให้เยากั๋วซ่านเริ่มใส่ใจต่อการแสดงทางารู้สึกจงเค่อฉิงึ้มาบ้างเ่กัน ที่นางพูดเ่ั้คงเป็นเาะเรื่องครอบครัั้นสินะ?
หากเป็นยามปกติเขาคงมิเอ่ยตอบสิ่งใดไป คงทำเพียงแต่เดินอย่างเงียบเชียบต่อไป แต่คราี้เขาตอบกลับนางไปเ่ั้พร้อมกับค่อย ๆ ้าย่ำฝีเท้าให้เ็ึ้เพื่อทำเป้าหมายที่ตั้งใจกันมาตั้งแต่แรกให้ลุล่
“นั่นสิ รีบไปกันเถอะ”
ทางฝั่งจงเค่อฉิงเ เื่ได้ยินเยากั๋วซ่านพูดึ้พร้อมกับเร่งฝึเท้าึ้นำ มันก็ทำให้นางพยักหน้ารับน้อย ๆ พร้อมกับตั้งสติให้มั่น ขืนปล่อยเวลาล่ผ่านยาวนานเิ่าี้ ถึงจะใช้ข้ออ้างอย่างการไปเที่ยวกับหมิงหมิงก็าม แต่คงไม่จบที่แค่โดนดุด่าเป็นแน่
สองฝีเท้าเริ่ม้าย่างผ่านอาณาเขตตลาดสดที่เริ่มซบเซา เ้าสู่เขตที่พักอาศัยอันเรียงรายไปด้วยบ้านไม้ขนาดย่อมที่สุมเรียงกันเป็นทิวแถวราวสลัมก็มิปาน ทำเอาจงเค่อฉิงถึงกับคิ้วขมวดึ้มาโดยมิทันรู้ตัวจากาเปี่แปลงัพลันที่คุณหนูเ่เธอมักไม่ค่อยได้สัมผัส
ั้ภาพและกลิ่นสัมผัสเป็นสิ่งที่นางมิคุ้นเคยเอาเีเลยจนทำเอาคิดมิได้ว่ามีผู้คนอาศัยอยู่ในพื้นที่เหมือนดั่งสุสานเหล่าี้จริง ๆ หรือ? ะั้นางก็ยังมีมารยาทพอที่จะไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใดไป ปล่อยให้เยากั๋วซ่านวิ่ง้านำทางต่อไปอย่างไม่ลดละ
“...เริ่มย่ำค่ำแล้วสิ เสร็จเรื่องราวแล้วข้าจักพาเจ้าไปส่งนะ”
ทางด้านเด็กหนุ่ม ะที่กำลัง้าเดินผ่านย่านเขตชุมชนอันแสนคุ้นเคย เพียงีแค่ไม่กี่หัวมุมถนนก็จะถึงที่พำนักตนแล้ว พลันาาที่เริ่มเลื่อนมองไปยังฟากฟ้าที่ฉายดาราทั่วเต็มแผ่น พร้อมกับแม่ฟ้านวลไสวในย่ำราตรี ทำให้เยากั๋วซ่านคิดเป็นห่เค่อฉิงึ้มาหากปล่อยให้นาง้กลับเีดาย จึงได้เอ่ยบอกนางไปเ่ั้
แม้ใจจริงจะอยากจะบอกกล่าวให้นางรีบกลับบ้านช่องไป่จะมืดค่ำดึกดื่น่าี้ แตู่จากาหัวรั้นหนักแน่นที่นางพูดกับปากมา ต่อให้ไล่ก็คงมิยอมกลับไปโดยง่าย เยากั๋วซ่านจึงเลือกใช้วิธีี้ในการแก้ปัญหาเี
“ไม่จำเป็นหรอก ข้าูแลตนเได้”
แตู่เหมือนว่าเขาจะลืมคิดถึงาจริงอยู่ข้อึ่ ตรงที่จงเค่อฉิงั้เป็นผู้ฝึกยุทธในระดับขั้นฝึกจิต มีลมปราณมากมายเหลือคณานับยิ่ง่าผู้มีปราณตำหนิจนใกล้เคียงกับคนธรรมดาเ่เขา ทำให้นางเอ่ยตอบกลับพร้อมส่ายหน้าปฏิเสธต่อาหวังดีาหนุ่ม
“แต่ว่าข้าอยาก..”
แม้จะรู้ว่าสตรีผู้ี้เก่งกาจ่าบุรุษหลายผู้หลายคนในเมืองเ็ ๆ แห่งีู้่าโ แต่ในฐานะบุรุษแล้ว การปล่อยให้สตรีหาหนทางกลับสู่ตำหนักด้วยตนเในยามวิกาล ช่างเป็นการะทำที่เิ่าจะรับได้ เยากั๋วซ่านทีู่สั่งสอนมาเ่ั้จึงได้พยายามเอ่ยขัดนาง
“มิจำเป็นหรอก ในเมืองแห่งี้จะมีใครกล้าทำอะไรข้าอย่างั้รึ?”
ทว่า นางก็สวนกลับมาด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าตระกูลนางั้ยิ่งใหญ่คับฟ้าแห่งชินเจี่ยโป เิ่าผู้ใดจะอาจเอื้อม จนทำให้เยากั๋วซ่านยอมสงบปากสงบคำลงได้บ้างเพียงนิดแม้จะยังรู้สึ่ามันมิูมิควรก็าม
ทว่า ตอนั้เที่ั้สองได้้าเดินมาถึงปากซอยแห่งึ่ที่ทำให้เยากั๋วซ่านหยุดคิดเรื่องุสิ่งอย่างพร้อมกับสองเท้าที่หยุด้าเดิน จนทำให้จงเค่อฉิงจำ้หยุดเดินามพร้อมมองไปยังใบหน้าเยากั๋วซ่านด้วยาสงสัย
“ตรอกี้..”
“พวกท่าน ทำอะไรกันอยู่รึ?”
ะที่เค่อฉิงพยายามจะเอ่ยถามว่าตรอกซอยอันแออัดแห่งี้คือที่อยู่เยากั๋วซ่านใ่หรือไม่ ไม่ทันจะเอ่ยได้จบประโยค เยากั๋วซ่านกลับรีบพุ่งฝีเท้าตรงเ้าซอยไปพร้อมเอ่ยกับเหล่าาวัยาคนที่ยืนประจำการถืออาวุธแมกไม้กันเต็มมือราวกับพร้อมจะไปรบกับสิ่งใดก็มิอาจทราบ
นั่นทำเอาจงเค่อฉิงถึงกับฉงนใจไม่น้อยว่าเิสิ่งใดึ้จน้รีบ้าเดินามเยากั๋วซ่านไปไขคำตอบที่สงสัยในจิตใจั้คู่
“อ้าว ไอ้หนู! มาได้จังหวะพี มา ๆ มีเรื่องอยากรบกวนพวกฝึกยุทธ์อยู่พี”
“ให้ข้าช่วยอะไรรึ?”
น้ำเีงที่ฟังูเป็นกันเ ไปจนถึงคำพูดที่ฟังูสบาย ๆ บ่งบอกถึงาสัมพันธ์ระหว่างเยากั๋วซ่านและกลุ่มาวัยาคนเหล่าั้ว่า้พอจะรู้จักมักจี่กันอยู่บ้าง ถึงจะคุ้นเคยกันพอที่จะขอาช่วยเหลือในทันทีที่ได้เห็นหน้ากัน ซึ่งเยากั๋วซ่านก็ตอบรับอย่างรวดเ็พร้อมกับทำหน้าฉงนสงสัยไม่ต่างจากจงเค่อฉิงเีเ่าไหร่เหมือนกัน
“ยามี้ที่ตรอกซอยเรา จู่ ๆ ก็มีนกแส–”
“มันกลับมาีแล้ว!”
“รีบตีมันเ็เ้า!”
ยังไม่ทันที่จะได้ฟังคำอธิบายจากหนุ่มใหญ่วัยาคนตรงหน้า คนที่เหลือในบริเวณั้ก็กลับตะโกนร้องึ้มาเีดังสนั่น จนทำให้คนุผู้หันไปมองามทิศทางที่ปลายนิ้วมือัชี้ไป เีงร้องเรียกให้สนใจปนกับเีงคำสั่งให้ฟาดตีใส่ ูส่งไปยังสัตว์ขนสีเทาตัวจ้อย ที่กำลังโบยบินท่ามาท้องฟ้ายามราตรีในระนาบเีขอบัคาบ้านอย่างูทุลักทุเล
เพียงั่พริบาเีเ่าั้ ผู้ที่ใกล้ชิดกับมันมา่อย่างเยากั๋วซ่านก็จำได้ในทันที มันคือนกฮูกน้อยขนเทาที่เขาให้หมั่นโถวมันไปเื่วานี้นั่นเ
“ฆ่ามัน!! ปกป้องลูกเมียพวกเจ้าเี!!”
“โอ้วววววววววววว!!!”
ะเีกันที่เยากั๋วซ่านกำลังตกตะลึงกับภาพตรงหน้า เหล่าาวัยาคน่าสิบชีวิตก็เฮโลถือไม้ ื ถือเีมึ้ะชับมือกันอย่างแนบแน่น พร้อมคำพูดปลุกใจเรียกขวัญราวกับประกาศิตพร้อมรบในสงคราม แต่ยามี้พวกเขาแค่กำลังพยายามจะไล่ฟาดนกฮูกตัวน้อยที่กำลังบินไปเกาะอยู่บนัคาบ้านัึ่เ่าั้
และอาการัก็ูอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด ซ้ำ้า แม้จะมืดมิดอับแ แต่เพียงแจากคบเพลิงหน้าบ้านก็มากพอที่จะทำให้เด็กหนุ่มได้เห็นรอยฟกช้ำปูดโนนทั่วตัวนกฮูกน้อยราวกับมันูทำ้ามานานับประการจากกลุ่มคนตรงหน้าเหล่าี้
“อย่า–!!”
นั่นเลยทำให้เยากั๋วซ่านตะเบ็งเีงแผดลั่นเพื่อร้องห้ามกลุ่มคนเหล่าั้ ทว่ามันไม่ทันการเอาเีแล้ว
พรึ่บ!
ะทั่งจงเค่อฉิงเที่ได้เห็นภาพั้ แม้จะไหลเวียนลมปราณลงสู่เท้าั้สองจนเปิดผนึกวิชา้าย่างแห่งาลมแล้วก็าม แต่นางก็มิอาจพุ่งตัวตนไปได้ทันท่ที
เุใดั้สองจึงได้มีท่าทีเปี่แปลงอย่างัพลันเ่ั้? นั่นเป็นเาะ…
ฉึบ!
“กรู๊ก!!”
ะที่นกฮูกน้อยกำลังเกาะติดอยู่บนัคาด้วยแง่งขาน้อย ๆ ั คมส้อมกรุยหญ้าขนาดใหญ่ทีู่เขวี้ยงมาโดยึ่ในหมู่าวัยาคนเหล่าั้ ก็ได้พุ่งเฉี่ยวเ้าที่ปีกขวานกฮูกน้อยจนโลหิตสีแดงคล้ำไหลทะลักมาเป็นา พร้อมกับเีงร้องโหยหวนนกฮูกตัวจ้อยที่ค่อย ๆ เีสมดุลจนร่หล่นจากัคา
“สำเร็จ!!”
“เสร็จละไอ้นกแสก!!”
ฟึ่บ!
ท่ามาเีงโห่ร้องดีใจเหล่าชาวบ้านที่คิดว่าตนกำจัดนกแสกแห่งอาถรรพ์ได้สำเร็จ ร่างเจ้าญิหิมะแห่งตระกูลจงก็ได้พุ่งึ้สู่ฟากฟ้าด้วยาเ็พร้อมกับเ้าโอบร่างนกฮูกน้อยอย่างมินึกรังเกียจในาโลหิตที่หลั่งไหลจนเปรอะชุดสำนักตน
“นังหนู ฆ่ามันเลย!”
“เยี่ยมเลยนังหนู อย่าให้มันได้ผุดได้เิี!”
“คืนี้ลูกเมียข้าก็จะได้นอนหลับอย่างสบายเีที!”
ทันทีที่ได้เห็นจงเค่อฉิงพุ่งตัวเ้าไปรับนกแสกเ้าสู่อ้อมแขน เหล่าชาวบ้านก็คิดว่าสองศิษย์แห่งสำนักหินผาที่ผ่านทางมาคงตอบรับคำขอพวกตน จึงส่งเีเชียร์กันจ้าละหวั่นให้นางปลิดชีพนกแสกตัว้าให้ดับดิ้นคามือไปเี
ทว่า ตอนั้เ
“ทำบ้าอะไรกันอยู่น่ะพวกท่าน!! เจ้านกนี่หาใ่นกแสก แต่เป็นนกฮูกต่างหากเล่า!!!!”
เีงตะโกนดังลั่นสนั่นึ้มาจากทางด้านัมวลประชา เป็นเยากั๋วซ่านที่กำลังโกรธจนหน้าดำคร่ำเครียดนั่นเที่ตะเบ็งเีงด่าคนผู้สูงวัย่าจนเหมือนโดนเด็กน้อยถอนหงอก พลางเท้าั้สองก็รีบ้าอย่างัไวตรงไปหาจงเค่อฉิงที่อุ้มนกฮูกน้อยเอาไว้อยู่
“..เลืไหลไม่หยุดเลย ทำอย่างไรดี?”
แม้จงเค่อฉิงจักไม่มันใจนั่านกที่ตนอุ้มอยู่ในอ้อมอกที่กำลังหลั่งเลืจนอ่อนแรงพร้อมนัยาที่เริ่มพร่ามัวลงุะ มันคือนกแสกหรือนกฮูกอย่างที่เยากั๋วซ่านกล่าวอ้างกันแน่ แต่ที่นางรู้คือทันทีที่ได้เห็นบาดแผลฟกช้ำทั่วร่างกาย พร้อมกับเหล่าชาวบ้านที่ถือไม้ไล่ทำ้า นางก็มิอยากจะเห็นมันเจ็บปวดไปมาก่าี้แล้ว แต่สุดท้ายนางก็มิอาจจะหยุดยั้งได้ทันจนมันหลั่งเลืไม่หยุดจนถึงยามี้
“..เวรเอ้ย!”
สีหน้าเยากั๋วซ่านตึงเครียดึ้มาในบัดดลเื่ได้เห็นการหลั่งเลืที่แทบจะเปรอะชุดจงเค่อฉิงจนแทบจะชุ่มไปด้วยโลหิต หากมิใ่ว่าชุดสำนักเป็นสีดำยากที่จะเปื้อนสี ั้ด้านหน้าเสื้อนางคงจะฉาบไปด้วยสีโลหิตไปแล้ว
พ
ชินเจี่ยโปแห่งี้เขาเิและเติบมาตั้งแต่ยังเยาว์ รู้ซึ้งดีถึงาัเขาเมืองเ็แห่งี้เป็นอย่างดีว่าตำหนักยา ร้านสมุนไพร ไปจนถึงโรงหมอ ต่างก็เสร็จิ้เวลาทำงานตั้งแต่ตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว ไม่สิ เดิมทีกับสัตว์ชั้นต่ำตัวจ้อยพรรค์ี้ ต่อให้พาไปถึงในยามเปิดทำการ ยังมิรู้เลยด้วยซ้ำว่าพวกมันจะยอมเีเวลารักษาให้หรือเปล่า
หรือจะไปพึ่งพาอาจารย์หมังเย่? ไม่ ตำหนักท่านอาจารย์อยู่ไกลไปยิ่ง่าตัวสำนักหินผาเีี ต่อให้เป็นจงเค่อฉิงที่ใช้้าย่างแห่งาลมนำไป ก็ยังมิแน่ใจว่าจะไปถึงทัน หรือยังมิแน่ด้วยซ้ำว่าท่านอาจารย์จักมีหนทางช่วยเหลือจริง ๆ หรือไม่
“...ไปที่บ้านข้า”
“ขะ เ้าใจแล้ว เจ้ารีบนำไปเลย!”
ข้อสรุปสุดท้ายจึงมีแต่้จัดการุอย่างด้วยฝีมือตน เยากั๋วซ่านจึงหลับาลงึ่ครั้งเพื่อทำสมาธิดึงสติไว้ให้มั่น ่จะบอกกล่าวกับจงเค่อฉิงอย่างหนักแน่น ซึ่งนางที่กำลังะวนะวายก็รีบขานรับพร้อมเอ่ยให้เยากั๋วซ่านึ้นำในทันที
ฟึ่บ!
“อะ ไอ้พวกเด็กเวร!! จะทำอะไรกันวะ!?”
“ละ แล้วพวกเจ้าจะ้สำนึก!”
“เจ้ากล้าพามันกลับไป เจ้ามิรู้หรือไรว่าพวกสัตว์ปีกหน้าขนจักเป็นเพศภัยให้คนที่บ้านเจ้าถึงฆาตน่ะ!”
ะที่สองเด็กหนุ่มสาวกำลังวิ่งตีฝ่าไปจากตรอกซอยี้ เีงไล่ัชาวบ้านผู้สับสนกับสิ่งที่เิ ก็มีั้ผู้ที่โกรธาตะโกนไล่ัอย่างเหลือ มีั้ผู้ที่คิดเป็นห่เอ่ยเตือนึ้มาเียาวเหยียด
“..มันไม่ใ่นกแสกเี่ แล้วีอย่าง ข้าก็ไม่มีใครจะให้เีีแล้ว”
โดยที่มิรู้เลยว่า คำกล่าวเตือนั้ะทบเ้ากับจิตใจผู้ฟังอย่างเยากั๋วซ่าน จนเด็กหนุ่มถึงกับบ่นอุบึ้มาเบา ๆ กับตนเด้วยน้ำเีงหงุดหงิดเหลือทน ่ที่ในตอนท้ายมันจะหม่นลงอย่างเศร้าหมอง…
เป็นอย่างที่ข้าคิดเลย… จงเค่อฉิงคิดึ้ะที่วิ่งามัและได้ยินคำพูดเหล่าั้จนหมดิ้
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??