เรื่อง ฟื้นชะตานายหญิงตาบอด
…
เงาร่างสีดำผุดเข้าผุดออกตามเงาไม้ ะั่รอยเท้าก็ไม่มีเหลือ พื้นที่โดยรอบราวกับไม่เคยมีผู้ใดเคยเดินผ่านา
อย่างไรก็ดีสาารถมองเห็นเงาร่างสีดำได้อย่างชัดเจน ‘นาง’ เดินทางไปเบื้องหน้าอย่างระมัดระวัง เพราะความรู้สึกบอกอย่างนั้น
อ้ายเชียนเริ่มชินกับความสาารถ ‘หาวาสนา’ ของตนเองเสียแล้ว นั่นคือนางต้องทำตามความรู้สึก ทำตามสัญชาตญาณ
อย่างคราวก่อน นางได้ตกลงไปใน้ำสัตว์อสูรบรรพกาลตนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้สัตว์ตนนั้นกลายเป็นโครงกระดูกไปแล้ว นั่นทำให้ได้รับสมบัติของมันาาก
เหมือนสัตว์ตนนั้นจะชื่นชอบเงินทอง และเครื่องประดับวิบวับเอาาก จึงมีหีบบรรจุของเหล่านั้นอยู่เต็ม้ำของมัน
ี่เป็นเพราะความสาารถในการหาโชควาสนาแท้ๆ จึงทำให้นางสาารถปล้นสุสานผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย
หลังจากออกจาก้ำา อ้ายเชียนก็ยังไม่พบกับเมืองแม้แต่น้อย ทำให้นางสาารถคาดเดาได้ว่าตนเองน่าจะอยู่แถบชายแดน
ป่าตามแถบชายแดนระหว่างแคว้น ปกติมักจะมีสัตว์อสูร และภัยอันตรายากาย เมื่อออกจากเมืองหน้าด่านของแคว้นาแล้ว เป็นไปได้ยากที่จะเจอเมืองอื่นๆ จนกว่าจะเจอกับเมืองหน้าด่านของแคว้นต่อไป
ดูจากทิศทางที่นางกำลังมุ่งไป คาดว่าน่าจะใกล้ถึงแคว้นจูเต็มที
ไฟสงครามยังไม่สงบ ดังนั้นมีบางครั้งที่อ้ายเชียนเห็นกองทัพตั้งฐานอยู่ในป่าเพื่อเตรียมรับมือข้าศึก จึงไม่แปลกหากนางตั้งใจกลบเกลื่อนร่องรอยตนเอง
แต่ยิ่งระยะห่างของกองทหารลาดตระเวนทิ้งห่างากเท่าไหร่ อ้ายเชียนก็ยิ่งมั่นใจว่าตนเองได้เข้าใกล้แคว้นหูากขึ้นเท่านั้น
ยังมีความแตกต่างอย่างากระหว่างสองแคว้นนี้ ดูเหมือนแคว้นจูจะไม่ได้ใส่ใจกับการรบกับแคว้นอวิ๋นเท่าไหร่นัก เพราะหลังจากข้ามเขตแดนาแล้ว อ้ายเชียนแทบไม่เห็นทหารของแคว้นจูเลย
เด็กหญิงไม่ได้สนใจนัก ยามเมื่อนางต้องพักผ่อนก็เข้าไปนอนในโลกใบเล็ก ยามเช้านางก็ออกเดินทางโดยกลบเกลื่อนร่องลอย
ผ่านไปราวหนึ่งสัปดาห์หลังเดินทางออกจากสำนัก...หรือจะกล่าวว่าสุสานของคนในสำนัก อ้ายเชียนก็พบเข้ากับ้ำแห่งหนึ่ง
เด็กหญิงยืนลังเลอยู่หน้า้ำ สายตามองตัว้ำอย่างไม่มั่นใจ เพราะความรู้สึกบอกนางให้เข้าไปในนั้น แต่ก็เกรงว่าภัยอันตรายจะหนักหนาเกินกว่าจะรับได้
แต่สำหรับผู้สำเร็จวรยุทธ์ระดับ9 ขั้นสูงสุดบนแผ่นดินนี้จะมีอะไรให้ต้องกลัวกัน! หากมิใช่สัตว์อสูรบรรพกาลตัวเป็นๆ หรือการทดสอบโดยเงื่อนไขบ้าๆ นางไม่มีวันเพลี่ยงพล้ำเป็นแน่
เมื่ออ้ายเชียนมองเข้าไปใน้ำ อยู่ๆนางก็เกิดนิมิตเข้าาในหัว เป็นภาพอนาคตของคนบางคน...ที่สำคัญ คนบางคนนั้นยังยิ่งใหญ่อย่างาก
กลับกัน..มีอีกภาพหนึ่งซ้อนทับเข้าา เป็นภาพที่คนบางคนกลับตกต่ำอย่างถึงที่สุด
ี่เป็นครั้งแรกที่นางมองเห็นนิมิตเป็นเรื่องราวชีวิตของผู้คน เด็กหญิงมอง้ำอย่างประเมิน ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไป เพราะำๆหนึ่งที่ผุดขึ้นากลางใจนาง
‘กองกำลัง’ ี่คือำที่ผุดขึ้นาหลังจากนางมองเห็นนิมิต อ้ายเชียนสาารถคาดการณ์ได้อย่างรวดเร็วว่าพลังของนางกำลังบอกว่ามีสิ่งใดรออยู่
หากเป็นเช่นในนิมิตจริงๆ หากพวกเขายอมร่วมมือกับนาง ไม่แน่ว่าอ้ายเชียนอาจมีกองกำลังที่แข็งแกร่งในอนาคต
เด็กสาวเดินเข้า้ำโดยไม่รู้เลยว่าอะไรรอตนเองอยู่
ตึก ตึก ตึก ขณะที่นางก้าวเข้าไปใน้ำ เีคนคุยกันก็ดังสวนาเข้าหู
“เจ้าจะออกไปดีดี หรือจะให้ข้าตีเจ้าจนสลบแล้วลากศพเจ้าออกไปทิ้ง” เีขู่ำรามดังขึ้น
“เจ้าบังอาจาแย่งถิ่นทำกินของข้าแล้ว ยามหนีภัยร้ายายังาแย่ง้ำของข้าอีกหรือ เจ้ามันคนเนรคุณ” คราวนี้เป็นเีใสแจ๋วของเด็กผู้หญิงเห็นจะได้
อ้ายเชียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนนางจะเข้า้ำลูกเสือสองตัวที่อยู่ด้วยกันไม่ได้เสียแล้ว
เมื่อสายตาปรับชินกับความมืด บวกกับสายตาที่ดีกว่าคนปกติเพราะสัมผัสรับรู้ทางอื่นของนาง ทำให้สาารถมองเห็นสองคนที่กำลังทะเลาะกันอยู่ได้ โดยที่พวกเขายังไม่ทันรู้ตัวว่ามีแขกที่ไม่ได้รับเชิญาถึงแล้ว
เด็กสองคนนั้นมีรูปร่างผอมกะหร่อง เนื้อหนังติดกระดูกราวกับผีตายซาก หากแต่แววตาวาววับไม่ยอมแพ้เหาะให้ผู้คนสรรเสริญยิ่ง
นอกจากนี้ทั้งสองล้วนแต่สวมใส่เสื้อผ้าป่านตัวใหญ่ขาดรุ่ย สองเท้าล้วนว่างเปล่าไม่มีะั่รองเท้าเชือกถัก ร่างกายหยาบกร้านบ่งบอกว่าชีวิตที่ผ่านาของพวกเขาไม่ได้ง่ายนัก
“อย่าบังอาจทวงบุญคุณข้า ข้าชดใช้ด้วยการช่วยชีวิตเจ้าออกาจากกรงค้าทาสแล้ว หากไม่แล้วป่านนี้เจ้าคงกลายเป็นสาวใช้อยู่ที่จวนใดจวนหนึ่งเป็นแน่” เีเด็กชายดูเหมือนข่มขู่มีอำนาจกว่า
“เหอะ ถึงอย่างไรข้าก็ช่วยเหลือเจ้าตั้งหลายครั้ง คนเนรคุณเจ้ายังบังอาจาไล่ข้าออกจาก้ำ”
“ข้าไม่ต้องการอยู่กับเจ้า ไม่แน่ตอนข้าหลับเจ้าอาจฉวยโอกาสเข้าาปีนเตียงข้า” เีเด็กชายคล้ายไม่พอใจอย่างาก
“เจ้า...เจ้า...สภาพเยี่ยงเจ้า ข้าไปเอาหาข้างถนนยังดีกว่าซะอีก”
เมื่ออ้ายเชียนได้ยินำพูดตรงๆของเด็กหญิง นางก็หลุดขำออกาไม่ได้ ทำให้เด็กทั้งสองยกมีดเล็กๆและก้อนหินที่พวกเขากำลังขู่กัน หันาทางนางแทน
“ใคร! ออกาเดี๋ยวนี้”
“เจ้าเป็นใคร อย่าเข้าานะไม่งั้นข้าแทง”
กลายเป็นว่าเด็กสองคนนี้ เมื่อเจอคนนอกกลับช่วยเหลือกันดียิ่ง แม้เมื่อครู่จะยังทะเลาะกันเรื่องแย่ง้ำอยู่เลย อ้ายชินอดรู้สึกชื่นชมไม่ได้
“พวกเจ้าตามสบายเลย ข้าเพียงผ่านาเท่านั้น” อ้ายเชียนทำเป็นไม่ใส่ใจเด็กทั้งสอง ความจริงพวกเขาก็อายุเท่าๆกับนางในตอนนี้
เด็กหญิงไม่พูดเปล่า ยังเดินไปยืนพิงผนัง้ำเหมือนไม่ได้ใส่ใจเด็กทั้งสองจริงๆ นั่นทำให้ขอทานน้อยทั้งสองแปลกใจยิ่งขึ้น พวกเขามองหน้ากัน และตกลงใจได้ว่าจะจัดการผู้าใหม่ก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที
“ที่ี่เป็นของพวกข้า เจ้าผู้าใหม่ออกไปซะ” เมื่อมองเห็นรูปร่างหน้าตาของผู้าใหม่แล้ว เด็กชายใน้ำก็ไม่ได้เกรงใจหรือหวาดกลัวอะไร เขาเพียงแปลกใจที่เห็นเด็กๆเช่นพวกเขาาอยู่ในป่าแห่งนี้
“ใช่แล้ว หากเจ้าไม่ออกไปอย่าหาว่าข้าโหดร้ายไร้เมตตา” เด็กหญิงขู่ได้โหดร้ายกว่าาก
“เอาเลยๆ พวกเจ้าเชิญสนทนากันต่อ ข้าเพียงผ่านาขอนั่งพักหน้า้ำหลบฝนเท่านั้น” ว่าแล้วนางก็มองออกไปนอก้ำ เห็นฝนกำลังตกลงาจริงๆดังว่า
“ใครอนุญาตเจ้า!” เด็กชายขู่เีเข้ม เขาเดินออกาจาก้ำด้วยท่าทางคุกคาม แต่กลับต้องถอยร่นกลับเข้า้ำอย่างรวดเร็วเพราะใบหน้าของอ้ายเชียนที่หันกลับไปมอง
“ขี้ขลาด!” เด็กหญิงสบถใส่เด็กชาย ก่อนจะเดินออกาพร้อมกล่าว “ี่ เจ้าแต่งตัวก็ดูดี คงไม่คิดจะรังแกเด็กยากจนอย่างพวกข้ากระมัง” แม้นางจะด่าเด็กชายว่าขี้ขลาด ตนเองก็เริ่มรับรู้แล้วว่าคนตรงหน้าไม่ธรรมดา แม้จะดูอายุใกล้เคียงกับพวกนางก็เถอะ
“คนตาบอดเช่นข้า จะทำอะไรพวกเจ้าได้” อ้ายเชียนยิ้มเยาะ เพราะฝนตกหนักทำให้แสงน้อยลง หญิงสาวจึงหักแท่งจุดไฟ หยิบคบเพลิงที่คาดหลังไว้ขึ้นา
เมื่อคบเพลิงถูกจุด เด็กทั้งสองใน้ำก็สาารถเห็นผู้าเยือนได้อย่างชัดเจน นางสวมใส่ชุดสีดำขนาดพอดีตัวทะมัดทะแมงดั่งเหล่านักฆ่า ใบหน้างดงามกว่าครึ่งถูกปกปิดไว้โดยผ้าพันดวงตาสีขาว บ่งบอกว่านางสูญเสียการมองเห็นจริงๆ
“เป็นไปไม่ได้ หากท่านตาบอดจริงเหตุใดจึงรอดจากป่าแห่งนั้นาได้” เด็กชายเอ่ยถามอย่างเคารพ เขาเองก็รู้สึกว่าคนผู้นี้ไม่ธรรมดา อย่างน้อยในชีวิตนี้ก็ไม่เคยพบเจอใครแข็งแกร่งเท่าคนตรงหน้า...อย่าว่าแต่เด็กอายุเท่าๆกันเลย ะั่เหล่าปีศาจเฒ่าก็ไม่แน่ว่าจะแข็งแกร่งเท่าคนตรงหน้า
“แม้ข้าจะตาบอด แต่ก็สาารถมองเห็นได้ด้วยพลังยุทธ์” อ้ายเชียนอธิบายง่ายๆ ไม่ได้พูดถึงเรื่องสัมผัสทั้งห้า เพราะอย่างไรคนทั่วไปก็คงไม่มีใครสนใจกะอีแค่คนตาบอด ให้พวกเขาคิดกันต่อเองเถอะ ว่าพลังยุทธ์ช่วยให้นางเดินได้อย่างคนปกติยังไง
“...” เด็กทั้งสองมองหน้ากันเงียบๆ พวกเขาตัดสินใจว่าจะไม่ทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์มีน้ำโห ดูจากท่าทางแล้วนางก็ไม่ได้ร้ายกาจ ไม่เช่นนั้นคงไม่รอให้พวกเขาต่อล้อต่อเถียงกันอยู่นานสองนาน
เด็กทั้งสองยอมลงให้แล้ว แต่ก็ยังคงถืออาวุธในมือตนเองแน่นและหลบเข้าไปใน้ำลึกๆ โชคร้ายที่้ำแห่งนี้ไม่ได้ลึกขนาดนั้น
ทันใดนั้นนอก้ำซึ่งมีฝนตก-่าใหญ่ก็ปรากฎร่างของคนกลุ่มหนึ่งอย่างฉับพลัน
อ้ายเชียนดับคบเพลิงอย่างรวดเร็ว ดวงตาหรี่เล็กลงหลายส่วน เด็กๆด้านในเมื่อเห็นว่านางดับคบเพลิงพวกเขาก็ทำเพียงระวังตัวากขึ้น เนื่องจากไม่สาารถรับรู้ถึงผู้าใหม่ด้านนอก้ำได้
“ชู่ว” เีแผ่วเบาดังข้างหูเด็กทั้งสอง ทำให้พวกเขาเผลอเงียบตามที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ชุดดำบอกโดยไม่รู้ตัว ะั่ได้ยินเีฝีเท้าเ่ีวิ่งาทาง้ำ
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
userA???
???? ??? ? ???? ?? ??