เรื่อง วรยุทธอสูรทะยานฟ้าผ่าปฐพี!!
บที่ 68 งานประลองกลางเมือง
หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปอีกหลายวัน สนามประลองถูกสร้างขึ้นกลางเมืองในเวลาไม่นาน พร้อมกับคำประกาศของเสนาบดีหวังก้านี่ขจรขจายไปทั่วหัวระแหง คำเชิญมากมายถูกส่งไปยังสำนักต่าง ๆ และนักสู้ผู้มีชื่อเสียงมากมายบ้างก็ตอบรับบ้างก็ไม่สนใจ พวกี่ตอบรับส่วนใหญ่มักจะรู้จักมักจี่กับหวังก้านเป็นทุนเดิม พวกี่ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวแต่ตอบรับก็มีไม่น้อย คนเหล่านี้ล้วนต้องการผูกไมตรีกับหวังก้านเพื่อผลประโยชน์ในอนาคตแทบทั้งสิ้น…
ส่วนทางห่าวหรานนั้นก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือเป็นทุกข์เป็นร้อนประการใด เขายังคงใช้ชีวิตสบาย ๆ และงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ในจวนของซานกวนเฟยเย่ ทุกคนต่างชื่นชอบในบุคลิก และท่าทางของห่าวหรานเป็นอย่างมาก และหากจะมีใครี่ไม่ชอบก็คงเป็นอนุภรรยา หรือมารดาบุญธรรมของซานกวนเฟยอี้นั้นเอง นางไม่ชอบจางหมิ่นเป็นทุนเดิม พอมีพี่ชายบุญธรรมอย่างห่าวหรานมาอยู่ด้วยก็ยิ่งไม่ชอบจางหมิ่นหนักกว่าเดิมอีกหลายส่วน ดังนั้นนางจึงสั่งงานโหด ๆ ให้จางหมิ่นทำเพื่อเป็นการกลั่นแกล้ง ทว่า...โชคดีี่ยามนี้จางหมิ่นมีห่าวหรานอยู่ด้วยงานี่ว่าโหด หินจึงผ่านไปได้ด้วยดี
จวบจนกระทั่งวันี่ทุกคนรอคอยก็ได้มาถึงในี่สุด วันประลองยุทธ์ระหว่างห่าวหราน กับหวังเย่นั้นเอง
ณ สนามประลองขนาดใหญ่กลางเมืองยามนี้ได้มีผู้คนมากมายมายืนดูอยู่โดยรอบ เกือบครึ่งไม่ได้สนใจการต่อสู้ในครั้งนี้แม้แต่น้อย แต่ี่จำใจดูก็เพราะถูกหวังก้านจ่ายเงินให้มาส่งเสียงเชียร์หวังเย่บุตรชายของมัน นอกจากคนเหล่านี้แล้ว ห่างออกไปเล็กน้อยก็เป็นี่นั่งของหวังก้าน เหล่าขุนนางี่รู้จักกับมัน แม่ทัพซานกวนเฟยเย่ ฮูหยิน... คุณหนูเฟยอี้ และเหล่านักสู้ กับเจ้าสำนักน้อยใหญ่อีกมากมาย
“ไม่ได้เห็นคุณชายหวังเย่แสดงฝีมือมานานเลยนะ ท่านเสนาบดี ไม่รู้ยามนี้เขาก้าวหน้าไปถึงขั้นไหนแล้ว” ชายสูงวัยในชุดสีแดงสดผู้หนึ่งลูบเครายาวก่อนเอ่ยขึ้น
“เรียนราชครูเพิ่ง ฝีมือของหวังเย่ก้าวหน้าไปมากแล้ว เพราะได้อาจารย์มากฝีมืออย่างท่านหลันชุนเอี๊ยะเป็นคนสั่งสอน ทว่า...น่าเจ็บใจนักี่หลายวันก่อน เขาโดนลูกไม้สกปรกของเจ้าเด็กตาบอดผู้นั้นเล่นงานจนพ่ายแพ้ ดังนั้นวันนี้ข้าจึงต้องจัดการประลองให้เกิดความยุติธรรม และเป็นการกอบกู้ชื่อเสียงของหวังเย่ อย่างไรเล่าท่านราชครู”
“โอ้ เรื่องเป็นเช่นนี้นี่เอง เจ้าคนผู้นี้ช่างชั่วช้าสามานย์ยิ่งนัก หากจบการต่อสู้ท่านจะปล่อยให้มันหนีไปไม่ได้นะ”
“เรื่องนั้นท่านราชครูไม่ต้องห่วง หากมันพ่ายแพ้ให้กับหวังเย่ ข้าคิดว่าจะประหารมันต่อหน้าผู้คนในทันทีเลย ภายภาคหน้าจะได้ไม่มีใครกล้าทำเช่นนี้อีก”
“วิเศษ วิเศษข้าเห็นด้วยกับเจ้า” เพิ่งฟู่แย้มยิ้มก่อนจะพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ซึ่งผิดกับ ซานกวนเฟยเย่ซึ่งนั่งห่างออกไปสองสามเก้าอี้ สีหน้าเขาดูจะเป็นกังวลอยู่หลายส่วน ซานกวนเฟยอี้ี่นั่งอยู่ข้างก็รู้สึกไม่ต่างกัน
“ท่านพ่อข้าเป็นห่วงห่าวหรานยิ่งนัก เขาจะสู้หวังเย่ได้จริงหรือหากแพ้เขาจะต้องโดน.....”
“จะไปห่วงเจ้าเศษสวะชั้นต่ำนั้นทำไมกันเฟยอี้ เจ้าควรจะให้กำลังหวังเย่ คู่หมั้นของเจ้าสิถึงจะถูก” ยังไม่ทันี่ซวนกวนเฟยอี้จะกล่าวจบ มารดาบุญธรรมของนางก็เอ่ยขึ้นมาเสียก่อน เมื่อนั้นซานกวนเฟยอี้จึงก้มหน้านิ่งไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมาอีก ซานกวนเฟยเย่เองก็พูดอันใดไม่ได้นอกจากกุมมือของบุตรสาวเพื่อปลอบใจ
และเมื่อทุกคนมาพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว หลันชุนเอี๊ยะี่ยืนอยู่กลางเวทีจึงได้เรียกตัว หวังเย่ให้ขึ้นไป ยามนั้นเหล่าหน้าม้ารอบเวทีี่ถูกจ้างจึงได้พากันปรบมือส่งเสียงตะโกนเรียกชื่อของหวังเย่กันดังกึกก้อง ซึ่งตรงข้ามกับห่านหรานโดยสิ้นเชิง พอก้าวขึ้นบนเวทีเสียงก่นด่า กับโห่ไล่ก็พลันดังขึ้นมาแทน ทว่า...ห่าวหรานไม่ได้สนใจเสียงของพวกมันอยู่แล้ว
พอทั้งสองคนมายืนประจันหน้ากัน หลันชุนเอี๊ยะก็เดินลงเวทีไปเพื่อให้เริ่มการประลอง ซึ่งด้วยความคับแค้น และความทระนงตนของหวังเย่ ก่อนการต่อสู้มันจึงเอ่ยบางอย่างออกมาเสียก่อน
“วันนั้นเจ้าใช้อุบายชั่วลอบกัดข้าแต่วันนี้เจ้าคงทำเยี่ยงนั้นไม่ได้อีกแล้ว เพราะมีอาจารย์ของข้า กับเหล่ายอดฝีมือมากมายจับตาดูอยู่ อยากรู้นักเจ้าจะเอาชนะข้าได้อย่างไร” หวังเย่ชี้หน้าห่าวหรานก่อนเอ่ยออกมา ส่วนห่าวหรานี่ได้ยินก็แสดงสีหน้าเรียบเฉย ไม่ปริปากตอบโต้แต่อย่างใด
“ไม่ตอบรึ คงพูดไม่ออกสินะ เช่นนั้นก็จงเก็บเสียงไว้ร้องขอชีวิตยามใกล้จะตายเถิดเจ้าสวะ รับมือเพลงกระบี่พิรุณทองกระบวนท่าี่หนึ่งหยาดฝนพร่างพราย!” หวังเย่ตวาดลั่นก่อนชักกระบี่ และพลันพุ่งเข้าใส่ห่านหราน เพลงกระบี่ชุดนี้ถือเป็นวิชาพื้นฐานของสำนักพิรุณทองอานุภาพนั้นยังไม่รุนแรงเท่าไหร่เมื่อใช้กับนักสู้ชั้นปฐพีระดับต้น แต่ี่หวังเย่เลือกใช้เป็นอันดับแรกเพราะมันประเมินความสามารถี่แท้จริงของห่าวหรานไว้ต่ำมาก ๆ
“อันใดของมัน คิดดูถูกข้าหรือ ถึงได้ใช้เพลงกระบี่พื้นฐานแบบนี้มาเล่นงานข้า” ห่าวหรานขมวดมุ่นคิ้ว และคิดในใจ จากนั้นก็สั่นหน้าเบา ๆ แล้วเบี่ยงตัวหลบกระบี่ของหวังเย่ไปมา มันเป็นการหลบี่แทบจะไม่ออกแรงเลยด้วยซ้ำ ยิ่งหวังเย่พุ่งกระบี่มากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นตามนั้น “อันใดกันทำไมไอ้สวะผู้นี้ถึงหลบกระบี่ข้า” หวังเย่หน้าแดงก่ำพร้อมกับเหงื่อกาฬี่ไหลเต็มใบหน้า ส่วนพวกี่เฝ้าดูอยู่ต่างก็นิ่งงัน ด้วยส่วนใหญ่ก็พอจะมองออกว่าหวังเย่ใช้เพลงกระบี่พื้นฐานเกินไปจึงไม่สามารถเล่นงานห่าวหรานได้
“ข้าไม่ทราบหรอกนะ ว่าเจ้าเด็กหนุ่มตาซ้ายบอดผู้นั้นมีขั้นฝึกอยู่ระดับใด แต่ต่อให้เป็นผู้อยู่ขั้นต่ำสุดเมื่อเจอเพลงกระบี่ี่คุณชายหวังเย่กำลังใช้อยู่ เป็นใครก็ย่อมหลบได้อยู่แล้ว” เสียงของชายกลางคนรูปร่างอ้วนท้วนผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นจากี่นั่งแถวหลังของหวังก้าน ดูเหมือนมันจะเป็นเจ้าสำนักแห่งหนึ่งี่ถูกเชิญมา หวังก้านเองก็รู้สึกเสียหน้าเล็กน้อยมันจึงส่งสายตาให้หลันชุนเอี๊ยะี่ยืนอยู่ด้านล่างนักพรตเฒ่าี่เห็นจึงพยักหน้าก่อนจะหันไปตะโกนบอกหวังเย่
“เลิกเล่นได้แล้วคุณชาย เปลี่ยนไปใช้กระบวนท่าี่สี่ แล้วสังหารมันเสีย จะได้ไม่เสียเวลา!” พอหวังเย่ได้ยินมันก็แสยะยิ้ม ก่อนจะกระโดดถอยหลังออกมาหลายก้าว “ทราบแล้วท่านอาจารย์ เมื่อครู่ขออภัยด้วยข้าประเมินมันต่ำเกินไป กระบวนท่าี่สี่หรือ ดูโหดเหี้ยมกับไอ้สวะผู้นี้ไปสักนิดแต่...ถูกใจข้ายิ่งนัก ฮ่า ๆ ๆ ๆ จงตายซะ เพลงกระบี่พิรุณทองกระบวนท่าี่สี่ ร้อยวสันต์สังหาร!”
หวังเย่หัวร่อเสียงดังก่อนร่ายรำกระบี่ในมือไปมา ก่อนปรากฏจิตปราณวารีแผ่ออกจากร่าง และไหลไปร่วมกับกระบี่ในมือ ผู้คนี่เห็นต่างส่งเสียงอื้ออึ้งด้วยความสนใจ เหล่านักสู้เหล่าเจ้าสำนักต่างก็เบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึง
“โอ้ กระบวนท่าร้อยวสันต์สังหารหรือ ข้าได้ยินมาว่า ศิษย์ของสำนักพิรุณทองบางคนก็ยังฝึกไม่สำเร็จเลย แต่คุณชายหวังเย่กลับฝึกได้นับว่ามีพรสวรรค์จริง ๆ”
“ท่านมู่เกากล่าวได้ถูกต้อง คุณชายหวังเย่นับว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์แท้จริง ท่านหลันชุนเอี๊ยะส่งสอนได้ไม่นานแต่เขากลับฝึกได้ถึงขั้นนี้นับว่าหาได้ยาก ข้าขอแสดงความยินดีกับท่านเสนาบดีด้วย” ชายสูงวัยหนวดเครายาวในชุดผ้าสีม่วงซึ่งนั่งอยู่ข้างชายร่างอ้วนเอ่ยขึ้น หวังก้านี่ได้ฟังไม่ได้ตอบอันใดกลับ เพียงแต่พยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มกว้างอย่างภาคภูมิใจ
ตัดกลับบนเวทีประลองห่าวหรานี่เห็นกระบวนท่าใหม่ของหวังเย่ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะคิดในใจว่า
“โอ้ มันใช้จิตปราณวารีได้ด้วยหรือนี่ ก็นับว่าดีกว่าเมื่อครู่นิดหน่อย แต่สุดท้ายแล้วก็คง....”
“ตายซะ!!ไอ้เศษสวะชั้นต่ำ” หวังเย่ประกาศเสียงดังก่อนชี้กระบี่ขึ้นเหนือหัว จากนั้นปราณกระบี่ก็พลังพุ่งออกมา พวกมันขึ้นไปลอยวนอยู่บนฟ้า ก่อนแบ่งตัวกันเป็นกระบี่นับร้อย ๆ เล่ม “พิรุณสังหาร!!” หวังเย่ส่งเสียงพร้อมตวัดกระบี่ในมือลงมา จากนั้นปราณกระบี่บนฟ้าก็พลันพุ่งลงมาหาห่าวหรานราวกับเป็น-่าฝน-่าใหญ่ ภาพนั้นทำเอาซานกวนเฟยเย่ ซานกวนเฟยอี้ และจางหมิ่นี่ดูการประลองอยู่ถึงกับตื่นตกใจสุดขีด
“ห่าวหรานนนน..นนน!!” จางหมิ่นตะโกนสุดเสียง ทว่า...ห่านหรานี่แหงนหน้ามองท้องฟ้าอยู่นั้นไม่ได้มีท่าทางตื่นตกใจแม้แต่นิดเดียว “นี่หรือ กระบวนท่าร้อยวสันต์สังหารก็นับว่าไม่เลว แต่น่าเสียดายี่ผู้ใช้เป็นเจ้าหมอนี่” ห่าวหรานเอ่ยพึมพำก่อนจะก้าวเท้าไปซ้ายที ขวาที เพื่อหลบจิตปราณกระบี่ี่พุ่งตกลงมา พวกมันทุกเล่มนั้นรวดเร็ว และจู่โจมแบบปูพรมเป็นวงกว้าง ซึ่งนับว่ายากมาก หากจะหลบได้ทั้งหมดโดยไม่ได้รับความเสียหาย ทว่า....
สิ่งี่ไม่คาดคิดก็พลันเกิดขึ้นต่อสายตาของทุกคน ห่าวหรานก้าวหลบพวกมันได้ทั้งหมด และไร้ซึ่งบาดแผลหรือรอยขีดข่วนแม้แต่นิดเดียว
จบบท...
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??