เรื่อง วรยุทธอสูรทะยานฟ้าผ่าปฐพี!!

ติดตาม
บทที่ 69 กระบวนท่าร้อยวสันต์สังหารที่แท้จริง
บทที่ 69 กระบวนท่าร้อยวสันต์สังหารที่แท้จริง
  • ปรับสีและขนาดตัวอักษร

“ปะ...เป็นไปได้ยังไง เจ้าใช้ลูกไม้อันใดถึงหลบกระบวนท่าร้อยวสันต์ของข้าได้!!” หวังเย่เอ่ยถามเสียงดังด้วยความตกใจ ผสมกับความโกรธจัด

ห่าวหรานเลิกคิ้วก่อนจะลอยหน้าลอยตา ตอบอย่างสบายใจว่า “เพลงกระบี่กระจอกงอกง่อยเช่นนี้ ข้าไม่ต้องอาศัยลูกไม้อะไรหรอก ไม่สิ ต้องบอกว่าเพลงกระบี่ชุดนี้ไม่ธรรมดา แต่น่าเสียดายที่ผู้ใช้ดันเป็นเจ้า” วาจาของห่าวหรานที่เอ่ยออกมาไม่ต่างอันใดกับการเอาน้ำมันราดลงบนกองไฟ หวังเย่โกรธจนขาดสติ มันพลันพุ่งเข้าจู่โจมห่าวหรานราวราวกับคนเสียสติ ท่วงท่าอันสง่างาม บัดนี้ไม่เหลืออีกแล้ว “ตายซะ! ตายซะ! ไอ้เศษสวะ!!!”

ซึ่งแน่นอนว่าทุกการจู่โจมนั้นไร้ความหมาย ไม่โดนห่าวหรานแม้แต่จะเฉียดใกล้ด้วยซ้ำ ก็ขนาดหวังเย่ยามปรกติมันยังทำไม่ได้เลย แล้วมีหรือที่เวลานี้มันโกรธจนหน้ามืด ตาบอดจะทำได้ ขนาดหลันชุนเอี๊ยะโกนเสียงดังคอแทบแตกให้หวังเย่ตั้งสติ มันก็ไม่ฟังไม่สนใจแม้แต่น้อย

ห่าวหรานที่เห็นก็ได้แต่ถอนหายใจยาว ๆ ก่อนสั่นหน้าไปมาด้วยความเบื่อหน่าย

“หมดกัน บุคลิกคุณชายผู้สง่างาม ยามนี้เจ้าก็มีได้ต่างอันใดกับหมาบ้า พวกเราเลิกเล่นกันเถอะ” ห่าวหรานเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะยกสันมือขึ้น แล้วฟาดใส่ต้นคอของหวังเย่ อย่างแรงเมื่อนั้นมันจึงร่วงลงไปนอนกองกับพื้นเวทีท่ามกลางสายตาของผู้ที่เฝ้าดูอยู่

หวังก้านถึงกับพลันลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะตะโกนเรียงหวังเย่เสียงดังลั่นด้วยความตกใจ ส่วนคนอื่น ๆ ได้แต่นิ่งงันเพราะไม่มีใครคาดคิดว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้น หลันชุนเอี๊ยะเองก็ตกใจจะยืนนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนที่มันจะรีบตั้งสติ และพุ่งขึ้นไปบนเวทีเพื่อดูอาการหวังเย่

“อย่าตื่นตูมไปเลย ลูกศิษย์ของท่านยังไม่ตายหรอก ข้าแค่ฟันมันด้วยสันมือให้สลบไปเท่านั้น” ห่าวหรานเอ่ยขึ้น ก่อนที่หลันชุนเอี๊ยะจะแหงนหน้ามามองดูมันด้วยแววตาอาฆาตเคียดแค้น “บังอาจนัก เจ้ากล้าทำร้ายบุตรชายของท่านเสนาบดีหวังก้านถึงสองครั้งสองคราเลยกระนั้นรึ คอยดูเถอะเดี๋ยวข้าจะเป็นคนสั่งสอนเจ้าให้รู้สำนึกเอง” หลันชุนเอี๊ยะกล่าวจบก็อุ้มร่างของหวังเย่เดินลงเวทีเพื่อนำไปให้เหล่าหมอดูอาการ เวลานั้นหวังก้านก็ยืนอยู่ด้วย

“หวังเย่!! เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ได้ยินพ่อหรือไม่” หวังก้านร้องเรียกบุตรชายด้วยความร้อนรน

“เรียนท่านเสนาบดี ข้าตรวจสอบเบื้องต้นคุณชายไม่ได้บาดเจ็บสาหัสเพียงแค่สลบไปเท่านั้น”

“ไอ้สวะ! ไอ้เศษสวะ!! กล้าทำร้ายลูกข้าถึงสองครั้งสองครา มันจะต้องถูกสับเป็นหมื่น ๆ ชิ้น และตายอย่างไร้ที่ฝัง” หวังก้านมองมาที่ห่าวหรานด้วยดวงตาแดงก่ำก่อนจะเอ่ยขึ้น ซึ่งห่าวหรานที่เห็นก็ได้แต่ขมวดมุ่นคิ้วก่อนจะนึกในใจ


“ทำร้ายกระนั้นรึ?แต่นี่มันการประลองยุทธ์ไม่ใช่หรือไงกัน ต้องการให้ข้ายืนเฉย ๆ เพื่อเป็นกระสอบให้ลูกชายเจ้าเตะต่อยแบบนั้นใช่ไหม พวกเจ้าถึงจะพอใจ น่าขันยิ่งนัก”

นั้นคือสิ่งที่ห่าวหรานคิด ซึ่งมันถูกต้อง ทว่า...คนส่วนใหญ่กลับไม่มองเช่นนั้น

“ไอ้เด็กคนนี้มันต่ำช้าจริง ๆ กล้าทำร้ายคุณชายหวังเย่จนบาดเจ็บสาหัส สงสัยมันคงไม่อยากตายสบาย ๆ สิท่า”

“เล่นสกปรกจริง ๆ ด้วยเมื่อครู่ข้าเห็นกับตา ว่ามันถือเข็มบางอย่างไว้ตอนฟาดมือลงมา คุณชายหวังเย่ถึงได้สลบเหมือดแบบนั้น” เจ้าสำนักสองคนที่นั่งอยู่ด้านหลังของหวังก้านเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นเดือดเป็นร้อน จนคนอื่น ๆ ต่างก็พยักพเยิดไปตาม ๆ กัน จะมีแต่ซานกวนเฟยเย่เท่านั้นที่เอาแต่ถอนหายใจก่อนจะสั่นหน้าไปมา

“เข็มพิษอันใดของพวกเจ้า เด็กน้อยที่เกาะขอบเวทีดูอยู่ ยังมองออกเลยว่าเมื่อครู่เป็นมือเปล่า ๆ” ซานกวนเฟยเย่คิดในใจด้วยความเอือมระอา

ตัดกลับมาบนเวที ยามนี้เมื่อหลันชุนเอี๊ยะมอบหวังเย่ให้เหล่าหมอไปดูแลเรียบร้อย มันจึงก้าวขึ้นมายืนประจันหน้ากับห่าวหรานอีกครั้ง

“เมื่อครู่เจ้าเอ่ยกับคุณชายหวังเย่ว่า กระบวนท่าร้อยวสันต์สังหารที่เขาเป็นผู้ใช้นั้น มิอาจสำแดงอานุภาพแท้จริงออกมาได้ใช่หรือไม่ เช่นนั้นข้าจะแสดงสิ่งที่เจ้าอยากเห็นให้ดูเป็นขวัญตาเอง” หลันชุนเอี๊ยะเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนที่มันจะพลันชักกระบี่ชี้ขึ้นฟ้า เมื่อนั้นห่าวหรานถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึง ก่อนที่จะพลันใช้เท้าถีบตัวถอยไปด้านหลัง เพราะถ้าไม่ทำเช่นนั้นมันคงโดนปราณกระบี่เล่มหนึ่งพุ่งใส่กลางศีรษะเป็นแน่

“อะ...อันใดกัน!!”

“โอ้ หลบได้แบบฉิวเฉียด ไม่เลว ไม่เลว สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดนับว่าเฉียบคมไม่น้อย แล้วถ้าเป็นแบบนี้เจ้าจะยังหลบได้อีกหรือไม่ พิรุณสังหาร!!!” หลันชุนเอี๊ยะตวาดเสียงดังก่อนตวัดกระบี่ลงมา เมื่อนั้นปราณรูปกระบี่สีน้ำเงินเล่มใหญ่ก็พุ่งใส่ห่าวหราน ครั้งแรกว่าเร็วแล้วครั้งนี้เร็วยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า ห่าวหรานหลบได้แต่มันก็เฉี่ยวแขนเสื้อเขาจนขาดเกิดเป็นบาดแผลยาว

“บัดซบ! รวดเร็ว และอัดแน่นไปด้วยจิตปราณอะไรขนาดนี้ นี่หรือกระบวนท่าร้อยวสันต์สังหารของจริง” ห่าวหรานกดฟันก่อนจะแค่นเสียงกล่าวออกมาด้วยความเจ็บปวด ส่วนหลันชุนเอี๊ยะที่ได้ยินก็แย้มยิ่งอย่างพึงพอใจ แล้วพูดว่า

“ในที่สุดเจ้าก็หลบไม่พ้นแล้วสินะ ทีนี้รู้ซึ้งหรือยังว่าความน่ากลัวของ กระบวนท่าร้อยวสันต์สังหารเป็นเช่นไร”

“กระบวนท่าร้อยวสันต์สังหารของจริงร้ายกาจยิ่งนัก ช่างผิดกับที่ศิษย์ผู้อ่อนด้วยของท่านใช้ ราวฟ้ากับเหว” ห่าวหรานแสร้งทำใจดีสู้เสือ แสยะยิ้มก่อนเอ่ยออกมา ทว่า...หลันชุนเอี๊ยะกลับเอียงคอ ขมวดมุ่นคิ้วด้วยความงุนงง

“กระบวนท่าร้อยวสันต์สังหารที่แท้จริง? เจ้าหมายความว่าอย่างไร เสียสติไปแล้วหรือ”

“อันใดข้าไม่เข้าใจ”

“เมื่อครู่ก็แค่เพียงปราณกระบี่เล่มสองเล่มเองไม่ใช่หรือ จะนับถึงร้อยได้อย่างไร ต่อจากนี้ต่างหากถึงพูดได้ว่า เป็นกระบวนท่าร้อยวสันต์สังหารที่แท้จริง ร้อยพิรุณ...สังหาร..!!!!” หลันชุนเอี๊ยะระบายยิ้มชั่วร้าย ก่อนจะเอ่ยเสียงดังจากนั้น ปราณกระบี่เล่มใหญ่บนท้องฟ้าราว ๆ ร้อยกว่าเล่มก็พร้อมใจพุ่งลงใส่ห่าวหราน ราวกับเป็นฝน-่าใหญ่ ความรวดเร็ว และพลังทำลายนั้นเรียกว่าต่างกับที่หวังเย่ใช้ก่อนหน้านั้นลิบลับ เล่มเดียวกว่าจะหลบได้ก็เต็มกลืนแล้ว นี่มาเป็นร้อยจะให้ห่าวหรานหลบไปไหนได้อีก

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ประเสริฐ ประเสริฐนักท่านอาจารย์ มันต้องแบบนี้ถึงจะสาแก่ใจข้า ใช้เพลงกระบี่ร้ายกาจของท่านบดขยี้ร่างของไอ้เด็กเวรนั่นให้แหละละเอียดไปเลย” หวังก้านหัวร่อเสียงดังด้วยความสะใจ เหล่าผู้คนที่ดูอยู่บ้างก็นิ่งงัน บ้างก็เอามือปิดตาเพราะมิอาจทนดูภาพของห่ากระบี่มากมายที่พุ่งตกลงมาใส่ห่าวหรานอย่างต่อเนื่องได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือซานกวนเฟยอี้ นางถึงกับเอามือปิดตา ก่อนจะซุกอกบิดาเพราะไม่กล้ามองภาพสยดสยองที่เกิดบนเวที ซานกวนเฟยเย่ก็ได้แต่มองโดยมิอาจสอดมือช่วยห่าวหราน จางหมิ่นยิ่งแล้วใหญ่ มันตาโตอ้าปากค้าง ขาแข็งทื่อไม่อยากจะเชื่อในภาพที่กำลังเกิดขึ้นกับพี่ชายบุญธรรม

“เป็นยังไงล่ะไอ้เด็กอวดดี โดนเข้าไปขนาดนี้ยังจะหลบพ้นอีกหรือไม่ โอ้ เจ้าคงตอบข้าไม่ได้แล้วสินะ เพราะร่างกายคงแหลกเละไม่มีชิ้นดีไปแล้ว...” หลันชุนเอี๊ยะระบายยิ้มอย่างผู้มีชัยพร้อมเอามือลูบเครา ก่อนจะเตรียมคลายวิชาที่ใช้เพราะงานสำเร็จลุล่วงแล้ว ทว่า...ในยามนั้นเสียงหนึ่งก็ได้เอ่ยขึ้น

“ร่มมีไว้กางกันเปียกยามฝนตก แต่ถ้าเป็นฝนอันตรายเช่นนี้ เห็นทีข้าคงต้องใช้อย่างอื่นกันแทน” คำพูดนั้นทำเอา หลันชุนเอี๊ยะถึงกับตาโตอ้าปากค้างด้วยความตื่นตะลึงสุดขีดในชีวิตของมัน

“ปะ...เป็นไม่ได้ทำไมเจ้าถึงยัง....!!!!!”

ภาพที่หลันชุนเอี๊ยะเห็นในยามนี้ก็คือ ห่าวหรานกำลังยกกระบี่ศิลาฟ้าดินขึ้นเหนือหัวเพื่อกัน ปราณกระบี่ที่พุ่งตกลงมาจากท้องฟ้า

“กระบี่เล่มนั้น? เล่มที่ข้ายกไม่ขึ้น มันป้องกันปราณกระบี่ของข้าได้ยังไงกัน ครั้งนี้ข้าใช้จิตปราณไปถึงห้าส่วน ต่อให้เป็นอาวุธชั้นนภาระดับกลางก็ใช้จะทานทนไหว แล้วนี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน...!!”

“เจ้าอยากรู้กระนั้นหรือนี่คือกระบี่อะไร เช่นนั้นข้าจะแสดงให้ดูเอง” ห่าวหรานเอ่ยขึ้นก่อนจะพลันถีบเท้าพุ่งตรงเจ้ามาหา หลันชุนเอี๊ยะ รองเจ้าสำนักอาวุโสผงะไปเล็กน้อย ก่อนที่มันจะกัดฟันกรอด แล้วกระชับกระบี่ในมือพุ่งเข้าปะทะกับห่าวหรานอย่างไม่กริ่งเกรง...

จบบท

ตอนต่อไป
บทที่ 70 กำลัง ปะทะความเร็ว

นิยายแนะนำ

นิยายแนะนำ

ความคิดเห็น

COMMENT

ปักหมุด

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited( Kawebook.com )

Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )
ที่อยู่ : 20 หมู่ที่ 6 ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร 74000
เวลาทำการ : 08 : 00 - 18 : 00 จันทร์ - เสาร์
e-mail : contact@kawebook.com

DMCA.com Protection Status

เริ่มต้นเผยแพร่ผลงาน

เริ่มต้นเป็นนักเขียนออนไลน์ เขียนเรื่องราวที่ประทับใจ สร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ และแบ่งปันประสบการ์ดีๆ กับผู้คนทั่วโลก kawebook.com เป็นโอกาส เป็นสื่อกลาง และยังเป็นอีกหนึ่งช่องทาง ในการสร้างรายได้ให้กับนักเขียนมืออาชีพ และนักเขียนมือสมัครเล่นจากทุกมุมโลก เพียงสมัครเป็นสมาชิกเว็บไซต์เพื่อเขียนหนังสือ การ์ตูน หรืออัพโหลดอนิเมชั่น ที่เป็นผลงานของท่าน และเผยแพร่ผลงานสู่สาธารณชน

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา