เรื่อง A Celestial Love ความรักจากสวรรค์
ความรัก ความเชื่อใจ ที่เขามีให้กับคนที่เขาเคารพรัก เมื่อมันโดนทรยศไปแล้วผลที่ตามมามักจะหน้ากลัวเสมอ วศินคงคิดว่าการที่ผู้เป็นพ่อปิดบังเขา เพราะต้องการจะกำจัดเขากับแม่ เพื่อที่จะได้กลับไปหาครอบครัวที่เป็นมนุษย์อีกครั้ง ด้วยแรงยุยงส่งเสริมจากผู้เป็นน้า ทำให้เขายิ่งทวีความรุนแรงขึ้น อารมณ์ร้ายขึ้น
เขาร่วมมือกับน้าชายและคิดหาทุกหนทางเพื่อที่จะได้ครองบัลลังก์แห่ง์ เขาอยากทำให้ผู้เป็นพ่อได้รู้ว่าการถูกหักหลังจากคนที่รักและเคารพมันเป็นยังไง
"ท่านน้า เราจะทำยังไงให้ท่านพ่อมอบแหวนและพลังของท่านพ่อให้แก่ข้า"
เปลวไฟแห่งโทสะและความเคียดแค้นสุ่มอยู่ในอกของเขา ยิ่งทำให้น้าชายของเขาได้ใจและยุแยงต่อไป
"มันรักใครก็แค่กำจัดมันทิ้งซะ เจ้าจะได้ไม่มีศัตรูและไม่มีใครขว้างทางเจ้าอีก!!"
ถึงแม้เทวดาจะไม่ทำร้ายมนุษย์ แต่ไม่ใช่กับ
เขา อคิราห์เทวดาที่ขี้อิจฉาและโลภมากตนนี้ แต่เขาเป็นเทวดาที่ฉลาด ไม่ยอมให้มือของตนเองแปดเปื้อน
"ท่านมีแผนการอย่างไร โปรดบอกให้ข้ารู้ที"
เขาแสยะยิ้มออกมาเมื่อรู้ว่าเขาสามารถควบคุมวศินได้ เขาอธิบายแผนการทั้งหมดของเขาให้กับวศินได้ฟัง
เมื่อบรรยากาศของความตรึงเครียดได้พลันเลือนหายไป บรรยากาศของความสุขก็ค่อย ๆ แทรกซึมเข้ามาทีละนิด ไม่มีใครรู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่เพื่อให้พวกเขาเข้าใจกันมากขึ้น แต่ ณ ตอนนี้มันก็ไม่ได้แย่เหมือนวันแรกที่พวกเขาเจอกัน เหมันต์ยังคงอยู่ที่เมืองมนุษย์เพื่อปรับความเข้าใจกับวรุศลูกชายของเขา ซึ่งวรุศเองก็พอจะเข้าใจและทำใจได้บ้างแล้ว แต่ก็ยังคงเรียกพ่อได้ไม่เต็มปาก
"รุศไปตามพ่อมาทานข้าวสิลูก"
"ครับ" เขาตอบรับด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
"คุณครับ แม่ให้มาตามไปกินข้าวครับ" น้ำเสียงที่เย็นชาของเขา ทำให้ผู้เป็นพ่อรู้สึกเสียใจที่ปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้
"เรานั่งคุยกันก่อนได้ไหมลูก" เขาูด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน แต่วรุศกลับปฏิเสธเขาเหมือนอย่างเคย
วรุศเดินกลับเข้าบ้านด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉย ไม่ยิ้มแย้ม เขาเดินสวนกับวายุที่กำลังเดินมาหาเขา แต่เขาก็ไม่ได้สนใจวายุเช่นกัน วายุได้แต่ทำหน้าเศร้า เพราะรู้สึกผิดที่โกหกน้อง ถึงจะรู้ดีว่าน้องไม่ได้โกรธตัวเองก็ตาม เขาเดินเข้าไปหาหนุ่มใหญ่ที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ยาวสีขาวใต้ต้นไม้แทน
"ให้เวลารุศเขาหน่อยนะครับท่านลุง" เขาูเพื่อปลอบประโลมผู้ชายคนนั้น
เหมันต์ได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ เพื่อกลบเกลื่อนความเศร้าหมองในจิตใจ
"ท่านลุงลงมาจาก์มานานแล้ว ผมว่าท่านลุงควรกลับขึ้นไปข้างบนบ้าง คนอื่นจะได้ไม่สงสัยไม่ต้องห่วงทางนี้ผมจะช่วยดูแลเอง"
เขาเข้าใจที่วายุูทุกอย่างถึงแม้จะมีม่านฟ้าและเมฆาคอยช่วยดูแลอยู่ข้างบน แต่ก็ไม่เท่ากับเขาขึ้นไปจัดการปัญหาเอง
"ลุงจะกลับไปคืนนี้ ลุงขอเวลาอีกสักหน่อย ให้ลุงได้บอกลาพวกเขาก่อน " เขาูด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเศร้า
ไม่มีใครรู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ แต่ทุกคนรู้ว่าเวลาจะช่วยเยียวยาจิตใจที่พังทลายให้กลับมาสดใสได้เหมือนเดิม
แสงของอรุนรุ่งในยามเช้าที่สาดส่อง ทำให้ความมืดมิดที่เคยมีพลันเลือนหายไป พร้อมตอนรับกับเช้าวันใหม่ที่สดใสกว่าเดิม วรุศเด็กหนุ่มที่ตอนนี้มหาลัยได้เปิดเทอมแล้ว แต่ยังคงความสม่ำเสมออยู่ตลอด คือการตื่นสายแม้จะตั้งนาฬิกาปลุกไว้แล้วก็ตาม เขาทำเสียงอึกทึกครึกโครมดังไปทั่วบ้านแต่เช้า
"แม่รุศไปเรียนแล้วนะ" เขารีบวิ่งอย่างลนลาน
"รุศทานข้าวก่อนสิลูก"
"ไม่ทันแล้วแม่ รุศสายแล้ว ไปนะแม่" ถึงจะรีบร้อนขนาดไหนแต่เขาก็ไม่ลืมที่จะหอมแก้มแม่ก่อนไปเรียนทุกครั้ง
ถึงจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของตัวเองแล้ว แต่เขาก็ยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิมในทุก ๆ วัน ไม่มีอะไรแตกต่างเขาแค่ต้องระมัดระวังเรื่องพลังของเขา ที่มันจะแสดงออกมาตอนไหนอีกก็ไม่รู้ เนื่องจากเขายังไม่สามารถควบคุมมันได้ เลยต้องมีคนคอยช่วยสอนเขาในเรื่องนี้
"นิตัวแสบ ระวังอย่าให้ตัวเองเป็นอันตรายละ!" วายุูกำชับวรุศด้วยท่าทีขึงขัง
"รู้แล้วน๊า!! ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ถึงมีอันตรายพี่ก็รู้เป็นคนแรกอยู่แล้วป่ะ!" วรุศูประชดประชันพร้อมกลอกตามองบน
ชายหนุ่มขยับรอยยิ้มมุมปาก มือพลางลูบหัวน้องที่กำลังรีบลนใส่ร้องเท้าให้เข้าที่เข้าทาง
"ไปละนะ" วรุศโบกมือหยอย ๆ ให้วายุก่อนจะเดินออกจากบ้านไป
การกระทำของพวกเขาไม่อาจเล็ดลอดจากสายตาของผู้ที่มาแอบซุ่มมองอยู่ เขาคอยดูกิจวัตรประจำวันของเหล่าคนในบ้าน ว่าพวกเขาออกจากบ้านตอนไหนและกลับเข้าบ้านตอนไหน ไปไหนไปกับใครและทำอะไรกันบ้าง เขาจดจำทุกรายละเอียดได้จนหมด
"เราจะลงมือกันตอนไหน" เสียงูคุยของผู้ที่แอบซุ่มมอง
"อีกสองวัน" เสียงตอบกลับจากชายอีกคน
"ทำไมต้องรอถึงสองวัน ข้าอยากจะกำจัดพวกมันเสียตอนนี้!!" สายตาที่อาฆาตแค้น จ้องเขม็งไปยังเด็กหนุ่มที่กำลังจะขึ้นรถไปเรียน
"เพราะตอนนั้นวายุมันไม่ได้อยู่ที่เมืองมนุษย์ยังไงละ"
"ทำไมต้องกลัวมันด้วย มันก็เป็นแค่เทวทูตไม่ต่างอะไรจากองครักษ์" เขาสบทด้วยความไม่พอใจ
"ถึงจะเป็นเทวทูต แต่พลังของมันมากกว่าเจ้าหลายเท่า เจ้าอย่าลืมสิว่าพ่อกับแม่มันเป็นใคร เจ้าไม่สามารถเอาชนะมันได้ ด้วยพลังอันน้อยนิดของเจ้าหรอกนะวศิน!" เขาูด้วยน้ำเสียงที่ดุดันพร้อมท่าทีขึงขัง
"โถ่เว้ย!!" วศินมีอารมณ์หงุดหงิด พร้อมกับมือที่ทำลายข้าวของข้างทางไปด้วย "ถ้าข้าอ่อนแอขนาดนั้นแล้วข้าจะขึ้นคลองบัลลังก์ได้อย่างไร"
"เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป เจ้ามีข้าอยู่ทั้งคน ข้าจะช่วยเจ้าเองหลานรัก" สิ้นเสียงู เขาก็แสยะยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์ออกมาทันที
หญิงวัยกลางคน เดินไปมาในบ้านเพื่อไล่ปิดประตูหน้าต่าง เมื่อมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง ทำให้รู้ว่าตอนนี้เวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว เธออยู่ในบ้านเพียงลำพังเพราะลูกชายยังไม่กลับจากมหาลัย ผู้อาศัยอีกคนก็ยังไม่กลับมาเช่นกัน
วันนี้ท้องฟ้ามืดสนิท ไร้ซึ่งดวงดาวบนท้องฟ้า และแสงสว่างจากดวงจันทร์ แสงไฟบนถนนก็ไม่สว่างเท่าที่ควรทำให้เธอไม่เห็นสิ่งผิดปกติที่อยู่ภายนอก
"เราจะลงมือกันวันนี้! " หนุ่มใหญ่ประกาศกร้าว ให้ชายอีกคนได้รู้
เขาพยักหน้าตอบรับคำูด้วยสายตาที่มุ่งมั่น
"แน่ใจใช่ไหม ว่าพวกมันจะยังไม่กลับมาตอนนี้!?"
ชายหนุ่มถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
"แน่ใจ" หนุ่มใหญู่เสียงเข้ม
"งั้นผมจะไปจัดการกับลูกชายมัน ผมฝากทางนี้ด้วย"
พวกเขาเริ่มทำตามแผนการที่ได้เตรียมไว้ ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินแยกออกไปจากที่ ที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่ พร้อมกับชายร่างสูงใหญ่อีกสี่ห้าคน เขามองซ้ายขวาเมื่อเห็นทางสะดวก เขาจึงสยายปีกแล้วบินขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับกลุ่มชายพวกนั้นแล้วลับหายไป
วันนี้เด็กหนุ่มเลิกเรียนช้ากว่าปกติ เพราะต้องอยู่ทำกิจกรรมที่มหาลัย เขาหยิบมือถือออกมาเพื่อดูเวลา ตัวเลขบนหน้าจอแสดงให้เห็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว ท้องฟ้าที่เคยสว่างด้วยแสงอาทิตย์ บัดนี้ได้มืดสนิทและไร้ซึ่งแสงจันทร์
"เห้ยไอรุศ มึงกลับยังไงว่ะ" ชลธีูพร้อมกับเดินมากอดคอวรุศที่ยืนมองโทรศัพท์อยู่
"เดี๋ยวเรียกแท็กซี่กลับอ่ะ"
"เออ ดึกแล้วรีบกลับนะมึง"
"แล้วมึงอ่ะ กลับยังไง"
"เดี๋ยวพ่อกูมารับอ่ะ มึงให้กูไปส่งไหมละ?"
"ไม่ต้อง ๆ บ้านก็คนละทางจะวนไปวนมาทำไม เกรงใจพ่อมึง" เขารีบปฏิเสธทันควัน "เออ กูไปละ ยิ่งดึกรถยิ่งไม่มี"
เวลากลางคืนถนนในซอยนี้ ไม่ค่อยมีรถขับผ่าน ทำให้วรุศต้องเดินเท้าเพื่อไปขึ้นรถที่ถนนใหญ่
ทางเดินไม่ค่อยมีแสงสว่างมากนัก เพราะผู้คนที่อาศัยอยู่ในตึกอาคารและบ้านเรือน ต่างพากันปิดไฟเพื่อหลับนอนกันบ้างแล้ว
เด็กหนุ่มเดิน ๆ หยุด ๆ หันกลับไปมองด้านหลัง เป็นระยะ ๆ เขารู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังเดินตามเขาอยู่ตลอดเวลา
"ก็ไม่มีอะไรนี่หว่า! หลอนไปเองหรอกู!" เขาขมวดคิ้วให้กับความคิดของตัวเอง
ด้วยความกลัวและอาการหลอนของเขา เด็กหนุ่มเลยรีบสาวเท้าเร็วขึ้นกึ่งเดินกึ่งวิ่ง เดินไปได้ไม่ไกล เขาก็ต้องหยุดชะงักนิ่งไปชั่วขณะ เพราะมีชายสองสามคนใส่ชุดคล้ายชุดเกราะที่มาจากสงคราม เหมือนกับหนังที่เขาเคยดูยังไงยังงั้น ยืนอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมกับอาวุธที่ดูคล้ายหอกแหลม
"เชี่ย! อะไรว่ะเนี่ย!" เขาสะดุ้งโหยงและสบทเบา ๆ ในลำคอ ก่อนจะค่อย ๆ เดินถอยหลังอย่างช้า ๆ และหันหลังกลับไปเพื่อเดินกลับทางเก่า แต่เขาก็ต้องหยุดเดินทันที เพราะตรงหน้าเขาตอนนี้ยังมีชายอีกสองคนที่แต่งชุดคล้ายกันพร้อมอาวุธที่ถืออยู่ในมือ
เขาได้แต่หันซ้ายแลขวาสลับกันไปมา เพื่อมองพวกที่แต่งชุดแปลกประหลาดอยู่ตรงนั้น! เขารู้สึกได้ถึงความไม่ปลอดภัยและความหน้ากลัว เขาไม่กล้าที่จะเดินหรือวิ่ง ได้แต่ยืนนิ่ง ๆ อยู่กับที่
"สวัสดี พี่ชาย"
เสียงูเย็นยะเยือกที่ออกมาจากความมืด ทำให้วรุศถึงกับขนลุกซู่
"คะ...คุณเป็นใครครับ" เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
"อ่อ! ผมคงลืมแนะนำตัวไป" เสียงฝีเท้าเริ่มดังเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ๆ จนมองเห็นหน้าเจ้าของเสียงได้อย่างชัดเจน "ผม วศิน เป็นน้องชายของคุณ ท่านพ่อคงไม่ได้เล่าเรื่องของผมให้คุณฟังใช่ไหม!?" เขาูออกมาพร้อมกับสายตาอาฆาตที่จ้องเขม็งเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
"น้องชาย!?" วรุศขมวดคิ้วมุ่น
"ใช่! น้องชาย แต่ผมก็ไม่ได้อยากมีพี่น้องหรอกนะ เพราะการมีพี่น้อง มันเป็นสิ่งที่ขว้างทางผมอยู่!!" เมื่อสิ้นเสียงูเขาได้สั่งให้เหล่าองครักค์ไปจัดการกับวรุศทันที
เด็กหนุ่มโยนกระเป๋าที่สะพายมาด้วยใส่คนแปลก ๆ พวกนั้นด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบก้าวเท้าวิ่งหนี
"ตามไปจัดการมัน!" เขาูด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด
วรุศวิ่งหนีอย่างไม่หยุดพัก แม้จะเหนื่อยหอบแค่ไหนก็ตาม เมื่อเขาคิดว่าเขาวิ่งมาไกลมากพอแล้ว เขาจึงหยุดพักเพื่อหายใจ แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันหลังกลับไปมองว่าพวกนั้นยังตามมาอยู่รึเปล่า
เสียงหายใจเหนื่อยหอบดังขึ้นลงไม่หยุดจากปากและคอที่แห้งผาก เขารีบตั้งสติและคิดหาวิธีเพื่อหาทางหนีทีไล่
เสียงของเหล็กกล้าที่ดังกระทบกันไม่หยุด ทำให้วรุศต้องเอามือขึ้นมาปิดปากตัวเองเพื่อไม่ให้มีเสียงเล็ดลอด คนแปลกประหลาดพวกนั้นยังคงเดินวนเวียนกันไปมาไม่หยุด มันอยู่ห่างจากจุดที่เขาหลบซ่อนไม่ไกล
วรุศค่อย ๆ ยืนขึ้นแล้วเดินถอยหลังอย่างช้า ๆ และเบาที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ เมื่อเขาเตรียมตัวจะหันหลังกลับไปเพื่อหนี เขาก็ต้องอึ้งกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า กำแพงสูงใหญ่ที่ขว้างทางอยู่บ่งบอกได้เลยว่าทางตรงนี้ถูกปิดหรือเรียกง่ายๆ ก็คือทางตัน เขาหลงเข้ามาในซอยตัน "-่าเอ่ย เอาไงดีว่ะ!"
"อยู่นี่นี้เอง!"
เขาสะดุ้งโหยง หันขวับกลับมาหาต้นเสียงเมื่อครู่ ด้วยอาการตกใจขั้นสุด "คุณทำแบบนี้ทำไม!?"
"เพราะฉัน! ต้องเป็นบุตรคนแรกและคนเดียวเท่านั้น ฉันถึงจะมีสิทธิขึ้นครองบัลลังก์แห่ง์" น้ำเสียงที่ดุดันและสีหน้าเคร่งขรึมทำให้วรุศยิ่งรู้สึกกลัว
"ผมไม่ได้สนใจบัลลังก์บ้าบอของพวกคุณสักหน่อย" เขาูด้วยอารมณ์ที่เริ่มหงุดหงิด
"ฮึฮึ! ถึงแกไม่ได้อยากได้มัน แต่เพราะมีแกอยู่ฉันจึงไม่มีสิทธิ! เพราะฉะนั้นอย่าอยู่เลย!"
เมื่อวศินูจบเหล่าองครักค์ก็กรูกันเขาไปเพื่อหวังจะทำร้ายเขา วรุศพอจะต่อสู้เป็นอยู่บ้างเพราะเขาเรียนเทควันโด้ได้สายดำ เสียงกำปั้นที่กระทบกับหมวกเหล็กทำให้รู้สึกถึงความเจ็บปวด "โอ้ย เจ็บชิบหาย!" วรุศหันซ้ายหันขวาเพื่อหาอาวุธมาใช้ในการต่อสู้ เขาหยิบท่อนเหล็กที่วางทิ้งไว้อยู่ตรงนั้นขึ้นมา แล้วง้างสุดมือเพื่อฟาดลงไปยังคนที่กำลังวิ่งเข้ามาหาเขา
ชึก! ปลายหอกแหลมสบัดเฉียดแก้มขาวใสและอวบอิ่ม ทำให้แก้มที่เคยขาวบัดนี้มีของเหลวสีแดงไหลซิบออกมา เด็กหนุ่มลูบปัดไปที่แก้มของตัวเองเพื่อเช็ดมันออก และวิ่งกลับเข้าไปต่อสู้อย่างดุเดือดเพื่อเอาชีวิตรอด
#ความรักจาก์
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??