เรื่อง ทำไมมาอยู่ในร่างลูกวะ?

ติดตาม
ตอนที่ 4 นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ
ตอนที่ 4 นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ
  • ปรับสีและขนาดตัวอักษร



(เรื่องราวที่เขียนเป็นจินตนาการนะคะ ไม่ใช่ความเป็นจริง เป็นแค่นิยายเด้อ อ่านสนุกๆคลายเครียดนะคะ)







"อือปวดฉี่จัง..... อ๊ะ! ทำไมลุกไม่ขึ้น เป็นอะไรเนี่ย เหมือนโดนซ้อมมาเลย " ผมที่ตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกปวดฉี่มาก แต่มันลุกไม่ขึ้น พยายามมองหาปราบให้พาไปเข้าห้องน้ำ แต่ก็ไม่เห็น



"ปราบ ปราบอยู่ไหนอ่ะ พาอิงไปเข้าห้องน้ำหน่อย ลุกไม่ไหวอ่าาาา" ผมตะโกนเรียกหาปราบ เพราะตอนนี้ยังรู้สึกเมื่อยตัวแม้จะดีขึ้นมานิดหน่อย จากที่ได้นอนพักก็เถอะ แต่ยังปวดตัวอยู่เลย



แต่.....เงียบ  ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก..... โอ้ย.....ไม่รอแล้ว! ปวดจนจะราดอยู่แล้ว !! 



ผมพยายามลุกดันตัวเองขึ้นมานั่ง แล้วพลิกตัวไปด้านข้าง เพื่อจะลงจากเตียง แต่ไม่รู้พลิกตัวไปอีท่าไหน.......




"เฮ้ย!!  โอ๊ยยยยยยยย...."



ผมตกลง....มาจากเตียงครับ โคตรเจ็บ!และโคตรจุก! ทำไมเตียงมันสูงจังวะสูงมากกกก




แอ๊ดดด ปัง!! 



ผมที่กำลังปวดฉี่มาก และยังจุกเจ็บก้น จากแรงกระแทกที่ตกมาจากเตียง อยู่ๆประตูห้องก็เปิดพรวดออกมา



"หนู!!! เจ็บมากไหมลูก...พวกมึงเฝ้ากันยังไง ห๊ะ!! แค่กูออกไปทำธุระแปปเดียว แมร่งไม่ได้เรื่องกันสักตัว " ปราบถลาเข้ามาจับผมที่นั่งเจ็บอยู่ ลูบหัวปลอบ และอุ้มผมขึ้นมาจากพื้นด้วยความเป็นห่วง



ผมไม่ตอบคำถามปราบเพราะยังเจ็บอยู่จนเริ่มหายจุกจนพอจะพูดไหว จึงตอบกลับปราบไป

"ปวด...ฉี่ พาไปเข้าห้องน้ำหน่อย...ตอนนี้ๆ"



ปราบอุ้มผมพาไปเข้าห้องน้ำ แล้วค่อยๆวางผม กับโถรองนั่งอย่างเบามือ



ผมรีบทำมือไล่ให้ปราบออกไป เพราะถึงแม้ เราจะโบ๊ะบ๊ะอยู่กิน และได้เสียกันมาหลายปี ผมก็ยังเขินอยู่นะ! ใครอยากให้ผัวมาเห็นจู๋ที่กำลังจะฉี่กันเล่า!!



ปราบทำหน้างงแปปนึง ก่อนจะยิ้มและส่ายหัวให้ผม

"อะไรกันเรา หื้มมม ตัวแค่นี้ รู้จักเขินเป็นแล้วเหรอ มีอะไรเรียกพ่อปราบนะครับ" ปราบเอามือมาขยี้หัวผม แล้วเดินออกจากห้องน้ำ แต่ไม่วายยืนรอเฝ้าอยู่ตรงประตูห้องน้ำแถมไม่ปิดประตูด้วย!  เหอะ! ทำผมเป็นเด็กน้อยไปได้ ผมโตแล้วนะ!



ผมจัดการดึงกางเกงลง ทำธุระอย่างรวดเร็ว เมื่อทำธุระเสร็จคว้าสายฉีดมาทำความสะอาด ก่อนจะไปหยิบกระดาษชำระ มาเช็ดอิงน้อยของตัวเอง



"เฮ้ย!!! เชี่ย!! อะไรวะเนี่ย" ทำไมจู๋ผมเล็กลง เล็กแบบมากๆ



ปราบที่ยืนอยู่หน้าห้องน้ำ ได้ยินผมร้อง รีบเปิดประตูเข้ามา

"เป็นอะไรครับลูก! เจ็บอะไรตรงไหนบอกพ่อปราบเร็ว! "



ผมไม่ตอบ เพราะกำลังตกใจมาก นอกจากจู๋ผมที่เล็กลงแล้ว ผมเพิ่งได้สังเกตตัวเองชัดๆ มือ!ขา! ตัวผม! และทุกสิ่งบนร่างกายเหมือนจะเล็กลงด้วย!?



นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย !!!



หรือผมถูกลักพาตัวไปทดลองย่อส่วน เหมือนในหนังที่ดูกับลูกเมื่อวันก่อน?


แล้วลูกผมล่ะไปไหน ถูกลักพาตัวด้วยไหม ? หรือนี่คือความฝัน...



ลองหยิกขาตัวเอง เชี่ย!...เจ็บวะ แมร่ง มันเรื่องจริงใช่ไหม!



ผมที่กำลังงง และสติแตกอยู่ ได้ยินเสียงปราบ และแรงเขย่าตัว ทำให้มีสติขึ้นมานิดหน่อย ผมเงยหน้ามองปราบ บอกให้ปราบช่วยพาผมไปที่หน้ากระจกหน่อย



ปราบทำตามโดยไม่อิดออด ผมที่ถูกปราบอุ้มกำลังพาไปหน้ากระจกระหว่างที่เดินไปผมหลับตาไว้ตลอด สวดภาวนาขอให้มันเป็นแค่ฝันมันไม่ใช่เรื่องจริง



ตอนนี้น่าจะอยู่ หน้ากระจกแล้ว ดูจากฝีเท้าปราบที่หยุดนิ่งจากนั้นผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา......




แมร่งเอ้ย!! เกิด-่าอะไรขึ้นวะ ทำไมฟื้นขึ้นมาแล้วอยู่ในร่างลูกชาย?? WTF!!!




ผมร้องไม่ออก ได้แต่ตะโกนอยู่ในใจ ผมตัวเล็กลงจริงๆแต่ไม่ใช่ผมที่ย่อส่วนนะ มันเป็นผมที่เหมือนจะอยู่ในร่างของลูกชาย "น้องอิงแอบ" และใช่อยู่ในร่างลูกชายจริงๆ ผมจำได้ ทำไมผมถึงแน่ใจว่าเป็นร่างลูกชายเพราะรูปร่างที่เล็กลง แล้วไหนจะขี้แมลงวันใต้ปากที่มีเหมือนกันกับผมของน้องอิงแอบจะอยู่มุมซ้ายชิดริมฝีปากเลย ต่างจากผมที่อยู่ห่างจากริมปากออกมาเล็กน้อยแล้วอีกอย่างถ้าผมตัวย่อส่วนลง ปราบคงจะไม่นั่งนิ่งอยู่แบบนี้หรอก ก็ยังว่าอยู่....ทำไมปราบถึงเรียกผมว่าลูก?



ผมกวาดสายตามองตัวผมในกระจกซ้ำๆอีกที พบว่ามีร่องรอยฟกช้ำตามร่างกาย อยู่เกือบจะทั่วตัว

นี่ผมตายไปแล้ววิญญาณเข้ามาอยู่ในร่างลูกจริงๆหรอวะ? หรือยังไง มันมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง มันมีแต่ในนิยาย มันไม่ใช่ชีวิตจริง ม่ายยยยย!!!!! แล้วลูกผมล่ะหายไปไหน ทำไมวิญญาณผมถึงอยู่ในร่างของลูก..


ผมพยายามนึกจนกระทั่ง....



ผะ.....ผม...จำได้แล้ว ก่อนหน้านี้ผมกับลูกขับรถกลับ และเราเกิดอุบัติเหตุ รถชนต้นไม้ความจำสุดท้ายผมยังกอดลูกผมแน่นอยู่เลย....




"ปราบ.....อิงแอบล่ะ อยู่ไหน บอกที" ผมเอ่ยถามปราบด้วยเสียงอันสั่นเครือ ภาวนาขอให้ลูกปลอดภัย อย่างน้อยแค่เราสลับร่างกันก้อยังดี



"ก็หนูไงครับอิงแอบ หนูจำตัวเองได้ไหมว่าชื่ออะไร หรือว่าจำไม่ได้? หนูปวดหัวมั๊ย? เฮ้ย!! ใครอยู่ข้างนอก ไปตามหมอมาเดี๋ยวนี้!!! "ปราบคงคิดว่า หัวสมองผมได้รับความกระทบกระเทือน จำผิดจำถูกแน่ๆ 

ตอนนี้ผมคืออิงแอบ ต้องถามหาอิงอิงสิ แล้วความคิดที่ผมจะบอกปราบว่าสลับร่างกัน ตอนนี้คงไม่เหมาะ ปราบคงหาว่าผมเพ้อเจ้อแน่ๆ

และก่อนที่ลูกน้องปราบจะได้ไปตามหมอ ผมเลยเอ่ยเปลี่ยนคำถามไปใหม่



"อิงอิงล่ะ อยู่ไหน พาไปหาหน่อย" ปราบเงียบไม่ตอบ แต่ดวงตาที่แดงช้ำอยู่ เริ่มคลอไปด้วยน้ำตาดวงตาสั่นระริก


"ปราบ อิงอิงล่ะ อิงไปไหน บอกมาเดี๋ยวนี้ จะไปหาอิงอิง " ผมดิ้นอยู่ในอ้อมกอดที่สั่นของปราบ ดูจากอาการของปราบผมเริ่มจะรู้อะไรบ้างแล้ว ร่างผมจะต้องเป็นอะไรแน่นอน ไม่งั้นปราบจะไม่เเสดงอาการแบบนี้




"อิงแอบ..... อิงอิง...ไปอยู่บนสวรรค์แล้ว ตอนนี้.....หนูอยู่กับพ่อปราบแค่สองคนนะครับ.." เสียงอันสั่นไหวของปราบ และคำพูดที่ปราบตอบมา ทำให้ผมร้องไห้โฮทันที....



'อิงแอบลูก....ทำไมไม่เป็นแม่ที่ต้องไป ทำไมหนูไม่ได้อยู่ตรงนี้...... พระเจ้าต้องการให้ผมอยู่ไปเพื่ออะไร ในเมื่อตอนนี้ลูกของผมไปจากผมแล้ว แล้วผมจะอยู่ยังไง ให้ผมได้อยู่ต่อเพื่ออะไร......'



ผมได้แต่ร้องไห้ออกมา.... ไม่มีคำพูดอะไรนอกจากเสียงร้องไห้....ของผมกับปราบ ที่ดังอยู่ในห้องพักผู้ป่วยVIPในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง





สรุปสุดท้าย ผมได้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น ผมและอิงแอบเกิดอุบัติเหตุ ร่างของผมหัวใจหยุดเต้นตรงจุดเกิดเหตุ และถูกปั้มหัวใจจนเต้นอีกครั้ง แต่สุดท้ายช่วยไว้ไม่ได้ เพราะร่างกายได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรง ทำให้เสียชีวิต...

ส่วนอิงแอบไม่เป็นอะไรมากมีแต่รอยฟกช้ำตามร่างกายน่าจะเป็นเพราะผมเป็นคนไปรับแรงกระแทกแทนลูกเอง ตอนที่รถโรงพยาบาลเข้าไปช่วยเหลือพบตัวผมกอดลูกไว้แน่นเลย

แต่ปราบบอกว่า อิงแอบ หัวใจหยุดเต้นตรงจุดเกิดเหตุเช่นกัน หมอยังบอกว่า อิงแอบช็อคจนหัวใจหยุดเต้น แต่อยู่ๆหัวใจกลับมาเต้นอีกครั้ง หลังจากที่หมอ และพยาบาลพยายามปั้มหัวใจ เพื่อช่วยชีวิต(น่าจะเป็นวิญญาณผมเข้ามาอยู่ในร่างอิงแอบพอดีแน่ๆ)



ทุกคนอาจจะเเปลกใจว่า ทำไมปราบถึงเล่าเรื่องราวให้เด็ก 6 ขวบ ฟังหมดเลย.....เพราะพวกผมจะสอนให้ลูกรับความจริง อยู่กับความเป็นจริง มันก็ไม่น่าแปลกใจ ที่ปราบจะเล่าเรื่องราวให้เด็กที่อายุ เพียง 6-7 ขวบรู้ แต่อาจจะเลี่ยงคำบ้าง เช่นคำว่าตาย เป็นไปอยู่บนสวรรค์แทน และคำพูดอะไรที่อาจจะรุนแรงจะไม่เอ่ยออกมา




นอกจากเรื่องราวอุบัติเหตุที่ได้รู้ อีกอย่างที่ผมรู้คือ พิธีฝังศพร่างของผม ได้เสร็จเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ 5 วันที่แล้ว เท่ากับว่าผมนอนอยู่โรงพยาบาลมาหลายวันแล้ว หลังจากเกิดเหตุ





ผมร้องบอกปราบว่าอยากกลับบ้านแล้วเพราะเบื่อไม่อยากอยู่โรงพยาบาล (จริงๆแล้วตัวผม อยากไปนอนที่ห้องนอนของอิงแอบ.....คิดถึงอยากไปกอดหมอน ผ้าห่ม และมองสิ่งต่างๆ ของอิงแอบ ฮือๆ ผมคิดถึงลูก)


ปราบขอให้คุณหมอตรวจร่างกายผมอย่างละเอียดยิบ จนแน่ใจว่าผมปกติ 100% ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง



พอถึงบ้านผมรีบวิ่งขึ้นไปในห้องนอนอิงแอบทันที ปราบเดินกึ่งวิ่งตามผมมาติดๆ ระวังข้างหลังเผื่อผมจะล้ม หรือตกบันไดไป พอถึงห้องอิงแอบ ผมให้ปราบอุ้มผมขึ้นไปบนเตียงนอน จากนั้นผมก็กลิ้งตัวไปมาบนที่นอนสูดหอม กลิ่นกุหลาบอ่อนๆ ที่เป็นกลิ่นประจำของเจ้าของห้อง



ปราบนั่งลงข้างๆ เห็นผมที่นอนคว่ำหน้าอยู่ ก็อุ้มพลิกตัวผมขึ้นมา"นอนคว่ำ เดี๋ยวหายใจไม่ออกนะอิงแอบ มานี่มาเดี๋ยวพ่อปราบอุ้มให้นอนดีๆ"


ปราบนอนพิงไปกับหัวเตียง แล้วจับตัวผมให้นอนพิงหลับไปบนตัวปราบ พลางลูบหลังกล่อมผมไปเรื่อยๆ ผมที่กำลังนอนจมกับความคิดถึงอิงแอบ อยู่ๆปราบเอามือมาเกลี่ยน้ำตาผมที่ไหลออกมาไม่หยุด ผมร้องไห้อีกแล้ว น้ำตาผมไหลไม่หยุดเลย เสียใจ....ผมน่าจะดูแลอิงแอบได้ดีกว่านี้



"ฮึกๆ.......ฮึกๆ...."



"อิงแอบครับ หนูร้องไห้ทำไมครับ..... หนูคิดถึงอิงอิงใช่ไหม.. พ่อปราบก็คิดถึงเหมือนกัน คิดถึงมากๆเลย...."






ผมเผลอหลับไปอีกแล้ว มองหาปราบไม่เจอ ไม่รู้ไปไหน สงสัยอยู่ในห้องนอนของเราสองคน ตอนนี้น่าจะมืดแล้ว ไม่เห็นแสงส่องเข้ามาเลย ผมลุกขึ้น ค่อยๆปีนลงจากเตียงนอนขาผมมันสั้นอ่ะเลยขึ้นลงลำบาก กว่าจะลงมาได้ ก็หาจังหวะลงอยู่นาน ....เฮ้อเหนื่อยฉิบ!



ผมเดินออกมาจากห้องอิงแอบ มุ่งหน้าไปห้องนอนของผม ผมที่เดินไปเรื่อยๆ ใกล้จะถึงห้องนอนที่เหมือนจะปิดประตูไม่สนิท ก็ได้ยินเสียงสามีของผมร้องไห้อย่างน่าสงสาร ร้องดังมากๆ 

ตั้งแต่เราคบกันมา 10ปี ไม่เคยเห็นปราบร้องไห้เลย ครั้งนี้ครั้งแรก และเป็นการร้องที่หนักมากๆ ปราบเขารักผมมากผมรู้ และผมก็รักปราบมากๆเช่นกัน หากตอนนี้ผมตกมาอยู่ในสถานะเดียวกันกับปราบ ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะอยู่ได้ยังไงต่อไปเหมือนกัน........




ผมค่อยๆเดินเข้าไปหาปราบ ที่นั่งร้องไห้พิงอยู่ปลายเตียงนอนรอบๆ มีขวดเหล้าที่ดื่มหมดไปแล้ว 2-3ขวด กลิ่นเหล้าคละคุ้งทั่วห้องไปหมด



ปราบเป็นคนคอแข็งมาก กินเหล้าเก่ง แต่นี่เหล้าหมดไป2-3 ขวด ถ้าเป็นผมคงเมาอ้วกแตกไปแล้ว แต่สภาพปราบที่เห็น มีแค่เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ปลดกระดุมออก กับเน็คไทที่คลายออกไว้หลวมๆ แต่ยังคงความหล่อเหลาไว้ โคตรฮอตเลยสามีผมหล่อมากก 

อ้าว! ไม่ซิผมนี่หลงประเด็นไปเยอะเลย ต้องไปปลอบให้หายเศร้าถึงจะถูกผมกระโดดเข้าไปนั่งบนตักของปราบ ใช้แขนโอบคอไว้แน่น แล้วลูบหลังปลอบ.....



ปราบตกใจรีบคว้าตัวผมไว้ กลัวจะหงายหลัง เห็นมั้ยบอกแล้ว สามีผมเขายังไม่เมามากเท่าไหร่หรอก ไม่งั้นจะคว้าผมไว้ทันได้ยังไง



"ไม่ร้องนะ โอ๋ๆ มากอดกันๆ" ผมพูดปลอบปราบ


"ครับลูก พ่อปราบขอบใจมากนะครับ" ปราบลูบหัวผม และกอดผมกลับ เราสองคน (พ่อและลูกในนาม)กอดปลอบกันไปเรื่อยๆ จนผมเริ่มจะง่วงอีกแล้ว (ทำไมอยู่ในร่างเด็กถึงง่วงนอนง่ายจัง~)







TBC.



ว่าจะไม่เขียนเรื่องราวเยอะ จะเน้น NC แต่อดไม่ได้ ขอเขียนตอนนี้บรรยายเยอะหน่อยนะคะ

อย่าเพิ่งเบื่อกันน้าาาา






#ทำไมมาอยู่ในร่างลูกวะ


ไรท์เตอร์. : กูซูคือชื่อของเขาวงกต

https://twitter.com/nps_pray?t=YKqHhEeQ2Fnxhr6K4OcGtA&s=06






ตอนต่อไป
ตอนที่ 5 พระเจ้าให้โอกาส
ติดตาม

นิยายแนะนำ

นิยายแนะนำ

ความคิดเห็น

COMMENT

ปักหมุด

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited( Kawebook.com )

Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )
ที่อยู่ : 20 หมู่ที่ 6 ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร 74000
เวลาทำการ : 08 : 00 - 18 : 00 จันทร์ - เสาร์
e-mail : contact@kawebook.com

DMCA.com Protection Status

เริ่มต้นเผยแพร่ผลงาน

เริ่มต้นเป็นนักเขียนออนไลน์ เขียนเรื่องราวที่ประทับใจ สร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ และแบ่งปันประสบการ์ดีๆ กับผู้คนทั่วโลก kawebook.com เป็นโอกาส เป็นสื่อกลาง และยังเป็นอีกหนึ่งช่องทาง ในการสร้างรายได้ให้กับนักเขียนมืออาชีพ และนักเขียนมือสมัครเล่นจากทุกมุมโลก เพียงสมัครเป็นสมาชิกเว็บไซต์เพื่อเขียนหนังสือ การ์ตูน หรืออัพโหลดอนิเมชั่น ที่เป็นผลงานของท่าน และเผยแพร่ผลงานสู่สาธารณชน

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา