เรื่อง เพียงรพิพรรณผ่องด้าว {วายพีเรียดไทย}
หลังเ็การำุญที่วัดประจำราชสกุล ห่เอกได้รับรายงานานางบ่าวคนสนิททันทีที่หล่อนก้าวเท้าเหยียบแผ่นดินวังวิจิตราลัย ว่ามีหญิงสาวไม่คุ้นหน้าแต่งตัวมีชาติสกุลมาขอเฝ้าโอรสองค์เล็กของหล่อน ไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจนักสำหรับมารดาอย่างหล่อน เพราะเห็นมาจนชินตาว่า่าาเล็กทรงมักจะพาหญิงไม่ซ้ำหน้ามาที่วังบ่อย ๆ ในครั้งที่เสด็จพระองค์ชายต้องเสด็จออกราชการหัวเมืองอื่น นับเป็นเรื่องธรรมดาตามประสาผู้ชายเจ้าสำราญ หล่อนเข้าใจ
ณ ห้องโถงของตำหนักใหญ่ หญิงทั้งสองนั่งเรียงรายเป็นลำดับ นั่งจิบน้ำชาบนโซฟาราคาแพง จิกหัวเรียกใช้บ่าวคนนั้นคนี้ที ทำอย่างเย่อหยิ่งประหนึ่งจะเข้ามาเป็นนายคนใหม่ที่ตำหนักี้ก็ไม่ปาน
ผู้ดูแลตำหนักวางก้นลงนั่งตรงข้ามพวกเธอ ยังไม่ทันได้กล่าวอะไรในฐานะเจ้าบ้าน พวกเธอก็เปรยขึ้น
“่าาเล็กอยู่ไหน ฉันต้องการพบท่านประเดี๋ยวี้”
“พวกหล่อนเป็นใคร ชายเล็กไม่อยู่หรอกนะ ฉันเป็นแม่ ถ้าพวกหล่อนมีอะไรก็พูดกับฉัน อย่ามาทำยโสโอหัง แล้วนั่นสัมภาระอะไร” ตามวิสัยของผู้พูด หล่อนไม่พอใจนัก หากจะมีใครสักคนมาทำกิริยาสามหาวด้วย แล้วยิ่งเห็นขนข้าวขนของมาแบบี้ ยิ่งหวั่นใจ
“อ้อ ห่แม่เองหรือเจ้าคะ นี่สร้อยสุดาเองนะเจ้าคะ จะมาเป็นห่ของ่าาเล็กแ่วังี้” นางหนึ่งอธิบาย
อีกนางก็เสริมต่อทันทีว่า “ส่วนอีฉันชื่อวิรงรองเจ้าค่ะ จะมาเป็นห่อีกคนของ่าาเล็กเหมือนกัน”
ห่เอกเลิกคิ้วตีสีหน้าตกใจ ร่างกายอ่อนแรงในทันที พัดไม้ในมือแทบหล่นลงพื้น หล่อนไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง “นี่! อะไรกัน จะมาเป็นห่ได้อย่างไร พูดจาน่ารังเกียจเปล่า ๆ ปลี้ ๆ ไม่มีหลักฐาน อย่ามาพูดพล่อย ๆ ชายเล็กน่ะหรือ จะไปคว้าเอาผู้หญิงอย่างพวกหล่อนมาเป็นห่ หึ พวกโคมเขียว ใส่ตะกร้าล้างน้ำมาสิบรอบ ฉันก็ไม่เอาเป็นสะใภ้!”
“ห่แม่จะมาว่าพวกเราสองคนอย่างี้ไม่ได้นะเจ้าคะ ลูกในท้องของพวกเราก็เกิดา่าาเล็ก เรื่องี้ต้องมีคนรับผิดชอบเจ้าค่ะ”
“ไม่จริง! พวกหล่อนออกไปประเดี๋ยวี้เชียว คนอยู่ข้างนอกน่ะ มาเอาตัวผู้หญิงพวกี้ออกไปที!”
“ไม่ไปเจ้าค่ะ ่าาเล็กทำพวกอีฉันท้อง จะปัดความรับผิดชอบได้อย่างไร ลูกในท้องของพวกอีฉันก็เป็นห่ราชวงศ์ หลานของห่แม่ เชื้อสายศรีวิจิตรกุลนะเจ้าคะ”
หญิงวัยกลางคนแทบลมจับ คำพูดของพวกเธอยิ่งตอกย้ำการกระทำของโอรส ทั้งี้ เพราะหล่อนเองส่วนหนึ่งที่ปล่อยปละละเลยและตามหทัย่าาเล็กจนเกินไป รู้ว่าทรงเจ้าชู้ประตูดิน แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะทรงพลาดทำลูกเต้าใครที่ไหนท้อง
“อะไรนะ! พวกหนูท้องกับชายเล็กอย่างนั้นหรือ”
“เสด็จฯ!”
พระสุรเสียงนั้นทำให้ใจของห่เอกตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม หล่อนยืนไม่อยู่จนนางเผือกต้องเข้าช่วยประคับประคอง ยิ่งเสด็จพระองค์ชายทรงทราบเรื่องี้แล้ว นั่นก็หมายความว่าโอรสของหล่อนยิ่งจะดูไม่เอาถ่านขึ้นไปอีกเป็นไหน ๆ
ต่างกับ่าาเดียวที่โปรดมาก ตรัสชมตลอด เพราะไม่ทรงเคยทำเรื่องเสียหายอะไรให้เคืองพระเนตรพระกรรณของเสด็จในกรมฯเลยสักครั้ง อาจจะมีขัดใจเป็นาหน แต่ก็ไม่เคยกริ้วจนต้องออกพระโอษฐ์ไล่อย่าง่าาเล็ก
อย่างี้แล้ว จะถือว่าลูกเมียน้อยดีเด่นกว่าทุกประการก็ไม่ผิด
ห่เอกจะไม่มีวันยอมให้เป็นอย่างนั้นแน่
ห่เจ้าเพียงรพิพรรณผ่องด้าวทรงมีความมัตตัญญู ไม่กระทำสิ่งใดเกินพอดี ใช่จะทรงกระแหน่แง่งอนให้คนทางโน้นจนไม่ตรัสไม่เสวยอะไรได้นานเสียเมื่อไหร่ สุดท้ายก็ทรงปราชัยให้กับเสียงร้องประท้วงของอุทร ดำริปลอบองค์เองว่าชายคนนั้นจะมีใครอยู่แล้วก็ช่างเรื่องของเขา ไม่เอาหทัยใส่ ณ ตอนี้ขอให้ทรงอิ่มไว้ก่อน ก็เป็นพอ
นายพุดรับหน้าที่นำกระยาหาราเรือนไฟตำหนักใหญ่มาที่เรือนปั้นหยา จัดเตรียมขึ้นถวายเจ้านาย เมื่อรู้ว่า่าากลับมาเสวยได้ มันก็พลอยเบาใจไปด้วย และรู้สึกยินดีกับพันวาจาสิทธิ์ไปในที
เหมือนว่าจะกริ้วง่ายหายเร็วอย่างที่บอกไว้ไม่มีผิดจริง ๆ
“คนที่ห้องเสวยอยู่กันเยอะหรือไม่ พุด” ตรัสถาม พลางคลี่ผ้าเช็ดปากรองเพลาด้านล่างในการเตรียมเสวย เย็นี้เครื่องคาวหวานหอมโชยนาสิกจนอดหทัยไม่อยู่
“ไม่เห็น่าาทั้งสี่ของห่เอกกระห่ นอกนั้นอยู่กันครบ อ้อ กระห่เห็นผู้หญิงแปลกหน้าสองคน ถามคนที่คำหนัก เขาว่ากันว่า เป็นห่ที่ท้องกับ่าาเล็กน่ะกระห่ ไม่รู้จริงหรือเท็จ”
“หา! พูดอะไรน่ะพุด จริงหรือไม่”
“ไม่แน่ใจกระห่ แต่เห็นห่เอกสีหน้าดูเครียด ๆ ท่าจะจริง” อ้ายบ่าวทูลอย่างครุ่นคิด
“ฉันว่าแล้วเชียว ชายเล็กต้องเผลอไปทำใครท้องเขาสักวัน …แต่ก็ช่างเขาเถอะ อย่าเอาไปเล่าต่อที่ไหนล่ะ รู้ไหม”
“กระห่”
ทรงกำชับบ่าวดิบดี เพราะไม่ประสงค์ให้ไปยุ่มย่ามกับคนที่ตำหนักใหญ่อย่างพรรคพวกของห่เอกนัก รังแต่จะได้ไม่คุ้มเสียเอา
านั้นมื้อกระยาหารค่ำจึงดำเนินขึ้น ่าาเดียวก็เสวยได้มาก รสชาติอาหารฝีมือป้าฟักตำหนักใหญ่น่าจะถูกโอษฐ์ รับสั่งว่าโปรดทุกจานที่แกปรุง ตบท้ายด้วยขนมหวานสีเหลืองสดใสละไมกลิ่นน่าลิ้มลอง อย่างเสน่ห์จันทร์ ทรงฉงนอยู่หน่อย ๆ ว่าป้าฟัก ต้นเครื่องของวังทำเป็นด้วยหรือ ปรกติร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นจัดขึ้นโต๊ะเสวย แต่ก็ไม่ติดหทัย เสวยต่อด้วยอารมณ์รื่นฤดี โอชาจนทรงลืมสิ้นถึงความกรุ่นโกรธที่มีต่อคนเรือนนั้น
เสน่ห์รสหอมหวานคงจะเลอรสใช่เล่น าหลายชิ้นเมื่อครู่ ผ่านไปชั่วเคี้ยวหมากจืด ก็เหลือคำสุดท้ายเสียแล้ว โปรดจนทรงลืมแบ่งให้บ่าวทั้งสองอย่างเคยด้วยซ้ำ ใครเป็นคนทำขนมี้กัน
พอทนต์งับลงเนื้อขนม ชิ้นสุดท้ายี้ให้ความรู้สึกแปลกกว่าชิ้นอื่น นอกนุ่ม แต่ในกระด้าง ทรงกัดอย่างไรก็ไม่ขาด คล้ายมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ภายใน สุดท้ายจึงต้องทรงคายออกมาดู ถึงทรงรู้ ว่าเป็นแผ่นกระดาษที่พับและยัดซ่อนไว้ด้านใน
ก่อนจะทรงคลี่ดู รับสั่งถามกับนายพุดผู้ไปรับกระยาหารมาว่า “พุด เสน่ห์จันทร์นี่ของใคร ป้าฟักทำหรือ ทำไมถึงมีกระดาษอยู่ข้างในได้”
เมื่อนั้น จึงทรงรู้แจ้งเมื่ออ้ายบ่าวทูลตามสัจจริงอย่างก้มหน้ากล้า ๆ กลัว ๆ “ของคุณด้าวน่ะกระห่ เขาบอกว่าตั้งใจทำสุดฝีมือเพื่อถวายให้่าาองค์เดียวเลยนะกระห่ กระห่ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร จึง…”
“ทำไมไม่บอกฉันตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วนี่ฉันก็กินจนหมดเสียด้วย”
“ทรงอร่อยใช่ไหมล่ะกระห่” ทูลถามอย่างติดยิ้ม ๆ
“ยังจะมาพูดอีกนะ หึ อยู่ข้างเขาล่ะสิท่า ถึงช่วยกัน” ถึงโอษฐ์จะบริภาษ แต่ขณะเดียวกันนั้นก็ยังเคี้ยวเสน่ห์จันทร์ของอีกคนไปหนึบหนับ ก่อนหน้ารับสั่งว่าต่อให้เขาส่งจดหมายอะไรมา ก็จะไม่ทรงรับ ทว่าในยามี้ กลับรวนเร ประสงค์รู้เสียให้ได้ว่าาสารร้อยกรองเป็นคำว่าอะไร…
ถวายแถลงทูล บริบูรณ์ลุแก่โทษ
ขอองค์มิทรงโกรธ และประทานอภัยให้
หญิงนั่นประดุจน้อง มิตริตรองจะครองใจ
กระห่แถลงไข สุจริต บ เท็จทูล
ขนมเสน่ห์จันทร์ มธุอันสุคันธ์พูน
บรรจงประดิษฐ์บูรณ์ เฉพาะฝ่าพระบาทเดียว
สักนิดก็ยังดี ธ จะมีเสบยเจียว
พระโอษฐ์สรวลเสี้ยว ขณะเดียวก็ชื่นใจ
“เหอะ! ทำมาเป็นขอโทษขอโพย นึกว่าคำหวาน ๆ ของเธอจะเป่าหูฉันได้หรืออย่างไร พ่อสุนทรโวหาร” ทรงพึมพำแผ่วเบาหลังาทรงอักษรบทอุปชาติฉัน๑๑เ็ ยังผลให้สองบ่าวใกล้ ๆ มองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“่าาจะทรงอักษรกลับถึงเขาหรือไม่กระห่ กระห่ขอนำไปส่งให้ คุณด้าวจะได้รู้ว่าเสวยแล้ว” นายโมกทูลถาม
“ไม่ต้อง ปล่อยให้เขารอไปปะไร จะดูสิ”
ความกะบึงกะบอนอันแสนงอนยังคงปรากฏอยู่ในแววเนตร ขนมและบทกวีแค่ี้ไม่ได้ทำให้ทรงอ่อนหทัยง่าย ๆ แต่ก็ทรงยอมรับว่าเสน่ห์จันทร์ที่เขาบอกว่าตั้งใจทำเองนี่ก็อร่อยดี หากมีให้เสวยอีก ก็อาจจะพอผ่อนปรนให้ได้
ตกดึกท่ามกลางความสะงัดในวันที่ดาวที่รายล้อมดวงจันทร์ ซ้อนทับด้วยกลุ่มเมฆสีนิล เห็นเป็นชั้นพร่ามัวาแสงสว่างบนฟากฟ้า อากาศนั้นค่อนไปทางอบอ้าว ใบไม้ไม่โอนไหว ไร้ลมโกรก กลุ่มแมลงเม่าบินรุมเร้าแสงไฟคล้ายฝนจะตกในไม่ช้าี้
่าาเดียวประทับยืนอยู่หน้าแท่นบรรทม หลังาสรงน้ำให้คลายร้อนและฉลององค์ด้วยผ้าแพรตัวาใส่สบายเ็สรรพ ปรกติจะไม่เข้าบรรทมเร็วอย่างวันี้ แต่ด้วยสภาพอากาศที่แห้งระอุ ไม่สบายองค์ จึงทรงวินิจฉัยบรรทมเสีย จะได้ไม่ต้องทรงรู้สึกหงุดหงิดอะไร
ทันทีที่แสงสีส้มอร่ามาโคมไฟทางหัวแท่นบรรทมดับลง ไม่ทันไร ่าาเดียวก็ต้องทรงผวา ขวัญหนีดีฝ่อ เพราะจู่ ๆ เกิดมีท่อนแขนประหลาดเข้าสวมกอดวรกายแน่น ทรงสัมผัสได้ว่าร่างที่ซ้อนองค์อยู่ี้ เป็นบุรุษ!
หรือใครคิดประทุษร้าย ถึงได้กล้าดีทำอย่างี้ในยามวิกาล
“ฝ่าบาท”
โจรผู้นั้นเปล่งเสียง ฟังดูอ่อนนุ่มไม่กระด้างอย่างผู้ร้าย และคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นพ่อคนนั้น…
เมื่อทรงเปิดแสงไฟ ภาพที่ปรากฏชัดต่อวรพักตร์ก็ส่งเสริมตามจริงอย่างที่ดำริไว้ ไม่มีผิด
พ่อสุนทรโวหาร พ่อระเด่นมนตรี พ่อนักดนตรี พ่อขุนนางกระทรวงการคลัง แต่จะพ่ออะไรก็ช่าง ตอนี้เขาทำละลาบละล้วง ซ้ำยังไม่ยอมคลายอ้อมกอดออกอีก ประเดี๋ยวจะโดนกริ้วให้!
ในไม่ช้า ความเจ็บของมะเหงกที่เขกาผู้ทรงวัยกว่าก็พลันแล่นเข้าสู่ศีรษะชายหนุ่ม เขาร้องลั่นพร้อมกับคลายวงแขนออกเพื่อเอามือคลำหัวให้หายเจ็บ ถึงกระนั้น ก็ยังทำหน้าเว้าวอนปริ่มน้ำตาน่าสงสารต่ออีกฝ่าย
“อูยยย! ฝ่าบาท กระห่เจ็บกระห่ของกระห่นะกระห่”
“เจ็บสิดี สมน้ำหน้า เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง”
“ก็กระห่ทนรอจดหมายตอบกลับไม่ได้ ฝ่าบาทไม่ตอบกลับไป กระห่มีใจคิดถึง จึงมาหาที่เรือนเสียเลยนี่กระห่” ผู้บุกรุกทูลด้วยความสัตย์ เขาเจียนจะบ้าคลั่งอยู่รอมร่อ กินไม่ได้นอนไม่หลับ เมื่อยังค้างคาว่ายอดดวงใจหายกริ้วหรือยัง
“แต่เธอลอบเข้ามาในวัง ปีนขึ้นที่พักห่เจ้าอย่างี้ บังอาจนัก”
“ขอประทานอภัยด้วยกระห่ แต่เพราะจำเป็นจริง ๆ ฝ่าบาททรงกรุณาอย่ากริ้วให้กระห่ตัวน้อย ๆ ผู้ี้เลย ตามที่เขียนมา กระห่ขอยืนยันว่าเป็นความจริงที่สุด เรื่องแม่มาลัย กระห่ไม่เคยคิดกับเธอเกินน้องสาว”
ห่เจ้าชายทรงสดับตรับฟัง ในหทัยก็ไม่ได้คิดขุ่นเคืองให้เขาแล้ว เพราะทรงเชื่อว่าเขาจะไม่มีวันโป้ปด แต่พักตร์ที่แสร้งแสดงออกยังคงไว้เชิง แกล้งกระบิดกระบวน
“ไม่รู้สินะ เห็นหล่อนออกตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของขนาดนั้น แล้วอย่างไร ไม่ใช่เรื่องของฉันเสียหน่อย เธอกับหล่อนจะเป็นอะไรกัน ฉันก็คนนอก กลับไปเสียเถอะไป”
“โธ่ ฝ่าบาท จะทรงปั้นปึ่งไปถึงไหน ในดวงใจกระห่ไม่มีที่ว่างให้กับหล่อนนางใดที่ไหนอีกแล้ว อย่าทรงตัดรอนกันเลยนะกระห่”
“เราเป็นอะไรกันหรือเปล่าล่ะ ก็ไม่ ไม่รู้ว่าที่ใจเธอไม่ว่างว่างนั้นมีไว้สำหรับใคร แต่คงไม่ใช่ฉันกระมัง” ยังไม่ทรงเลิกแกล้ง ยิ่งเห็นคนเด็กกว่าหน้าสลดหดหู่ ก็ยิ่งสรวลในที “ไปเสียสิ หล่อนคงรอเธอกลับไปหา”
ชายหนุ่มไม่อาจบังคับหทัยผู้ทรงศักดิ์กว่า เขามันก็แค่คนสามัญที่ไม่คิดเจียมตัวก็แค่นั้น หากเจ้านายประสงค์อย่างี้ เขาก็ต้องทำอย่างนั้น ไม่มีตัวเลือกนักหรอก
ครั้นจะปีนหน้าต่างกลับลงทางเดิม เหมือนสวรรค์นึกเมตตา ส่งมหา-่าฝนกระหน่ำลงมาราวกับฟ้ารั่ว เมื่อนั้น แสงแ่ความหวังน้อย ๆ จึงลุกสว่างขึ้นมากลางหัวใจ
“ฝ่าบาท กระห่คง…”
“เออ ให้มันได้อย่างี้ซี ว่าแล้วเชียว” ทรงประชดฟ้าฝน เข้าข้างกันดีนักเรื่องอย่างี้ สุดท้ายก็ยอมหทัยอ่อนให้เขา ก็ทอดเนตรมองหน้าแล้วอดสงสารไม่ได้ อย่างกับลูกแมวหลงทาง
“คืนี้ค้างที่นี่ก็แล้วกัน พรุ่งี้เช้าค่อยกลับ” ตรัสลอย ๆ ไม่ทอดสายเนตรมอง ปล่อยให้คนฟังพิจารณาความนัยเอาเอง หทัยจริงก็ประสงค์ให้เขาอยู่ด้วยตั้งแต่แรกแล้ว แต่ทรงโอษฐ์แข็งไปอย่างนั้น
ชายหนุ่มพอยิ้มได้ อย่างน้อยก็ได้อยู่ชิดใกล้ข้ามคืน “กระห่นอนล่างแท่นบรรทมได้ใช่หรือไม่กระห่”
“อยากเจ็บหลังปวดตัวหรือไร ถ้าอยาก ก็เชิญ ถ้าไม่ ก็ขึ้นมานอนบนี้” วาจาประหนึ่งแฝงด้วยเลศนัย อะไราอย่างทำให้ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่า่าาทรงให้ท่า จะว่าอย่างนั้นก็ว่า หากใครปฏิเสธ คงโฉดเฉาเอาการ
พันวาจาสิทธิ์ไม่รอช้าในทันใด เขาไม่ได้ทำล่วงเกินหรือหมิ่นเกียรติเจ้านาย เมื่อประทานอนุญาตแล้ว เขาก็น้อมรับไว้เพียงเท่านั้น
สายลมท่ามกลางเม็ดพิรุณช่างเย็นยะเยือก ปรกคลุมไปรอบอาณาเขต เสียงกระทบบนหลังคาดังเปาะแปะไม่ขาดช่วง จนกลบเสียงเต้นระรัวของหัวใจให้มิดได้ ใต้ผ้านวมที่ห่อหุ้มเรือนร่างทั้งสองไว้ ไม่หนาพอระงับความหนาวเย็น เมื่อเทียบกับวงแขนแกร่งแต่อ่อนโยนของคนเด็กกว่าที่สอดตระกองวรองค์ไว้กระชั้นชิด จนรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นของร่างกายที่เบียดเสียดกัน
ลมเสียงกระซิบใกล้ใบกรรณของ่าาเดียวดังแผ่วร้อน นุ่มนวล ชวนให้คิดดั่งเป็นไข่ในหิน
“ทรงอุ่นหรือไม่กระห่”
“ไม่บอก แต่เธอคงกอดแบบี้กับแม่จินตหราวาตีของเธอมาแล้วสิท่า ระเด่นมนตรี” นอกาทรงกวน แล้วยังตรัสชวนให้หาข้อจับผิดเขาอีก จินตหราวาตีที่ว่าก็คงหนีไม่พ้นแม่มาลัยเป็นแน่
“หามิได้กระห่ นั่นในวรรณคดี แต่สำหรับกระห่แล้ว มีเพียงนางบุษบาเท่านั้น”
“หึ อย่างนั้นก็เสียใจด้วย ที่นี่ไม่มีนางบุษบาให้เธอกอดหรอกนะ”
“แต่มีสียะตรานะกระห่”
“สียะตราก็แค่เด็กที่ถูกิเาหลอกใช้ เจ้าเล่ห์เพทุบายอย่างเธออย่างไรเล่า พ่อคนปากเป็นเอก”
กล่าวถึงอนุชาของนางบุษบาที่ิเาเคยร่วมเรียงเคียงหมอนด้วย ก็ไม่ต่างกัน แต่สำหรับเขา ดูท่าแล้วคงเป็นได้แค่จรกา ที่หมายปองดอกฟ้าอันอยู่สูง ได้ใกล้เพียงี้ก็นับเป็นบุญพาวาสนาส่งอย่างที่สุดแล้ว หวังมากกว่าี้คงยาก
ครั้นพระกุมารหลับสนิท พระโอบอุ้มจุมพิตขนิษฐา
โลมเล้าลูบไล้ไปมา สำคัญว่าบุษบานารี
พิศพักตร์พักตร์ผ่องดังเดือนฉาย พิศทรงทรงคล้ายนางโฉม
ศรี
พิศปรางเหมือนปรางพระบุตรี รัศมีสีเนื้อละกลกัน
ทั้งโอษฐ์องค์ขนงเนตรนาสา ละม้ายแม้นบุษบาทุกสิ่งสรรพ์
พระกอดจูบลูบไล้เกี่ยวพัน จนบรรทมหลับสนิทไป(1)
_______________
(1) าตอนาเรื่องิเา
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??