เรื่อง กลิ่นฟางและปีกนก
11.ลำกล่อมทุ่ง
หลังจากงานบุญบั้งไฟผ่านไปได้ไม่นาน ฝน-่าใหญ่ก็หลั่งเทลงมาปานฟ้ารั่ว นับเป็นความมหัศจรรย์สำหรับชาวท้องทุ่งนาวังโกยิ่งนัก
การแข่งขันจุดบั้งไฟของฝนขอฟ้าจากพญาแถนในครั้งนี้ปรากฏว่าบั้งไฟของอ้ายจารย์คำหล้าที่นำมาจุดแข่งขัน ซุคาฮ้าน คือบั้งไฟแตกระเบิด ไม่ได้พุ่งจากฐานขึ้นสู่ท้องฟ้าเหมือนบั้งไฟของคนอื่นๆ ทำให้เพื่อนๆชาวทุ่งนาวังโกต่างพากันวิ่งมาอุ้มเอาอ้ายจารย์คำหล้าไปยังหลุมโคลนตมใกล้ๆกับฐานที่ใช้จุดบั้งไฟนั่นเอง อ้ายจารย์คำหล้าพยายามที่จะดิ้นรนให้หลุดพ้นจากการถูกหามไปลงเกลือกขี้ตม แต่ก็สู้แรงของชาวบ้านไม่ไหว จึงต้องเลยตามเลย ผลก็คือร่างกายของอ้ายจารย์คำหล้าเปียกเปื้อนขี้โคลนตมเลอะเทอะไปทั้งตัว
ผู้คนต่างบ้านต่างถิ่นพากันเดินทางมาร่วมงานบุญบั้งไฟบ้านโสกของเฮาอย่างมากหน้าหลายตา เสียงรำเซิ้งบั้งไฟในงานดังว่า..โอเฮาโอ่พวกเซิ้งเฮาโอ ขอเหล้าเด็ดนำเจ้าจักโอ ขอเหล้าโทนำเจ้าจักขวด..." บางกลุ่มก็พากันร้องว่า..มาฮอดนี้เป็นที่เฮือนไผ เฮือนผู้ใดมางามอาดหลาด บ่ได้ห้าบาทหลานน้อยกะบ่หนี ตายเป็นผีสินำมาหลอก ออกจากบ้านสิหว่านดินนำ"
เสียงหมอลำบุญเพ็ง สลับกับเสียงหมอลำเคนฮุดได้ขับกล่อมผ่านมาทางวิทยุทรานซิสเตอร์จากนาของแม่ใหญ่สา ญาติพี่น้องของพลทหารเต่ที่สมัครไปเป็นทหาเสือพรานอาสาไปรบเมืองลาว วิทยุเครื่องขนาดใหญ่นี้ใช้ถ่านไฟฉายตรากบถึง8ก้อน อ้ายทิดดมชอบเปิดวิทยุเสียงดังก้องไปทั่วทุ่งนาวังโก คำปันนำควายบักตู้ของเขาที่เพิ่งปลดแอกไถ นำไปปล่อยเล็มหญ้าข้างดอนป่าจิก และนำควายอีเขาเลมาให้อ้ายจารย์คำใส่คราดนาอีกทีหนึ่ง การคราดนาก่อนปักดำจะช่วยให้ก้อนขี้ไถแตกละเอียด ง่ายต่อการปักดำขาวกล้า
"บักอ่อนจันทร์มาเก็บปลาขี้คราดเด้อ อย่าสิเอาแต่เล่นหลาย" คำปันเอิ้นเรียกบอกน้องชายเสียงดัง ซึ่งตอนนี้ เขากำลังเอาตั๊กแตนเสียบไม้ล่อตัวต่ออยู่ใกล้ๆดอนป่าจิก ในฤดูฝนตัวต่อจะออกจากรังมาหาอาหารไปเลี้ยงตัวอ่อนในรังของมัน การจะรู้ว่ารังต่ออยู่แห่งใหน เขาจะใช้ตั๊กแตนเสียบไม้ล่อตัวต่อ เมื่อตัวต่อจิกกัดตัวตั๊กแตนมันจะพาบินไปหารังของมัน ซึ่งยังมีตัวอ่อนรอคอยอยู่ พวกเขาต้องวิ่งตามมันไปเรื่อยๆบางครั้งถ้ารังของตัวต่ออยู่ใกล้ๆดอนป่าจิก พวกเขาจะเห็นมันได้โดยง่าย แต่ถ้ารังของตัวต่ออยู่ไกลห่างออกไป มันจะบินวนขึ้นสูงแล้วหายไปเลย
" เห้ยพวกสูทำอะไรกันอยู่ รีบไปหาบกล้ามาดำนาได้แล้ว" แม่ทองออนร้องบอกลูกชายทั้งสองคนให้พากันไปหาบกล้าจากแปลงนาใกล้ๆเถียงนาลงมาที่นาลุ่ม เพราะตอนนี้อ้ายจารย์คำหล้าคราดนาเสร็จแล้ว ทองพันพี่สาวของพวกเขากำลังใช้สวิงช้อนเอาปลาขี้คราดอยู่อย่างขมักเขม้น ปลาขี้คราด คือปลาเล็กปลาน้อยที่อยู่ตามนาลุ่ม เมื่อถึงยามฤดูทำนา ปลาช่อน ปลาดุก ปลาหมอ จะออกมาวางไข่ และออกลูกเป็นปลาลูกครอก นานวันเข้าฝูงปลาเหล่านี้จะเริ่มโตขึ้นกลายเป็นปลาเล็กปลาน้อยในแปลงนา เหมือนกับกบ เขียด นั่นเอง
ชาวท้องทุ่งนาวังโกจึงมีอาหารจากสัตว์เหล่านี้กินตลอดปี บางวัน การปักดำรีบเร่ง ไม่มีเวลาไปหาอาหารการกิน ก็ต้องอาศัยคำปันกับน้องชายไปหาขุดหน่อไม้บ้าง เก็บเห็ดดอนป่าจิกบ้าง หรือในช่วงวันเสาร์ อาทิตย์ เด็กทั้งสองก็พากันใส่เบ็ดได้ปลามาอ่อมแกงใส่หน่อไม้ส้ม เป็นอาหารเมนูบ้านๆ แต่รสชาติแซบอีหลีอย่าบอกใครเชียวแหละ
บางวันแม่ทองออนก็อาจจะชวนพี่ทองพันไปเก็บเห็ดที่โคกดงขมิ้น ดงขมิ้นเป็นป่าดงใหญ่ ต้องเดินข้ามฟากหนองปลาตองไปไกลมาก บรรดาเห็ดขนิดต่างๆจะขึ้นอยู่ที่ป่าแห่งนี้ ดงขมิ้นมีต้นไม้ขนาดใหญ่ ใบไม้ที่ร่วงหล่นในฤดูแล้งจะทับถมกันมาหลายปี เมื่ออากาศอบอ้าวเหมือนฝนฟ้าจะตกลงมา บรรดาเชื้อเห็ดธรรมชาติเหล่านี้จะบ่มเพาะตัวเองจนก่อเกิดเป็นเชื้อราเห็ดชนิดต่างๆ แต่เห็ดป่าดงขมิ้นที่มีรสชาติอร่อยคือเห็ดก่อ เห็ดไค เห็ดปลวก เห็ดละโงก ส่วนเห็ดอื่นๆก็มีรสชาติแตกต่างกันไป
เสียงเพลงและเสียงลำจากวิทยุเครื่องใหญ่ยังคงบรรเลงกล่อมท้องทุ่งนาวังโกอยู่อย่างต่อเนื่อง เสียงเพลง เสียงลำจากเครื่อวิทยุทรานซิสเตอร์เปรียบได้กับงานมหรสพสมโภชน์ให้งานบุญมีความสนุกครึกครื้น ทำให้ชีวิตและการทำงานหนักในท้องทุ่งมีความผ่อนคลายจากควาเหนื่อยล้า และตรากตรำลำเค็ญมาตราบชั่วชีวิต
ครอบครัวของแม่ใหญ่ผม ซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่ของคำปันกับอ่อนจันทร์ไม่ได้มีเงินมีฐานะพอที่จะได้เป็นเจ้าของวิทยุสักเครื่องหนึ่ง ถ้าไม่มีวิทยุเหมือนครอบครัวของแม่ใหญ่สา ความบันเทิงแบบชาวบ้านของครอบครัวพวกเขาจึงเกิดจากเสียงดุด่าของแม่ใหญ่กงบ้าง จากแม่ทองออนบ้าง จากการแหกปากร้องของคำปันกับอ่อนจันทร์บ้าง เสียงร้องของวัว ควาย และเสียงกบ เสียงเขียด เปรียบเสมือนมโหรีชีวิตที่ขับกล่อมชีวิต ถึงแม้จะเทียบแทนกับเสียงแคน เสียงพิณ เสียงร้องหมอลำ และเสียงเพลงลูกทุ่งจากเครื่องวิทยุทรานซิสเตอร์ของแม่ใหญ่สาไม่ได้ก็ตาม แต่ทั้งหมดนี้นับเป็นความบันเทิงเริงใจที่ดีที่สุดในยามนี้
ดวงตะวันเลยเที่ยงไปนานแล้ว คำปันกับอ่อนจันทร์พาควายทั้งสองตัวไปลงเล่นน้ำที่หนอง สองพี่น้องพากันปล่อยให้ควายนอนแช่น้ำอย่างสบายใจ พอเล่นน้ำได้สักพัก ทั้งสองคนจึงพากันไปดึงเอากอหญ้าในน้ำมาพันรอบๆมือเหมือนเป็นนวมของนักมวย แล้วทั้งสองก็เล่นชกต่อยกันอย่างสนุกสนานจนลืมกินข้าวเที่ยง
ทั้งสองคนพี่น้องต่างพากันดำผุดดำว่าย และต่อยตีกันไปมา ในระหว่างการสาวหมัดออกไป คำปันปล่อยหมัดทิ่มเข้าใสใบหน้าของอ่อนจันทร์อย่างแรง ปากของอ่อนจันทร์ ที่มีฉายาว่าบักปากเว่อ โดนหมัดเด็ดของคำปันจนปากแตกเลือดไหล อ่อนจันทร์ร้องไห้ขึ้นจากน้ำและรีบวิ่งไปฟ้องแม่ทองออนตามเคย ทำให้คำปันต้องอดกินข้าวเที่ยงโดยปริยาย เพราะแม่ทองอ่อนได้ลงโทษเขาที่ทำร้ายน้องตัวเองโดยการห้ามกินข้าวเที่ยงในวันนี้
คำปันจำใจนำเอาควายทั้งสองตัวไปล่ามไว้ใต้ต้นหมากกะโดนกลางทุ่งนา ส่วนตัวเขาเองได้เดินเข้าไปหาเก็บเห็ดในดอนป่าจิก บางครั้งเขาอาจเก็บได้หมากไม้ต่างๆที่พอกินประทังความหิวได้บ้าง ถ้าหากเขาไม่ทะเลาะกับน้องชาย เรื่องคงไม่เป็นแบบนี้ เขาอยากอธิบายให้แม่ฟังว่ามันเป็นความบังเอิญ เมื่อเล่นต่อสู้กันมันก็ต้องมีข้อผิดพลาด แต่ว่าแม่คงเหนื่อยและโมโห
แม่จึงไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ชี้แจง อีกทั้งอ่อนจันทร์ก็เอาแต่สะอื้นร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดที่ปากของมันมีเลือดไหลกลบ.
******
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??