เรื่อง เมื่อข้ากลายเป็นสามียอดยุทธ์ของท่านแม่คนงาม
ชายาลึกลับไ้พาซูหยวนเย่มายังถ้ำแห่งหนึ่งก่อนจะแนะนำตัวว่า มันมีนามว่า ‘หู่เริงอี้’
“นามข้าคือ หู่เริงอี้ ผู้คนต่างเรียกขานกันว่า เฒ่าลามก” มันเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบขณะจ้องมองซูหยวนเย่
“เฒ่าลามกกระนั้นหรือ?” ซูหยวนเย่พอไ้ยินชื่อกับสมญานามของชายา มันก็นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ พร้อมกับรวบรวมสมาธิเพื่อค้นหาความทรงจำของบิดา ทว่า...ในหัวของซูอี้หนาน แทบจะไม่เคยไ้ยินชื่อนี้ในยุทธภพเลย..
“เป็นไปไ้อย่างไรกัน เหตุใดในความทรงจำของท่านพ่อจะมิมีเรื่องราวของคนผู้นี้ ทั้งวิชาตัวเบาอันสูงส่ง ทั้งกำลังภายในอันล้ำลึก ยังไงก็ต้องเป็นยอดฝีมือแน่ ๆ” ซูหยวนเย่ครุ่นคิดด้วยความสงสัยอยู่สักพักก่อนที่มันจะตัดใจเอ่ยถามออกมาตรง ๆ
“ผู้น้อยขอถามตรง ๆ มิทราบว่าผู้อาวุโสเป็นใครกันแน่ เหตุใดท่านพ่อ เอ๊ย หมายถึง ตัวข้าจึงไม่เคยไ้ยินชื่อท่านมาก่อน”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ไม่เคยไ้ยินก็ไม่แปลก ดูจากอายุอานามของเจ้า เราคงจะท่องยุทธภพในช่วงเวลาที่ต่างกัน อีกทั้งตัวข้าเองก็ถูกขังอยู่ในไอ้ค่ายกลบ้า ๆ นี่หลายสิบปีด้วย ไม่แปลกที่คนหนุ่มอย่างเจ้าจะไม่รู้จักข้า”
“ที่แท้เป็นเช่นนี่นี้เอง มิน่าเล่าข้าจึงไม่เคยไ้ยินชื่อเสียงเรียงนามของท่าน”
“แล้วเจ้าล่ะเป็นใคร ขึ้นมาบนเกาะให้ตนเองติดค่ายกลด้วยเหตุใด” หู่เริงอี้เอ่ยถามซูหยวนเย่กลับบ้าง
“ข้าน้อยมีนามว่า ซูอี้หนาน ขึ้นมาบนเกาะ-อก-องพร้อมกับภรรยาอีกสองคน พวกเรามีธุระบางอย่างที่ต้องสอบถาม แม่นางหลันอวี้ขอรับ” หลังจากหู่เริงอี้ไ้ยินคำว่า ‘ภรรยาสองคน’ มันก็ตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้นสุดขีด ก่อนเอ่ยเสียงโอ้ แล้วพลันถามซ้ำ
“ภรรยาสองคนเช่นนั้นรึ! แสดงว่าภาพลวงตาของสตรีที่เจ้าร่วมรักด้วยเมื่อครู่คงเป็นหนึ่งในพวกนางสิท่า” ซูหยวนเย่พอไ้ยินคำถามมันก็ระบายยิ้มแห้ง ๆ ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างแช่มช้า เพราะในความเป็นจริงแล้ว สตรีผู้นั้นคือมารดาของมันนั้นเอง
“ชะ...ใช่แล้วผู้อาวุโสนาง คะ..คือ ภรรยาของข้าเอง”
หู่เริงอี้นิ่งเงียบก่อนจะหรี่มองซูหยวนเย่คล้ายกำลังคิดบางอย่าง จากนั้นมันจึงเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายขึ้นที่มุมปาก แล้วก็กล่าวออกมาว่า
“วิเศษ วิเศษยิ่งนัก นี่มิต่างอะไรกับการยิงธนูดอกเดียวไ้แต่ไ้นกถึงสองตัว”
“ธนูดอกเดียวไ้นกสองตัวอันใดผู้อาวุโส? ข้าไม่เข้าใจในสิ่งที่ท่านกล่าว” ซูหยวนเย่ขมวดมุ่นคิ้วด้วยความงุนงงก่อนจะเอียงคอถาม เฒ่าลามกลูบเครายาวก่อนตอบว่า
“ดอกแรกข้าหมายถึงการไ้พบกับพวกเจ้าทั้งสามคน”
“พบข้ากับภรรยาทั้งสองหรือ?”
“ถูกต้องแล้ว เป็นการไ้พบพวกเจ้า เห็นทีข้าคงต้องอธิบายก่อนว่า ค่ายกล-อก-องที่เราทั้งคู่อยู่ในยามนี้ มีวิธีที่จะออกไปอยู่สองทาง หนึ่งคือให้ผู้ที่สร้างค่ายกลเป็นคนมาพาออกไป ซึ่งเป็นไปไม่ไ้อย่างแน่นอน ส่วนทางที่สองนั้นก็คือการใช้จอมยุทธ์ผู้มีกำลังภายในสี่คนทำลายเสาหินทั้งสี่ทิศภายในเวลาเดียวกัน หากทำสำเร็จภาพลวงตาที่ปกปิดทางออกของป่าก็จะสลายไป”
คำกล่าวของหู่เริงอี้ทำเอาสองตาของซูหยวนเย่เบิกกว้างด้วยความดีใจ “นี่แปลว่าข้ากับพวกนางจะออกจากค่ายกลแห่งนี้ไ้กระนั้นหรือผู้อาวุโสหู่” เฒ่าลามกยิ้ม และพยักหน้ารับ “เช่นนั้นอย่ารอช้าเลยรีบไปตามหาพวกนางกันเถิด” ซูหยวนเย่มีท่าทางดีอกดีใจเป็นอย่างเพราะเรื่องทุกข์ใจที่กำลังเผชิญอยู่กำลังจะหายไปแล้ว ทว่า...ในยามนั้นเอง หู่เริงอี้ก็ไ้กล่าวขึ้นมาเสียก่อน
“อย่าพึ่งรีบดีใจไปเจ้าหนุ่ม ข้ายังไม่ไ้บอกเลยว่าจะช่วยพวกเจ้าเปล่า ๆ โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน”
“สิ่งตอบแทนงั้นหรือ? ดะ...ไ้ ผู้อาวุโสปรารถนาสิ่งใดว่ามาไ้เลย หากข้าสามารถทำไ้ ข้าจะทำให้”
“จริงหรือ? เช่นนั้นก็ดี สิ่งที่ข้าต้องการนั้น ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าทำไม่ไ้หรอก ไม่สิถึงเจ้าอยากจะปฏิเสธ ก็คงทำไม่ไ้อยู่ดี” พอไ้ฟังคำของหู่เริงอี้ คิ้วของซูหยวนเย่ก็ขมวดเป็นเลขแปดก่อนจะเริ่มหวั่นใจแปลก ๆ มันจึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงขาด ๆ หาย ๆ”
“ชะ...เช่นนั้น สะ... สิ่งที่ผู้อาวุโสต้องการคือ.....”
หู่เริงอี้แสยะยิ้มอย่างลามกน่าเกลียด แล้วกล่าวว่า “ข้าอยากจะสนุกกับร่างกายภรรยาเจ้าสักคนอย่างไรเล่า”
คำตอบของหู่เริงอี้ทำเอาสมญานามหยวนนั่นแหละถึงกับอ้าปากค้าง ซึ่งนี่คือสิ่งที่มันแอบหวั่นใจอยู่ เพราะเห็นแววตา กับสีหน้าสุดหื่นกระหายในกามราคะของอาวุโสผู้นี้มาสักพักแล้ว ไหนจะฉายาที่บอกออกมาแต่แรกอีก
“ทะ..ทะ...ท่านต้องการภรรยาของหรือ...”
“ใช่แล้วไอ้หนุ่ม ก็ตามสมญานามข้านั่นแหละนะ ข้าถูกขังอยู่ที่นี่มาสิบกว่าปี อดอยากปากแห้งเรื่องเช่นนั้นมานาน ยิ่งพอเห็นภาพลวงตาตอนเจ้ากับภรรยาคนงามกำลังเริงรักกัน ก็ยิ่งทำให้ข้าเกิดความเงี่ยนยิ่งนัก แต่เจ้าไม่ต้องห่วงไป ข้าไม่คิดจะทำแบบเจ้าหรอก ขอแค่จับ ๆ บีบ ๆ ให้หัวใจมันกระชุ่มกระชวย ให้เลือดลมมันสูบฉีดหน่อยก็พอ เจ้าจะตกลงหรือไม่”
หู่เริงอี้เอ่ยถามอีกครั้งซึ่งซูหยวนเย่ก็นิ่งอึ้งไป แต่ในใจมันคิดว่า จะให้มารดาคนงามโดนล่วงเกินไ้อย่างไร ส่วนลิ่วอี้ปายก็นับว่าเป็นเมียของคนหนึ่งเหมือนกัน การต้องเสียสละพวกนางหนึ่งคนเพื่อแลกกับทางออกจากค่ายกลมันคุ้มจริงหรือ?
“เจ้าจะลังเลอันใดไอ้หนุ่ม หรืออยากจะอยู่กับข้าในค่ายกลแห่งนี้ต่อไป...”
“มะ..ไม่มีทาง ข้ากับพวกนางไม่ยอมแน่ แต่จะให้ข้ารับปากท่านมันก็....”
“เฮ้ออออ...อออ เป็นพวกหมาหวงก้างสินะ ก็ไม่แปลก หากข้ามีเมียสวย ๆ อย่างเจ้าก็คงทำใจลำบากไม่ต่างกัน งั้นข้าจะให้เวลาเจ้าคิดครึ่งชั่วยาม หากยังไม่ไ้คำตอบ ข้าก็คง....”
“ทะ...ท่านจะทำอันใดข้า”
“ถามโง่ ๆ ก็ฆ่าเจ้าทิ้ง แล้วไปจัดการขึ้นสวรรค์กับเมียคนงามของเจ้าทั้งสองคนยังไงล่ะ ในเมื่อเจ้าไร้ประโยชน์แล้วข้าจะปล่อยไว้ให้รกหูรกตาทำไม ฆ่าเจ้าทิ้งแล้วเป็นผัวใหม่พวกนางดีกว่า หากมีพวกนางอยู่ ต่อให้ข้าต้องติดในค่ายกลต่ออีกสิบปีก็นับว่าคุ้มแล้วฮ่า ๆ ๆ ๆ” หู่เริงอี้หัวร่อเสียงดัง ก่อนที่มันจะใช้เท้าถีบตัวลอยหายขึ้นไปในอากาศ และทิ้งให้ซูหยวนเย่ทรุดเข่าทิ้งตัวลงด้วยแววตาที่ว่างเปล่า
“นะ..นี่ข้าควรจะทำเช่นไรดี จะมอบนางให้กับเจ้าเฒ่าลามกผู้นี้ก็ไม่ไ้ ครั้นจะหนีออกไปก็ไม่ไ้ แถมข้ายังสู้มันไม่ไ้อีก น่าสมเพชตัวยิ่งนัก ท่านพ่อข้าควรทำเช่นไรดี..” ซูหยวนเย่ ก้มหน้าลงกับพื้นดินก่อนจะใช้สองกำปั้นกระแทกลงอย่างแรงด้วยความคับแค้นใจ ทว่า...ในวินาทีนั้นเองที่มือคล้ายไปทุบโดนปุ่มของกลไกอะไรสักอย่างซึ่งซ่อนอยู่บนพื้น ทำให้ก้อนหินขนาดใหญ่ทางด้านซ้ายของซูหยวนเย่พลันเปิดออกอย่างรวดเร็ว
“หือ? เมื่อครู่ข้าไปโดนสิ่งใดเข้า หรือว่ามัน....” ซูหยวนเย่เอ่ยพึมพำออกมาด้วยความตกตะลึง ก่อนที่มันจะพลันลุกขึ้น และพุ่งเข้าไปในทางลับนั้นอย่างไม่ลังเล ด้วยคิดว่าเส้นทางลับเส้นทางนี้อาจจะนำพามันไปยังทางออกจากค่ายกล หากใช่มันก็แค่ กลับมาตามหา ซูอิ๋งอิ๋ง และลิ่วอี้ปายเพื่อพาออกไปด้วยกัน ทว่า....
สิ่งที่ซูหยวนเย่คาดคิดนั้นผิดถนัดเพราะทางลับไม่ไ้นำมันมาซึ่งทางออก แต่นำมาโผล่ซึ่งห้องโถงขนาดใหญ่ แถมบนผนังยังมีตัวอักษรบางอย่างสลักอยู่
‘เคล็ดวิชา เทวะกามาสูรท่อนล่าง’
จบบท
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??