เรื่อง เมื่อข้ากลายเป็นสามียอดยุทธ์ของท่านแม่คนงาม
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ไม่เจอกันนานหลายปี ฝีมือเจ้าก้าวหน้าขึ้นหลายขั้นเลยมิใช่หรือหลัวอวี้”
“ถูกต้องแล้ว ข้าหาใช่เด็กสาวผู้นั้น ผู้ที่เกือบจะโดนเจ้าย่ำยีอีกแล้ว”
“ย่ำยงย่ำยีอันใด ยามนั้นข้ายังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยเจ้ากล่าวเกินไปแล้ว”
“หึ เพราะข้าโชคดีที่ท่านพ่อให้เกราะอ่อนหนาม-อก-องไว้ป้องกันตัวหรอก ไม่อย่างงั้นคงถูกเจ้าทำมิดีมิร้ายไปแล้ว”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ นั้นสินะ ยามนี้มือข้ายังจำความรู้สึกเจ็บปวดที่ฝ่ามือได้อยู่เลย แต่ตอนนี้เจ้าคงใส่เกราะอ่อนหนาม-อก-องตัวนั้นไม่ได้แล้วสินะ งั้นข้าก็.....” หู่เริงอี้มองจ้องไปที่เนินอกอวบอัดของหลันอวี้ด้วยแววตาลามกวิตถาร
“ถูกต้อง เพราะข้าโตขึ้นจึงมิสามารถใส่มันได้อีกแล้ว แต่ถึงไม่ได้ใส่ข้าก็ไม่จำเป็นต้องกังวล เพราะด้วยเพลงกระบี่-อก-องชุดใหม่ที่ท่านพ่อคิดค้นขึ้นก็มากพอจะเอาชนะไอ้เฒ่าลกมาอย่างเจ้าได้แล้ว รับมือ...!!” หลันอวี้เอ่ยเสียงดังก่อนกวัดแกว่งกระบี่ในมือไปมาด้วยท่วงท่าอันงดงาม และแปลกประหลาด ซึ่งมันเป็นกระบวนที่หู่เริงอี้ไม่เคยเห็นมาก่อน
“กระบวนอันใดกัน! แต่ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะทำลายมันไม่ได้” หู่เริงอี้คำรามลั่นก่อนโคจรกำลังภายในไปที่นิ้วทั้งสอง จากนั้นก็พลันพุ่งเข้าจู่โจมหลันอวี้ ทว่า...วิชาดัชนีอันล้ำลึกของมันกลับถูกโต้กลับมาทุกกระบวนท่า แถมยังไม่สามารถต้านทานการบุกของนางได้ จนทำให้ร่างกายมันเกิดบาดแผลเป็นทางยาวมากมาย
หู่เริ่งอี้ร้องโอดโอยไม่หยุด กระบวนท่าที่ใช้ก็เริ่มเสียผิดเพี้ยนจากเดิมที่ได้รุกไล้พลันแปรเปลี่ยนเป็นโดนไล่ต้อนจนหมดสภาพ สุดท้ายมันจึงพ่ายแพ้ และโดนหลันอวี้ใช้กระบี่จ่อคอหอย
“ขะ..ข้ายอมแล้ว ยะ...อย่าฆ่าข้าเลย....” หู้เริงอี้อ้อนวอนอย่างน่าสมเพชเวทนา
“ฆ่าเจ้ากระนั้นหรือ? ข้าไม่ทำเช่นนั้นเป็นแน่ เพราะว่าท่านพ่อมีเรื่องจะถามเจ้าอยู่”
“บิดาของเจ้าต้องการจะถามข้า คงเป็นเรื่องเคล็ดวิชาที่ตามหาสินะ ถ้าเป็นเรื่องมันอยู่กับ...!!” ยังมิทัน ที่หู่เริ่งอี้จะพูดจบมันก็โดนหลันอวี้จี้สกัดจุดเสียก่อน ทำให้เจ้าเฒ่าลามกไม่สามารถพูดหรือ ขยับได้ เมื่อนั้นนางจึงนำเชือกออกมามัดมัน และลากกลับไปหาพวกคนที่โดนหู่เริงอี้ทำร้าย ทว่า... พอหลันอวี้เดินมาจนพบ นางถึงได้ทราบว่าอีกสามคนที่บุกขึ้นเกาะมาคือผู้ใด
“พะ....พวกเจ้า...!!!” เหมือนหลันอวี้ จะโกรธจนหน้าแดงก่ำ แต่สุดท้ายก็แค่นเสียงพูดบอกให้ ซูหยวนเย่ ซูอิ๋งอิ๋ง และลิ่วอี้ปายตามนางไปพบหลันเทียนหลงที่รออยู่
ระหว่างทางมิมีผู้ใดเอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมา โดยเฉพาะกับเจ้าซูหยวนเย่ที่มักจะพูดจ้อถามนั้นถามนี่ไม่หยุด เพราะมันทราบจากความทรงจำของบิดาในร่างดีว่า สตรีผู้นี้คือใคร และซูอี้หนานเคยก่อวีรกรรมอันใดไว้กับนางบ้าง
“นี่หรือแม่นางหลันอวี้ พอมาเจอตัวจริง ๆ นางงดงามไม่แพ้ท่านแม่ กับลิ่วอี้ปายเลย มิน่าเล่า ยามนั้นท่านพ่อถึงได้หลงนางหัวปักหัวปำ แต่ถึงจะหลงใหลนางปานใดสุดท้ายท่านพ่อก็ผิดสัญญา ไม่ยอมกลับมาแต่งงานกับนางอยู่ดี ไม่แปลกที่นางกับบิดาจะแค้น” ซูหยวนเย่คิดในใจขณะที่เดินตามหลันอวี้ไปเรื่อย ๆ สุดท้ายทุกคนจึงมาถึงที่พักของเจ้าเกาะ-อก-องรุ่นก่อน หรือก็คือ หลันเทียนหลงบิดาของหลันอวี้นั้นเอง
วินาทีแรกที่หลันเทียนหลงเห็นแขกผู้มาเยือนมันทราบดีว่าเป็นผู้ใด แต่ก็มิได้แสดงความโกรธออกมา บุคลิกของมันในยามนี้ดูสุขุมสงบนิ่ง สมฐานะกับเจ้าเกาะดอกทองยิ่งนัก..
หลันเทียนหลงเอามือไพล่หลังกวาดสายตามองผ่าน ซูหยวนเย่ ซุอิ๋งอิ๋ง และลิ่วอี้ปายไปอย่างไม่ไยดี ก่อนมาหยุดอยู่ที่ หู่เริงอี้ จากนั้นก็เอ่ยออกมาสั้น ๆ กับ หลัวอวี้บุตรสาวว่า “คลายจุดใบ้ของมัน” นางพยักหน้าก่อนจะทำตาม เมื่อจุดคลายออกหลันเทียนหลงจึงเอ่ยปากถามขึ้นว่า
“ไม่เจอกันเป็นสิบปี เจ้าสบายดีหรือไม่ตาเฒ่า”
“สบายกระนั้นรึ? น่าขันยิ่งนัก วัน ๆ ข้าต้องทนอยู่ในค่ายกลลวงตาบ้า ๆ ของเจ้า หนีไปไหนไม่ได้ สาว ๆ ก็ไม่มีให้เชยชม หากตอบว่า สบายก็ข้าคงเสียสติไปแล้ว” หู่เริงอี้ตวาดโวยวายเสียงดังด้วยความโมโห
“โทษที่เจ้าได้รับนั้นนับว่าน้อยนิดมาก หากเทียบกับสิ่งที่เจ้าเคยทำกับสตรีมากมาย ร่วมถึงบุตรสาวข้า ยามนั้นข้าจะสังหารเจ้าทิ้งเลยเสียก็ได้ แต่เพราะต้องการเคล็ดวิชาเทวะกามสูรท่อนล่างที่ท่านปรมาจารย์ซ่อนไว้ จึงต้องให้เจ้าเป็นผู้ค้นหามัน เอาล่ะตอบข้ามาว่าเจ้าพบหรือไม่ หากพบจงเขียนใส่กระดาษให้ข้า แล้วโทษที่เจ้าเคยก่อมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันจะถือว่าเป็นโมฆะ” หลันเทียนหลงกล่าวถามเสียงเรียบ ทว่าดวงตานั้นแฝงไปด้วยความกดดันยิ่งนัก ขนาดหู่เริงอี้ที่เห็นยังขาสั่น แสดงว่ากำลังภายใน และวรยุทธ์ของหลันเทียนหลงนั้นล้ำลึกสมคำเล่าลือ
หู่เริงอี้พอได้ยินคำถามมันก็แสยะยิ้มก่อนจะกลอกตาไปทางซูหยวนเย่แล้วเอ่ยขึ้นว่า
“เคล็ดวิชารึ? ข้าไม่พบหรอก แต่ถ้าเจ้าอยากรู้ไยไม่ถามไอ้ตัวแสบคนนั้นล่ะ” เมื่อนั้นสายตาทุกคู่จึงหันมามองที่ซูหยวนเย่เป็นจุดเดียว
“โอ้ เช่นนั้นแปลว่าเจ้าพบมันแล้วสินะซูอี้หนาน” หลันเทียนหลงเอ่ยถามด้วยท่าทางที่ดูธรรมดา แต่ซูหยวนเย่ที่ได้ยินถึงกับเสียวสันหลังวาบ คล้ายยามนี้มันเป็นกระต่ายตัวน้อยที่ถูกพยัคฆ์ตัวใหญ่จ้องเขม็งก็ไม่ปาน หากมันคิดพูดปดคงได้ตายเป็นผีในพริบตาเป็นแน่ ซูหยวนเย่จึงไม่มีทางเลือกพยักหน้า และบอกว่ามันพบวิ่งที่หลันเทียนหลงต้องการ
“วิเศษจริง ๆ หลันอวี้นำกระดาษกับพู่กันให้มันเขียน”
“รัราบแล้วท่านพ่อ” หลันอวี้ประสานสองมือรับคำบิดา ก่อนจะนำของที่ว่ามาให้ซูหยวนเย่ ระหว่างนั้นเองที่ ซูอิ๋งอิ๋งซึ่งนิ่งเงียบอยู่นานแล้ว ได้ตัดสินใจเอ่ยปากถามบางอย่างออกมา
“เรียนท่านเจ้าเกาะ ระหว่างที่ท่านพี่กำลังเขียนเคล็ดวิชา ข้าขอถามอะไรสักอย่างจะได้หรือไม่” หลันเทียนหลงหันมาหานางก่อนจะเอ่ยว่า “สิ่งที่เจ้าอยากถามคงเป็นเรื่องที่เจ้าบุกขึ้นเกาะมาใช่หรือไม่ซูอิ๋งอิ๋ง เช่นนั้นจงว่ามา”
“ขอบใจท่านเจ้าเกาะ เช่นนั้นข้าขอถามอย่างตรงไปตรงมาว่า ใช่ท่านหรือไม่ที่ส่งกลุ่มคนชุดดำไปทำร้าย ครอบครัวของข้าจนพวกเราตกเขา แถมบุตรชายของต้องสิ้นชีพไปด้วย” คำถามของซูอิ๋งอิ๋งทำเอาสีหน้าของ หลันอวี้พลันแดงก่ำด้วยความเดือดดาลนางชักกระบี่ชี้หน้าของซูอิ๋งอิ๋งก่อนตวาดว่า
“กล่าววาจาผายลมอันใดของเจ้าซูอิ๋งอิ๋ง กล้ามากล่าวหาท่านพ่อของข้ากระนั้นหรือเห็นทีข้าคงต้อง...”
“ช้าก่อนหลันอวี้ เจ้าอย่าพึ่งวู่วาม นางแค่สงสัยเท่านั้น เรื่องนี้ให้พ่อพูดเอง” ยังไม่ทัน ที่หลันอี้จะเอ่ยจบหลันเทียนหลงก็มือขึ้นห้ามนางเสียก่อน จากนั้นจึงเอ่ยต่อ
“ฟังข้านะซูอิ๋งอิ๋ง ถึงแม้นในอดีตสามีตัวแสบของเจ้าจะผิดสัญญากับหลันอวี้ และทำให้ข้าเสียหน้า แต่พวกเราก็ไม่คิดจะใช้ลูกไม้สกปรกแบบนั้นเล่นงานพวกเจ้า ผู้ใดทำผู้นั้นต้องรับผิดชอบ หากข้าจะเอาโทษจริง ๆ ก็คงเอาโทษกับสามีเจ้าผู้เดียวเท่านั้น เข้าใจหรือยัง” วาจาของหลันเทียนหลงนั้นหนักแน่นมั่นคงไร้ซึ่งความโกหกแฝงอยู่แม้แต่ส่วนเดียว ซึ่งซูอิ๋งอิ๋งก็เชื่อตามนั้น เพราะด้วยวรยุทธ์ของคนผู้นี้ หากจะลงโทษซูอี้หนานสามีนางเขาคงทำด้วยตนเองไปนานแล้ว ไม่เสียเวลาใช้ผู้อื่นให้ยุ่งยากวุ่นวาย
“หากท่านเจ้าเกาะยืนยันเช่นนั้น อิ๋งอิ๋งก็ไม่ติดใจสิ่งใดอีกแล้ว ขออภัยด้วยที่สงสัยท่าน”
“เรื่องเล็กน้อยอย่าคิดมากเลย บุตรชายเจ้าตายทั้งคน ผู้เป็นพ่อ เป็นแม่ย่อมอยากแก้แค้น คิดสงสัยคนที่เคยมีเรื่องกันในอดีตก็ไม่นับว่าแปลก”
เมื่อทั้งสองสนทนากันจบ ซูหยวนเย่ก็เขียนเคล็ดวิชาเทวะกามสูรท่อนล่างที่พบในถ้ำเสร็จพอดี หลันอวี้จึงนำไปให้บิดาของนาง หลันเทียนหลงเพ่งมองอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้า อย่างแช่มช้า
“ข้าไม่รู้ว่าสิ่งนี้ ใช่สิ่งที่เจ้าพบเจอมาจริงหรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ เจ้าคงไม่กล้าหลอกข้าใช่หรือไม่” หลันเทียนหลงเอ่ยถาม ซูหยวนเย่สะดุ้งเฮือก ก่อนจะระบายยิ้มแห้ง ๆ และ บอกว่า สิ่งที่เขียนเป็นความจริงทุกประการ หากหลันเทียนหลงไม่เชื่อมันก็ยินดีจะพาเขาไปที่ถ้ำแห่งนั้น
“หากเจ้ายืนยันถึงเพียงนั้น สิ่งที่เขียนก็คงเป็นของจริง ขอบใจนะที่นี่ เคล็ดวิชาทั้งสองส่วนจะได้สมบูรณ์สักที” สีหน้าของหลันเทียนหลงที่ดูจริงจังพลันผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด ซูอิ๋งอิ๋งที่เห็นจึงเอ่ยถามออกมาว่า
“ในเมื่อท่านเจ้าเกาะได้สิ่งที่ต้องการ และพวกข้าก็หมดธุระแล้วเช่นนั้น เราทั้งสามขอตัวก่อน ยังมีที่ที่ต้องไปต่ออีก”
“เจ้าจะไปหรือ? ได้สิ อยากไปก็เชิญ ข้ากับเจ้า และนางมารที่อยู่ตรงนั้น ไม่มีเรื่องติดค้างกัน ไยข้าต้องฉุดรั้งไว้ ทว่า...หาใช่กับมัน...” หลันเทียนหลงชี้นิ้วมาที่ซูอี้หนาน หรือก็คือ ซูยวนเย่ที่อยู่ในร่าง
“ตอนนั้นสามีของเจ้าผิดสัญญากับบุตรสาวข้า อย่างไรมันก็ต้องชดใช้ และอีกอย่าง...”
“อะ..อันใด”
“มันฝึกเคล็ดวิชาเทวะกามาสูร ซึ่งถือว่าเป็นวิชาที่ถ่ายทอดให้คนในเกาะ-อก-องเท่านั้น เมื่อฝึก ก็ย่อมนับเป็นคนของเกาะห้ามออกไปภายนอกอีก หากจะออกไปได้มีเพียงสองทางเท่านั้น”
“ทะ...ทางไหนหรือท่านเจ้าเกาะ”
“ทางแรกออกไปได้แค่ร่างที่ไร้วิญญาณ ทางที่สองทำลายวรยุทธ์ทั้งหมด ตัดลิ้น ตัดเส้นเอ็นแขนขาจนพิการ....”
คำของหลันเทียนหลงทำเอาซูหยวนเย่ถึงกับตาโตอ้าปากค้าง เพราะไม่ว่าจะเป็นทางไหนก็น่าสยดสยองทั้งนั้น ส่วนซูอิ๋งอิ๋ง กับลิ่วอี้ป่ายก็ได้แต่นิ่งอึ้ง
“ข้าบอกวิธีให้แล้ว พวกเจ้าจะเลือกแบบไหนก็ตัดสินใจเอาเอง หรือจะอยู่ต่อในฐานะแขกของเกาะก็ได้นะ อีกสามวันพวกเราจะมีงานมงคลพอดี”
“งานมงคล? ไม่ทราบเป็นงานอันใดหรือท่านเจ้าเกาะ” ซูอิ๋งอิ๋งเอ่ยถามเสียงสั่น ๆ คล้ายในใจลึก ๆ นางจะทราบคำตอบเป็นอย่างดี หลันเทียนหลงแสยะยิ้มเล็กน้อยก่อนตอบว่า
“ก็งานแต่งงานของบุตรสาวข้ากับเจ้าตัวแสบซูอี้หนานที่ถูกเลื่อนมาสิบกว่าปีอย่างไรเล่า”
ไม่ผิดจากที่ซูอิ๋งอิ๋งคาด เป็นเรื่องนี้จริง ๆ ทว่า..นางควรจะทำเช่นไรต่อดีเล่า?
“เฮ้ย!แล้วข้าเล่าไอ้เฒ่าหลัน เจ้าก็ได้เคล็ดวิชาที่ต้องการไปแล้ว ไยจึงไม่ปล่อยข้าไป” หู่เริงอี้แหกปากโวยวายเสียงดัง ก่อนที่หลันเทียนหลงจะหันมามอง อดีตเจ้าเกาะดองทองเพ่งมองมาที่เจ้าเฒ่าลามกอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพลันเกิดสายลมวูบหนึ่งพัดดอกทองมาใส่ร่างของหู่เริงอี้อย่างรวดเร็ว พอทุกอย่างสงบลง ก็ได้เห็นร่างของเจ้าเฒ่าลามกนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นดิน
“มะ...มันตายแล้วหรือ ทะ...ท่านเจ้าเกาะสังหารมันกระนั้นรึ?” ซูอิ๋งอิ๋งเอ่ยถามออกมา
“ฆ่ามัน? ไม่เลย ข้าแค่ทำให้มันหลับไปเท่านั้น คนชั่วช้าเช่นมันความตายนั้นดูจะสบายเกินไปสักหน่อย และข้าคงไม่โง่ปล่อยให้มันไปก่อกรรมทำเข็ญกับผู้อื่นนอกเกาะเป็นแน่”
“เช่นนั้นท่าน...”
“ข้าจะขังมันไว้ในค่ายกล-อก-องเช่นเดิม ทว่า....ครั้งนี้จะไม่ใช้เสาศิลาลวงตาแค่สี่ต้น แต่เป็นแปด รวมเรียกว่า ค่ายกลดอกทองแปดทิศ”
ซูหยวนเย่ที่ได้ยินก็คิดในใจว่า “เดิมมีแค่สี่ เจ้าเฒ่าลามกยังต้องรอคนช่วยนานเป็นสิบ ๆ ปี นี่มีถึงแปด ครานี้มันคงแก่ตายคาค่ายกลเป็นแน่ สาสมแล้วที่มันทำกั่านแม่...”
จบ
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??