เรื่อง Home Work
เที่ยงคืน่าแล้ว กู๊ดรีบขับรถกลับบ้าน ก่อนขึ้นรถเขาค้นหาข้อมูลแจ้งความคนหายใน google ปัจจุบันการแจ้งความไม่ต้องรอ 24 ชั่วโมง ในกรณีเร่งด่วนสามารถแจ้งความเพื่อขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ได้เลย
เขาขับรถด้วยความเร็วเกินกำหนด หวังว่าไอ้เส็งเคร็งนี่จะไม่ตายกลางทาง กู๊ดถึงบ้านในเวลาเกือบตีหนึ่ง ไฟดวงเดิมยังคงเปิดสว่าง ทันทีที่เข้าไปในตัวบ้าน เขาก็เห็นลุงชัยเดินไปมาอย่างกระวนกระวาย
"ไม่เจอเลยว่ะ ครั้งนี้หายไปนานผิดปกตินะ" ลุงชัยปรี่เข้ามาหาเขา
"ลุงแจ้งความหรือยังครับ"
"ยังเลยว่ะ ข้าก็ไม่กล้าทิ้งบ้าน เผื่อแม่เอ็งหวนกลับมา"
"งั้นผมไปแจ้งความก่อน ลุงรออยู่ที่บ้านนี่แหละเผื่อแม่กลับมา ขากลับจากแจ้งความผมจะไปดูท้ายซอย" เขารีบพูดและออกจากบ้านไปทันที
่าจะเสร็จจากแจ้งความก็ใช้เวลาพอสมควร ต้องรอต่อคิวคดีทำร้ายร่างกายที่เกิดจากความเมาอีก เขาเกลียดคนเมา เขาไม่อยากเมา ทั้งชีวิตเขาเห็นแม่เมาเหล้าและเมายามาทั้งชีวิตแล้ว
เมื่อเสร็จสิ้นจากสถานีตำรวจ กู๊ดเอาเจ้าเส็งเคร็งมาจอดหน้าบ้าน จากนั้นเดินตรงเข้าไปยังชุมชนท้ายซอย ตีสอง่าแล้ว ไฟริมทางบางดวงสว่าง บางดวงดับ แต่ยังมีแสงจากดวงจันทร์ เขาแหงนหน้ามองบนฟ้า วันนี้เดือนเต็ม ขอบคุณแสงจากดวงจันทร์ที่ทำให้เขาพอมองเห็นอะไรได้บ้าง
ดึกป่านนี้จะไปถามเอาความกับใครได้ เพียงแต่เขาคาดหวังว่าจะเห็นแม่นอนขดอยู่มุมใดมุมหนึ่งในซอย เสียงสุนัขเห่าหอนรับกันเป็นทอด ลมพัดมาต้องผิวกายเขาทำให้รู้สึกสะท้านราวกับถูกราดด้วยน้ำเย็น
แม่ก็คงหนาวแบบนี้ แม่อยู่ไหนครับ แม่จะทุกข์แค่ไหน
'แล้วแม่เคยมีความสุขด้วยเหรอ แม่ทุกข์มาตลอดชีวิต' เขาคิดในใจ
เขานึกถึงกระดาษแผ่นนั้นที่เขานำมันกลับมาจากโรงเรียนร้าง ด้านล่างมีรอยเขียนจางๆ ว่า
'ยาใจ มะลิวรรณ' มันคือชื่อของแม่เขาเอง
ข้อความในกระดาษกล่าวอ้างถึงความมีชีวิตชีวา ความสุข คงจะเป็นการบ้านที่ส่งคุณครูหรืออะไรสักอย่าง เขาไม่อยากเชื่อว่าแม่เคยมีความสุขขนาดนั้น
'หนูมีรอยยิ้ม หนูมีเสียงหัวเราะ หนูรักทุกคน รักคุณครู หนูนอนหลับฝันดีทุกคืน'
กู๊ดจินตนาการภาพแม่ยิ้ม แม่หัวเราะไม่ออก ยิ่งคำที่บอ่านอนหลับฝันดีทุกคืน ยิ่งเป็นไปไ่ไ้สำหรับแม่
เด็กผู้หญิงที่โตมาในซ่อง ตะเวนไปซ่องนั้นที ซ่องนี้ทีเนี่ยนะ!!! โดนไอ้แมงดาทำร้าย บังคับให้เสพยา ซ้ำติดโรคมาสารพัด เขาสะบัดหน้าไล่ความคิดออกทันที ยิ่งคิดยิ่งเจ็บปวด
กู๊ดมองหาแม่ทุกซอกทุกมุม แต่ก็ไร้วี่แวว ตี 4 แล้ว เสียงพระตีระฆังดังแว่วมา หวังว่าเมื่อเขากลับบ้านจะพบว่าแม่อยู่ที่บ้านแล้ว
ลุงชัยนั่งหลับคอพับคองออยู่บนเก้าอี้ ลุงสะดุ้งตื่นเมื่อกู๊ดเข้าไปในบ้าน
"ตำรวจจะมาตอนเช้านะลุง ผมเดินไปทั่วซอยก็ยังหาไม่เจอ ต้องรอเช้าก่อนผมจะไปหาอีกที เผื่อบ้านไหนใจดีให้แม่เข้าไปนอนด้วย" กู๊ดยังพูดปลอบใจตัวเอง
"เออเอางั้นก็ได้ เดี๋ยวข้าไปหุงข้าวเตรียมไว้ก่อน เผื่อมันกลับมา คงหิวน่าดู" ลุงลุกขึ้นบิดกายและเดินไปหลังบ้าน กู๊ดเองก็เหนื่อยและอดนอน พรุ่งนี้ช่วงบ่ายเขาถูกเชิญไป live ที่สถานีวิทยุ เหลือเวลาไม่มากก่อนเช้า เขาตั้งใจจะพักเอาแรงเสียหน่อย
เขาเดินตรงไปยังชั้นบนซึ่งเป็นห้องนอนของเขา บางอย่างยังติดค้างในใจ
ฉันมีความสุข ฉันหัวเราะ ... งั้นเหรอ??
เขาตรงไปเปิดลิ้นชัก เขาอยากอ่านมันอีกสักรอบ
แต่ทันทีที่เปิด ... กลับพบความว่างเปล่า
กู๊ดควานหาซ้ำแล้วซ้ำอีก ก้มลงหาใต้โต๊ะ ใต้ตู้ ใต้เตียง ทุกซอกมุมหลืบ .... ไม่มี มันหายไป
"ลุงชัย" กู๊ดตะโกนจากห้องนอนตัวเอง และรีบวิ่งลงชั้นล่าง
"ลุงเห็นกระดาษของผมมั้ยครับ มันเป็นกระดาษสมุดเก่าๆ น่ะ มันอยู่ในห้องผม ในลิ้นชัก" เขาถามอย่างร้อนรน
"กระดาษอะไรวะ ไม่เห็นนะ ข้าไ่ไ้เข้าไปในห้องเอ็งเลย"
กู๊ดถอนหายใจเฮือก กลับขึ้นไปค้นหาอีกครั้ง แต่ก็ไม่พบ "โธ่เว้ย ... อุตส่าห์จะเอามาให้แม่ดู เผื่อแม่จะจดจำอะไรได้บ้าง ช่างแม่งมันเว้ย" เขาสบถลั่น จากนั้นล้มตัวลงนอนเอาแรงก่อนที่ตำรวจจะมาถึง บ่ายนี้เขายังมีงานสำคัญอีก หวังว่าการเปิดตัวต่อสื่อครั้งนี้จะทำให้สปอนเซอร์สนใจเขาเพิ่มขึ้น ความกังวลต่าง ๆ สลายตัวในทันใดเมื่อเขาเดินทางเข้าสู่ภวังค์
ตำรวจมาถึงในเวลา 8 โมงเช้า สอบถามข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับแม่ ความน่าจะเป็นเกี่ยวกับการหายตัวไปของแม่ พร้อมประสานมูลนิธิและสื่อต่าง ๆ ให้ช่วยค้นหา
ข่าวการหายตัวไปของแม่แพร่สะพัดอย่างรวดเร็วในชุมชน ต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่า 'เดี๋ยวมันก็กลับมา' เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แม่หายไปเช่นนี้ ซึ่งตรงกับความคิดของกู๊ด
'ใช่ ... เดี๋ยวแม่ก็กลับมา' เขาพยายามปลอบใจตัวเอง ช่วงบ่ายกู๊ดไปทำงานตามกำหนดการเดิม โดยให้ลุงอยู่บ้านรอฟังข่าวการกลับมาของแม่ ลืมเรื่องกระดาษแผ่นนั้นเสียสนิท
การออกสื่อวันนี้เต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน เพราะทางรายการเชิญแขกรับเชิญอีกท่านหนึ่งมาด้วย ซึ่งเป็นคนที่ให้คำนิยามตัวเองว่า 'คนเป็นเห็นคนตาย' โดยอ้างว่ามีความสามารถพิเศษเห็นผีได้ สามารถสื่อสารกับผีได้
กู๊ดเจอมานักต่อนักแล้ว ไอ้พวกที่บอ่าตัวเองเห็นผีได้ มันก็กำมะลอต้มตุ๋นเหมือนกันล่ะวะ
... แต่สำหรับคนนี้ไม่ใช่
หมอนี่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยวัย 40 ปีเศษ อายุน่าจะใกล้เคียงกับแม่เขา แต่ผมหงอกเกือบทั้งหัว เขาสามารถอธิบายสิ่งลี้ลับให้เป็นเชิงวิทยาศาสตร์ได้ ทุกอย่างที่เขาพูดดูมีเหตุมีผล มีที่มาที่ไป
ดูก็รู้ว่าของจริง ...
"ผีคืออะไรครับอาจารย์" พิธีกรเริ่มถาม
"ผีก็คือดวงจิตที่ปราศจากกายขันธ์ เพราะกายหยาบเขาตายไปแล้ว ถูกเผาไปแล้ว เขาก็เหลือแต่ดวงจิต ที่เขามาให้เห็นเพราะต้องการสื่อสารบางอย่าง ซึ่งส่วนใหญ่ก็มาขอบุญหรือแสงสว่างจากเรา ผีทำได้แค่กอบเอาเศษฝุ่นในอากาศมาทำให้เป็นรูปเป็นร่างพอให้เราเห็นเป็นเค้าเงาเท่านั้น คนเป็นใช้เงินในการซื้อของใช้ ของกินได้ แต่เครื่องอยู่ของดวงจิตหรือผีเหล่านี้เขาใช้เงินไ่ไ้ เขาใช้ความสว่างที่มาจากบุญกุศล หากตัวเขาเองไม่เคยได้กระทำมา เขาก็ต้องอาศัยหรือมาร้องขอจากญาติ จากเพื่อน การมาปรากฎของเขาบางครั้งดวงจิตเหล่านี้ไม่มีกำลังมากพอที่จะตกแต่งรูปให้สวยงาม เขาตายอย่างไรเขาก็มาอย่างนั้น มาในรูปร่างหน้าเกลียดน่ากลัวบ้าง หรือบางคนรถชนตาย ตายอย่างไรก็มาอย่างนั้นเลย คนเป็นก็ตกใจกลัวคิดว่าผีหลอก แต่แท้จริงเขามาขอบุญจากเรา มาขอแสงสว่างจากเรา" อาจารย์ตอบอย่างเป็นหลักการ
ส่วนกู๊ด ยิ่งถูกสัมภาษณ์ เขายิ่งเหมือนถูกเปิดโปง เหมือนกำลังแบไต๋ให้คนที่รู้ทันได้ฟัง
'หงุดหงิดฉิบ' เขาสบถในใจ เขาเหวี่ยงกระเป๋าเป้ขึ้นหลังอย่างไม่สบอารมณ์นัก รีบเดินกระทืบเท้าไปยังลิฟท์ อยากจะไปให้พ้นๆ จากตึกบ้านี่ เขาเดินผ่านประตูกระจกอัตโนมัติ พลันสายตาเหลือบไปเห็นชายคนหนึ่ง
สายตาที่มองเขากลับมาเหมือนกำลังอ่านใจเขาได้ทะลุปรุโปร่ง 'อาจารย์พีระ' คนที่เป็นเจ้าของฉายา 'คนเป็นเห็นคนตาย' คนที่อ้างว่าตัวเองเห็นผี อ่านใจผีได้-่าเหวอะไรนั่น
แววตาที่บ่งบอ่า 'รู้ทัน' นั้น สร้างความหงุดหงิด รำคาญใจให้กับกู๊ดเป็นทวีคูณ
'เออ ... กูมันของปลอม แล้วไงวะ' เขารีบจ้ำไปยังลิฟท์และออกจากไปตึกทันที
กู๊ดรีบไปที่สถานีตำรวจทันทีที่ได้รับสายจากเจ้าหน้าที่ว่าพอจะได้เบาะแสของแม่แล้ว
"นี่ใช่แม่ของคุณใช่ไหมครับ" เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังชี้หน้าจอคอมพิวเตอร์ เป็นภาพที่บันทึกได้จากกล้องวงจรปิด
"ล้านเปอร์เซนต์เลยครับ โอมายก๊อต แล้วทำไม ... ให้ตายสิวะ" กู๊ดหงุดหงิด สับสน เกิน่าจะเรียบเรียงคำพูดให้ถูก ภาพจากกล้องวงจรปิดถูกบันทึกได้จากหน้าร้านสะดวกซื้อที่เขตมีนบุรี แต่ให้ตายเถอะบ้านเขาอยู่ลาดพร้าว ... แล้วแม่ไปได้ยังไง
"แม่ผมไ่ไ้พกเงินครับ จะนั่งรถไปก็คงไม่ใช่ อีกอย่างคงไม่มีแท็กซี่ที่ไหนยอมรับคนบ้า" กู๊ดเม้มปากแน่น กำลังใช้ความคิด
"ผมคิดว่าแม่คุณคงเดินไป" เจ้าหน้าที่ตำรวจเสนอความคิดเห็น
"เดินไป!!!" แม่งเอ้ย กู๊ดคันหัวยิบ แม่จะต้องร้อน ต้องเหนื่อยขนาดไหน
"ภาพล่าสุดเท่าที่ได้มีอีกภาพครับ" เจ้าหน้าที่เลื่อนภาพต่อไปให้ดู แต่ครั้งนี้ภาพจับที่ด้านหลัง แต่ต่อให้เห็นแค่ด้านหลังเขาก็จำได้ทันทีว่าเป็นแม่
"บริเวณนี้เคยเป็นตลาด ถัดจากตรงนี้ไปก็ไม่มีอะไรแล้ว เป็นที่รกร้าง ผมจะประสานงานตำรวจในท้องที่ให้ทำการค้นหาครับ แม่คุณอาจจะเข้าไปในพงหญ้านี้ก็ได้ คนเป็นจิตเวชทำอะไรก็ได้อยู่แล้ว"
เขาไม่ค่อยพอใจกับคำตอบของตำรวจนัก กู๊ดมองภาพที่ปรากฎบนหน้าจอ มันเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด ภาพมันไม่ค่อยชัดเจนนักยิ่งซูม ภาพยิ่งแตก
"เอ๊ะ!!! นี่อะไรครับ" กู๊ดชี้ไปยังมือแม่ที่มีวัตถุบางอย่างยื่นออกมา
"ถืออะไรสักอย่างนี่แหละครับ ลองขยายเข้าไปดูสิ" เมื่อลองขยายภาพเข้าไป สิ่งที่อยู่ในมือแม่ทำให้กู๊ดตัวชาตั้งแต่หัวจรดเท้า
... วัตถุสีขาวที่เป็นแผ่น เขาไม่อยากสรุปว่ามันคือกระดาษใบนั้นที่หายไป
เขาขอ print ภาพแม่จากเจ้าหน้าที่ และขอตำแหน่งที่กล้องจับภาพได้ จากนั้นขับรถตรงดิ่งไปทันที
"ลุงครับ ตำรวจเขามีภาพจากกล้องวงจรปิด เดี๋ยวผมจะรีบขับไปตามหาแม่ครับ ได้เรื่องยังไงผมจะโทรไปหานะ" เขาโทรศัพท์หาลุงขณะขับรถ พูดจบเขาก็รีบวางทันที ไม่อยากตอบคำถามว่ากล้องจับภาพแม่ได้ที่ไหน เพราะมันจะยิ่งสร้างความแตกตื่น ประสาทแดกให้กับลุงยิ่งขึ้นไปอีก เท่านี้เขาก็จะบ้าตายแล้ว
เมื่อมาถึง มันเป็นสถานที่รกร้าง หญ้าขึ้นรกเกือบท่วมหัว เขาเอาภาพมาเปรียบเทียบกัน มันต้องเป็นบริเวณนี้แน่นอนไม่ผิดเพี้ยน
"แม่" กู๊ดป้องปากตะโกนสุดเสียง
"แม่ครับ" เงียบ ... ไม่มีเสียงใดตอบกลับมานอกจากเสียงลมพัด และเสียงรถไกล ๆ จากถนนด้านนอก
แม่จะเดินมาเองหรือมีพลังอำนาจลึกลับบางอย่างชักนำมา เป็นคำถามที่วนเป็นวงกลมในสมองของเขา
จากระยะทางที่ขับรถมายังต้องใช้เวลาชั่วโมงเศษ่าจะถึง และยังต้องเดินเท้าเข้ามาอีกเกือบ 800 เมตร ถ้าแม่เดินมาอาจต้องใช้เวลาเกือบทั้งวัน หนึ่งในคำถามที่วนเป็นวงกลมในหัวเขาคือ
แม่มาที่นี่ทำไม
กู๊ดตัดสินใจเดินฝ่าเข้าไปในพงรก มันอาจเคยเป็นทางเดินมาก่อน เพราะเป็นดินแห้งและมีรอยย่ำ เขาเดินลึกเข้าไปโดยไม่สนใจหญ้าที่บาดผิว ปากป้องตะโกนเรียกแม่ตลอดเวลา ผลที่ได้คือเจ็บคอและเสียแรงเปล่า
มันลึกและรก่าที่เขาคิด ลึกจนไม่คิดว่าแม่จะผ่านมาได้ ขนาดเขาเป็นผู้ชายยังเหงื่อตก แล้วถ้าแม่เกิดมาเป็นลมในทุ่งนรกนี่ล่ะ ความคิดอกุศลแทรกเข้ามา นั่นทำให้เขายิ่งร้อนใจ
กู๊ดเดินทะลุพงหญ้าจนมาถึงลานโล่ง มีคูน้ำที่ปกคลุมไปด้วยแหนจนไม่เห็นผิวน้ำ ด้านหน้าห่างไปไม่ไกลเป็นแท้งค์น้ำเหล็กอาบสังกะสีสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ สภาพสนิมกรัง เอียงกระเท่เร่ ฐานตั้งไม้ผุกร่อนจมอยู่ในดิน ห่างออกไปไม่ไกลทางด้านขวาของแท้งค์น้ำ เป็นเศษซากปูนที่ถูกทุบทิ้ง ลักษณะมันถูกกั้นเป็นห้องเล็กๆ เรียงต่อกันประมาณ 4-5 ห้อง ลักษณะเหมือนห้องน้ำสาธารณะ
กู๊ดยังคงเดินต่อไป ปากตะโกนเรียกแม่ตลอดทาง สายตาสอดส่ายเผื่อแม่จะเป็นลมล้มอยู่แถวนี้ เขาผ่านพงหญ้าที่ขึ้นอย่างหนาทึบมาได้อีกเพียง 150 เมตร
ภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้เขาอ้าปากค้าง ตกตะลึง ตัวชาก้าวขาแทบไ่ไ้
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??