เรื่อง คู่บำเพ็ญข้า โคตรเทพ
ณ ูเาแห่งหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ ใบหญ้าเขียวชอุ่มทั่วทั้งอาณาบริเวณชวนใ้รู้สึกสดใสสบายตาเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังมีถ้ำขนาดใหญ่โตอันเกิดขึ้นจากการกัดกร่อนของก้อนหินมาเป็นระยะเวลายาวนานจนทำใ้กลายเป็นโพรง โดยถ้าาเดินทะลุผ่านเข้าไป ก็จะพบกับบ้านไม้ธรรมดาๆ หลังหนึ่งที่ตั้งเด่นตระหง่านอยู่ท่ามกลางมวลแมกไม้ พื้นที่รอบๆ บ้านถูกรายล้อมด้วยดอกไม้หลากชนิด มีทั้งสีแดง สีเหลือง สีชมพู ซึ่งทั้งหมดล้วนแต่บานสะพรั่งส่งกลิ่นหอมเย้ายวน ส่วนทางด้านซ้ายของตัวบ้านมีน้ำตกสายหนึ่งกำลังไหลลงมาจากหน้าผา กระทบลงกับก้อนหิน ทำใ้เกิดละอองน้ำนับพันนับหมื่น และเมื่อละอองเหล่าั้ได้สะท้อนกับแสงแดดจ้าที่สาดส่องลงมายังพื้นดิน ก็ก่อเกิดเป็นสะพานสายรุ้งเจ็ดสี ก่อนจะไหลรวมกันเป็นลำธารสายหนึ่งผ่านหน้าบ้านหลังั้ ช่างแลดูวิจิตรงดงามเหลือแสน
เวลานี้ ด้านหน้าของตัวบ้านมีบุรุษรูปร่างสูงใหญ่สองคนยืนสนทนากันอยู่ตรงบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำ ชายคนแรกอายุราวยี่สิบต้นๆ เป็นเจ้าของเส้นผมสีดำขลับยาวสลวยซึ่งกำลังลู่ไปตามสายลมที่พัดโชยผ่านมา ส่วนใบหน้าก็หล่อเหลาประหนึ่งรูปสลักอย่างไรอย่างั้ ดวงตาเียวคมประดุจเหยี่ยว เข้ากันดีกับคิ้วโค้งสีเดียวกับเส้นผม จมูกที่โด่งจนเป็นสันนั่นเมื่อรวมกับริมฝีปากแดงอวบอิ่มก็น่าชมยิ่งนัก เครื่องหน้าทั้งหมดของคนคนนี้าานับได้ว่าหล่อกระชากใจผู้คนเลยทีเดียว ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นชายวัยสามสิบปลายๆ เส้นผมสีดำเช่นกัน าก็มีสีดอกเลาแซมอยู่บ้างเล็กน้อย เื่องรูปร่างหน้าตาก็จัดได้ว่าค่อนข้างดูดี มีความสูงไล่เลี่ยกับชายหนุ่มตรงหน้า
“เจ้ากลับไปก่อน ข้าจะเก็บตัวเื่ฝ่าระดับขั้นพลัง” คนหนุ่มกว่าพูด
“นาย่า ข้าาาอยู่เื่เฝ้าะัความปลอดภัยใ้นาย่าได้ ามีอะไรเข้ามารบกวนขณะ่ากำลังอยู่ในช่วงสำคัญของการฝึก อาจส่งผลใ้ธาตุไฟเข้าแทรก”
“ไ่จำเป็น ข้าได้จัดตั้งค่ายกลไว้รอบบริเวณแล้ว แม้แต่แมลงวันสักตัว าข้าไ่อนุญาต ก็ไ่าาผ่านเข้ามาได้ ไยต้องกังวล” เขาบอกปัดด้วยน้ำเสียงเนิบช้า แต่แฝงไว้ด้วยอำนาจ จนผู้ฟังไ่อาจต่อต้านได้เลย
“ขอรับ นาย่า” ชายผู้มีอำนาจน้อยกว่าทำได้แค่เพียงตอบรับคำเ่าั้น แม้ภายในใจจะยังรู้สึกเป็นห่วงและกังวลอยู่มากโขก็ตาม
“อีกเจ็ดวัน ค่อยกลับมา”
“ขอรับ”
“ไปได้” หลังจากพูดจบแล้ว ชายผู้อ่อนเยาว์กว่าก็หันหลัง และเดินละออกจากการสนทนาไปในทันใด ส่วนทางด้านชายวัยกลางคน เมื่อเห็นนาย่าของตนกลับเข้าบ้านไปเียบร้อย ก็เดินละจากไปเช่นกัน ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง
อีกด้านหนึ่งซึ่งอยู่ไ่ไกลจากบ้านหลังนี้มากนัก เพียงห่างออกไปทางทิศตะวันตกประมาณสองลี้ ซึ่งทั่วทั้งบริเวณั้ถูกปกคลุมด้วยป่าเขาลำเนาไพร จะหันมองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยหมู่มวลต้นไม้ใหญ่ที่พากันแตกกิ่งก้านสาขาอย่างละลานตา ตามต้นหญ้าที่ขึ้นกระจัดกระจายจนเต็มพื้นที่ ก็มีดอกไม้ป่าสีม่วงดอกเล็กๆ ขึ้นแซมใ้เห็นอยู่ประปราย ทว่าทันใดั้เอง ความสงบสุขดังที่กล่าวมาทั้งหมดก็ถูกทำลายลงภายในเวลาเพียงชั่วพริบตาเ่าั้น เมื่อมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่ไ่มีทีท่าว่าฝนจะตกเลยสักนิดเดียว าสายฟ้าสายหนึ่งกลับฟาดลงมายังพื้นดินอย่างไ่มีปี่มีขลุ่ย ทำใ้เกิดเป็นกลุ่มควันสีขาวขนาดใหญ่ แต่ก็มิได้มีประกายไฟแต่อย่างใด กลุ่มควันั้ค่อยๆ สลายหายไปอย่างช้าๆ พร้อมกับการปรากฏกายของชายหนุ่มใบหน้าอ่อนเยาว์คนหนึ่งซึ่งกำลังนอนแน่นิ่งอยู่
เขาคนนี้ไ่ใช่ใครอื่น แต่คือ... รั่วซีที่เพิ่งถูกส่งตัวมายังโลกใบนี้นั่นเอง
เวลาผ่านไปเนิ่นนานมากเพียงใดก็สุดจะรู้ได้ เมื่อสติของรั่วซีฟื้นคืนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เขาก็ค่อยๆ ขยับเปลือกตาที่แสนหนักอึ้งขึ้น ก่อนจะพบว่าตนเองกำลังนอนทอดกายอยู่กลางป่า รอบตัวมีแต่ต้นไม้ใหญ่ ไร้วี่แววสิ่งมีชีวิต ซ้ำร้ายเวลานี้ก็น่าจะใกล้ค่ำเต็มทีแล้วด้วย เมื่อคะเนจากแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมา
ความคิดแรกที่ผ่านเข้ามาในของเขาคือ
‘เกิดอะไรขึ้นวะเี่ย แล้วที่ี่มันที่ไหนกัน ทำไมฉันถึงมานอนอยู่แบบนี้’
แต่หลังจากที่พยายามทบทวนความคิดทั้งหมดใหม่อีกครั้งหนึ่ง ภาพความทรงจำต่างๆ ที่เหมือนกับเศษกระดาษฉีกขาดก็ค่อยๆ ปะติดปะต่อจนกลับมาเป็นรูปเป็นร่าง
‘ฉันตายไปแล้ว’
ี่เป็นความทรงจำแรกที่แวบเข้ามาในหัว จากั้เขาก็เิ่มจำได้ว่าตนได้รับทางเลือกใ้มาใช้ชีวิตใหม่อีกครั้งในโลกอื่น ซึ่งเป็นผลพวงจากความดีงามที่เคยกระทำครั้นยังมีชีวิตอยู่ และข้อผิดพลาดบางประการจากชายปริศนาที่สวมชุดสูทสีขาวซึ่งได้พบกันในโลกหลังความตาย เมื่อตระหนักได้ดังั้ น้ำตาก็ค่อยๆ หลั่งรินลงมาอาบบนสองแก้มงาม
ทว่าสิ่งที่ทำใ้น้ำตาไหลไ่หยุดอย่างนี้ หาใช่ความเศร้าโศกเสียใจเพราะชีวิตดับสูญไปโดยไ่ทันได้ตั้งตัวแต่อย่างใด จริงๆ เื่องั้มันก็น่าเศร้าอยู่หรอก แต่เหนือสิ่งอื่นใด มันเป็นเพราะว่าเขาเพิ่งจะสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตไปต่างา
สิ่งสิ่งั้ก็คือ... เหล่าแฟนคลับที่เขาเพียรพยายามสะสมด้วยความยากลำบากมาตลอดเจ็ดปีเต็ม เนื่องจากรั่วซีไ่มีพ่อแม่ เขาโตมาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า แฟนคลับพวกั้จึงเปรียบเสมือนคนในครอบครัว
เขาพยายามวางตนใ้อยู่ในกรอบที่สังคมตีไว้ว่าดาราที่ดีควรเป็นอย่างไร และไ่เคยก้าวออกมาจากกรอบั้เลยสักครั้ง พยายามพัฒนาทักษะต่างๆ ของตนเองเื่เพิ่มจำนวนแฟนคลับใ้มากขึ้น แต่ต่อจากนี้ไปมันจะไ่มีอีกแล้ว ทั้ง weibo ซึ่งมียอดผู้ติดตามถึงสี่สิบกว่าล้านคน ทั้งเสียงตะโกนเียกว่า ‘รั่วซี! รั่วซี! สามีของฉัน’ ี่ยังไ่นับรวมกับยอดฟอลโลเวอร์ในแอปพลิเคชัน Instagram Twitter และอื่นๆ อีกมากมายที่อุตส่าห์สู้บากบั่นสะสมมาตลอดระยะเวลาอันแสนยาวนานด้วยแรงกายแรงใจทั้งหมดที่มี
ถ้าใครมีของสะสมที่ทั้งรักทั้งหวงแหน ก็คงจะเข้าใจดีว่าตอนนี้เขากำลังรู้สึกเช่นไร มันเหมือนกับเาพยายามสะสมของบางอย่างมาด้วยความยากลำบาก แล้วอยู่มาวันหนึ่ง ก็มีโจรขึ้นบ้านมาขโมยของทั้งหมดไปอย่างหน้าตาเฉยอย่างไรอย่างั้เลย
รั่วซีร้องไห้อย่างหนักหน่วง แต่หลังจากผ่านไปได้เพียงแค่หนึ่งชั่วโมง เขาก็เิ่มทำใจขึ้นมาได้บ้าง เพราะในโลกก่อนก็ไ่ได้มีคนข้างหลังใ้ห่วงหาอาวรณ์ ในไ่ช้าความรู้สึกนึกคิดก็เิ่มกลับมาแจ่มใสอีกครั้ง
‘เอาวะ มาโลกใหม่ ก็สะสมเอาใหม่ก็ได้’ ข้อดีของรั่วซีก็คือไ่จมกับความทุกข์นาน ล้มแล้วก็าาลุกขึ้นได้อย่างรวดเ็วเสมอ
รั่วซีลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะเิ่มสำรวจร่างกายตนเอง พลางคิด ‘อย่างน้อยๆ ก็ยังรูปร่างหน้าตาเหมือนเดิม’
รั่วซียังคงอยู่ในเสื้อผ้าชุดเดิมที่สวมใส่ขณะถ่ายทำฉากสุดท้ายของชีวิต เขาเิ่มปัดฝุ่นตามร่างกายออก แต่เมื่อฝ่ามือเคลื่อนผ่านบริเวณหน้าอก ก็ค้นพบบางอย่างอยู่ตรงจุดั้... บางอย่างที่ลักษณะคล้ายกับหนังสือ ซึ่งก่อนหน้านี้ไ่มีของชิ้นนี้อยู่อย่างแน่นอน
รั่วซีรีบดึงสิ่งของชิ้นั้ออกมาจากใต้ร่มผ้าบริเวณหน้าอก ก่อนจะพบว่ามันคือหนังสือจริงๆ โดยบนหน้าปกของมันถูกเขียนเอาไว้ว่า ‘คัมภีร์พรางสวรรค์’
เขาจึงนึกถึงคำพูดของชายปริศนาซึ่งสวมชุดสูทสีขาว ชายผู้ั้บอกเอาไว้ว่าจะส่งเขาไปยังโลกใบใหม่ซึ่งคล้ายคลึงกับละครที่เขาแสดงก่อนตาย รั่วซีเลยาารับรู้ได้ในทันทีว่ามันจะต้องเป็นโลกของผู้ฝึกปรือวรยุทธ์อย่างแน่นอน โดยผู้แข็งแกร่งคือผู้ที่าากำหนดชะตาชีวิตของคนอื่นได้ และนอกจากนี้เขาก็ยังจดจำได้อีกด้วยว่าจะได้รับของขวัญสองชิ้น ฉะั้หนังสือเล่มนี้ก็คงจะเป็นหนึ่งในั้กระมัง
“ฮ่าๆๆ อย่างน้อยมาโลกใหม่ ก็มีไอเทมพิเศษติดตัวมาด้วย ชีวิตก็ไ่ได้แ่าขนาดั้สักหน่อยี่นา าฉันฝึฝสำเ็จ ฉันจะต้องเป็นระดับเทพแน่ๆ จะว่าไปก็เคยเล่นเกมแนวนี้มาเยอะ คราวนี้แหละ พี่จะเทพที่โลกนี้ใ้ดู” คราบน้ำตายังไ่ทันจาง ทว่าบัดนี้บนใบหน้าของรั่วซีกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มเสียอย่างั้
‘ว่าแต่เป็นคัมภีร์วิชาการต่อสู้ประเภทไหนกันนะ กระบี่ ทวน หรือดาบ’ ขณะกำลังคิด รั่วซีก็เิ่มเปิดหนังสือไปพลางเื่สำรวจดูด้านใน
คัมภีร์พรางสวรรค์เป็นคัมภีร์ระดับเทพขั้นต้น ดังั้ผู้ที่เิ่มฝึกวิชานี้จะต้องอยู่ในระดับรวมปราณขั้นต้นเป็นอย่างต่ำ พอฝึกสำเ็จขั้นแรก ก็จะาาเปลี่ยนแปลงหน้าตาได้ตามความนึกคิด
การฝึกขั้นที่หนึ่ง รวบรวมพลังปราณไปยังจุดตันเถียน พร้อมทั้งเพ่งพลังจิต และนึกถึงหน้าตาที่ต้องการ
รั่วซีอ่านไปได้แค่สองหน้าเ่าั้น รอยยิ้มก็พลันหายวับ ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยใบหน้าที่บูดบึ้งเพราะความโกรธเกรี้ยว จนถึงกับต้องปาหนังสือในมือทิ้งลงพื้นอย่างรุนแรงเื่ระบายความอัดอั้นตันใจ
“บ้าเอ๊ย วิชาบ้าบออะไรวะเี่ย มันจะเอาไปสู้ใครเขาได้ แถมขั้นต่ำที่ฝึกได้ก็ต้องเป็นระดับรวมปราณอีกต่างา ตอนนี้แค่ระดับฝึกปราณขั้นต้นก็ยังไ่ได้เิ่ม แล้วจะไปฝึกได้ยังไง” รั่วซีสบถอย่างหัวเสีย ใบหน้าเผยความผิดหวัง
โชคยังดีที่ในโลกก่อนเขาเคยเล่นเกมแนวนี้ค่อนข้างบ่อย จึงพอจะรู้ลำดับขั้นพลังอยู่บ้าง และตอนนี้เขาก็เป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดาในโลกนี้เ่าั้น ถ้าเผลอเดินไปเหยียบเท้าใครเข้ามีหวังตายหยังเขียดแน่ๆ
แม้จะโมโหจนโยนหนังสือทิ้งไปเช่นั้ แต่ก็ต้องจำใจหยิบมันกลับขึ้นมาไว้ในมือดังเดิม อย่างน้อยมีอะไรบ้างก็ยังดีกว่าไ่มีอะไรเลย
‘เอ๊ะ แล้วรางวัลชิ้นที่สองล่ะ’ พอนึกถึงมาได้ รั่วซีก็พยายามค้นหาตามลำตัวอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะหันไปกวาดสายตามองดูรอบๆ บริเวณที่เขาเคยนอนอยู่ก่อนหน้านี้ ก็ยังไ่เจออะไรอยู่ดี ทว่าในตอนั้เองเขาก็ตระหนักได้ว่าตอนนี้เขาอยู่กลางป่า
‘ี่ไ่ใช่เวลามาสำรวจหาไอเทมอีกชิ้น ต้องรีบหาบ้านคนก่อน... แต่จะเิ่มยังไงดีล่ะ ลองเดินไปดูด้านหน้าดีกว่า เผื่อว่าจะเจอคน’ คิดได้ดังั้ รั่วซีก็ย่างเท้าก้าวเดินมุ่งหน้าเป็นเส้นตรง
อดบ่นขึ้นมาไ่ได้ว่า
“ข้างหน้าก็ป่า ด้านข้างก็ป่า เดินมาก็นานแล้ว โลกนี้มันไ่มีคนอยู่เลยหรือยังไงกันนะ”
ถึงแม้จะไ่มีเสียงตอบกลับมา ก็ยังคงพล่ามต่อไปเื่อยๆ าัแก้เหงา
“ไ่ทราบว่าแถวนี้มีกรมป่าไม้หรือหน่วยกู้ภัยบ้างไหมครับ ผมเดินมาจนเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ใครก็ได้มาช่วยชีวิตผมที อีกอย่างตอนนี้ผมก็เิ่มจะหิวขึ้นมาหน่อยๆ แล้วด้วย... ได้โปรดเถอะ” รั่วซีตะโกนพูดมั่วไปเื่อย ในขณะที่เวลาดำเนินผ่านไปอย่างเชื่องช้า
หนึ่งชั่วโมงก็แล้ว...
สองชั่วโมงก็แล้ว...
าทว่ารั่วซีก็ยังไ่พบเจอใครแม้สักคนเดียว จนเขาเิ่มรู้สึกสิ้นหวัง
เขาเงยหน้ามองสำรวจท้องฟ้าที่เิ่มมืดลงทุกที พบว่าฝนเิ่มตั้งเค้าแล้ว จึงจำต้องหาที่หลบฝนก่อนอย่างเสียมิได้
‘ดูเหมือนูเาข้างหน้านั่นจะมีถ้ำ?’ เ็วเท่ากับความคิด รั่วซีรีบวิ่งปรู๊ดไปยังจุดหมายปลายทางที่ตนหมายตา แต่ในวินาทีต่อมา ก็ต้องเ่งจังหวะสับขาใ้เ็วขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากขณะนี้หยาดน้ำเล็กๆ ที่เิ่มโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้ากำลังค่อยๆ แผ่ขยายเป็นวงกว้าง กระทั่งใกล้ถึงบริเวณตีนเขา สิ่งแรกที่เข้ามาในคลองสายตาของเขาก็คือปากถ้ำขนาดใหญ่อย่างที่ได้คาดการณ์เอาไว้ไ่มีผิด
“มีถ้ำอยู่จริงๆ ด้วย คืนนี้ไ่หนาวตายละ” รั่วซีบ่นพึมพำเบาๆ ก่อนจะวิ่งเข้าไปด้านในทันที ไ่นานจากั้ฝน-่าใหญ่ก็กระหน่ำเทลงมาอย่างไ่ลืมหูลืมตา เขาแอบคิดอย่างโล่งอกว่าช่างโชคดีเหลือเกินที่หาถ้ำนี้เจอ ไ่เช่นั้คงเปียกโชกเป็นลูกหมาตกน้ำไปแล้ว
ขณะกำลังยืนมองสายฝนท่ามกลางม่านหมอก ทันใดั้รั่วซีก็ได้กลิ่นของอะไรบางอย่างลอยมาเตะจมูกเข้าอย่างจัง มันช่างเป็นกลิ่นที่หอมหวนชวนใ้รู้สึกมึนเมา ถ้าเดาไ่ผิดจะต้องเป็นกลิ่นเหล้าองุ่นผสมกุหลาบ ทว่าก็แฝงกลิ่นอาหารผสมปนเปมาด้วยเช่นกัน และดูเหมือนว่ากลิ่นพวกั้มันจะลอยมาจากในถ้ำ
‘คนยิ่งหิวๆ อยู่ ลองเดินไปดูดีไหมนะ เผื่อว่าจะมีของกิน คงมีคนหนีมาหลบฝนอยู่ในถ้ำเหมือนกัน และก็คงกำลังทำอาหารอยู่ละมัง’
ถึงจะคิดาักำลังลังเลว่าควรเข้าไปดูดีหรือไ่ าแต่สองเท้ากลับก้าวเดินออกไปก่อนจะทันได้ตัดสินใจเสียอีก ทว่ายิ่งเขาเข้าไปลึกมากเท่าไร กลิ่นเหล่าั้ก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเ่าั้น ในขณะเดียวกันก็เิ่มรู้สึกึเล็กน้อย าัเพิ่งื่เ้าเข้าไปก็ไ่ปาน
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??