เรื่อง เกมส์อาณาจักรเทพ: เริ่มต้นด้วยระบบผู้สืบทอดแห่งพระเจ้า
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้ราชันผีดิบโลกันตร์ต้องตกตะลึง มันส่งเสียงคำรามออกมาดังก้อง ทว่าในน้ำเสียงนั้นกลับเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น เหมือนมันกำลังหวาดกลัวต่อประกายแสงสีทองี่ถูกปลดปล่อยออกมา
“นี่คือ.. ร่างอวาตาร์ของซุนหงอคง”
หัวใจของอนาเธอร์สงบนิ่งเป็นอย่างมาก ราวกับว่าเขาสามารถทำได้ทุกสิ่งทุกอย่าง และด้วยสถานะร่างจำแลงของซุนหงอคงี่ถูกเปิดใช้ จึงทำให้หน้าต่างค่าสถานะของเขาต้องแปรเปลี่ยนไป ถึงมันจะมีระยะเวลาจำกันเพียงแค่ 5 นาทีก็ตาม
【ชื่อผู้เล่น อนาเธอร์ เผ่าพันธุ์เทพเจ้า】
【เลเวล: 24】
【อาชีพ: ผู้ยิ่งใหญ่เทียมฟ้า】
【ค่าประสบการณ์ 0/1,000】
【พละกำลัง: 25,300+20%】
【ความทนทาน: 26,000+20%】
【ความเร็ว: 26,500+20%】
【จิตวิญญาณ: 24,000】
【ค่าสถานะจัดสรร: 300 แต้ม 】
【เปิดดูทักษะสกิล: เนตรทองอัคคีสุวรรณ,เจ็ดสิบสองร่างแปลงพระเจ้า,ร่างจำแลงหมื่นวานร,หนึ่งก้าวทะยานฟ้า】
【ทักษะสกิลติดตัว ร่างกายเพรชอมตะ, พลองในมือข้าไร้เทียมทาน, จิตวิญญาณเทพวานรหิน, เปิดดูทักษะี่เหลือ..】
เมื่ออนาเธอร์ได้เห็นค่าสถานะี่ยิ่งใหญ่ของตนเอง หัวใจของเขาก็เต้นระรัวขึ้นอย่างหนัก เพราะนี่มันเป็นอะไรี่น่าเหลือเชื่อมาก
“เอาละนะไอ้เทพเจ้าผีดิบ.. ”
“มะกี้นี้แกทำฉันไว้แสบมาก!”
หนึ่งในทักษะสกิลระดับเทพเจ้าี่ปลดล็อกออกมาพร้อมกับร่างจำแลงนี้คือ "เนตรทองอัคคีสุวรรณ" ทักษะี่ให้ความสามารถในการปล่อยกลุ่มก้อนเปลวเพลิงสวรรค์ออกมาจากดวงตา
เปลวเพลิงนี้ไม่เพียงแค่รุนแรง แต่มันเป็นเปลวเพลิงี่เกิดจากพลังสวรรค์ ซึ่งมีความร้อนมหาศาลี่สามารถเาาญทุกสิ่งี่ขวางหน้าได้
เปลวเพลิงนี้ไม่ได้เป็นเพียงไฟธรรมดา ยังสามารถถูกควบคุมได้ตามจิตวิญญาณของผู้ใช้ ความรุนแรงในการทำลายล้างของมันขึ้นอยู่กับค่าพลังจิตวิญญาณของอนาเธอร์ ซึ่งในขณะนี้พลังของเขาถูกเสริมทวีขึ้นไปถึง 10 เท่า
“ทักษะสกิล เนตรทองอัคคีสุวรรณ!”
เมื่อทักษะนี้ถูกปลดปล่อย ดวงตาสีฟ้าครามของอนาเธอร์ลุกโชนขึ้น เปลวเพลิงสวรรค์ี่ส่องประกายสีทองไหลออกมาจากดวงตาของเขาราวกับน้ำพุี่พุ่งทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า
ก่อนจะก่อตัวขึ้นเป็นกลุ่มก้อนเปลวเพลิงขนาดใหญ่ี่ลอยค้างอยู่ในอากาศ กลุ่มก้อนเปลวเพลิงเหล่านั้นเปรียบเสมือนฝูงอุกกาบาตี่พร้อมจะตกลงมาใส่ศัตรู เปลวเพลิงสวรรค์เปล่งแสงสว่างวาบและพุ่งลงมาเป็น-่าฝนี่ไม่อาจต้านทานได้
“ตายซะ!”
อนาเธอร์ตะโกนลั่น ขณะี่กลุ่มก้อนเปลวเพลิงพุ่งลงมาจากท้องฟ้า ฝนไฟี่ตกลงมาเป็นลำแสงสีทองกระหน่ำโจมตีร่างขนาดใหญ่ของบอสราชันผีดิบโลกันตร์
“ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!”
เสียงเปลวเพลิงกระแทกดังสะท้อนไปทั่วทั้งดันเจี้ยน ร่างกายของบอสถูกเปลวเพลิงสวรรค์แผดเผา ความร้อนจากเปลวเพลิงนั้นทำให้ร่างของมันเริ่มไหม้เกรียม เปลวเพลิงไม่ได้เพียงแค่เาาญเนื้อหนังของบอส แต่ยังแผ่ซ่านเข้าไปทำลายกระดูกและพลังมืดี่อยู่ภายใน
“โฮกกกกกกกกกกกกก!”
ราชันผีดิบโลกันตร์คำรามด้วยความเจ็บปวด ร่างกายของมันสั่นสะท้านจากการถูกเปลวเพลิงสวรรค์เาาญ
พลังี่มันไ้ัมาจากเทพเจ้าผีดิบก็ไม่สามารถต้านทานเปลวเพลิงนี้ได้
แม้จะเป็นสิ่งมีชีวิตี่เต็มไปด้วยความมืดและพลังชั่วร้าย แต่เมื่อเผชิญหน้ากับพลังสวรรค์ มันก็ไม่อาจต้านทานได้ เปลวเพลิงี่พุ่งลงมาราวกับฝนอุกกาบาตยังคงกระหน่ำใส่ร่างไม่หยุด
จนในี่สุด ร่างี่เคยแข็งแกร่งและน่ากลัวของบอสก็เริ่มอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด
“ยังไม่ตาย? สมแล้วี่มีค่าความทนทานเยอะ!”
หลังจากี่ปลดปล่อยเปลวเพลิงสวรรค์โจมตีร่างขนาดใหญ่ของบอสราชันผีดิบโลกันตร์จนมันไหม้เกรียม
อนาเธอร์ยังคงยืนตระหง่านอยู่ท่ามกลางบรรยากาศี่เงียบงันหลังการต่อสู้ พลองสีทองในมือของเขายังเปล่งประกายเจิดจรัส แสงสีทองี่ส่องออกมาจากพลองสะท้อนกับเกราะสีดำี่มีลวดลายทองของเขา ยังคงเปล่งแสงแห่งความยิ่งใหญ่ไม่เสื่อมคลาย
ร่างของบอสราชันผีดิบแม้จะไ้ัความเสียหายจากเปลวเพลิง มันยังคงจ้องมองอนาเธอร์ด้วยสายตาี่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
ร่างกายของมันจะถูกทำลายอย่างหนักหน่วง แต่พลังี่มาจากเทพปีศาจก็ยังหล่อเลี้ยงมันไว้ ทำให้มันไม่ล้มลงในทันที ร่างของบอสยังคงเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า แต่ดูเหมือนว่ามันพยายามรวบรวมพลังครั้งสุดท้ายเพื่อโจมตีอีกครั้ง
“งั้นแกมาลองอาวุธของเทพเจ้าี่แท้จริงหน่อยเป็นไง!”
ในขณะนั้นเอง เขาเริ่มยกพลองในมือขึ้น และชี้ตรงไปี่ร่างขนาดใหญ่ของบอสราชันผีดิบ ท่าทางของเขาสงบและเต็มไปด้วยความมั่นใจ ขณะเดียวกันนั้น พลังระดับเทพเจ้าี่เขาไ้ัมาพร้อมกับร่างจำแลงของซุนหงอคงก็ถูกเปิดใช้งานอีกครั้ง
สิ่งี่ชายหนุ่มกำลังถือนี้คือ "พลองทองสมปรารถนา" อาวุธคู่กายี่ซุนหงอคงใช้มาตลอด
นอกจากจะเป็นพลองี่มีพลังอำนาจทำลายล้างแล้ว ยังมีความสามารถพิเศษี่เหนือธรรมดา นั่นคือมันสามารถยืดหรือหดและขยายได้ตามคำสั่งของผู้ใช้ เมื่ออนาเธอร์เปิดใช้ทักษะนี้ พลังงานสีทองจากพลองก็เริ่มไหลเวียนออกมาจากอาวุธและสะสมพลังอย่างรวดเร็ว
อนาเธอร์จ้องมองไปี่บอสราชันผีดิบี่ยังคงพยายามลุกขึ้นสู้ เขาแสยะยิ้มเล็กๆด้วยความมั่นใจ และจากนั้นเขาก็กระซิบบริเวณมุมปากอย่างแผ่วเบา แต่มันดังสะท้อนไปทั่วทั้งดันเจี้ยน
“พลองเอ๋ย.. จงยืดออก!”
เพียงพริบตาเดียว พลองสีทองในมือของอนาเธอร์ก็ยืดออกอย่างรวดเร็ว พุ่งตรงไปี่ร่างของบอสราชันผีดิบด้วยความเร็วและแรงี่ไม่อาจหยุดยั้งได้ พลองยืดตัวออกไปด้วยความเร็วสูง ราวกับสายฟ้าสีทองี่กรีดผ่านอากาศ
แสงจากพลองนั้นสว่างวาบในขณะี่มันพุ่งเข้าใส่ร่างของราชันผีดิบด้วยพลังอันมหาศาล
“ตูม!”
เสียงระเบิดดังก้องไปทั่วทั้งดันเจี้ยนเมื่อพลองกระแทกเข้ากลางลำตัวของบอส
ร่างขนาดใหญ่ของมันถึงกับปลิวกระเด็นออกไปไกลด้วยแรงปะทะี่รุนแรง มันถูกพลองสีทองผลักออกไปไกลจนกระแทกเข้ากับขอบเขตมิติของดันเจี้ยน แรงกระแทกนั้นทำให้พื้นี่รอบข้างเกิดแรงสั่นสะเทือน ร่างของบอสกลิ้งตกลงไปในหลุมลึกี่ถูกสร้างขึ้นจากการปะทะครั้งนี้
“กะ..กรร!”
ราชันผีดิบี่เคยดูน่าเกรงขามและน่ากลัว ตอนนี้ดูอ่อนแอและพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง ร่างกายี่ถูกเปลวเพลิงแผดเผาและพลองทองฟาดใส่ซ้ำ กลายเป็นร่างี่เกือบจะไร้ชีวิต มันพยายามลุกขึ้นอย่างยากลำบาก สายตาของมันยังคงเต็มไปด้วยความโกรธและอาฆาต
มันจ้องมองไปี่อนาเธอร์ด้วยความเคียดแค้นี่ไม่มีี่สิ้นสุด ในขณะเดียวกัน พลังี่หล่อเลี้ยงร่างของมันก็เริ่มสลายไปทีละน้อย
ร่างของบอสี่ถูกฟาดกระเด็นจนตกลงไปในหลุมลึกเริ่มอ่อนแอลงทุกขณะ พลังี่เคยครอบงำร่างของมันก็ถูกดูดกลืนหายไป
“โฮกกกกกกกกกกกกก!”
ทันใดนั้น เสียงคำรามี่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและโหยหวนดังก้องขึ้น มันเป็นเสียงสุดท้ายของบอสราชันผีดิบี่พยายามต่อสู้จนถึงี่สุด
แต่ก็ไม่อาจต้านทานพลังมหาศาลี่อนาเธอร์ปลดปล่อยออกมาได้ ร่างของมันเริ่มสลายเป็นฝุ่นผงี่ถูกพลังของมิติกลืนกิน เสียงโหยหวนี่เคยเต็มไปด้วยความอาฆาตก็เงียบลงอย่างสมบูรณ์ กระทั่งทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับบอสราชันผีดิบโลกันตร์ถูกทำลายลงไปจนหมดสิ้น
..
โคตรเท่ห์โคตรอันตราย 555+
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??