เรื่อง จู้เจียงเจียง แม่ม่ายผู้มั่งคั่ง
“แมวตาบอดชนหนูตาย? เหอะ!”
จู้เจียงเจียงโกรธจนเลือดขึ้นหัว เดินหน้าสู้แบบตัวต่อตัวกับหมิงเจี้ยงโดยไม่คิด “ก็ได้ งั้นแมวตาบอดอย่างข้าวันนี้จะชนกับหนูตายอย่างเจ้า ประโยคถัดไป เจ้ากล้าแข่งกับข้าหรือไม่?”
เหี้ย!
นางไม่เสแสร้งแล้ว!
นางก็แค่มาชงชาหาเงิน ได้ไม่มาก ยังต้องมาเป็นตัวรับกระสุนถูกทุกหยามเหยียดอีก มีสิทธิ์อะไร!
“จะ...เจ้ากล้าว่าข้าหรือ?” หมิงเจี้ยงทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ
ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่ว่าใคร ขอแค่อยากเรียนหนังสือที่สำนักศึกษาะูหมิงของพวกเขา ล้วนเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องประจบสอพลอ และสุภาพต่อเขาเป็นอย่างมาก
แต่สาวชนบทนี้ คิดไม่ึว่าจะกล้าด่าเขาเป็นหนูตาย!
“ข้า!” หมิงเจี้ยงโกรธจนจะเขวี้ยงถ้วยไปทางนาง
แต่เผยจี้ที่ยืนขวางอยู่ด้านหน้าจู้เจียงเจียงเร็วกว่าก้าวหนึ่ง “คุณชายใหญ่หมิง หากไม่ทัดเทียม ก็ไม่จำเป็นต้องเกิดโทสะต่อแม่นางหนึ่ง นี่เป็นการทำร้ายจิตใจของคุณชายใหญ่หมิงจริง ๆ ท่านว่าจริงหรือไม่?”
สีหน้าของเผยจี้เข้มดูแย่มาก ึขั้นแสดงกิริยาที่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูป่าเถื่อนออกมา ทำให้บัณฑิตผู้เล่าหนังสือในสถานที่แห่งนี้ตกใจกันไม่น้อย
เผชิญหน้ากับไม่มีเหตุผล พวกเขาึมากกว่านี้ก็สู้แม่ทัพใหญ่เผยเดียวไม่ไหว
“แม่ทัพเผยโปรดระงับโทสะ”
ท่านผู้เฒ่าหมิงเห็นเช่นนี้จะไม่ออกตัวก็ไม่ได้ “เป็นเด็กน้อยะูหมิงของข้าไม่รู้ความ ล่วงเกินท่านแม่ทัพ ให้ข้าใช้ชาแทนสุราขออภัยแก่ท่าน”
เห็นเด็กรับใช้ยกชามา เผยจี้จึงเลี่ยง แสดงท่าทีให้จู้เจียงเจียงดื่ม ถือเสียว่าะูหมิงขอโทษนางแล้ว
แต่จู้เจียงเจียงไม่เห็นด้วยที่จบแค่นี้
ชาถ้วยนี้ ะูหมิงพูดชัดเจนแล้ว พวกเขาขอโทษเผยจี้ ไม่ได้ขอโทษนาง
หากนางดื่มแล้ว นั่นึได้รับความเสียหายแต่ก็พูดไม่ออก หลังจากสมาคมผู้รู้จบลงแล้ว ที่ถูกหัวเราะเยาะยังคงมีแค่นาง
“ทำไม คุณชายใหญ่ผู้สง่างามของสำนักศึกษาะูหมิง หรือไม่กล้ารับคำท้าของข้าสาวชนบทหนึ่ง?”
จู้เจียงเจียงกัดเรื่องนี้ไม่ยอมปล่อย ไม่ได้ไปทางที่เผยจี้ปูให้ ไม่เพียงแค่เผยจี้ ทุกในสถานที่นี้ล้วนรู้สึกตกตะลึง
นี่นางแกว่งเท้าหาเสี้ยนเองไม่ใช่หรือ?
ประโยคเมื่อครู่นั้น ไม่ใช่นางพยายามพูดความรู้ที่เคยได้ยินมา ึโชคดีต่อได้พอดีหรือ?
ทุกเริ่มคาดหวังแล้ว
หมิงจี่กับจูชิงหรานทั้งสองแสดงสีหน้าว่ามีเรื่องสนุกให้ดูออกมาชัดเจน ถ้าจู้เจียงเจียงชนะหมิงเจี้ยงได้ ทำให้เขาเสียหน้าในสำนักศึกษาบ้านตัวเอง เช่นนั้นสำนักศึกษาะูหมิงก็ไม่มีความสัมพันธ์กับเขาอีกตลอดไป
“น่าขัน! คุณชายอย่างข้าหรือจะกลัวเจ้า?”
หมิงเจี้ยงยกย่องตัวเองจิตใจงดงามมีคุณธรรมสูงส่ง เขาเติบโตในสำนักศึกษาส่วนตัว พูดึชาติะู สิ่งแวดล้อม เขาย่อมไม่มีทางแพ้ให้กับผู้หญิงที่มาจากชนบท ไม่เคยอ่านหนังสือหนึ่ง
เห็นแค่เขาแสร้งกระแอม แล้วแสร้งพูดออกมาหนึ่งประโยค “เขตเจียงฮั่นลมฤดูใบไม้ผลิเริ่มพัด หิมะเลือนหายในยามค่ำคืน”
“ึตาเจ้าแล้ว...”
“หินถล่มพ่นฟ้าโปร่งราว-่าฝน ต้นจื่อเถิงฮวาในป่าบดบังพระอาทิตย์ กลายเป็นร่มเงาแน่นหนา สายลมเย็นพัดโชยมา ไหนเลยจะมีอานุภาพของกลางฤดูร้อน”
จู้เจียงเจียงไม่ให้โอกาสหมิงเจี้ยงได้โอ้อวด พูดต่อทันที ทำให้หมิงเจี้ยงและทุกรับมือไม่ทัน
“เร็วมาก นางแทบไม่คิดเลย”
“ใช่ ดูท่าคุณชายใหญ่หมิงจะเจอที่ต่อกรได้ยากแล้ว...”
ทุกในระเบียงภาพวาดแอบกระซิบกระซาบ ในมือถือถ้วยชา ยืนล้อมคุมเชิงจู้เจียงเจียงกับหมิงเจี้ยงดูความสนุกเป็นวงกลม
“ตะ...ตอนหน้าลานบ้านมีใบไม้ร่วงจำนวนมาก รู้สึกเค้าลางฤดูใบไม้ร่วงใกล้มาึแล้ว” หมิงเจี้ยงเริ่มติดอ่าง ท่าทางเคร่งเครียด ทว่าก็ยังคงต่อไปได้
เขาเพิ่งพูดจบ สายตาของทุกยังไม่ทันหันไปทางจู้เจียงเจียง นางก็ตอบเสร็จแล้ว อีกทั้งยังต่อด้วย ‘ฤดูใบไม้ผลิ’
“ไม่รู้ว่าดอกเหมยริมแม่น้ำออกดอกล่วงหน้า นึกว่าหิมะขาวบนกิ่งไม้ผ่านฤดูหนาวยังไม่ทันละลาย ใครก็สามารถดูออกึรูปร่างของฤดูใบไม้ผลิ ลมฤดูใบไม้ผลิพัดพาดอกไม้นานาชนิดบานสะพรั่ง เต็มไปด้วยสีสันหลายหลากละลานตา นับว่าเป็นทิวทัศน์ของฤดูใบไม้ผลิ”
“ทำไมเจ้าต่อด้วย ‘ฤดูใบไม้ผลิ’ นั่นเป็นของข้า!” ไม่ง่ายเลยที่หมิงเจี้ยงจะบีบเค้นสมองออกมาหนึ่งประโยคที่ต่อได้ คิดไม่ึนางว่ากลับไม่ให้โอกาสเขาได้แสดงมันออกมา
“ในเมื่อแข่งกันแค่พวกเราสอง เช่นนั้นก็ควรผลัดเปลี่ยนกัน แบบนี้จึงจะมีระดับความยากกว่า ไม่อย่างนั้นเกรงว่าทุกจะนึกว่าคุณชายใหญ่หมิงต่อเป็นแต่ฤดูใบไม้ผลิกับฤดูใบไม้ร่วง”
ตั้งแต่แรกจู้เจียงเจียงคิดจะควบคุมอำนาจไว้ในมือตัวเอง ก็ไม่ยอมให้ตัวเองถูกอื่นนำพา
ถ้าเกิดบทกวีของนางสู้เขาได้ จะทำยังไงหากเสียสติในการแข่งกับเจ้าบ้าน?
หมิงเจี้ยงถูกนางชิงทำความคิดให้วุ่นวายอย่างกะทันหัน ในสมองคิดแต่เรื่องประโยคเกี่ยวกับ ‘ฤดูใบไม้ผลิ’ กับ ‘ฤดูใบไม้ร่วง’ ตอนนี้ให้เขาคิดเรื่องอื่น ยิ่งรีบร้อนเขาก็ยิ่งคิดไม่ออก
ในระเบียงภาพวาดให้เวลาเขาเพียงพอ ทุกกำลังรอเขาต่อบทกวี
จู้เจียงเจียงยิ่งสงบและผ่อนคลายอารมณ์ ตอนนี้เดินไปตรงหน้าเด็กรับใช้ที่ยกชาให้นาง ยกถ้วยชาถ้วยนั้นขึ้น ค่อย ๆ ลิ้มรส
เผยจี้เห็นท่าทางนั้นของนาง อดที่จะแขวะในใจไม่ได้ นางยั่วโมโหเก่งจริง ๆ
แต่ว่าพูดกลับมา เขาเหมือนแต่งกับภรรยาที่เก่งกาจมากหนึ่ง
ทำนา ทำกับข้าว ชงชา ตอนนี้ยังท่องบทกวีรู้หนังสือ ดูแบบนี้แล้วกลับเป็นเขาที่ไม่คู่ควรกับนาง
“คุณชายใหญ่หมิงคิดได้หรือยัง? ใกล้มืดแล้ว”
หนึ่งก้านธูปผ่านไป หมิงเจี้ยงยังคงเงียบงัน จู้เจียงเจียงอดไม่ได้ที่จะเร่งไปหนึ่งประโยค
เดิมทีวันนี้นางก็มาสายแล้ว รอแบบนี้ต่อไป วันนี้นางคงไม่ได้กลับบ้าน
“เจ้าอย่ากำเริบให้มากนัก!” หมิงเจี้ยงโกรธจนตาแดงก่ำ สองมือกำมัดแน่นจ้องจู้เจียงเจียงเขม็ง
ความโกรธนี้กลับทำให้เขานึกบางประโยคออก
ไม่พูดไม่ได้ว่า ในฐานะหลานของผู้สืบทอดความรู้และวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามมาสี่สมัย ในตัวหมิงเจี้ยงยังมีความรู้อยู่นิดหน่อย ทั้งสองเข้าสู้การผลัดกันตอบ
เพียงแต่ตอนออกหนึ่งประโยั้นมา จู้เจียงเจียงยังคงรุกฆาตคู่ต่อสู้ หมิงเจี้ยงแค่ถูกกระตุ้นให้รับ พยายามต่อบทให้ได้เท่านั้น
ึสุดท้าย หน้าผากของทั้งสองต่างมีเหงื่อซึม
เด็กรับใช้สองข้างหลังหมิงเจี้ยงกำลังพัดวี อีกด้านยังมีเด็กรับใช้รินชาแก้กระหายให้เขา
ในทางกลับกัน จู้เจียงเจียงทำได้แค่ยกแขนเสื้อเช็ดเหงื่อให้ตัวเอง น้ำชาในถ้วยหมดไปนานแล้ว
ที่มุงดูความสนุกส่วนใหญ่ล้วนกลับไปนั่งในตำแหน่งของตัวเอง ดื่มชาไปพลางกินของว่างไปพลาง นั่งดูอย่างเบิกบาน ก็ใครให้หมิงเจี้ยงทุกครั้งที่ต่อหนึ่งคำใช้เวลามากึขนาดนั้นกัน
อันที่จริงทุกต่างก็ดูออก การแข่งขันครั้งนี้ หมิงเจี้ยงแพ้แน่แล้ว
แต่ในฐานะคุณชายใหญ่ของสำนักศึกษาะูหมิง ะูหมิงไม่อนุญาตให้เขาแพ้ ไม่อย่างนั้นสำนักศึกษาะูหมิงไม่กลายเป็นัของทั้งเมือง โดยมีสาเหตุจากเขาหรือ
หมิงจี่ดูึตอนนี้ จิตใจที่ดูด้วยความสนุกก็เริ่มเปลี่ยนไป
เขาแค่คิดยืมมือของจู้เจียงเจียงทำให้พี่ใหญ่ขายหน้า ให้ปู่เขาเห็นได้ชัดเจนว่าใครที่คู่ควรรับช่วงสำนักศึกษาะูหมิงต่อ
ตอนนี้หมิงเจี้ยงขายหน้าแล้ว ในใจท่านผู้เฒ่าหมิงก็รู้แล้ว แต่ะูหมิงของพวกเขาเพราะเหตุนี้จึงตกอยู่ในสถานการณ์อับอายยิ่ง แบบนี้ควรทำอย่างไรดี?
เวลาล่าช้ามามากแล้ว สีของท้องฟ้าค่อย ๆ มืดลง สมาคมผู้รู้ควรจบไปนานแล้ว ทุกกลับถูกลากไว้ ใครก็กลับไม่ได้
ท่านผู้เฒ่าหมิงทำได้แค่ยอมก้มหน้า ใช้ความคิดสื่อสารกันไปมา สงบทรงพลัง พลางยิ้มแล้วพูดว่า “หมิงจี่กับหมิงเหยา เจ้าสองมีประโยคที่ช่วยพี่ชายเจ้าไหม?”
จู้เจียงเจียงดูออก ท่านผู้เฒ่าหมิงพูดออกมาคำนี้แสดงให้เห็นว่าะูหมิงอยากจบการแข่งขันนี้
“ท่านปู่ เหยาเอ๋อร์มีหนึ่งประโยค”
หมิงเหยายืนขึ้น พยักหน้ายิ้มอ้อนวอนจู้เจียงเจียงเล็กน้อย เหมือนกำลังขอร้องนาง หลังจากประโยี้ก็ไ่้พูดประโยคอื่นอีก
“ดอกไม้สวยงามร่วงโรยเหตุใดต้องรู้สึกคับแค้น ต้นไม้ในฤดูร้อน สีเขียวขจีเป็นที่พึงพอใจ”
จู้เจียงเจียงรับทราบคำขอร้องจากหมิงเหยา พี่น้องบ้านรองะูหมิงปฏิบัติกับนางดี นางก็ไม่อยากทำให้พวกเขาลำบาก
แต่ว่า นางกลับพูดมันออกไปแล้ว
“แสงเทียนฤดูใบไม้ผลิสะท้อนความเงียบงันของระเบียงภาพวาด พัดขนาดเล็กในมือ...”
ท่องกวีึตรงนี้ จู่ ๆ จู้เจียงเจียงก็หยุดลง แล้วยิ้มเบา ๆ พูดว่า “ด้านหลังสามอักษรไม่ทันคิด ถือว่าข้าแพ้ คุณหนูะูหมิงฉลาดเหนือจริง ๆ”
ในบทกวีที่ท่องไม่จบ หัวข้อ ‘ฤดูใบไม้ร่วง’ ได้ชี้ให้เห็น แสดงว่าเดิมนางแข่งต่อได้ แต่นางไม่ทำ
เพื่อให้เกียรติหมิงเหยา นางจงใจทำ
ในที่นี้ก็ดูออกว่านางจงใจ่้ไว้หน้าะูหมิง ึให้ะูหมิงไ่้กลายเป็นัของทั้งเมือง
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??