เรื่อง สะพานมิติ: เส้นทางแห่งความหวังและเงามืด
ตึก ตึกกกก เสียงฝีเท้าดึงขี้น ทำให้ฉันค่อยๆลืมตาขึ้น เสียงฝีเท้าเหมือนวิ่งเ้าาใกล้เรื่อยๆ ฉันกำลังพลิกัและลืมตาขึ้น
เฮ้ยยยยย ด้วยความไม่ระวังั ฉันหงายหลังตกลงจากต้นไม้ขนาดใหญ่ ตุ้บ! อะไรกัน ฉันนอนใต้ต้นไม้ ทำไมหล่นลงมาได้ ฉันมองขึ้นสู่ยอดไม้ลิบๆนั้น รวบรวมสติสูดหายใจลึกเพื่อเรียกสติกลับคืนมาและพยายามพยุงัเองขึ้นมาแม้จะรู้สึกปวดแปลบ ยังต้องกัดฟัน เพื่อขยับัและเช็กดูว่ามีบาดแผลไหม ในสายตามองย้อนกลับไปี่ต้นไม้สูง ฉันอยู่ี่บนนั้นได้ยังไงนะ เมื่อยืนขึ้นได้จึงมองไปรอบๆ พบั ห้าผู้พิทักษ์กำลังยืนประจันหน้าักลุ่มคนี่ใส่ชุดดำปิดหน้าปิดตาอย่างตรึงเครียด บรรยากาศมาคุน่าดู อะไรกันอีกละเนี้ย
“ท่านควรจะนำผู้ถูกเลือกไปส่งให้แก่ผู้เฒ่าได้แล้วนะ ท่านลูคัส” คำพูดของคนหนึ่งในกลุ่มชุดดำ ดูเหมือนจะไม่พอใจ
“หึ! พวกท่านมาแบบนี้ แปลว่าไม่ไว้ใจ พวกเราเลยรึ” ลูคัสเดินเข้าไปหาคนผู้นั้นจนหน้าเกือบชนกัน
“เปล๊าาา ท่านผู้เฒ่าแค่สงสัยว่าการปรากฎัของผู้ถูกเลือกเกิดขึ้นมานานแล้ว แต่พวกท่านทำไมยังไม่พาผู้ถูกเลือกมาี่หมู่บ้านอีก พวกข้าเลยอาสามาดูให้แน่ใจว่าพวกท่าน และผู้ถูกเลือกไม่เกิดปัญหาใดๆในการเดินทาง” ชายหนุ่มชุดดำอีกคนพูดขึ้นและเดินกมาจากด้านหลังกลุ่ม การแต่งกายคงจะเป็นผู้นำของกลุ่มชุดดำนี้ เพราะเขามีาุี่เหมือนคฑาสีดำี่ปลายอัญมณีสีแดงเลือดหมุนวนอยู่บนนั้น าุนั่นเองี่แตกต่างจากกลุ่ม คนชุดดำแต่มีดดาบยาวเหมือนของพวกนินจาใช้ แต่ของเขาไม่ใช่
ฟิ่ว! มีดบินพุ่งแหวกอากาศด้วยความรวดเร็วและความเข้มข้นของมีดบินี่เสียดลมดังชัดเจนชายหนุ่มหัวหน้ากลุ่มชุดดำ หันหน้าหนีแต่ไม่พ้น ทำให้ผ้าี่ปิดบังหน้าตาของเขาหลุดลงและแก้มมีลอยเลือดบาดแผลี่โดนมีดสั้น ผมของเขายาวตรงสีดำสนิทราวัรัตติกาลี่แสงไร้ดาวมันปล่อยยาวจนถึงกลางหลังและปลิวไสวไปัลม อุ้ยต๊ะ! หล่อเหลาเอาการนะเนี้ย
เรฟลอยัลงมาอยู่ข้างลูคัส
“หนอยยย เจ้า!” ชายหนุ่มยกคฑาขึ้นสูงเหมือนจะพึมพำอะไรบางอย่าง อยู่ดีๆท้องฟ้าจากสีเทาหม่นๆเปลี่ยนเป็นีเีอ่อนทั่วทั้งผืน ฉันกลับรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งั เกิดอะไรขึ้นกันอีกละทีนี้
“หยุดได้แล้ว เอเมน” อาเธนเอ่ยขึ้นก่อนจะปักไม้เท้าลงพื้น ส่วนอีกสองผู้พิทักษ์ทำท่าเตรียมต่อสู้
เอ…พวกเขาไม่ถูกกันเหรอ ฉันยังไม่ทันจะวิเคราะห์เสร็จ พวกเขาต่างเข้าต่อสู้กันอย่างโรมรันพันตู ส่วนฉันก็หลบสิค่ะระไร ี่ผ่านมาก็เจ็บัพอแล้วนิ บรรยากาศตอนนี้ เดี๋ยวสว่างจ้า เดี๋ยวมืดมิด ฉันหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ แอบมองพวกเขาสู้กันโดยไม่ได้สังเกตบรรยากาศรอบๆี่เปลี่ยนไป
ทั่วทั้งป่าปกคลุมด้วยสายหมอกขาวนวลี่ลอยเอื่อยอยู่ในอากาศ หมอกเหล่านี้ไม่เพียงบดบังทัศนวิสัย แต่ยังดูเหมือนจะเคลื่อนไหวราวัมีชีวิต มันมักจะรวมัเป็นรูปร่างประหลาดหรือแสงสว่างวูบวาบ ชวนให้ผู้คนรู้สึกเหมือนถูกเฝ้ามองอยู่ตลอดเวลาต้นไม้ในป่ามีขนาดสูงใหญ่และลำต้นบิดเบี้ยว รากไม้บางต้นโผล่ขึ้นมาบนผิวดินเหมือนมือยักษ์ี่พยายามจะดึงบางสิ่งเข้าหาั เปลือกไม้มี แปลกตาราวัอักขระเวทโบราณ บางครั้งเปล่งแสงเรืองรองกมาเมื่อถูกสัมผัส ใบไม้และดอกไม้หลายชนิดในป่าเรืองแสงเป็นสีฟ้า เขียว หรือม่วงในความมืด ราวัประกายของหิ่งห้อยนับล้าน มีบางสิ่งี่ซ่อนเร้นอยู่ในความเงียบสงบของป่า บางครั้งเหมือนเสียงพูดคุย บางครั้งเป็นเสียงหัวเราะเบาๆ ี่ปลิวมาัสายลม ไม่สามารถระบุทิศทางได้ชัดเจน เสียงเหล่านี้ทำให้นักเดินทางบางคนรู้สึกสับสนและหลงทางได้ง่าย
ใช่! ป่าเปลี่ยนไป ฉันกมายืนอยู่หน้าต้นไม้ี่หลบอยู่ มองไปรอบ ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด
“หยุดได้แล้ววววววว” ฉันตะโกนบอกพวกเขาี่สู้กันอยู่ อยู่ดีๆเรฟจับฉันหันหลบาุลับทำให้ล้มลงทั้งคู่ สายตาฉันสบัเรฟอย่างจัง ชายคนนี้ดวงตาดำขลับ ดูลึกลับเสียจริง เรฟดึงฉันยืนขึ้น
“าทำอะไร ” ฉันถามพร้อมปัดฝุ่นตอนล้มลงเรฟปล่อยแขนฉันไม่ตอบฉันสักคำแถมยังจะพุ่งัเข้าไปต่อสู้อีก ฉันดึงเสื้อเขาไว้ เรฟหันมามองหน้า แล้วเอาับังาุลับี่พุ่งเ้าา แต่ัมีร่าีเีบังไว้าุลับนั้นตกลงพื้น ว้าวๆๆๆ สุดหล่อฉันเก่งจัง แต่ไม่ใช่เวลาปลื้มนะตอนนี้
“หยุดกันได้แล้ว ดูรอบๆัพวกคุณสิ ป่าเปลี่ยนไปแล้ว ” ฉันตะโกนบอกพวกเขา พวกเขาหยุดทันทีและมองรอบๆั
“หรือเพราะเจ้าร่ายเวทต้องห้าม ทำให้ป่าเปลี่ยนไปแบบนี้” ชายหนุ่มคนหนึ่งกลุ่มชุดดำถามเอเธน
แต่เอเธนไม่ตอบแต่มองไปรอบๆเหมือนคิดอะไรอยู่
“เจ้าแน่ๆเลย” ชายชุดดำอีกคนพูด
“หัวหน้าของพวกเจ้าต่างหากี่ใช้เวทต้องห้าม” ฟินน์เดินมาสมทบเอเธน
“มัวแต่เถียงอะไรกันอยู่ได้ ช่วยกันดู ช่วยกันหาทางไม่ดีกว่าเหรอ เถียงกันอยู่ได้” ฉันเดินหลบจากเรฟี่ยืนอยู่ด้านหน้าฉัน มาหยุดี่ห้วหน้ากลุ่มชุดดำี่ชื่อ เอเมน เดี๋ยวนะแล้วมายืนตรงนี้เพื่อ
“เจ้าว่าให้ข้ารึ” ขายหนุ่มนามเอเมนลิกคิ้ว ถามฉัน
“ฉันเปล่าว่าานะ ฉันแค่อยากให้ทุกคนช่วยกันดู ช่วยกันคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วจับมือกันกไปจากี่นี่” ฉันตอบเอเมน เอเมนเดินดูรอบๆ และเงยหน้าดูบนท้องฟ้า
“นี่ไม่ใช่เวทมนต์ แต่เป็นจิตวิญญาณของป่า” เอเมนเดินไปหาอาเธน อาเธนทำเพียงพยักหน้าเล็กน้อยเหมือนเห็นด้วย
“จิตวิญญาณของป่า แล้วมันคืะไร” ฉันหันไปถามคนบอก
“ท่านคือผู้ถูกเลือกใช่ไหม” เอเมนถามซ้ำยังทำหน้ากวนๆใส่ฉัน
“สองคำ สามคำ ก็ผู้ถูกเลือก ฉันมีชื่อนะ” ฉันเริ่มลำคานัการถูกเรียกแบบนี้
“ถ้าไม่ให้เรียกว่าผู้ถูกเลือก แล้วให้พวกเราเรียกท่านว่าอย่างไร” เอเมนถาม
“โน้น ถามคนโน้นดูสิ เขารู้จักชื่อฉัน” ฉันชี้ไปี่เรฟ ี่ยืนพิงต้นไม้ใหญ่อยู่อย่างสบายใจ เหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาวัใครเลย ทุกคนหันไปดูหน้าเขาเป็นตาเดียว เรฟทำหน้าเหวอ แบบตอบไม่ถูก ฉันเดินเข้าไปหาเขาและตบบ่าเบาๆ ยิ้มให้เขาอย่างเจ้าเล่ห์ ตอบสิ ารู้จักฉันไม่ใช่เหรอ??? ฉันมั่นใจมากแต่เขาัเดินหนี
“เลิกเล่นได้แล้ว เจ้าชื่ะไรไม่สำคัญ เจ้าคือผู้ี่ถูกเลือกก็พอ” ลูคัสเอ่ยก่อนกระชับดาบในมือเก็บใส่ฝัก แสดงว่าไม่ต่อสู้แล้ว
ฉันยืนหน้างัำ ไม่พอใจี่เรฟไม่ตอบซ้ำยังเดินหนี ทำให้ฉันเป็นัตลก และอับอาย
“เรฟ าไม่ตอบ ารู้จักชื่อฉัน ทำไมาไม่พูด าเ้าาในความฝันฉัน เรียกชื่อฉัน ทำไมาถึงทำเป็นไม่รู้จักฉัน เพราะอะไรรรรรร” ฉันตะโกนถามเรฟทั้งน้ำตา ฉันเสียใจ ทำไมฉันถึงรู้สึกเสียใจนะ หรือแค่โกรธเท่านั้น เมื่อน้ำตาฉันตกลงพื้น ทั้งทั่วป่าเปลี่ยนเป็นสีเทาหม่น เมฆหมอก วนรอบักันก่อเป็นเม็ดฝนตกลงมาสู่พื้นดิน ฝนี่ตกกลายเป็นสีแดงเหมือนเลือด น้ำฝนเมื่อตกลงพื้นักลายเป็นน้ำกรด กัดกร่อนพื้นจนเป็นรูกว้าง
อ๊ากกกกก โอ้ยยยยยยยย ซ่าาาาาาาาา เสียงของคนี่โดนน้ำฝนระงมไปทั่ว
“รีบหาี่หลบกันก่อนเถอะ” ลูคัสตะโกนบอกทุกคนหาี่หลบ อาเธนร่ายมนต์ป้องกันผู้พิทักษ์ ส่วนหัวหน้าชายชุดดำร่ายมนต์ปกกันตนเองไว้ ลักษณะเหมือนม่านคลุมับางๆ คงเป็นบทเดียวกัน เรฟวิ่งมาดึงแขนฉันเพื่อเข้าไปในม่านป้องกันนั้น ฉันปัดมือเขาก เรฟชะงักเล็กน้อยหน้าเขาดูตกใจ
“ไม่ต้อง าไม่รู้จักฉัน เราไม่รู้จักกัน อย่ามายุ่งเกี่ยวกัน ฉันอยู่ของฉันได้ ฉันเป็นผู้ถูกเลือก แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก คงไม่ตายตั้งแต่ต้นเรื่องหรอก ปล่อยฉัน” ฉันเดินกไปอยู่กลางพายุฝนี่ตกหนักกว่าเดิม เม็ดฝนี่ตกลงมาใส่ฉัน
ซ่า ซ่า เสียงของมันเวลากระทบัผิวหนังฉัน ทั้งแสบ ทั้งร้อน เลือดี่ไหลกมาตามหยดน้ำไม่รู้เป็นสีของฝนหรือเลือดของฉัน เรฟเดินกจากม่านป้องกันมาหาฉันพยายามดึงฉันเข้าไป ฉันวิ่งหนีเขา ฉันไม่อยากอยู่ี่นี่ ฉันไม่อยากเป็นผู้ถูกเลือก ฉันเกลียดี่นี่ เรฟลอยัมาขวางหน้าฉันไว้
“เจ้าเลิกดื้อ แล้วเ้าาในม่านกำบังเถอะ ” เรฟมองหน้าฉันอย่างมีความหมาย ซึ่งฉันไม่รู้ความหมายนั้น ฉันปาดน้ำตาและเดินหลบเขา เรฟดึงมือฉันเ้าากอด
“ถ้าเจ้าไม่ยอม ข้าก็จะไม่หลบเป็นเพื่อนเจ้า” พูดเสร็จใช้มือสะบัดม่านนั้นทีเดียวม่านหายไปทันที น้ำฝนหยดลงัของเรฟ ดัง ซ่า ซ่า านี่ถ้าจะบ้า เลือดของเรฟไหลตามทางเหมือนน้ำี่ไหลกจากก๊อกก็ไม่ปาน
“าจะบ้าเหรอ าทำอะไร ถึงาทำแบบนี้ฉันก็ไม่ยกโทษให้าหรอกนะ อยากทำอะไรก็ตามสบาย ตายไปเลย” ฉันสะบัดมือและเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ โดยไม่หันไปมองเรฟอีก เสื้อผ้าฉันโดนน้ำฝนจนขาดรุ่งริ่งไปหมด ฉันเจ็บจนจะทนไม่ไหวแล้ว แล้วเรฟล่ะ ชิ! จะสนทำไม ในเมื่อไม่รู้จักกัน ฉันก็ไม่สน ทั้งี่ใจคิดแบบนั้นก็อดี่จะห่วงไม่ได้ ฉันหันกลับไปดูเรฟ เรฟเดินอย่างทุลักทุเล เลือดเขากไม่หยุด ฉันตะลึงัภาพี่เห็น าคนนี้ ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ส่วนผู้พิทักษ์ทั้งสี่ และกลุ่มชุดดำี่เหลือไม่กี่คนมีม่านป้องกันก็จริง แต่เหมือนม่านจะเริ่มมีรอยร้าว คิดว่าทนได้ไม่นาน ฉันหันหลังให้พวกเขา และวิ่งไปข้างหน้าเพื่อไปหาพื้นี่หลบฝนให้พวกเขา สุดท้ายก็ไปเจอโพรงไม้ ี่สำรวจดูแล้วไม่มีรู คงไม่มีผลกระทบัมัน พวกเขาน่าจะหลบได้ชั่วคราว ขนาดก็กว้างพอหลบได้หลายคนอยู่ ฉันต้องรีบไปบอกพวกเขา ฉันรีบวิ่งไปบอกพวกเขาี่ดูเหมือนจะไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว
“อาเธน ามีเวทเคลื่อนย้ายไหม” ฉันถาม
“ข้ามี เจ้าจะทำอะไร ” อาเธนมองหน้าฉันด้วยความสงสัย
“ฉันเห็นโพรงไม้ทางโน้น ฉันคิดว่ามันคงช่วยพวกาได้ โพรงไม้กว้างขวางพอหลบได้ อีกอย่างน้ำฝนทำอะไรมันไม่ได้แต่มันอยู่ไกลอยู่นะ ถ้าใช้เวทเคลื่อนย้ายน่าจะย่นระยะทางทันี่ม่านป้องกันจะพัง”
“แต่การเคลื่อนย้ายต้องเห็นสถานี่ก่อน ถึงจะย้ายได้ถูกต้อง”
“งั้น ฉันจำได้ เอาจากความทรงจำฉันไปใช้แทนได้ไหม” อาเธนมองหน้าฉัน
“อย่ามัวเสียเวลา ” ฉันเขย่ามืาเธน
เปรี๊ยะ ! เสียงม่านเวทแตก ทำให้คนชุดดำคนหนึ่งล้มลง และถูกน้ำฝนชะล้างจนไม่เหลือซาก
อาเธนเอามือแตะี่หน้าผากฉันและร่ายมนต์ ฉันมึนหัวเล็กน้อย เมื่อลืมตาขึ้น ก็อยู่ในโพรงไม้แล้ว ฉันมองดู เพื่อสำรวจว่าอยู่กันครบไหม ทุกคนดูเหนื่อยอ่อน แต่ฉันไม่เห็นเรฟ
“เรฟ อยู่ไหน” ฉันถามลอยๆ
“นั่นสิ ตอนข้าร่ายมนต์ ข้าว่ามากันครบแล้วนะ” อาเธนมองหาเรฟ
“เขาไม่ได้อยู่นี่ เขายังอยู่ข้างนอก” ฉันเห็นภาพเรฟนอนอยู่บนพื้นดินี่เป็นหลุมเป็นบ่อ เลือดไหลอาบทั่วร่าง
“ฉันจะกไปรับเขามา” ฉันกำลังกไป
“เจ้าจะกไปตาย ผู้ถูกเลือก ให้พวกข้าไปเองเถอะ อย่างน้อย……”ลูคัสพูดไม่ทันจบ ฉันก็วิ่งกไปข้างนอกโพรงไม้ ไม่รับฟังเสียงอะไรทั้งนั้น ฉันวิ่งไปพรางเรียกชื่อเขาด้วย สุดท้ายก็เจอ เรฟนอนอยู่ท่ามกลางฝนกรดี่ตกลงมา จากี่สังเกตเหมือนมันจะเบาลงไม่ตกหนักเหมือนตอนแรก ฉันนั่งคุกเขาข้างๆเขา
“เป็นไงบ้าง เรฟ ฉันขอโทษนะ ฉันไม่น่าดื้อดึงเลย ” ฉันเริ่มร้องไห้อีกครั้ง ฝนก็เริ่มตกหนักอีกรอบ ฉันพยายามพยุงเรฟลุกขึ้น ด้วยน้ำหนักัของเรฟฉันพยายามเท่าไหร่ เรฟก็ไม่ขยับัเลย อยู่ดีๆม่านีเีอ่อนป้องกันปกคลุมฉันและเรฟ ฉันเงยหน้าขึ้น อาเธน และลูคัส ยิ้มให้ฉัน แล้วอยู่ดีๆฉันไม่รู้สึกัอีกเลย
“ผู้ถูกเลือกเป็นไงบ้าง ถ้าเป็นอะไรไป พวกเจ้าต้องรับผิดชอบ” ฉันได้ยินเสียงอันอวดดีของเอเมน
ทำให้ตื่นขึ้น ฉันหลิวตาดูาอวดดีนั้น
“ฉันไม่ตายง่ายๆหรอก ถ้าตายง่ายขนาดนั้น ก็ไม่ใช่ผู้ี่ถูกเลือกสิ ” ฉันพยุงัขึ้นนั่ง
“แล้วเลิกเรียกฉันว่า ผู้ถูกเลือกซักที ฉันรู้สึกลำคานยังไงไม่รู้ ฉันชื่อ….” ฉันยังไม่ทันพูดมีเสียงพูดแทรกขึ้นมา
“เซ….เซเลีย” ฉันหันไปมองคนพูด เรฟนั่งพิงผนังโพรงไม้ ดูเหมือนร่างกายจะฟื้นัเร็วมาก แผลี่มีอยู่แทบไม่เห็น หน้าตาก็สดใสขึ้น น่าจะหายแล้ว หายเร็วจัง สุดท้ายหล่อเหมือนเดิม
“ ยอมเรียกแล้วเหรอ ” ฉันก้มหน้าลง ยิ้มด้วยความอาย เอ…อายทำไมก๊อนนนนน
“ใช่ ฉันชื่อเซ…เซเลีย จำไว้นะ เรียกฉันว่าเซเลีย” ฉันหันไปยิ้มให้เรฟแต่เรฟหลับตาเหมือนงีบหลับ
านี่นะ มันน่านัก
“น่าอะไร ” เสียงรอยมาตามอากาศ
“น่ารักไง” ฉันตอบเบาๆ แค่ก และแค่ก ฉันได้ยินเสียงไอของเรฟ ทำให้ฉันยิ้มก
แต่ฝนกรดนี้ไม่ยอมหยุดสักที ฉันยืนดูฝนกรดนี้อยู่นาน พยายามคิดหาทางกไปจากี่นี่ โดย มีลูคัส และอาเธน รวมถึงเอเมน ยืนดูและใช้ความคิดเช่นกัน
“ฉันว่านะ พวกเราถูกขังอยู่ี่นี่แน่ๆ” ฉันเอ่ยเพื่อทำลายความเงียบ
“มันต้องมีวิธีสิ ! ” ลูคัสเอ่ย
“นี่เจ้ารู้หรือยังว่าทำไม พวกข้าถึงได้เดินทางล่าช้า” ฟินน์พูดขึ้นทำเอาเอเมนหันไปมองหน้า
“ี่ช้าเพราะความเรื่องมากของผู้ถูกเลือก นั่นล่ะ” ทีนี้เฟย์พูดขึ้นโบ้ยมาทางฉัน
“ฉันชื่อ เซเลีย แล้วก็พูดมันดีๆหน่อย ใครเรื่องมาก” ฉันเดินเข้าหาเฟย์อย่างเอาเรื่อง
“ก็ไม่ใช่หรือไง ถ้าไม่เรื่องมาก ไม่มัวแต่หาเรื่องถ่วงเวลา พวกข้าก็ไม่ติดอยู่ี่นี่ ป่านนี้ถึงหมู่บ้านแล้ว ” เฟย์ยังโบ้ยความผิดทั้งหมดมาให้ฉัน ฉันหรือจะยอม
“ฉันเรื่องมากตรงไหน ตั้งแต่มาี่นี่ ฉันไม่คุ้นเคยอะไรซักอย่าง กินเนื้องูงี้ ฝนกรดงี้ ฉันเรื่องมากตรงไหนไม่ทราบ” ฉันยืนจังก้าหน้าเฟย์โดยไม่มีทีท่ายอมกัน
“เจ้า ! ” เฟย์ผลักฉันจนเซ ฉันคว้าแขนเฟย์และงืมมือหวังตบ แต่เฟย์สะบัดหลบ นั่งลงพร้อมดึงคันธนูี่มีลูกศรพร้อมเล็งมายังฉัน เรฟโผล่มายืนบังด้านหน้าฉัน ฉันผลักเรฟก ผู้หญิงจะตีกันผู้ชายห้ามยุ่ง กลายเป็นฉันยืนบังเรฟ
“หยุดได้แล้ว ” เสียงอาเมนกระซิบข้างหูเฟย์ าคนนี้ไวเหลือเกินแว๊บเดียวเพียงเสี้ยวพริบตาาคนนั้นเอาคฑาจ่อคอขาวๆของเฟย์แล้ว ทำเอาผู้พิทักษ์จะกรูเข้าไปช่วยเหลือเฟย์ ฉันก็สะใจอยู่นิดๆนะ
“พอเถอะ ฉันแค่ล้อเล่นน่ะ พวกคุณไม่ควรตีกันในนี้ ตีกันไป ทะเลาะกันมาไม่มีประโยชน์ มาช่วยกันคิดดีกว่าว่าพวกเราจะทำยังไงดี” ฉันเดินมาี่หน้าโพรงไม้อีกครั้ง ฝนตกปรอยๆไม่หยุดตกทีเดียว
“เอาไงล่ะทีนีั ผู้ถูกเลือกเจ้าคิดจะทำยังไง เป็นถึงผู้ถูกเลือกควรมีวิธีสิ” ฟินน์ถามฉัน ไอ่เด็กนี่ วอนโดนจริงๆ ไม่รู้จักเด็ก จักผู้ใหญ่ ฉันเกลียดจริงๆ ไม่มีสมมาคารวะเนี้ย เดี๋ยวจะแสดงให้เด็กมันดู
“ถ้าฉันทำให้ฝนนี้หยุดตก เด็กน้อยเรียกฉันว่า พี่เซเลีย สาวน้อยเธอต้องขอโทษฉันด้วย ส่วนี่เหลือให้ฟังคำสั่งฉันและห้ามทะเลาะกัน ตีกันให้ฉันเห็นอีก แล้วเลิกเรียกฉันว่า ผู้ถูกเลือกให้เรียกว่า เซเลีย เข้าใจไหม ” ฉันหันไปมองหน้าทุกคน
“เจ้าจะทำอะไร” เสียงเดิมลอยมา ฉันยิ้มเป็นคำตอบ แล้วเดินกไป ก่อนกจากโพรงไม้เหมือนถูกตรึงไว้ัี่ขยับไม่ได้
“เจ้าจะทำอะไร ตอบข้ามาก่อน” ฉันยิ้มและก้าวกจากโพรงไม้ ใช่! การตรึงไว้ไม่มีผลัฉัน จากฝนี่ตกปรอยๆ เป็น-่าฝนี่ตกกระหน่ำ ฉันรู้สึกัร้อนแทบไหม้ ฉันเดินต่อไปไม่ไหวเหมือนัถูกบังคับไม่ให้เดินต่อไป ฉันคุกเขาลงัพื้น ใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งแนบลงพื้น
“ฉันจะหยุดพวกแกเอง ” สิ้นเสียงพูด เหมือนไฟได้เผาไหมร่างกายฉัน ฉันร้อนแทบทุรนทุรายแต่ต้องอดทน ฉันต้องแสดงให้เห็นว่า ฉันคือผู้ถูกเลือกจริงๆ ไม่ใช่คนี่พวกเขาจะมาดูถูกง่ายๆ และ ฉันต้องการให้เรื่องมันจบเร็วี่สุด ฉันต้องการกลับบ้าน
“หยุดเดี๋ยวนี้ ! ” ฉันตะโกนสุดเสียงพร้อมัร่างกายี่ร้อนระอุและปวดร้าวแทบจะแตกกเป็นเสี่ยงๆ สักพักฝนหยุดตก หมอกหนาทึบหายไปสภาพรอบด้านสว่างสดใส เหมือนฟ้าหลังฝนก็มิปาน ก่อนี่ฉันจะล้มลง ฉันเห็นเรฟวิ่งมาหาคนแรก พร้อมถอดชุดสีดำด้านนอกให้ฉันและเสื้อฮูดคลุมร่างฉันไว้ ฉันอยู่ในอ้อมกอดของเรฟอย่างหมดเรี่ยวแรง
“าเอาเสื้อผ้าามาให้ฉันทำไม ” ฉันถามในอ้อมกอดเรฟ เรฟเลิกคิ้ว
“เจ้าจะให้พวกเขาเห็นรูปร่างอัน ขาวเนียนของเจ้ารึไง” รูปร่าง ขาวเนียน งั้นแปลว่าฉันโป๊อยู่เหรอ แล้วเสื้อผ้าฉันอยู่ไหน ฉันได้ยินเสียงขำของเรฟเบาๆ
“เจ้าโดนฝนกรดกระหน่ำทั่วร่างขนาดนั้นโชคดีี่ัเจ้าไม่เป็นอะไร แต่เสื้อผ้าี่เจ้าใส่สิ จะหลงเหลืยู่หรือไง” พูดเสร็จเรฟอุ้มฉันเดินผ่านผู้พิทักษ์และคนอื่นๆ
“ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ อายเขา” แต่เรฟไม่สนใจเดินเ้าาโพรงไม้และปล่อยฉันลงพร้อมสะบัดแขนทีเดียวโพรงไม้ปรากฎเป็นไม้กั้นอยู่ด้านหน้าเป็นเหมือนประตูไม่ให้ใครเข้า ตอนนี้มีเพียงฉันัเรฟอยู่ด้วยกัน สองต่อสอง หุหุ คริคริ
“าจะทำอะไร” ฉันแสร้งถาม
“ข้าจะให้เจ้าแต่งั รึเจ้าอยากให้ใครเห็นงั้นรึ” เรฟเอามือไขว้หลังไว้ เอาหน้ามาใกล้ฉัน ฉันหลบและถอยหลังให้ห่างจากเรฟ อายก็อาย อย่าเข้าใกล้ได้ไหม แค่นี้ก็หลงแล้ว ตาบ้า
“เจ้าว่ากระไรนะ” เรฟเดินเข้าหาฉัน ตอนนี้โพรงไม้คับแคบได้ไง ฉันเดินมาติดัผนังโพรงไม้ แต่มือทั้งสองยังคงกำผ้าไว้แน่น เรฟเอาหน้ามาใกล้ฉัน เขายังคงไขว้หลังเหมือนเดิม
“ให้ฉันแต่งัแต่า า…..ควรให้เฟย์มาช่วยแต่งสิ ฉันใส่ไม่เป็นแล้วทำไมต้องเป็นาด้วย าเป็นผู้ชายนะ ฉันเป็นผู้หญิง” ฉันก้มหน้าหลบสายตาของเรฟ เรฟประคองหน้าฉันขึ้นแล้วก้มลงมา อ๊ายยยยยยยย ฉันหลับตาเพราะความเขิน อย่าจู่โจมแบบนี้ ฉันยังไม่ได้ตั้งัเลย
“เจ้าเป็นอะไร” เสียงเรฟทำให้ฉันลืมตาขึ้น ตอนนี้เรฟยืนห่างจากฉัน หนึ่งช่วงั และพิจารณาดูฉัน ฉันสำรวจดูชุดี่ใส่อยู่เป็นชุดคลุมสีฟ้าอ่อนยาวปลิวไสว ข้อมือพันด้วยผ้าสีเงินเล็กน้อยผ้าคลุมนี้เป็นผ้าี่เหมือนจะเรืองแสงได้
“เอามาจากไหน สวยจัง” เรฟไม่ตอบกลับยิ้มให้
“เจ้าชอบก็ดีแล้ว แล้วชุดี่าคลุมให้ฉันล่ะ” เรฟผายมือกพร้อมหมุนให้ดูรอบหนึ่ง ฉันยิ้มให้
“ขอบคุณนะ เรฟ” ฉันพูดพร้อมเดินเข้าไปหาเรฟ แต่คราวนี้เรฟเป็นฝ่ายถอยห่างฉัน เอาอีกแล้วนะาคนนี้ อย่าให้ถึงทีฉันบ้าง จำไว้เลย ชิ! ฉันรวบผมไว้ข้างหลังอย่างลวกๆ ดีนะี่ฝนกรดไม่ทำหัวฉันล้านก่อน เรฟยื่นเถาวัลย์ีเีอ่อนขนาดเล็กให้ ฉันรับมาแต่ยังไม่ทันมัด เรฟก็รวบผมฉันและมัดให้เรียบร้อยเลย หุหุ แบบนี้รักตายเลย ผู้ชายของฉัน
“เฮ้ย ! พวกเจ้าทำอะไร นานเกินไปแล้ว กมาเร็วสิ ” เสียงเอเมนตะโกนเ้าา น้ำเสียงเหมือนลำคาน
เรฟสะบัดมือทีเดียวไม้กั้นี่ปิดโพรงไม้ก็หายไปัตา พวกเขาวิ่งเ้าาหาฉันัเรฟ แต่ดูท่าทางเฟย์เห็นฉันไม่สบอารมณ์เท่าี่ควร เธอยังมีอาการโมโหอยู่
“ไหนล่ะ คำขอโทษ ไหนฟินน์เรียกพี่เซเลียสิ” ฉันยังล้อถึงคำพูดก่อนหน้านั้นถึงแม้ว่าจะไม่ใส่ใจก็ตาม
“แล้วพวกคุณอย่าลืมี่ฉันบอกต้องเชื่อฟังฉันและห้ามทะเลาะกันอีก” ฉันรู้สึกว่าัเองมีอำนาจขึ้นมา พวกเขาทุกคนทำหน้าจ๋อยเลยทีเดียว
“ก็แค่โชคช่วยเท่านั้นแหละ” ฟินน์ยังไม่ยอมแพ้ ฉันมองหน้าฟินน์
“งั้นเอางี้ ถ้าฉันพากไปจากี่นี่ได้ เด็กน้อยาจะเรียกฉันว่า พี่เซเลียไหม?” ฉันทำหน้าทะเล้นใส่ฟินน์
“ได้ ข้าจะเรียกเจ้าว่า พี่เซเลีย” ฟินน์ยังคงท้าฉัน ดูให้ดีนะเด็กน้อย
“งั้นไอ่หนู เตรียมัเรียกฉันว่าพี่ได้เลย ” พูดเสร็จ เดินไปี่ผนังโพรงไม้ เอามือแตะเบาๆ แล้วเดินมาหาฟินน์
“งั้นไอ่หนู เอาขวานของาฟันไปยังผนังนั้น ” ฉันชี้ไปี่ผนัง ฟินน์ทำหน้างง แต่ก็ตั้งท่าฟันไปี่ผนังโพรงไม้ ส่วนฉันหลบไปอยู่ด้านหลังี่รักน่ะสิ จะใช่ใครก็เรฟไง
ฉับ ! ฟินน์ตวัดขวานทีเดียว ผนังแยกกเป็น สองซีก แล้วหายไปในพริบตา กลับกลายเป็นป่าเขียวขจี อีกทั้งยังมีทะเลสาบี่ถูกปกคลุมด้วยต้นหญ้าีเี ผืนน้ำสะท้อนภาพของท้องฟ้าและต้นไม้โดยรอบอย่างชัดเจน มี สัตว์ในป่านี้แตกต่างจากโลกภายนอก ทั้งมีกิ้งก่าี่สามารถล่องหน ค้างคาวี่มีปีกใสเหมือนแก้ว และผีเสื้อี่มีเกล็ดเรืองแสง ช่างสวยงามจริงๆ ฉันตกตะลึงจากภาพี่เห็น นี่มันภาพกมาจากนิยายชัดๆ
“เอ่อ….พี่……พี่เซเลีย” ฟินน์พูดเสียงเบาๆในลำคอ ฉันเลิกคิ้วหันมามองเจ้าของเสียง เดินเ้าาพร้อมเอาแขนคล้องคอเด็กหนุ่มไว้ แกลมหยอกนิดๆ อดไม่ได้ี่จะเอามือขยี้หัวเด็กน้อยเล่น
“ว่าอะไรนะ ไม่ได้ยิน 555” ฉันหยอกฟินน์ ฟินน์สะบัดักจากฉัน แล้วมายืนปัดตามร่างกายเหมือนไปเจอัฝุ่น ฉันยืนกอดอกัพฤติกรรมของฟินน์ เผลอยิ้มให้
“ข้าว่า พี่เซเลีย ได้ยินหรือยัง” ฟินน์ตะโกนเสียงดัง แล้วเดินหนี ฉันยืนหัวเราะให้ัความน่าเอ็นดูของฟินน์ จากนั้นหันกลับไปมองเฟย์ี่เดินหน้าง้ำอยู่
“แล้วคนนี้ จะขอโทษได้หรือยัง” ฉันเดินข้างเฟย์ เฟย์หันมามองฉันพร้อมหยิบลูกธนูใส่คันธนูเตรียมยิง ซึ่งเป้าหมายไม่ใช่ใคร ฉันเอง ฉันหยุดเดินแล้วเอามือป้อง
“เอ๊ะ ! เป็นถึงผู้พิทักษ์ไม่รักษาคำพูดนิ”
“ข้าไปตกลงอะไรัเจ้า เจ้าพูดเอง เเองทั้งนั้น ” ไม่พูดเปล่าง้างคันธนูจะยิงฉันให้ได้ ฉันเดาว่าเฟย์คงเสียหน้า และ อายี่จะพูด แต่ก็ไม่น่าจะฆ่าจะแกงกันนี่นา โกรธอะไรนักหนานะ
“พอได้แล้ว เฟย์ อย่าทำัเหลวไหล ผู้ถูกเลือกแค่หยอกเจ้าเล่น” ลูคัสเตือนสติเฟย์
“อ่ะแฮ่ม! ลูคัสต้องเรียกฉันว่าอะไรนะ” ฉันลากเสียงถามลูคัส
“เซเลียขอรับ ” ฉันเดินไปตบบ่าลูคัส พร้อมยิ้ม
“ช่างมันเถอะ การขอโทษี่ไม่ได้มาจากใจฉันก็ไม่อยากได้หรอก ถ้าเฟย์ไม่อยากขอโทษก็ไม่เป็นไร ปล่อยไปเถอะ ว่าแต่เราจะไปไหนต่อล่ะ” ฉันหันมาถามลูคัส เพราตอนนี้ฉันเดินนำหน้าพวกเขาแล้ว
“หมู่บ้านแห่งแสง หาผู้เฒ่าจันทรา” ลูคัสพูดชื่อนี้คล้ายัให้ความเคารพ แต่ทำไมฉันรู้สึกว่าเหมือนโกรธ หรืาฆาตแค้นมากกว่านะ ตั้งแต่ลูคัสพูดชื่อนี้ขึ้น ท่าทีของผู้พิทักษ์ทั้งห้าก็เปลี่ยนไป กลับเงียบขรึมลงทันที ฟินน์เด็กหนุ่มี่เอาแต่เล่นก็สงบเสงี่ยมขึ้นมาทันที
ผู้เฒ่าแห่งจันทรา คือใครนะ ทำไมทุกคนถึงมีท่าทีี่เปลี่ยนไปขนาดนี้ ฉันได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ แล้วเดินตามพวกเขาไป ……..
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??