เรื่อง เส้นทางอสุรา
บที่ 140 บาดแผลบนแผ่นหลัง
หลังการลงมือี่ดุดันของหลวนคุน กำราบเหล่าคุณชายและผู้ถูกเลือกทั้งหกจนแพ้พ่ายไม่เป็นท่า ซ้ำยังบาดเจ็บสาหัสแทบเอาชีวิตไม่รอด หมอหลวงซึ่งประจำอยู่บริเวณลานประลองก็ออกมาทำหน้าี่โดยพลัน เช่นเดียวกับบรรดาผู้ติดตามจากเมืองใหญ่ต่างๆ ี่เข้ามาตรวจดูอาการผู้เป็นนายอย่างร้อนลุ่ม เมื่อเห็นคนยังไม่ตาย พวกมันก็ต่างเป่าปากพลางกัดฟันหันมากล่าวประชดประชันใส่หลวนคุน
“ขอบคุณคุณชายใหญ่สกุลหลวนี่ยั้งมือไว้ไมตรี”
“ความมีน้ำใจในครั้งนี้พวกเราขอรับไว้"
หลวนคุนไม่แม้แต่จะมองคนเหล่านั้น สำหรับผู้ี่พ่ายแพ้ ผู้ี่ไร้พลังอำนาจ ทำได้เพียงแค่พ่นวาจาเท่านั้น มิต่างจากสุนัขี่ชอบเห่าแต่ไม่กล้าแว้งกัดพยัคฆ์ เช่นนั้นมันจึงเพียงแต่หัวเราะชอบใจออกมา หัวเราะให้กับชัยชนะในครานี้ เสี้ยนหนามี่กวนใจทั้งหกถูกจัดการลง ชัยชนะก็อยู่แค่มือเอื้อมหาเท่านั้น ซึ่งมันจะเอื้อมไปคว้าเอาเมื่อไหร่ก็ได้
เสียงหัวเราะของหลวนคุนดังไม่นานก็หยุดลง นึกถึงใบหน้าี่งดงามไร้ี่ติ กับท่าทีี่หยิ่งผยองทะนงตนนั้น มันก็ยิ้มเย็นออกมาพลางหันไปมองยังนาง
แน่นอนว่าสตรีี่มันนึกถึงก็คือซุนหนิงเซียน สตรีี่มันต้องการจะครอบครองเป็นี่สุด มันอยากได้ทั้งกายและใจของนาง ประการสำคัญมันยังอยากได้การสนับสนุนจากเบื้องหลังของนางด้วย เมืองจรดเมฆาก็คือเป้าหมายอันดับหนึ่งของมัน ส่วนสาวงามล่มเมืองอย่างซุนหนิงเซียนนั่นคือผลพลอยได้ราวฟ้าประทาน
เสียงพึมพำแผ่วเบาดังรอดผ่านไรฟันของหลวนคุน
“เกลียดชังข้านักหรือ ข้าจะทำให้เจ้ายอมสยบทั้งตัวและหัวใจ"
เห็นแววตาี่น่ารังเกียจมองมายังตน สองมือี่วางบนตักของซุนหนิงเซียนก็กำแน่น ตัวของนางนิ่งเกร็ง ในหัวคิดอยู่เสมอว่าต่อให้ถูกพระราชทานการแต่งงาน นางก็จะชิงเข้าสู้กับมันจนตัวตายในวันนี้ หากสู้ไม่ตาย นางก็จะสังหารตัวตาย ไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองให้แก่คนชั่วใช้บีบบิดาตนเด็ดขาด นางมองไม่เห็นทางเลือกและทางรอดอื่นแล้ว มีเพียงวิธีการนี้เท่านั้น ขอเพียงแค่ชีวิตตนจบลง ไม่ว่าจะเป็นวังหลวงหรือเมืองเทียมฟ้าก็จะไม่มีสิ่งใดใช้เป็นข้ออ้างกดดันเมืองจรดเมฆาอีก
เห็นท่าทีของซุนหนิงเซียนเคร่งเครียดหนัก ฟู่ชิงหรูี่อยู่ข้างกายก็พลันวางฝ่ามือทาบลงบนบ่าของนาง
“การประลองยังไม่จบลงมิใช่หรือ เจ้าอย่าได้คิดทำอะไรบ้าๆ โดยเด็ดขาด"
ซุนหนิงเซียนพริ้มตาลงและสูดลมหายใจเข้าลึก
“ข้าเองก็เป็นศิษย์ชั้นสามแห่งสำนักยุทธ์หมื่นภูษา สิ่งี่คิดและกระทำทุกคราจึงผ่านการไตร่ตรองอย่างรอบคอบเสมอ มิเช่นนั้นคงมิอาจมายืนอยู่จุดนี้"
“ข้ารู้ แต่เพราะข้ารู้ จึงไม่ต้องการให้เจ้าทำเรื่องเช่นนั้น”
“หากสุดทางไป ไม่กระทำก็มิได้ คิดจะสร้างกำแพงต้องไม่เสียดายหินี่ใช้”
“แต่เจ้าไม่ใช่อิฐใช่หิน เจ้าคือคน คนี่มีชีวิตและจิตใจ”
ซุนหนิงเซียนกล่าวขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยว
“แล้วจะให้ทำอย่างไร ต้องรอให้เป็นจิตใจี่ถูกผู้อื่นย่ำยีและเหยียบย่างเป็นบันไดข้ามกำแพงหรือ"
ฟู่ชิงหรูถึงกับหาวาจามาตอบกลับมิได้ นางทำได้แต่เพียงถอนลมหายใจ พลางมองไปี่เินซือหยางซึ่งยังคงนั่งอย่างผ่อนคลายบนกล่องอาวุธ ก่อนนางจะตอบออกมา
“จะไม่รอให้การประลองจบก่อนหรือ แล้วค่อยตัดสิน"
ซุนหนิงเซียนไม่เคยเห็นและไม่มีโอกาสได้สัมผัสในตัวตนของเินซือหยางอย่างลึกซึ้งมาก่อน พบพานกันก็เพียงนับนิ้วได้ นางจึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดไม่ว่าจะเป็นบิดาตน พี่ชายของตน และรวมถึงฟู่ชิงหรูจึงได้คาดหวังและเลือกคนผู้นี้ให้ต้องมาแบกรับในชะตาชีวิตของนาง รวมถึงชะตาและทิศทางของเมืองจรดเมฆาด้วย เพราะหากประเมินด้วยสิ่งี่สัมผัสภายนอกแล้ว ชายหนุ่มเพียงเป็นคนธรรมดาี่ควรมีชีวิตเรียบง่ายและสงบสุข มิควรมาพัวพันกับเรื่องทางการเมืองของเหล่าผู้มีอำนาจด้วยซ้ำ ใจของนางอยากให้มันปลอดภัยไร้เรื่องราว ไม่ต้องมาพลอยโดนลูกหลงหรือประสบกับโชคร้ายี่มิได้เกี่ยวข้อง ไม่ว่านางจะมองมันมุมไหนก็มิอาจเห็นว่ามันจะเอาชนะหลวนคุนได้ นางออกจะเป็นกังวลแทนมัน กลัวว่ามันจะบาดเจ็บสาหัสเฉกเช่นเดียวกับเหล่าคุณชายและผู้ถูกเลือกจากเมืองใหญ่อื่นเสียมากกว่า
“ข้ามิอาจทนเห็นคนอื่นต้องมาเจ็บและล้มตายเพราะตระกูลของข้าอีกแล้ว"
คำกล่าวนี้ของนางแผ่วเบาแต่หนักแน่น นางตัดสินใจแล้ว ร่างเตรียมลุกทะยานจากเก้าอี้หมายลงมือ ทว่าฝ่ามืออันเหี่ยวย่นข้างหนึ่งี่มิทราบมาตั้งแต่เมื่อไร พลันกดไหล่ของนางไว้จนมิอาจจะขยับได้อย่างใจนึก
ี่แท้เป็นฝ่ามือของขันทีชราข้างพระวรกายขององค์จักรพรรดิ
“คุณหนูซุนคิดจะทำสิ่งใด ท่านคิดถึงผลี่จะตามมาแล้วหรือไม่"
ขันทีชราผู้นี้เสมอมาเป็นผู้ทำหน้าี่ต่างๆ แทนองค์จักรพรรดิบนลานประลอง เมื่อครู่มันยืนอยู่อีกฟากหนึ่งข้างพระวรกายขององค์จักรพรรดิ แต่พริบตาเดียวี่นางกำลังตัดสินใจจะเคลื่อนไหว มันกลับปรากฏี่ข้างกายของนางอย่างทันท่วงที อีกทั้งนางเป็นถึงศิษย์ชั้นสามของสำนักยุทธ์หมื่นภูษา มีพลังจิตวิญญาณสามัญระดับห้า ถือว่าเป็นระดับพลังจิตวิญญาณี่ไม่ธรรมดา แต่กระนั้นก็มิอาจสลัดหลุดจากฝ่ามือี่เพียงวางทับบนไหล่ได้
ขันทีชรายังกล่าวต่อ
“การประลองยังไม่จบ สมควรี่จะดูต่อไปเถิด”
เมื่อรู้ว่าตอนนี้ตนเองมิต่างจากหมากบนกระดาน มิอาจคิดกระทำสิ่งใดได้เองระหว่างี่อยู่ในการเดินหมาก นางจึงได้แต่อดกลั้นอารมณ์พลางสงบจิตสงบใจลงคิดหาหนทางอื่นต่อไป เมื่อตอนนี้ยังไม่ได้ นางก็ต้องรอจังหวะเวลาอื่น
ขันทีชราเห็นถึงพลังจิตวิญญาณของซุนหนิงเซียนสงบลงแล้ว มันค่อยคืนกลับไปยังตำแหน่งเดิม ก่อนจะทูลกล่าวกับองค์จักรพรรดิอย่างแผ่วเบา
“ปล่อยให้นางกระทำตามอำเภอใจจะไม่ดีกว่าหรือพะยะค่ะ"
องค์จักรพรรดิทรงตรัสแผ่วเบาตอบกลับ
“บุตรีตกตายต่อหน้าเรา จะเอาคำตอบี่ใดไปให้เจ้าเมืองจรดเมฆา…เมื่อการประลองสิ้นสุดแล้ว นางอยากทำอะไรก็ค่อยให้นางทำเถิด”
ขันทีชราผสานมือค่อมศีรษะ
“กระหม่อมเบาปัญญา สมควรถูกลงโทษแล้ว"
“เมื่อครู่เจ้าหยุดนางได้ทันท่วงที ถือเป็นความชอบหักล้างโทษ"
“ขอบพระทัยพะยะค่ะ"
บนี่นั่งชมการประลองเกือบจะบังเกิดเรื่องราวแต่ถูกหยุดไว้เสียก่อน ส่วนบนลานประลองตอนนี้หลวนคุนได้ยืนยืดอกต่อหน้าทุกสายตา เมื่อไร้ผู้ี่จะสู้ มันก็คือผู้ชนะในวันนี้ ราชโองการพระราชทานสมรสใกล้ถึงกำหนดี่จะประกาศออกมาแล้ว
“ได้สู้กับผู้ี่เหยียบย่างใกล้เหนือสามัญนับเป็นวาสนา ข้าี่ถูกเลือกจากท่านเจ้าเมืองถือว่าเป็นโอกาสฟ้าประทาน ช่วงเวลาอันดีเช่นนี้ข้าจะยินยอมปล่อยผ่านได้เช่นไร…คุณชายหลวนได้โปรดชี้แนะ"
เสียงอันแข็งกร้าวและเถรตรงดังมาจากมุมหนึ่งของลานประลอง เจ้าของเสียงคือแม่ทัพหนุ่มวัยย่างสามสิบี่ยืนนิ่งค้างใช้ทวนค้ำอยู่นานแล้ว มันออกหน้าช่วยเหลือหลวนคุนจากอุบายหกรุมหนึ่งด้วยคุณธรรม แต่กลับถูกหลวนคุนลอบเล่นงานจากเบื้องหลังอย่างไร้คุณธรรม มันสมควรี่จะพ่ายแพ้และมิอาจยืนหยัดบนลานประลองได้อีกแล้ว แต่มันกลับยังฝืนยืนหยัดอย่างไม่ย่นระย่อสมเป็นชายชาติทหารผู้นำกองทัพนับหมื่นของเมือง และมันสมควรี่จะมีโทสะแลโกรธแค้นี่ถูกลอบเล่นงานอย่างไร้ไมตรี แต่มันก็ยังแสดงความยินดีพร้อมท้าสู้กับหลวนคุนอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา ด้วยท่าทีและนิสัยของมันเช่นนี้ ได้สร้างความเลื่อมใสน่าเคารพนับถือให้แก่ผู้ี่ชมดูการประลองยิ่งนัก แม้แต่องค์จักรพรรดิยังอดี่จะชมเชยออกมามิได้
“ทหารเช่นนี้ข้ามิได้เห็นมานานแล้ว หากไม่เอ่ยถึงเรื่องก่อนหน้า ก็นับเป็นโชคดีจริงๆ ี่มันเป็นคนของเมืองใต้นภา เมืองี่เชื่อฟังและโอนอ่อนต่อเราเป็นี่สุด"
ขันทีชราประสานมือค่อมศีรษะ
“ทุกเมืองล้วนภักดีพะยะค่ะ"
“กับจักรพรรดิพระองค์ก่อนบิดาข้าก็คงใช่"
“ผู้เป็นโอรสสวรรค์ ผู้ใดจะกล้ามิโอนอ่อน"
“กล่าวได้ดี"
บนลานประลองเมื่อยังมีผู้ยืนหยัดท้าทายอยู่ หลวนคุนจึงบังเกิดอารมณ์ี่ฉุนเฉียวเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันรู้ดีว่าคนเหล่านี้สู้มันไม่ได้อีกแล้ว สมควรี่จะหลบหางจุกตูดไปได้แล้ว ยิ่งบาดเจ็บสาหัสเช่นนั้นยังจะกล้ายืนหยัดด้วยความทรนงประจันหน้ามันอีก มันมิใช่คนี่จะมาชมเชยผู้อื่น ยิ่งผู้อื่นแสดงท่าทีสร้างความชมชอบต่อคนจำนวนมากเกินหน้าเกินตาของมัน มันยิ่งไม่ชอบ เสมอมาเมื่ออยู่ในตระกูลมันคือผู้แพ้มาโดยตลอด คนในตระกูลชมเชยน้องชายต่างมารดามันมาโดยตลอด เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นี่มิใช่น้องชาย มันจึงไม่มีทางี่จะยอมให้ผู้ใดถูกชมเชยเกินหน้าของมันได้ เมื่อใดก็ตามี่มันเห็นสิ่งนี้ มันก็ยิ่งต้องการี่จะทำลายให้ถอนรากถอนโคน
การกระทำของแม่ทัพหนุ่มนามจ้าวเฟิงผู้นี้ ถือเป็นสิ่งี่หนาหนักยิ่งกว่าการกล่าวดูแคลนมันเสียอีก!
“สิ่งี่ข้าเกลียดยิ่งกว่าสุนัขเห่าหอนก็คือสุนัขลำพองตนเช่นเจ้า!”
หลวนคุนลงมือด้วยกระบี่ี่ฉับไว พลังจิตวิญญาณแผ่พุ่งตามสภาวะกระบี่ ทั้งดุดันแลรวดเร็วยิ่งนัก แต่สภาวะทวนของจ้าวเฟิงก็ไม่ธรรมดา เมื่อมันผสานจิตวิญญาณร่วมกันก็ก่อเกิดเงาทวนคลุมแผ่นฟ้า ระยะพลังแห่งทวนยาวกว่ากระบี่ ถึงโจมตีช้ากว่าแต่ว่าถึงก่อน!
เงาทวนอันคมกริบคลุมนภา ทะลวงแทงส่งพลังจิตวิญญาณราว-่าพิรุณ นำพาเสียงสนั่นดังลั่นทั่วอาณาบริเวณ แสดงความดุดันเถรตรงน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก ผู้คนต่างออกปากส่งเสียงชื่นชมไม่ขาดสาย เหล่านี้ยิ่งกระตุ้นความเดือดดาลแก่หลวนคุนเป็นอย่างมาก
“อย่าได้ใจจนเกินไป!”
หลวนคุนคำรามก้องพลันพลิกกระบี่หมุนบนฝ่ามือ ก่อนพลิกกายทิ่มแทงกระบี่ออกไปอย่างหนักหน่วง เคล็ดวิชาพิชิตภูษาี่สามสำแดงอีกหน ปฏิเสธหล้านำพาละอองสีขาวขุ่นฟุ้งกระจายหนาแน่นทางยาวทรงอานุภาพ ปฏิเสธทำลายกฎเกณฑ์พลังแห่งเงาทวนคลุมนภาไม่เหลือชื้นดี
หากแม้นมิบาดเจ็บสาหัสมาก่อน ความต่างชั้นของพลังจิตวิญญาณคงมิห่างขนาดนี้ แต่เพราะอาการบาดเจ็บี่แผ่นหลัง แรงการเหวี่ยงทวนและแผ่พุ่งพลังจิตวิญญาณจึงตกลง กระบวนท่าี่ทิ่มแทงทวนก็ติดขัด จึงมองไม่เห็นทางใดี่มันจะเอาชนะได้เลย ี่มันยังกัดฟันสู้ เป็นเพราะศักดิ์ศรีและใจี่ชมชอบในด้านการต่อสู้ ถึงมันจะรู้ตัวว่าสู้ไม่ได้ แต่การสู้ในวันนี้นับเป็นประสบการณ์ี่ดีในการจะพัฒนาฝีมือต่อไป
เห็นเพลงกระบี่ี่เอาชนะเพลงทวนของตนแผ่พุ่งมา จ้าวเฟิงได้แต่ยอมรับความพ่ายแพ้ มิอาจจะสะกัดกั้นกระบี่ได้อีกต่อไป ทว่าแทนี่พลังกระบี่จะฟันลงี่เบื้องหน้าของจ้าวเฟิง สภาวะกระบี่กลับหยุดยั้งลง ี่เป็นเช่นนี้มิใช่เพราะหลวนคุนยอมรับแลชื่นชมในจิตใจและความห้าวหาญของจ้าวเฟิง แต่หลวนคุนกลับทำในสิ่งี่น่ารังเกียจ ทั้งี่ฝ่ายตรงข้ามไร้ทางสู้ กระบี่หากฟันลงี่เบื้องหน้าก็สามารถจบการประลองได้แล้ว มันกลับรั้งกระบี่เพื่อเคลื่อนกายไปี่ด้านหลังของจ้าวเฟิง พร้อมส่งกระบี่ฟันเข้าใส่ส่วนหลังเพื่อเป็นการทำลายเกียรติและความห้าวหาญของฝ่ายตรงข้าม
ในฐานะนักสู้หรือทหารผู้เต็มไปด้วยความห้าวหาญเถรตรง การมีแผลี่แผ่นหลังในระหว่างสู้ประจันหน้า นับเป็นความละอายแลทำลายเกียรติเป็นี่สุด!
ผู้ชมทั่วลานประลองได้เห็นการกระทำี่หยามเกียรติของหลวนคุน ทุกผู้ต่างแสดงความรู้สึกี่ไม่พอใจ แต่บนลานประลอง ผู้ใดจะขัดขวางได้ แม้แต่จ้าวเฟิงเองก็มิอาจขัดขวาง มันได้แต่กัดฟันเบิกตายินยอมรับความพ่ายแพ้และความอัปยศนี้ด้วยตนเอง มันไม่โทษหลวนคุน แต่มันโทษตัวเอง โกรธตัวเองี่อ่อนแอไม่ได้เรื่อง จนต้องถูกคนผู้หนึ่งฝากบาดแผลี่แผ่นหลังซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“สุนัขลำพอง สมควรอยู่อย่างหางจุกตูดถึงจะถูก!”
วาจาี่หยามหยัน มาพร้อมกับกระบี่ี่ฟันลง จ้าวเฟิงทำได้เพียงจนใจยอมรับและตำหนิตัวเอง
ฉับ!
เสียงตัดเฉือนฉับหนึ่งดังเสียดหู พร้อมโลหิตี่พร่าพรมหยาดเป็นสาย จ้าวเฟิงมองโลหิตราดรดบนร่างตน ทว่านั่นกลับมิใช่โลหิตตน
กระบี่ของหลวนคุนมิได้ฟันลง บนหลังของจ้าวเฟิงจึงไม่มีบาดแผลเพิ่ม โลหิตี่เกิดจึงมิทราบเป็นของผู้ใด จนกระทั่งจ้าวเฟิงได้จังหวะพลิกตัว มันค่อยพบว่าโลหิตมาจากหลวนคุน เป็นบาดแผลี่ปรากฏบนหลังของหลวนคุน แม้แผลนี้จะตื้นมาก แต่ก็เป็นแผลบนแผ่นหลังชนิดี่ว่าหลวนคุนมิอาจปัดป้อง
และนอกเหนือจากแผลนั่น ไม่ทราบว่ามีคนผู้หนึ่งมาตั้งแต่เมื่อใด มันเคลื่อนไหวตั้งแต่ตอนไหน เพราะตอนี่ตนลงมือ มันยังนั่งสบายใจบนกล่องอาวุธ!
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??