เรื่อง จักรพรรดิผู้กำหนดใต้หล้าด้วยหอกเดียว
วันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2571 ณ จังหวัดกาฬสินธุ์อำเภอสหัสขันธ์เขื่อนลำปาว
ขณะนี้มีชายแก่คนหนึ่งนอนหายใจรวยรินอยู่บนเก้าอี้เปลริมชายหาด สายตาที่แสนเลื่อนลอยของเขากำลังทอดมองดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าเหนือสันเขื่อน รอบข้างของชายแก่มีผู้คนสวมชุดดำรุมล้อมอยู่มากมาย บรรยากาศเต็มไปด้วยาเศร้าสร้อย
"อย่าเศร้าใจไปเลย การจากไปของฉันก็เหมือนกับคนอื่นๆ เกิดแก่เจ็บตายล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่หนีไม่พ้น อย่าอาลัยอาวรณ์กันนักเลย" ชายแก่ยกริมฝีปากขึ้นพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
เสียงร้องไห้ระงมกันเซ็งแซ่ หลายคนปาดน้ำตาพร้อมสะอึกสะอื้นด้วยาเสียใจ
"คุณพ่อครับ คุณปู่เป็นอะไรหรอครับ?" เด็กน้อยเขย่าแขนเสื้อของชายวัยกลางคนแล้วถามด้วยใบหน้าใสซื่อ
ชายวัยกลางยืนตัวสั่นเทา เขาค่อยๆก้มมองดูใบหน้าและดวงตาอันใสซื่อของลูกชายผู้ไร้เดียงสาของเขา ในที่สุดเขาก็ไม่สามารถกลั้นหยาดน้ำตาของเขาเอาไว้ได้อีก เขาโน้มตัวลงแล้วโอบกอดลูกชายของเขาด้วยาโศกเศร้า ในขณะเดียวกันก็พยายามปรับสภาพจิตใจของตัวเอง
"คุณปู่เขากำลังจะไปเดินทางไกลครับ" น้ำเสียงของชายวัยกลางคนเต็มไปด้วยาสั่นเครือ
"ฮิฮิ" เด็กน้อยหัวเราะอย่างไร้เดียงสา "คุณพ่อไม่ต้องเศร้าไปนะครับ ตอนที่คุณปู่ไม่อยู่ผมจะเป็นคนที่อยู่เล่นกับคุณพ่อเองครับ"
ชายวัยกลางคนเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ปล่อยโฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น เขารู้อยู่แก่ใจตัวเองดีว่าาไร้เดียงสาของเด็กน้อย คงไม่เข้าใจว่าการเดินทางไกลครั้งนี้หมายาว่ายังไง ด้วยเหตุนี้ทำให้เขายิ่งกอดเด็กน้อยแน่นขึ้นไปอีก
ชายแก่ที่นอนอยู่บนเปลค่อยๆหันศีรษะมามองเด็กน้อยด้วยแววตาเอ็นดู ขณะเดียวกันก็เอื้อมมือที่เหี่ยวชราของเขาออกไปลูบศีรษะเด็กน้อยเบาๆ
'บนโลกนี้มีสิ่งที่ฉันยังไม่ได้ทำอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นก็คือการได้เห็นหลานชายของตัวเองประสบาสำเร็จ น่าเสียดายที่สวรรค์ให้เวลาฉันมาน้อยเกินไป ทำให้ฉันไม่สามารถมองเห็นอนาคตที่เขาประสบาสำเร็จได้ แต่อย่างน้อยๆเรื่องที่ยังค้างคาใจฉันก็ได้ทำมันไปเกือบหมดแล้ว โชคดีที่การเลือกตั้งปี70ผู้คนทั้งประเทศต่างร่วมแรงร่วมใจกัน ทำให้พรรคการเมืองที่พวกเราเชื่อมั่นเอาชนะการเลือกตั้งไปได้อย่างขาดลอย ถึงแม้จะใช้เวลานานในการจัดตั้งรัฐบาล แต่สุดท้ายก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ ฉันเสียใจจริงๆที่ไม่สามารถอยู่มองอนาคตที่สดของหลานชายและประเทศนี้ต่อไปได้' ชายแก่บ่นพึมพำในใจกับตัวเอง
ขณะนี้สีหน้าของชายแก่เต็มไปด้วยาเหนื่อยล้า "สมบัติที่ฉันหามา พวกแกก็เอาไปใช้กันดีๆนะ จากนี้ไปฉันคงอยู่ดูแลพวกแกไม่ได้แล้...."
แต่ชายแก่ยังกล่าวไม่ทันจะจบประโยค น้ำเสียงของเขาก็ขาดห้วงไปพร้อมกับแขนที่อ่อนแรงห้อยต่องแต่งอยู่กลางอากาศ บรรยากาศรอบข้างเต็มไปด้วยาโศกเศร้าโศกา หลายคนปล่อยโฮออกมาโดยไม่สามารถกั้นเสียงเอาไว้ได้อีกต่อไป
----------------------------------------------------------------------------------------------
บนท้องฟ้าเหนือเขื่อนลำปาว ชายแก่กำลังก้มมองดูร่างที่นอนแน่นิ่งของตัวเอง "หรือว่านี่จะเป็นิญญาที่เขาพูดถึงกัน" ชายแก่พลิกฝ่ามือของตัวเองไปมาเพื่อสำรวจดู
ในระหว่างที่กำลังเหม่อลอยอยู่นั้นเอง จู่ๆก็มีาทรงจำจำนวนมหาศาลไหลทะลักเข้ามาในหัวของชายแก่
"อ๊ากกกก!" ชายแก่ส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างทรมาน มือทั้งสองข้างบีบขมับเอาไว้อย่างรุนแรงเพื่อลดาเจ็บปวด และยิ่งเวลาผ่านไปาเจ็บปวดก็ยิ่งทวีคูณเพิ่มขึ้น ทำให้ใบหน้าของชายแก่ยิ่งเหี่ยวย่นลงไปกว่าเดิม
'าทรงจำนี่มันอะไรกัน' ชายแก่กรีดร้องขึ้นภายในใจ 'แล้วนี่มันาทรงจำของใครกัน ทำไมาทรงจำเหล่านี้ถึงไหลเข้ามาในหัวของฉันได้'
ชายแก่มองาทรงจำเหล่านั้นด้วยาเจ็บปวดเหลือประมาณ ซึ่งาทรงจำที่ไหลทะลักเข้ามามีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ตอนที่มีเด็กคนหนึ่งถือกำเนิดขึ้น จากนั้นเขาก็เติบโตเข้าสู่ช่วงวัยเด็ก วัยหนุ่ม วัยผู้ใหญ่ วัยกลางคน และช่วงวาระสุดท้ายของชีวิตของเขา
ตั้งแต่ต้นจนจบใช้เวลาไม่ถึงสามสิบวินาทีในโลกาเป็นจริง แต่สำหรับชายแก่แล้วที่เขาสัมผัสได้จากาทรงจำที่ไหลทะลักเข้ามา มััันเหมือนกับว่ากาลเวลาได้ผ่านพ้นไปหลายแสนปีแล้ว
แม้ตอนนี้สีหน้าชายแก่จะเต็มไปด้วยาเจ็บปวด แต่ดวงตาของเขาเวลานี้กลับเต็มไปด้วยาแข็งกร้าว เขารวบรวมสติสัมปชัญญะของตนเองเพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
และในระหว่างนี้เองที่ดวงิญญาอันใสกระจ่างของชายแก่เริ่มแผ่กระจายออร่าสีแดงออกมา ใช้เวลาเพียงไม่นานดวงิญญาที่มีใบหน้าเหี่ยวย่นของชายแก่ก็กลับมาหล่อเหลาเหมือนครั้งที่เขายังเป็นหนุ่มอีกครั้ง
ชายหนุ่มจ้องมองดูร่างของตนเอง "ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวัฏจักรแห่งการเวียนว่ายตายเกิดจะมีอยู่จริง" ชายหนุ่มกำมือของเขาเข้าหากันจากนัั้นก็แบออก เขาทำอย่างนั้นซ้ำไปซ้ำมา
"ช่วงชีวิตที่หนึ่งและชีวิตที่สองของข้าช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง"
ครื่น!
ชายหนุ่มสะบัดมือเบาๆทำให้อากาศรอบตัวของเขาเกิดการสั่นกระเพื่อม
ครั้นแหงนหน้ามองท้องฟ้าแล้วกล่าวกับตนเองว่า "ถือว่าบุญหล่นทับจริงๆที่การจุติในชาติที่สองของข้าประสบาสําเร็จไปได้ด้วยดี มิเช่นนั้นคงไม่อาจรักษาจิติญญาที่ใกล้จะแตกสลายในชาติภพที่หนึ่งได้เป็นแน่ เจี้ยนหลี่ไป๋เจ้าคนสารเลวชาติชั่ว ตั้งตารอข้าให้ดีเถอะ ข้าต้องเอาโลหิตของเจ้ามาล้างตีนข้าให้จงได้" ชายหนุ่มคำรามด้วยาโกรธ
คลื่น! คลื่น!
เมฆลมบนท้องฟ้าเริ่มก่อตัวคล้ายกับพายุฝน-่าใหญ่กำลังจะโหมซัดเข้ามา
เปรี้ยง!
เสียงฟ้าร้องดังลอยตามลมมาแต่ไกล
ชายหนุ่มก้มลงมองร่างแก่ชราของเขาที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเปลริมชายหาด จากนั้นก็กวาดตามองไปยังบุตรชายและหลานชายของเขา ดวงตาทั้งสองข้างของชายหนุ่มเต็มไปด้วยาซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูก
และในระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังครุ่นคิดเรื่องราวมากมายในหัว จู่ๆก็มีเสียงอันน่าเกรงขามและเย็นชาลอยตามลมมาแต่ไกล
"เผ่ามนุษย์ นาย สุริยะ เทพสิงขร ได้มรณกรรมในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ เวลา 17.49 นาฬิกา ตามปฏิทินพุทธศักราช 2571 ด้วยอายุ 96 ปี จงตามข้ากลับไปรอการพิพากษา ณ แม่น้ำแห่งการลืมเลือนเดี๋ยวนี้"
เมื่อสิ้นเสียงที่ดังสนั่นไปทั่วท้องฟ้ายามพลบค่ำ ร่างสีแดงใหญ่โตก็ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าเหนือศีรษะของชายหนุ่ม
ชายหนุ่มจ้องมองร่างยักษ์สีแดงที่มีเขาแพะอยู่บนศีรษะ ในมือของยักษ์สีแดงถือสามง่ามที่แผ่กลิ่นอายน่ากลัวออกมา ชายหนุ่มใช้เวลาพิจารณาเพียงชั่วครู่ก็เข้าใจสถานการณ์เบื้องหน้าของเขาเป็นที่เรียบร้อย
"ก็แ่ผู้นำทางิญญาแห่งยมโลกกระจอกๆ ยัังกล้าออกคำสั่งกับข้าด้วยหรือ" ชายหนุ่มกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
"เป็นแ่ิญญาบาป ถึงกับกล้าเอ่ยวาจาสามหาวต่อหน้าผู้คุมิญญาเช่นข้าเลยรึ เจ้าดวงิญญาตนนี้ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ" สามง่ามในมือของผู้คุมิญญาร่างยักษ์สีแดงชี้มายังร่างของชายหนุ่มด้วยาโกรธเกรี้ยว
"คนที่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา คือสวะอย่างเจ้าต่างหาก จงหายไปซะ" ชายหนุ่มชี้นิ้วไปยังร่างของผู้คุมิญญาร่างยักษ์สีแดงด้วยาไม่พอใจ ขณะเดียวกันก็สะบัดชายแขนเสื้อของเขาเบาๆ
ครื่น!
อากาศรอบด้านสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เพียงพริบตาเดียวร่างของผู้คุมิญญาร่างยักษ์สีแดงก็ถูกผ่าครึ่งด้วยพลังที่ร้ายกาจ
ครื่น!
เมฆดำที่ก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้าก็ถูกพลังไร้รูปร่างผ่าครึ่งด้วยเช่นเดียวกัน
"เจ้า!...เจ้ากล้าลงมือสังหารผู้คุมิญญาได้อย่าง....ไร!" กล่าวจบร่างของผู้คุมิญญาร่างยักษ์สีแดงก็แหลกสลายไปในอากาศ
"สวะพันนี้ยังกล้ามาจับกุมิญญาของข้า ช่างไม่ประเมินกำลังของตัวเองเอาเสียเลย" ชายหนุ่มเอามือไพล่หลังแล้วเอ่ยพึมพำ ขณะมองร่างยักษ์สีแดงก็แหลกสลายไปในอากาศ
และก่อนที่ร่างยักษ์สีแดงจะสลายไปจนหมด ก็มีเสียงแห่งาโกรธเกรี้ยวแผดคำรามออกมาจากห้วงอากาศอันเวิ้งว้าง
"เจ้าิญญาบาปหนา ถึงกับกล้าลงมือสังหารผู้คุมิญญาเชียวหรือ"
ครื่น!
อากาศโดยรอบสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง คลื่นลมโหมซัดอย่างบ้าคลั่งประหนึ่งพายุทอร์นาโดกระหน่ำเข้ามา
ชายหนุ่มไม่ได้มีทีท่าตื่นตระหนกแต่อย่างใด เขายังคงเอามือไพล่หลังแล้วมองไปยังต้นเสียง ณ สุดขอบฟ้า
"ผู้คุมิญญาอะไรกัน ก็แ่เศษสวะที่ไม่รู้กาลเทศะตนหนึ่ง ฆ่าไปแล้วก็ฆ่าไปสิ มีอะไรให้ต้องหวาดกลัวที่ไหนกัน" น้ำเสียงของชายหนุ่มเต็มไปด้วยาเคร่งขรึมและเย็นชา "แ่สุนัขชั้นต่ำอย่างพวกเจ้า ไม่สามารถนำตัวข้าไปยังยมโลกได้หรอก"
ณ สุดปลายขอบฟ้ามีร่างสีดำร่างหนึ่งกำลังพุ่งทะยานเข้ามาด้วยาเร็วสูง หากลองสังเกตดูร่างสีดำที่กำลังพุ่งเข้ามา ร่างกายของเขาเหมือนมนุษย์แต่กลับมีศีรษะเป็นสุนัขและในมือของเขาถือคฑาสีทอง ซึ่งมันก็แผ่กลิ่นอายแห่งาสูงส่งออกมา
"ิญญามนุษย์บาปหนาไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง วันนี้ข้าจะพิพากษาเจ้า"
บึ้ม!
แีเปล่งประกายออกมาจากคฑาในมือมนุษย์ศีรษะสุนัข อำนาจของมันแผ่กระจายออกไปทั่วท้องฟ้า ทำให้ค่ำคืนที่มืดมิดและลมกรรโชก ถูกอาบยอมไปด้วยแีแห่งาศักดิ์สิทธิ์
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??