เรื่อง สายลมไม่สิ้นชื่อข้า(名隨風在)

ติดตาม
ตอนที่ 54 (ภาค 2): เล่ห์แห่งราชสำนัก
ตอนที่ 54 (ภาค 2): เล่ห์แห่งราชสำนัก
  • ปรับสีและขนาดตัวอักษร

ตอนที่ 54 (ภาค 2): เล่ห์แห่งราชสำนัก



หวนคืนสู่เมืองหลวง

ภายใต้แสงอรุณอ่อนสีทอง
ขบวนทัพของเฟิงหมิงเดินทางเข้าสู่ประตูเมืองหลวงต้าอวิ๋นอย่างสง่างาม
ประชาชนยืนเรียงรายสองฟากถนน แม้ไม่มีเสียงโห่ร้องดังกึกก้อง
แต่สายตาทุกคู่ต่างมองเฟิงหมิงด้วยความเคารพ… และเกรงกลัว

ไม่ใช่เพราะเขาเป็นวีรบุรุษ
แต่เพราะเขารอดกลับมาจากสงครามที่คนส่วนใหญ่เชื่อว่าไม่มีผู้ใดจะกลับมาได้

ในวังหลวง ทูตหลวงรอรับรายงาน

“แม่ทัพเฟิง โปรดรายงานต่อราชสำนักพรุ่งนี้เช้า”
“คืนนี้โปรดพักผ่อนในตำหนักตะวันออก ใต้เท้ารัชทายาทจะเสด็จเยี่ยมหลังยามซวี”

เฟิงหมิงพยักหน้ารับโดยไม่เอ่ยถ้อยคำใด
แววตาของเขากลับไปนิ่งเฉยอีกครั้ง
เหมือนขุนเขาที่อดทนต่อสายลม แต่ไม่ลืมว่าสายลมเคยหอบพายุ



ราตรีแห่งเล่ห์กล

ค่ำวันเดียวกัน
ภายในตำหนักตะวันออก เฟิงหมิงนั่งดื่มน้ำชาเงียบ ๆ
แม้การต่อสู้สิ้นสุด แต่ความเงียบกลับยิ่งทำให้บรรยากาศหนักอึ้ง

เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้น
และเมื่อประตูเลื่อนเปิดออก ร่างสูงของรัชทายาท “หลี่เยวี่ยน” ก็ปรากฏ

“เฟิงหมิง เจ้ายังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”
เขายิ้มอย่างอบอุ่น
“นั่งเงียบจนคนเข้าใจผิดคิดว่าเจ้าตายตั้งแต่สนามรบแล้วกระมัง”

เฟิงหมิงลุกขึ้นคำนับเพียงเล็กน้อย

“กระหม่อมยังหายใจอยู่พ่ะย่ะค่ะ แต่หากอยู่ต่อที่นี่นาน อาจสิ้นลมหายใจเพราะคำคนแทน”

คำกล่าวประชดประชันเล็กน้อยแต่แฝงความจริง

หลี่เยวี่ยนไม่ได้ตอบทันที
เขามองหน้าเฟิงหมิงนิ่ง ๆ แล้วหัวเราะเบา ๆ

“ข้าเข้าใจเจ้ามากกว่าที่ใครเข้าใจ… แต่เจ้าต้องเข้าใจข้าด้วยเช่นกัน
บัลลังก์ไม่ใช่ที่สำหรับคนซื่อสัตย์”



ในเงาแห่งคำมั่น

เฟิงหมิงเงียบไป ก่อนจะเอ่ยเบา ๆ

“กระหม่อมไม่ได้ต้องการตำแหน่งใหญ่โต”
“เพียงแต่…ข้าจะไม่ยอมให้ผู้ใดปกป้องบ้านเมืองด้วยลิ้น ไม่ใช่เลือด”

ถ้อยคำนั้นทำให้หลี่เยวี่ยนหยุดนิ่ง
สายตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะหันมาวางถ้วยชาบนโต๊ะ

“ในอีกเจ็ดวันข้างหน้า จะมีการไต่สวนเรื่องการทำศึกโดยไม่ผ่านพระราชบัญชา
เจ้าเตรียมตัวไว้ให้ดี”

เฟิงหมิงพยักหน้า
เขารู้ดีว่าแม้ชนะศึก แต่สิ่งที่รออยู่เบื้องหน้าคือศึกในเงามืด…
และที่นั่น ดาบไม่ใช่อาวุธ
คำพูด… คือสิ่งที่จะฆ่าคนได้


ผู้มาเยือนในเงามืด

ยามซวีล่วงเลยได้เพียงครึ่ง
ขณะที่เฟิงหมิงยังคงนั่งครุ่นคิดในตำหนักตะวันออก
เสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้น—หนึ่งจังหวะ… หยุด… แล้วตามด้วยสองจังหวะถี่

เขาไม่ต้องถามว่าใคร
รูปแบบเคาะเช่นนี้ เป็นรหัสลับของคนที่เคยอยู่หน่วยเงาของวังหลวง

ประตูเปิดออกเงียบ ๆ
หลินซุ่ยหรง ก้าวเข้ามาในเงาแสงตะเกียง มือประสานหน้าผากอย่างเร็ว

“นายท่าน ข้าตามเรื่องคำสั่งลับจากฝ่ายเสนาบดีใหญ่มาแล้ว”

เฟิงหมิงไม่ได้พูด
เพียงแต่เบนสายตาให้หลินซุ่ยหรงพูดต่อ

“ท่านเสนาบดีหลี่หมิงโจว และเสนาบดีเฉิงเซ่าเหวิน ได้ส่งคนไปยังแคว้นซือหยูอย่างลับ ๆ
คาดว่ากำลังเจรจาแลกเปลี่ยนบางอย่างเพื่อสนับสนุนการโค่นอำนาจจากภายใน”

เฟิงหมิงกำมือแน่นเล็กน้อย

“พวกมันคิดจะใช้ข้าศึกภายนอกมาทำลายข้าจากภายในสินะ…”

หลินซุ่ยหรงยื่นแผ่นไม้ไผ่เล็ก ๆ สลักอักษรลับ

“นี่คือคำตอบจากแคว้นซือหยู ‘ถ้าเจ้าสามารถมอบอำนาจบัญชาทัพชายแดนตะวันออกให้ข้า
ข้าจะทำให้ต้าอวิ๋นไร้เงาเฟิงหมิง’”



อรุณแห่งอุบาย

รุ่งเช้าวันถัดมา
หอประชุมใหญ่ของราชสำนักถูกเปิดใช้งาน
เสนาบดีฝ่ายพิธี, เสนาบดีการคลัง, ขุนศึกฝ่ายซ้าย-ขวา, และขุนนางระดับสูงกว่า 30 ชีวิตเข้าร่วมพร้อมหน้า
แม้จะเรียกเป็น “ไต่สวน” แต่บรรยากาศกลับเหมือนพิธีเชือดแพะกลางลานประหาร

เฟิงหมิงในชุดขุนนางประจำศึก เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบสงบ
ฝีเท้าของเขาแม้หนักแน่น แต่ก็แฝงไว้ด้วยแรงกดดันที่กลั่นกรองจากสนามรบจริง

เสนาบดีหลี่หมิงโจวลุกขึ้น
“แม่ทัพเฟิงหมิง กลับมาจากศึกโดยมิได้แจ้งแก่ราชสำนัก มิหนำซ้ำยังบัญชาการศึกเองโดยไร้ตราราช
ขอถาม ท่านคิดว่าการกระทำเช่นนี้เป็นความจงรักภักดี หรือการกบฏ?”

เสียงซุบซิบดังขึ้น
แต่น้ำเสียงของเฟิงหมิงก็ชัดเจนพอจะทำให้เสียงทั้งหมดเงียบลง

“ในขณะที่ท่านกำลังเถียงกันเรื่องตรา ข้ากำลังแบกศพของลูกทัพกลับแคว้น
ท่านอยู่ใต้ร่มหลังคา ข้าอยู่ใต้ห่าธนู… ข้าควรยืนอยู่ตรงนี้ หรือพวกท่านกันแน่ที่สมควรอยู่ตรงหน้าศาลทหาร?”

เสนาบดีเฉิงเซ่าเหวินขัดขึ้น

“แต่แคว้นเราเป็นรัฐราชาธิปไตย มิใช่กองโจรทหารนอกบัญชา!”

เฟิงหมิงยิ้มเย็น
“หากทหารทุกนายรอคำสั่งข้างบนเพียงอย่างเดียว โลกนี้คงถูกชิงไปนานแล้ว”



ผู้สังเกตการณ์เงียบงัน

จากมุมสูงของหอประชุม
บุรุษในชุดขาวสะอาดตา…คือ “ขุนนางลับแห่งรัชทายาท” นามว่า หานอวิ๋นเฉิง

เขาไม่ได้เข้าร่วมโต้วาทีใด ๆ
เพียงจดบันทึกการสนทนาและคำพูดของทุกฝ่ายลงในสมุดผ้าปักลายเมฆ

รัชทายาทหลี่เยวี่ยนเคยสั่งเขาไว้

“จดไว้ทุกคำ… แม้แต่ลมหายใจ
เมื่อถึงเวลา ข้าจะใช้มันชี้ว่าใครคือศัตรูที่แท้จริงของแผ่นดิน”




ในขณะที่เสียงเถียงในราชสำนักยังไม่จบลง
กลิ่นสงครามกลับลอยมาแต่ไกล
เพราะชายแดนตะวันออก… ทหารของแคว้นซือหยูเริ่มเคลื่อนไหว


เคลื่อนไหวจากชายแดน

สามวันหลังการไต่สวนในราชสำนัก
ข่าวกรองจากหน่วยเงาถูกส่งมาถึงเฟิงหมิงในยามสามของคืน

“แคว้นซือหยูเริ่มขยับทัพ เร่งเดินพลจากเมืองหลวงย่อย ‘หลัวอวี้’ มุ่งสู่ด่านเฟิงหาน
ตามระยะทาง หากไร้ขัดขวางจะถึงใน 7 วัน”

เฟิงหมิงมองแผนที่ กางมันออกเบื้องหน้า
ปลายนิ้วชี้เส้นทางแทรกป่า ผ่านทุ่งหญ้า และเลียบชายเขาทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ

“เจ้าเมืองเฟิงหาน คือแม่ทัพเฒ่าหย่งชวิน… ข้ารู้ดีว่าเขาเหนื่อยล้าและรอเกษียณ
ถ้าข้านิ่งเฉย ด่านนั้นจะถูกทะลวงก่อนวันพระจันทร์เต็มดวง”

หลินซุ่ยหรงกล่าวเสียงต่ำ

“หากท่านออกทัพตอนนี้ ทัพจะไม่มีคำสั่งอนุมัติจากสำนักกลาง…”

เฟิงหมิงยิ้มมุมปาก

“แต่ถ้าข้ารอให้พวกนั้นอนุมัติ ด่านเฟิงหานจะกลายเป็นเพลิงไฟ”



ยุทธการลับ: แผนหลอกตา

เฟิงหมิงไม่ได้เดินทางพร้อมกองทัพหลัก
เขาส่งแม่ทัพลู่จ้านเป็นผู้เคลื่อนพลผ่านเส้นทางหลัก
พร้อมทำแผนลวงเหมือนจะเตรียมตั้งค่ายที่ด่านเยี่ยนกู่ ซึ่งอยู่ห่างจากด่านเฟิงหานกว่า 300 ลี้

ขณะเดียวกัน เฟิงหมิงนำทหารม้าเร็วเพียงหนึ่งพันนาย
ตัดผ่านภูเขาเตี้ย ตีโค้งตามลำห้วย เข้าตัดหน้าทัพของแคว้นซือหยูแบบไม่คาดคิด

“เป้าหมายของเราคือ ‘สายลำเลียง’ ไม่ใช่แม่ทัพ
ถ้าศัตรูไม่มีอาหารและกระสุน ดาบที่แหลมที่สุดก็ไร้ค่า”

ด้วยกองม้าลาดตระเวนขนาดเล็ก
เฟิงหมิงเข้าซุ่มโจมตีตอนกลางคืนที่หุบเขาเจียนหลิง
ทำลายเสบียง 5 ขบวน ริบเกาทัณฑ์ ธนู สำรับอาหาร และม้าใช้งานอีกเกือบห้าร้อยตัว

เสียงระเบิดน้ำมันสนที่ใช้เผาทำลายเสบียงดังลั่นไปทั่วหุบเขา
เปลวเพลิงส่องผ่านความมืดราวกับวิญญาณโกรธแค้น



ศึกจิตวิทยา

แม่ทัพฝ่ายซือหยู “เฉินซูเทียน” ขึ้นชื่อเรื่องกลศึกเย็นชา
แต่กลับต้องถอยตั้งค่ายกลางทุ่งในยามที่ขาดแคลนเสบียง

“ไยทัพเล็กของต้าอวิ๋นจึงสามารถล่วงล้ำได้ลึกเพียงนี้?” เขาคำราม

เขาไม่รู้ว่าเฟิงหมิงไม่เพียงแต่คาดแผนโจมตี
แต่ยังรู้ว่าเฉินซูเทียนจะยึดแนวลำเลียงเป็นหลัก และนั่นคือที่เขาวางหมากดักไว้



ข่าวลวงจากเมืองหลวง

ในเวลาเดียวกัน
เฟิงหมิงส่งข่าวลวงกลับเมืองหลวงว่า “ขอถอนทัพเนื่องจากกำลังพลไม่พอ”
ทำให้เหล่าเสนาบดีบางฝ่ายเร่งเตรียมคนใหม่เพื่อเข้าแทนที่—แผนที่เฟิงหมิงตั้งใจให้พวกเขาเผยไพ่กันเอง

“ยิ่งรีบเสนอคนใหม่ ยิ่งรู้ว่าพวกเขาไม่ต้องการให้ข้ากลับไป”




แผนลวง ศึกเสบียง การโจมตีแบบสายฟ้าแลบ—เฟิงหมิงกำลังเริ่มศึกใหญ่โดยไม่ใช้กำลังจำนวนมาก
แต่ด้วยการชิงจังหวะ แย่งสายลำเลียง และกดดันฝ่ายตรงข้ามด้วยจิตวิทยา


ยุทธการเฟิงหาน ปฐมบทแห่งไฟ

เสียงกลองศึกดังกระหึ่มไปทั่วชายแดนเฟิงหาน
ม่านหมอกยามเช้าปกคลุมสนามรบที่ทอดยาวไกลสุดลูกหูลูกตา

บนยอดเขาริมด่าน เฟิงหมิงยืนบนเนินหินสูง มองลงไปยังที่ราบเบื้องล่าง
ธงสัญลักษณ์ของแคว้นซือหยูพลิ้วไหวใต้สายลม—พวกมันเคลื่อนกำลังมาแล้ว

“ขอเพียงเราคุมจังหวะแรกของศึกนี้ได้ ศัตรูจะไม่มีวันตั้งตัวทัน”

แม่ทัพลู่จ้านขยับเข้ามาเคียงข้าง กล่าวเสียงขรึม

“แม่ทัพฝั่งตรงข้ามคือเฉินซูเทียน ขุนศึกอำมหิตของแคว้นซือหยู
รบมาหลายสิบปีไม่เคยถอยแม้คราเดียว”

เฟิงหมิงหัวเราะเบา ๆ

“งั้นก็ดี ข้าจะเป็นคนแรกที่ทำให้เขาถอย”



กลยุทธ์ม้าระเบิด

ก่อนตะวันจะพ้นแนวเขา เฟิงหมิงส่งกองม้าความเร็วสูงชุดพิเศษ—“ทัพสยบเงา”
เข้าโจมตีแนวหน้าของศัตรูแบบไม่ทันให้ตั้งรับ
ทหารเหล่านี้ผูกถุงระเบิดดินดำใต้ท้องม้า ใช้เวลาบุกเจาะเพียง 3 ส่วนก่อนกระโดดหนี
ปล่อยให้เปลวเพลิงสะท้านพื้นดิน

เสียงระเบิดดังกัมปนาท
ทหารซือหยูแตกฮือไปทางซ้ายขวา เสียกระบวนเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

เฉินซูเทียนร้องลั่น

“ขี้ขลาด! ใช้กลศึกไม่ต่างจากอสรพิษ!”

แต่ทันทีที่เขาตะโกนจบ เสียงขลุ่ยสงครามจากแนวป่าอีกฝั่งก็ดังขึ้น



แผนผนึกสามชั้น

เฟิงหมิงซ่อนกำลังหลักไว้ในแนวป่าตะวันตก
และจงใจปล่อยให้แนวเขาเล็กด้านตะวันออกว่างเปล่า
ทำให้ศัตรูหันกำลังเข้าไปหวังตีด่านอ่อน

แต่เบื้องหลังแนวนั้นซ่อนทหารธนูเจ็ดร้อยนายไว้ในหุบเขา
เมื่อศัตรูเข้าสู่ร่องดินแคบ เสียงแตรก็ดังขึ้น
ธนูกว่าหนึ่งพันลูกพุ่งลงมาราว-่าฝน กวาดแนวรบของศัตรูในพริบตา

แม่ทัพลู่จ้านพูดเสียงแผ่ว

“เขาไม่ใช่แค่ขุนศึก แต่คือผู้กำหนดโชคชะตาของสนามรบ”



ประกาศชัยชั่วคราว

เมื่อดวงอาทิตย์เริ่มคล้อย ทัพของแคว้นซือหยูที่หวังลอบตีทางด่านเฟิงหาน
ถูกกวาดล้างไปกว่าครึ่งในเวลาเพียงครึ่งวัน

เฉินซูเทียนจำใจต้องสั่งถอย
แม้หัวใจจะคั่งแค้น แต่ก็ไม่อาจสู้ต่อด้วยทัพที่ขวัญเสียและเสบียงใกล้หมด

เฟิงหมิงมองสนามรบที่คลุ้งไปด้วยกลิ่นเลือดและเขม่าควัน
แต่ไม่ยินดีเกินควร เขากล่าวกับลู่จ้านว่า

“นี่แค่การเปิดศึกเท่านั้น ศัตรูจะกลับมาแน่… คราวหน้าอาจหนักหนากว่านี้”




ชัยชนะที่ด่านเฟิงหาน
คือจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ที่ไม่มีวันหวนกลับ

แคว้นซือหยูคงไม่ยอมพ่ายอีกครั้งโดยไม่เอาคืน
ขณะที่เฟิงหมิงเองก็รู้ว่า… นี่คือสงครามที่จะพาเขาไปไกลกว่าขุนศึก
และอาจหมายถึงตำแหน่งผู้นำสูงสุดในแดนใต้ฟ้า


ปราการอำนาจในเงามืด

ภายในตำหนักหลวงแห่งแคว้นต้าอวิ๋น —
หลังชัยชนะที่ด่านเฟิงหานถูกส่งสารกลับถึงราชสำนักไม่ถึงสองวัน
กระแสคลื่นในสภาขุนนางก็เริ่มปั่นป่วน

“ชายหนุ่มผู้นั้น—เฟิงหมิง เขาไม่ได้เพียงแค่ชนะศึก เขากำลังสร้างศรัทธาในใจทหาร!”

เสียงขุนนางสูงวัยผู้หนึ่งดังขึ้นในการประชุมลับ
ขณะเหล่าผู้คุมอำนาจหลายสายเริ่มขยับอย่างเงียบงัน

จวิ้นอ๋องหลี่ชวน ประมุขแห่งราชสำนักชั้นสูง
วางถ้วยชาอย่างแผ่วเบา แล้วกล่าวเพียงว่า

“ให้เงาในเงาสะกดเงาในแสง… อย่าให้เด็กนั่นโตจนเกินจะควบคุม”



ข่าวลือและสายลับ

ท่ามกลางความยินดีของประชาชนในเมืองหลวง
ข่าวลือเริ่มแพร่กระจาย —
ว่าทัพเฟิงหมิงสามารถทำลายกองกำลังซือหยูได้โดยไม่ต้องพึ่งกองทัพหลวง

ว่าเขาคือ “บุตรแห่งสงคราม” ที่สวรรค์ส่งมาในยามแคว้นอ่อนแอ
และว่าสายโลหิตของเขานั้นไม่ธรรมดา…

เหล่าสายลับจากแคว้นเพื่อนบ้านไม่พลาดเรื่องนี้
ไม่เว้นแม้แต่แคว้นไป๋เหลียงที่เพิ่งทำสัญญาสันติภาพกับต้าอวิ๋น
แม่ทัพหนุ่มชื่อ อู๋เซียน เริ่มสอบถามข่าวจากพรมแดนอย่างถี่ถ้วน

“เฟิงหมิง… เด็กที่เคยเป็นแค่ทหารฝึกหัด ขึ้นเป็นแม่ทัพภายในเวลาไม่ถึง 5 ปี?”
“น่าสนใจยิ่ง…”



โฉมหน้าความหวังใหม่

คืนหนึ่งในแคว้นต้าอวิ๋น ณ ค่ายทหารนอกเมืองเฟิงหาน
เฟิงหมิงนั่งตรวจบัญชีเสบียง และสถิติกำลังรบอย่างเงียบงัน

หญิงสาวผู้หนึ่งเดินเข้ามา—อวี๋เหยียน
รองแม่ทัพหญิงผู้ติดตามเขาตั้งแต่ศึกแรก
เธอวางแผนภาพแนวรบใหม่ลงตรงหน้า และกระซิบเบา ๆ

“ชัยชนะครั้งนี้ ทำให้เราได้ใจทหารทั้งค่าย”
“แต่ข้ากลัวว่ามันทำให้พวกขุนนางในเมืองกลัวเจ้าด้วย”

เฟิงหมิงยิ้มบาง ๆ

“หากความกลัวนั้นทำให้พวกเขาระแวดระวัง ข้าก็ยินดี”
“ดีกว่าพวกมันจะเพิกเฉยต่อเลือดของผู้คนที่หลั่งในสนามรบ”



เบื้องหลังสนธิสัญญา

ขณะเดียวกัน—แคว้นเหยียนหลานส่งทูตลับ
เสนอ “สนธิสัญญาไม่รุกราน” แลกกับการแบ่งพรมแดนฝั่งตะวันออกของต้าอวิ๋น

ผู้ที่เจรจาในเงามืดไม่ใช่ใครอื่น
แต่คือ “กู้หยางซิน” ขุนนางเก่าที่พัวพันกับการปองร้ายราชบุตรในอดีต

เขากล่าวกับราชทูตเหยียนหลาน

“ข้าจะช่วยเปิดเส้นทาง หากท่านช่วยให้เด็กนั่น…ตกจากหลังม้า”

ในค่ำคืนนั้นเอง แผนลอบสังหารเฟิงหมิงครั้งแรกก็ถูกกำหนด



ม่านเงาที่ใกล้เข้ามา

แม้จะเป็นคืนที่สงบ
แต่บนยอดหน้าผาเหนือค่ายเฟิงหาน เงาร่างชุดดำสิบกว่าสาย
ไถลไปตามเงาจันทร์… เตรียมเข้าค่ายทหารหลักในยามสามยามสี่

ภายในเต็นท์แม่ทัพ
เฟิงหมิงกำลังนิ่งดูแผนที่ป่าแดนใต้—พรมแดนของแคว้นฉีหรงและซือหยู

“สงครามนี้ยังไม่จบ”
“และศัตรูที่แท้จริง… อาจไม่อยู่ในสนามรบ”

ตอนต่อไป
ตอนที่ 55 (ภาค 2): เงาทมิฬยามส...

นิยายแนะนำ

นิยายแนะนำ

ความคิดเห็น

COMMENT

ปักหมุด

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited( Kawebook.com )

Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )
ที่อยู่ : 20 หมู่ที่ 6 ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร 74000
เวลาทำการ : 08 : 00 - 18 : 00 จันทร์ - เสาร์
e-mail : contact@kawebook.com

DMCA.com Protection Status

เริ่มต้นเผยแพร่ผลงาน

เริ่มต้นเป็นนักเขียนออนไลน์ เขียนเรื่องราวที่ประทับใจ สร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ และแบ่งปันประสบการ์ดีๆ กับผู้คนทั่วโลก kawebook.com เป็นโอกาส เป็นสื่อกลาง และยังเป็นอีกหนึ่งช่องทาง ในการสร้างรายได้ให้กับนักเขียนมืออาชีพ และนักเขียนมือสมัครเล่นจากทุกมุมโลก เพียงสมัครเป็นสมาชิกเว็บไซต์เพื่อเขียนหนังสือ การ์ตูน หรืออัพโหลดอนิเมชั่น ที่เป็นผลงานของท่าน และเผยแพร่ผลงานสู่สาธารณชน

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา