เรื่อง กัมปนาท
ใน้ยามค่ำคืนาป่าึ ผืนป่าเบื้องหน้าเงียบงันแะมืดมิด าัโลกีใบี่ไม่มีใคร้าย่างกรายเ้าา รอบกายเต็มไปด้วยหมู่ไม้สูงชะลูดเรียงรายเป็นฉากบังตา ผืนดินใต้ฝ่าเท้าเต็มไปด้วยใบไม้แห้งี่ร่วงหล่น บรรยากาศชื้น หมอกจาง ๆ จากความเย็นของราตรีลอยล่องเอื่อยเฉื่อยปกคลุมทั่วบริเวณ มีเพียงแสงจันทร์ี่ลอดผ่านช่องว่างของพุ่มไม้เป็นสายริบหรี่
อรเดินตามหลังยาอย่างไม่ลดละ แม้ระยะจะห่าง แต่ดวงตาของเธอก็ยังจับจ้องไปยังร่างนั้นไม่ละไปไหน เช่นเดิมี่อรไม่ได้เอ่ยทักท้วงหรือเรียกหา หากไม่ใช่เพราะเกรงว่าร่างนั้นอาจไม่ใช่ยาอย่างี่คิด
จู่ ๆ ลมพายุพลันโหมกระหน่ำขึ้นมาโดยไม่ให้สัญญาณ เศษใบไม้ปลิวว่อนเข้าหน้าเข้าตา ลมรุนแรงจนร่างเล็กของอรแทบทรงตัวไม่อยู่ เธอยืนหยัดไว้สุดกำลัง แต่แล้วก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ
พายุหมุนนี้ เกิดขึ้นเพียงรอบตัวเธอเท่านั้น
“โอ๊ย!” เธออุทาน เมื่อเศษฝุ่นปลิวเข้าตา
แล้วเงาดำสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า… เงานั้นลอยเหนือพื้นดิน ร่างเลือนรางแต่ชัดเจนพอจะทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่า
ผีพราย
พรายของพ่อเธอ พรายรับใช้ี่ถูกเลี้ยงดูด้วยอาคม ปรากฏกายมาขวางทางเธอไว้ พายุยังคงพัดไม่หยุด เหมือนต้องการไล่เธอกลับไปจากเส้นทางต้องห้าม
“หลีกไป! บ่แม่นอยากถืกข่อยสั่งสอน!”
เสียงของอรดังก้องในความมืด แน่นด้วยอำนาจ ไม่ใช่เพียงเสียงของเด็กหญิงธรรมดา แต่เป็นเสียงของผู้มีเวทแก่้า
พริบตานั้น ลมพายุก็สงบลง เงาพรายเลือนหายไปกับอากาศ เงียบสนิท เหลือเพียงแต่ความมืด ทว่าการไล่ล่าได้สูญเปล่า ยาหายไปแล้ว
อรขบกรามแน่นด้วยความหงุดหงิด ก่อนเปล่งเสียงออกมา
“พาข่อยไป... ถ่าบ่แม่นอยากเจ็บโต!”
แสงของพรายเริ่มเรืองขึ้น ลอยล่องนำทางไปเบื้องหน้า ไม่เจิดจ้าแต่ก็เพียงพอให้มองเห็นทางดินแะแนวไม้ี่เบื้องหน้า
หากเป็นในอดีต พ่อของเธอไม่มีวันยอมให้ลูกสาวเพียงคนเดียวก้าวเ้าาในป่าึเช่นนี้ โดยเฉพาะในยามค่ำคืนี่อำนาจของสิ่งลี้ลับแผ่ขยายครอบคลุมผืนดิน ดินแดนของเจ้าป่า เจ้าเขา ผีสางนางไม้ แม้กระทั่งผี-่าแะสัมภเวสีี่ไร้ี่สิงสู่ หากแต่เวลานี้ อรไม่ได้เป็นเพียงเด็กหญิงธรรมดา
เธอมั่นใจว่า หากมีสิ่งใดคิดประทุษร้ายแม้เพียงนิด เธอก็ยังสามารถป้องกันตนเองได้ไม่มากก็น้อย อาคมี่ฝึกฝนมา บารมีของพ่อี่ยังคงคุ้มครอง แะเลือดสายตรงของอาจารย์สุเทพ ผู้ี่แม้แต่วิญญาณร้ายยังคร้ามกลัว ล้วนเป็นเกราะกำบังี่เธอมี
แสงพรายี่เคยลอยนำหน้าเริ่มจางหายไปอย่างช้า ๆ คล้ายกลืนสลายเข้ากับสายลมแะความมืดรอบกาย แทนี่ด้วยแสงจันทร์บางเบาี่ส่องลอดผ่านพุ่มไม้ เผยให้เห็นเส้นทางด้านหน้าเป็นเงาราง ๆ พอให้อรเห็นภูเขาลูกหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า
ภูเขาี่หากมองจากหมู่บ้าน ก็ดูเป็นเพียงเนินเล็ก ๆ ี่ไร้พิษสง แต่ในยามนี้ มันกลับสูงใหญ่แะดำทะมึนาัยักษ์หลับใหลาผืนป่า ภูเขาี่ผู้คนไม่้าแม้แต่จะเอ่ยถึงชื่อ
ภูเขากาฬภพ
ดินแดนต้องห้าม ว่ากันว่าเป็นี่สิงสถิตของ ปอบ หมู่ผีหิวกระหายี่ไม่รู้จักพอ ผีร้ายี่แม้แต่อาคมแก่้าก็ยังยากจะต้านทาน อรยืนมองมันด้วยหัวใจี่เต้นแรง แต่ไม่ใช่เพราะความกลัว หากเพราะความไม่แน่ใจว่ายา หญิงสาวี่เธอกำลังตามหาจะเดินเข้าไปในี่เช่นนั้นจริงหรือ
แม้จะมีอาคมคุ้มกาย อรเองก็ไม่โง่พอจะเดินดุ่มเข้าไปในถิ่นของสิ่งี่แม้แต่ชาวบ้านยังไม่้าเอ่ยนาม เธอถอยเท้าช้า ๆ อย่างระวัง รอบตัวเงียบงัน มีเพียงเสียงนกฮูกร้องโหยหวนก้องกังวาน
ฟึบ
เสียงย่ำเท้าเบียดลงบนผืนดินดังขึ้นจากข้างหลัง ทำให้อรสะดุ้งหันกลับอย่างรวดเร็ว เพียงแวบเดียวร่างของหญิงผมหยิกหยอยก็พุ่งผ่านหลังเธอไปด้วยความเร็วาัลมพัด อรเบิกตากว้าง รีบตั้งสติแล้วเร่งฝีเท้าตามร่างนั้นไปทันที
เธอวิ่งตามเข้าไปในแนวป่าี่ึขึ้น ร่างนั้นเคลื่อนไหวเร็วผิดมนุษย์ จนเธอแทบต้องวิ่งเต็มฝีเท้า แต่กลับรู้สึกาัยังไล่ตามไม่ทัน
จนกระทั่ง...
“ยา!” อรตะโกนลั่นเมื่อภาพเบื้องหน้าทำให้หัวใจหล่นวูบ
เบื้องหน้าคือหน้าผา ี่แสงจันทร์ฉาบลงมาราวผืนเงินเย็นเยียบ สายลมเย็นเฉียบพัดวูบกระทบร่างของเธอ ทำให้ผิวหนังลุกชัน
าลานนั้น… ยายืนอยู่
แต่ไม่ใช่เพียงลำพัง…
ร่างของหญิงผมหยิกหยอยยืนแนบชิดแน่นอยู่ด้านหลัง แทบจะสิงเข้ากับร่างของยาเต็มตัว ใบหน้าซีดเผือดของเธอบิดเบี้ยวแสยะยิ้ม เผยให้เห็นฟันซี่เรียวยาวแะแหลมคม แววตาคลุ้มคลั่ง มือเหี่ยวแห้งี่มีเล็บยาวโอบรัดเอวของยาไว้แน่นาัไม่ยอมปล่อย
อรเบิกตากว้าง หัวใจเต้นแรง เธอรีบพนมมือแนบอก นิ้วมือกดเข้ากับสายสร้อยพระี่คล้องคอ บริกรรมคาถาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“…อุกาสะ นะโมพุทธายะ…”
“ฮึ ฮึ…”
ในพริบตา ร่างผีนั้นก็สลายหายไปกับสายลม ทิ้งไว้เพียงเสียงหัวเราะเยาะเย้ยี่ดังก้องไปทั่วป่า
“ยา! ยา!”
อรร้องเรียกเสียงสั่น รีบวิ่งเข้าไปหาร่างี่ล้มฟุบลงตรงหน้า ยาหลับตาสนิท ไร้สติ ร่างไร้แรงจนเธอต้องค่อย ๆ พยุงขึ้น
“คำปุ่น! คำปุ่น!” เธอตะโกนเรียกชื่อของเด็กน้อยี่เธอเคยพึ่งพา แต่ไม่มีแม้แต่เสียงกระซิบตอบกลับ ความเงียบคล้ายปิดผนึกทุกทาง
อรพยายามแบกร่างของยาอย่างทุลักทุเล ทว่าหญิงสาวตัวหนักกว่าี่คาดไว้ “โอ๊ย…” อรร้องเบา ๆ เมื่อร่างของยาเอนลงมาทับเธอจนเสียหลัก
ในจังหวะนั้นเอง ร่างของชายรูปร่างสูงใหญ่ปรากฏขึ้นเงียบ ๆ เขาสวมเสื้อผ้าฝ้ายสีซีด ใบหน้าเรียบเฉย สายตาเย็นเยียบ แต่อรจำได้ทันทีว่านี่คือ พราย ในร่างมนุษย์ ี่บิดาของเธอเคยใช้เป็นผู้คอยปกปัก
ชายผู้นั้นเดินเ้าา อุ้มร่างของยาไว้ในอ้อมแขนแน่นหนา ก่อนจะหันหลังเดินนำอรออกจากป่า
อรเดินตามไปเงียบ ๆ มองดูแผ่นหลังนั้นอย่างโล่งใจ ระยะทางี่ย้อนกลับดูยาวนานแะึจนเธอแทบไม่เชื่อว่าตัวเองเดินเ้าาไกลเพียงนี้
ร่างของยาถูกอุ้มมาถึงเรือนใหญ่ี่มีเปรวไฟสยบความหนาวเย็นของค่ำคืนตั้งอยู่ด้านหน้าบ้าน แต่กำลังี่จะเดินขึ้นตัวบ้าน ร่างของอาจารย์สุเทพก็ปรากฏตัวขึ้น
“พาเพิ่นไปนอนตั๋วซุ้มโน่น” พ่อท่านเอ่ยขึ้นเสียงเรียบเย็น ไม้เท้าี่ค้ำยืนถูกชี้ไปยังแคร่ี่ตั้งอยู่บริเวณหน้าเรือน พรายแปลงทำตามี่พ่อท่านสั่งอย่างทันที มือหนาค่อย ๆ วางยาลงบนแคร่ไม้ไผ่อย่างเบามือ ก่อนจะมลายหายไปตามอากาศ พ่อค่อย ๆ เดินลงบันได้ไม้มายังร่างของเด็กสาว พลางมองหน้าลูกด้วยสีหน้าแววตาี่ยากจะคาดเดา
“ข่อย…..”
“ไปนอนไป เดี๋ยวพ่อสิเบิ่งต่อให้”
ยังไม่ทันได้พูดจบ คำพูดของพ่อจึงทำให้เธอต้องถอยขึ้นห้องนอนไปด้วยจิตใจี่ยังคงห่วงยาอยู่
อรเดินเข้าห้องนอนด้วยท่าทียังเต็มไปด้วยความกังวล ภายในห้องเงียบสงัด มีเพียงร่างของก้านพลูี่นอนหลับสนิทอยู่บนฟูก แสงจันทร์ลอดผ่านหน้าต่างไม้เ้าาอาบเงาอยู่บนหีบเก่าริมห้อง อรปรายตามองมันอยู่นาน ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเปิดอย่างเงียบงัน ฝาหีบไม้เก่าถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา เผยให้เห็นสมุดปกแข็งเก่าเก็บ สีเหลืองซีดจากกาลเวลา
เธอหยิบมันขึ้นมา พลิกหน้ากระดาษด้วยความระมัดระวัง ตัวอักษรี่จารึกด้วยลายมือของใครบางคนคือ อาคม ี่อรเพิ่งเริ่มฝึกท่องได้ไม่นาน กลับฝังึอยู่าใจอย่างไม่รู้ตัว อาคมี่พ่อของเธอสั่งให้จำไว้ขึ้นใจ เพื่อใช้ป้องกันตัว...จากปอบ
ชายชราผู้สุขุมยืนนิ่ง จ้องมองร่างเด็กสาวี่นอนแน่นิ่งอยู่บนแคร่ตรงหน้า มือหนึ่งจับไม้เท้าแน่น ีมือไขว้หลังด้วยท่วงท่าสงบน่าเกรงขาม บริวารรายล้อมต่างจับจ้องพ่อท่านราวคอยเฝ้าระวัง
“อย่าเฮ็ดจั่งซี้เลย…ต่างคนต่างอยู่สาเถาะ”
เสียงของพ่อท่านนุ่มนวล หากแต่แฝงไว้ด้วยพลังแะอำนาจบางอย่าง ทว่าคำพูดนั้นกลับไม่อาจแตะต้องร่างี่นอนอยู่ได้เลย
พ่อท่านถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า ก่อนจะค่อย ๆ หมุนตัวเดินกลับขึ้นเรือน บริวารทั้งหลายต่างถอยตามกันไปโดยไม่หันกลับมาเหลียวมองี
แสงอรุณค่อย ๆ แตะปลายหลังคาไม้ไผ่ เสียงไก่ขันดังระงมทั่วทั้งหมู่บ้าน ดั่งเสียงนาฬิกาปลุกธรรมชาติี่ปลุกทุกชีวิตให้เริ่มต้นวันใหม่ อรกับก้านพลูค่อย ๆ ลืมตาตื่น
“เมื่อคืนมึงไปถึงไหนมา?”
เสียงของก้านพลูดังขึ้นทันทีี่อรยังไม่ทันได้ยกตัวจากฟูกนุ่ม เธอไม่ได้ตอบ มีเพียงฝ่ามือี่ลูบไถใบหน้าแล้วขยี้ตาเบา ๆ
ประตูห้องเปิดออก แสงแดดยามเช้าสาดลอดเ้าาในบ้าน วันนี้อรตื่นสายกว่าทุกวัน ทั้งี่ปกติจะตื่นมาไหว้พระพร้อมพ่อเสมอ คงเป็นเพราะความเหนื่อยล้าจากเมื่อคืน
เธอรีบเดินไปี่บันไดบ้าน เผื่อจะได้เห็นยาอยู่ตรงแคร่เหมือนเมื่อคืน
...แต่แคร่ว่างเปล่า
แะแทนี่เธอจะพบแค่ยา ี่หน้าบ้านกลับเต็มไปด้วยเพื่อน ๆ ี่ยืนล้อมหน้าล้อมหลัง ไม่มีใครพูดอะไรเสียงดัง ไม่มีเสียงหัวเราะร่าเริงเหมือนเคย มีเพียงความเงียบี่หนักอึ้ง าัทุกคนรอฟังคำตัดสินจากเธอ
“มาทำอะไรกันแต่เช้า?” อรถามเสียงแผ่ว ตกใจแะงุนงง
“อรจะเอายังไงต่อ?” เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยขึ้น เสียงเรียบนิ่งแต่ฟังดูจริงจัง
“อะไรของพวกมึงเนี่ย มากวนไออรแต่เช้าเลยนะ” ก้านพลูเดินตามออกมา บ่นพึมพำพร้อมถอนหายใจ แต่ก็ยังไม่ละสายตาจากสีหน้าของอร
กลุ่มนักศึกษาพากันเงียบเสียงลง าัทุกลมหายใจต้องรอฟังคำพูดจากปากของอร ไม่มีใครเอ่ยอะไร ทุกสายตาจับจ้องไปยังเธอ าัว่าเด็กสาวตรงหน้าคือคนเดียวี่มีคำตอบ
อรได้แต่นิ่งคิด ในหัวมีเรื่องซ้อนทับกันไปมา ทั้งภาพของยาเมื่อคืน ทั้งเสียงหัวเราะของผีป่าี่ยังแว่วในหู ไหนจะคำสอนของพ่อ แะอาคมในสมุดเก่าเล่มนั้น
เด็กอายุแค่นี้ แต่กลับต้องแบกความจริงี่ยังมืดมนเกินกว่าจะอธิบาย
สุดท้ายเธอก็เอ่ยออกมาช้า ๆ
“เราจะยังไม่บอกอาจารย์เรื่องนี้...” เสียงพูดเบา แต่ชัดเจนพอจะทำให้ก้านพลูหันขวับมามอง สีหน้าตกใจปนไม่เชื่อในสิ่งี่ได้ยิน
อรยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แต่ถ้าหลังจากนี้เกิดอะไรขึ้นี… เราจะต้องรับผิดชอบร่วมกันนะ” เธอกวาดตามองเพื่อนแต่ละคน แม้จะมีความกลัวปะปน แต่ไม่มีใครหลบสายตา
“ปีนี้เราจะต้องจบไปด้วยกัน”
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??