เรื่อง กัมปนาท

ติดตาม
วิโยค
วิโยค
  • ปรับสีและขนาดตัวอักษร

“มึงกลับไปเดี๋ยวนี้!”
เสียงกระซิบเร่งเร้าของอรดังแผ่วพร่า ทว่าเต็มไปด้วยแรงกดดัน เธอพยายามสะกดเสียงให้เบาที่สุดเพื่อมิให้ร่างที่กำลังไล่ล่าข้างหน้าล่วงรู้ ก่อนจะหันไปไล่ก้านพลูให้ถอยกลับ
  “กูไม่กลับ ถ้ามึงไม่กลับไปกับกู” น้ำเสียงของก้านพลูหนักแน่นและจริงจังเกินกว่าจะตีความว่าเป็นเพียงการดื้อดึง
  “คำปุ่น!”
อรเรียกกุมารน้อยด้วยความหวังเต็มเปี่ยมว่าจะให้มาช่วยพาตัวก้านพลูออกไปจากที่นี่ ทว่าเสียงก้านพลูกลับแทรกขึ้นอย่างฉับพลัน
  “น้องไม่มาหรอก…”
คำพูดนั้นกระแทกหูหนักหน่วงจนหัวใจอรเต้นสะดุด ราวกับก้านพลูรับรู้บางสิ่งที่เธอเองยังไม่เข้าใจ ลำตัวของก้านพลูสั่นไหวเล็กน้อย ทว่าแววตากลับไม่หลบเลี่ยง
  แต่เวลานี้ไม่อาจหยุดอยู่กับที่ เธอสะบัดความคิดออกไป แล้วรีบหันกลับไปยังทิศทางที่ยาเดินลับตา อรจึงเร่งก้าวกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปข้างหน้า โดยมีก้านพลูติดสอยห้อยตามไปด้วย

“เมย์!”

พวกเธอเดินตามทางไปได้ไม่นานนัก ก็พบร่างของเพื่อนร่วมคณะ ‘เมย์’ นอนแน่นิ่งอยู่กลางเส้นทาง พออรสาวเท้าเข้าไปใกล้ ความจริงที่เผยปรากฏหาใช่เพียงคนที่สลบไป หากทว่าร่างนั้นกลับซูบซีดแห้งเหี่ยว หนังตึงติดกระดูก ศีรษะโกร๋น ดวงตาเบิกโพลงแข็งค้าง ริมฝีปากอ้าออกกว้างดุจถูกตรึงด้วยเสียงกรีดร้องครั้งสุดท้าย… เมย์สิ้นลมหายใจไปแล้วอย่างมิอาจย้อนกลับ

ก้านพลูสะท้านเฮือก ก่อนจะเขยิบเข้ามาใกล้อรจนชิด มือบางเกาะแขนของอรแน่น ราวกับหวังยึดเหนี่ยวสติจากความหวาดกลัวที่ก่อตัวขึ้นรอบกาย ลมหนาวหอบใหญ่พัดโหมเข้ามา เสื้อผ้าของพวกเธอสะบัดปลิวว่อนตามแรงลม บรรยากาศหนาวเย็นห่มคลุมไปทั่วจนถึงกระดูก เบื้องหน้าของทั้งคู่ คือจุดหมายที่อรรู้แก่ใจตั้งแต่แรกว่า ยา จะต้องมุ่งตรงมาที่นี่อย่างไม่ผิดเพี้ยน

เขากาฬภพ

อรค่อย ๆ ก้าวเท้าเข้าใกล้หน้าผา ฝ่าดงไม้ใหญ่ที่กิ่งก้านแผ่ห้อยระโยงลงมาตามทางราวกับบานประตูมืดหม่น กั้นสิ่งลี้ลับบางอย่างไว้อย่างแน่นหนา และเป็นไปตามที่เธอคาด ร่างของยา กำลังยืนแน่นิ่งอยู่ตรงปลายหน้าผานั้น

“อึก…ฮืออออ”
ก้านพลูบีบแขนอรแน่นยิ่งกว่าเดิม ใบหน้าเล็กซุกหลบแผ่นหลังของอร ราวกับไม่กล้าแม้จะปรายตามองภาพเบื้องหน้านั้น เธอจับแขนอรไว้แน่นเพื่อไม่ให้เดินไปหาร่างตรงหน้า แต่กลับไม่เป็นผล
 “ยา!”
  เสียงตะโกนของอรดังก้องสะท้อนลั่นไปทั่วผืนป่าราวกับจะปลุกสติผู้ที่ถูกจองจำอยู่ในเงามืดให้ตื่นขึ้นตามที่เธอนั้นคาดคิดไว้ เธอเปล่งเสียงเรียกตั้งใจให้เพื่อนที่เธอเชื่อว่ากำลังถูกสิงอยู่นั้นได้ยิน แต่ร่างซึ่งยืนแน่นิ่งอยู่ตรงปลายหน้าผากลับไม่สะทกสะท้าน ไม่แม้แต่จะเหลียวตามองมา

“ยา!” อรตะโกนเรียกอีกครั้ง คราวนี้พร้อมก้าวเท้าเข้าใกล้ร่างตรงหน้ามากขึ้น ขณะที่ก้านพลูยังคงยืนนิ่งอยู่เบื้องหลัง สองเท้าราวกับถูกตรึงไว้ด้วยความหวาดกลัวจนไม่อาจขยับตามไปได้

“โบราณเพิ่นเอิ้นว่า… ‘ฮู้ว่าเป็นงูพิษ กะยังสิเลี้ยง’ … บ่เคยได้ยินบ่ แม่หมอ?”
เสียงเอื้อนเอ่ยนั้นแผ่วเรียบ ทว่าก้องสะท้อนเย็นเยียบออกมาจากร่างของยา ซึ่งยังคงหันหน้าออกสู่ความเวิ้งว้างของหน้าผา ก่อนค่อย ๆ หมุนกายกลับมาเผชิญกับอรโดยช้า ๆ

สายตาที่สบมานั้นไม่ใช่แววตาของยาที่อรรู้จักอีกต่อไป ดวงตากลมคู่นั้นแข็งทื่อ เย็นชา ไร้ชีวิต ราวกับสิ่งมีชีวิตที่กำลังยืนตรงหน้าคือ เปลือกของยา หาใช่เพื่อนที่เคยพูดคุยกันเหมือนวันวาน สีหน้าและท่าทางภายนอกยังคงเป็นคนเดิม ทว่าในดวงตาที่กลายเป็นกระจกสะท้อนความมืดนั้น มีเพียงความน่ากลัวที่ค่อย ๆ กลืนกินบรรยากาศรอบข้างไปอย่างช้า ๆ   “มาแล้วบ่ อิผีจัญไร”

  เสียงเย็นเยียบแฝงแรงอาฆาตดังลอดออกมาจากริมฝีปากของอร น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยพิษแห่งความชิงชัง จนทำให้บรรยากาศรอบกายหนักอึ้งลงในบัดดล
 “ฮึ…”
  เสียงหัวเราะต่ำในลำคอราวกับเย้ยหยันดังสะท้อน ก่อนที่ผืนฟ้าจะกรีดร้องกึกก้อง สายฟ้าผ่าลงกลางป่าอย่างดุดัน ลมแรงหอบหวิวกรากผ่านกิ่งไม้ใบหญ้าโอนเอนไปทั่วราวกับโลกทั้งผืนกำลังสั่นสะเทือน ราวกับสวรรค์และปฐพีกำลังเปิดทางให้สองผู้แกร่งอาคมได้เผชิญหน้ากันในค่ำคืนนี้
 “บ่ได่พ้อกันนาน สติสตังบ่มีอยู่กับโตเลยบ่” มันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยัน
 “ไปเสีย ผีจัญไรคือมึง สู้อาคมพ่อกูบ่ได่ดอก”
 “ฮึ….”
 “แล้วต่อกัน กลับหลุมมึงไป แล้วกูสิไว้ซีวิตมึง อย่าสร้างเวรสร้างกรรมคือกันอีกเลย”
 “ฮึ…ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ” มันตรงหน้าหัวเราะร่าราวกับสติหลุด “มึงคึดว่าอาคมส้นตีนของพ่อมึงสิทำอิหยังกับข่อยได้แม่นบ่?…..อั่น ถ้าเฮ็ดได่ เป็นจั่งได๋ ข่อยถึงแดกเด็ก ๆ ทั่วหมู่บ้านคือจั่งซี่ได่ล่ะแม่หมอ…ฮึฮึ”
  คำพูดของมันเหมือนเข็มที่จี้เข้าตรงกลางใจของอร ทำให้อารมณ์ที่เธอพยายามสงบนิ่งตั้งแต่ต้น เริ่มเดือดพล่านทวีคูณขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามได้ ร่างของยาที่เธอรู้จัก กำลังถูกบงการให้ต่อกรกับเธอเอง ราวกับเงาที่เคลื่อนไหวตามคำสั่งของผีร้าย ทุกท่าทาง ทุกการเคลื่อนไหวของยาเต็มไปด้วยความแข็งกร้าวและไร้อารมณ์ความเป็นตัวเอง ทำให้อรทั้งสับสน ทั้งโกรธ และหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน
 “มึงออกไปจากหมู่กูซะ แล้วมาคุยกันโตต่อโต”
 “ฮึ…มึงนี่มันปึกแท้หน้อแม่หมอ”
อรไม่ใส่ใจคำพูดเยาะเย้ยนั้นอีกต่อไป เธอก้าวเท้าอย่างมั่นคง มุ่งตรงไปทางหน้าผาเพื่อจะเข้าไปหา
 “มึงฮู้บ่ ว่านี่เขากาฬภพ ฮู้บ่ ว่านี่ถิ่นไผ?” ราวกับเป็นคำขู่ แต่ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว สีหน้าเย้ยหยันของมันมิได้มีเจตนาจะทำให้อรหวาดกลัว เพียงแต่ต้องการปั่นประสาทและทดสอบความอดทนของเธอเท่านั้น
 “นี่คือคำเตือนสุดท้าย กูบ่สนเด้อ ว่ามึงสิไซ้ร่างไผ กูเอามึงลงหม้อได้บ่ยากเด้อ”
คำเตือนของอรแทบไม่กระเทือนผีร้ายตรงหน้า มันยังคงทำหน้าเยาะเย้ยราวกับเล่นสนุกอยู่กับความพยายามของเธอ

  สองมือของอรค่อย ๆ ประสานกันแน่นตรงหน้าอก ราวกับต้องการยึดเหนี่ยวจิตใจตัวเองไม่ให้สั่นไหว ท่ามกลางป่าลึก เสียงลมซุกซนพัดผ่านยอดไม้ ทำให้กิ่งก้านไหวพลิ้ว เหล่าใบไม้สั่นสะท้อนเสียงลมเบา ๆ ราวกับเป็นเสียงกระซิบลึกลับก้องอยู่รอบตัวเธอ เสียงเอ่ยเชิญพระภูมิ เจ้าที่เจ้าทาง ดังก้องกังวานในใจของเธอ เสียงนั้นทาบทับกับความสับสน ความหวาดกลัว และความมุ่งมั่นในเวลาเดียวกัน

“ข่อยขอเชิญพระภูมิ เจ้าที่เจ้าทาง โปรดสถิตอยู่เคียงข้างข่อย คุ้มครองพิธีนี้ให้สำเร็จทุกประการ…” เสียงของอรทุ้มต่ำ แต่ชัดเจน ราวกับทุกคำพูดมีแรงสั่นสะเทือนที่พลังอาคมสามารถสัมผัสได้

  เธอเริ่มท่องอาคมอย่างระมัดระวัง จิตใจจดจ่อกับทุกถ้อยคำ มือขยับเป็นจังหวะสอดคล้องกับเสียงปรับจังหวะลมหายใจ ร่างกายของเธอสั่นเพียงเล็กน้อยจากความเครียดและพลังงานที่สะสมอยู่ภายใน

“โอม อาคูรี รามี หมัญญา อาลี ภติมันต์ ยะทามะ พาทา…” เสียงอาคมนั้นสะท้อนผ่านผืนป่า ราวกับเรียกสิ่งเร้นลับและพลังจากเบื้องบนให้เข้ามาคุ้มครอง

  แต่แล้ว เสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังขึ้น ปนความเย็นเยียบ ทำให้จิตใจเธอเกร็ง แข็งทื่อ เสียงหัวเราะนั้นมาจากร่างของยาที่ถูกสิงอยู่ มันหัวเราะใส่อรอย่างไร้ความเมตตา ปลุกความหวาดกลัวขึ้นในใจเธอ

“ฮึ ฮึ ฮึ…..”

“อร!!! ฮือออออ!” เสียงก้านพลูเรียกชื่อเธอสั่นพร่า แต่เธอกลับไม่สนใจ จิตใจของเธอมุ่งมั่นกับสิ่งตรงหน้า แววตาแน่วแน่ไม่หวั่นแม้เพียงเงาของความตาย

“ทุติยัมปิ ภาคะมณี สุวะชันต์ รามี” เสียงอาคมยังคงดังขึ้นต่อเนื่อง จังหวะของเสียงนั้นเหมือนสร้างเกราะบาง ๆ ปกป้องตัวเธอจากพลังมืดที่กำลังพยายามเข้าครอบงำ

  ในขณะที่อรยังท่องอาคม ป่ารอบ ๆ กลับสงบลงราวกับเวลาถูกชะลอ มีเพียงเสียงอาคมของเธอและเสียงหัวเราะของปีศาจที่แฝงอยู่ในร่างของยา

“หมัญญา อาลี ราติมันต์ ยะทามะ โอม” เมื่อเธอเอ่ยจบ ทุกสิ่งทุกอย่างกลับสงบนิ่ง ดวงตาเธอมองไปรอบ ๆ ความเงียบมืดสงัดคลุมปกป้องร่างของเธอเหมือนปกติ ร่างตรงหน้าไม่ไหวติง ตาของทั้งคู่ประสานกันอย่างไม่ลดละ


   ครู่หนึ่ง ร่างของยากลับกระตุกและร้องโหยหวนออกมาด้วยความเจ็บปวด ราวกับว่าอาคมเมื่อครู่นั้นได้ผลเป็นอย่างดี ใบหน้าเริ่มแหงนขึ้นเหนือฟ้า ลำคอเริ่มปูดโปนด้วยเส้นเลือด ร่างของยาค่อย ๆ ทรุดลงผืนทรนีด้วยความทุกทรมาน

“ยา!” อรที่เห็นดังนั้นจึงจะเข้าไปช่วยยา แต่กลับถูกก้านพลูรั้งเอาไว้ เธอยังคงร้องไห้หวาดหวั่นออกมาด้วยความกลัว ก่อนจะค่อย ๆ ดึงอรถอยห่างจากร่างของยาที่กำลังชักด้วยความทรมาน

“ฮึ ฮึ….”

  แต่ร่างของยานั้นทรมานอยู่ไม่นาน เสียงหัวเราะในลำคอของเธอสะท้อนดังขึ้น ร่างที่ทรุดลงอย่างทรมานก่อนหน้าค่อย ๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นมา ราวกับไม่เจ็บปวดกับอาคมก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง
“ข่อยบอกแล้วบ่ ว่าอาคมส้น-ีนของแม่หมอ ทำอีหยังข่อยบ่ได้ดอก"
ว่าจบมือของยากลับพุ่งมากระชากคอของก้านพลูไปเผชิญตรงหน้าก่อนเอ่ยมนต์ดำที่ไม่กล้าที่จะได้ยิน
“กะตะมาเร โชวะบันตา อัตตา มานา สัมภะวะ โน มะตา พา”
“ไม่!”
“แอ่ก ๆ”
มันท่องออกมาด้วยความรวดเร็ว มือบีบที่ต้นคอของก้านพลูแน่น เสียงไอของก้านพลูดังถี่เพราะหายใจไม่ออก
“จงหลุดจากเนื้อ จงละจากกาย จงมอบให้ข้า ผู้หิวกระหาย ชีวา วิญญา สังเวย นามสิ้น ซากสูญ”
ไม่ทันที่อรจะได้ยื่นมือเข้าช่วย มนต์ดำของมันก็จบลงพอดี ผนวกกับร่างของก้านพลูที่ค่อย ๆ กระตุกไปบทสวดสูบวิญญาณของผีร้าย
“ไม่! ไม่! ก้าน!” เสียงอรตะโกนด้วยความสิ้นหวัง

แต่ทุกอย่างช้าไปเสียแล้ว ลำตัวของก้านพลูค่อย ๆ พองขึ้นอย่างน่ากลัว ทำให้ขายืนไม่อยู่กับที่ คอพองเป่ง ตาเหลือกโพลน ปากอ้ากว้าง ราวกับร่างของเธอกำลังถูกผีร้ายจับจ้องและกลืนกิน กลุ่มควันโขมงลอยออกจากลำคอ ลามผ่านปากของก้านพลู ก่อนจะถูกดูดเข้าสู่ร่างของยาอย่างรวดเร็ว
“ไม่!!!!!!!!” เสียงกรีดร้องของอรดังลั่น ผสมกับความหวาดกลัวที่กัดกินหัวใจ

ร่างของก้านพลูหลุดร่วงจากมืออรที่พยายามประคองไว้แน่น บัดนี้กลับกลายเป็นร่างไร้วิญญาณ ไม่ต่างจากซากศพ ร่างที่ครั้งหนึ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวา กลายเป็นปริศนาอันน่าสยดสยองที่อรต้องเผชิญเพียงลำพัง

“ฮึ ฮึ ฮ่า ฮ่่า” เสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังก้องกังวานในป่าราวกับท้าทายความทุกข์ทรมานของอร

“มึงฮู้บ่ แม่หมอ ว่าข่อยเก็บอีนี่ไว้ ให้ถึกมื้อแบบนี่ล่ะ… มื้อที่มึงซอยไผบ่ได้ แม้แต่อยู่ตรงหน้า สะใจกูอิหลี ฮ่า ฮ่า”

ความโกรธเยือกเย็นผสมกับความหวาดกลัวก่อตัวขึ้นในใจอร ร่างกายสั่นสะท้าน แต่สายตายังคงจับจ้องไปที่ผีร้ายตรงหน้า ทุกความเจ็บปวด ความสูญเสีย และความสิ้นหวัง ผสมรวมเป็นพลังเงียบ ๆ ที่เตรียมจะระเบิดออกมาอย่างไม่อาจยับยั้๲.

ตอนต่อไป
รัคษิตตะ

นิยายแนะนำ

นิยายแนะนำ

ความคิดเห็น

COMMENT

ปักหมุด

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited( Kawebook.com )

Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )
ที่อยู่ : 20 หมู่ที่ 6 ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร 74000
เวลาทำการ : 08 : 00 - 18 : 00 จันทร์ - เสาร์
e-mail : contact@kawebook.com

DMCA.com Protection Status

เริ่มต้นเผยแพร่ผลงาน

เริ่มต้นเป็นนักเขียนออนไลน์ เขียนเรื่องราวที่ประทับใจ สร้างเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ และแบ่งปันประสบการ์ดีๆ กับผู้คนทั่วโลก kawebook.com เป็นโอกาส เป็นสื่อกลาง และยังเป็นอีกหนึ่งช่องทาง ในการสร้างรายได้ให้กับนักเขียนมืออาชีพ และนักเขียนมือสมัครเล่นจากทุกมุมโลก เพียงสมัครเป็นสมาชิกเว็บไซต์เพื่อเขียนหนังสือ การ์ตูน หรืออัพโหลดอนิเมชั่น ที่เป็นผลงานของท่าน และเผยแพร่ผลงานสู่สาธารณชน

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )

© สงวนลิขสิทธิ์ 2017 Glory Forever Public Company Limited ( Kawebook.com )

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา