เรื่อง สร้างชีวิตพิชิตฝันหนูน้อยนำโชคในยุค70
บที่1ชีวิตใหม่ในชาตินี้(1)
"ทำไมกัน?ทำไมฟ้าดินถึงไม่ยุติธรรมแบบนี้!"
"ทำไมคนทำดีถึงไม่เคยได้รับสิ่งๆดีตอบแทน แต่คนชั่วช้ากลับได้ใช้ชีวิตหรูหราสุขสบาย!"
"สวรรค์เฮงซวย!ไม่รู้จักลืมหูลืมตาดูบ้างเลยรึไง!"
ในค่ำคืนี่-่าฝนกระหน่ำรุนแรง ดวงวิญญาณโปร่งใสร่างหนึ่งกำลังล่องลอยเคว้งคว้างอยู่กลางอากาศ พร้อมกับกรีดร้องสาปแช่งใส่ท้องฟ้าด้วยความอาฆาตพยาบาทยิ่ง
เปรี้ยง!
ปรากฏเพียงเสียงกู่คำรนและสายฟ้าสะบั้นสาดแผ่กระจายเต็มทั่วผืนนภา คล้ายกำลังตอบสนองเสียงกรีดร้องก่นด่าของหลินเสี่ยวอวี่อยู่
แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆสายฟ้าเส้นใหญ่ก็ผ่าเปรี้ยงลงมาี่ร่างวิญญาณของหลินเสี่ยวอวี่
....
ในขณะเดียวกัน ณ ห้องเล็กๆภายในบ้านตระกูลหลิน
"เสี่ยวอวี่เอ้ย อย่าโทษย่าเลยนะ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษี่แกมันเกิดมาโชคร้ายเอง ดันถูกคนของตระกูลลู่หมายตาเลือกให้ไปเป็นเจ้าสาวของคนตาย"
"พวกเขาถึงกับยอมจ่ายเงินก้อนโต เพื่อขอแกไปเป็นเครื่องเซ่นสังเวยให้กับคนี่ตายไป"
"ความจริงแกก็น่าจะตายๆไปซะตั้งแต่ตอนี่ตกเขานั่นแล้ว จะทำตัวเองให้ต้องลำบากไปทำไมตั้งสองครั้งสองคราแบบนี้?"
ผู้เป็นย่าของหลินเสี่ยวอวี่รำพึงรำพันผ่านน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับกำลังพูดถึงเรื่องธรรมดาทั่วไป ทว่าน้ำเสียงในคำพูดเหล่านั้น กลับแฝงซ่อนไปด้วยไอความเย็นชาและไร้ความเมตตา...
"ฉันจะเผากระดาษเงินกระดาษทองไปให้แกเยอะๆก็แล้วกัน ตายๆไปอย่างสงบซะเถอะนะ"
เสียงพูดพึมพำอยู่ข้างหูมาพร้อมกับฝ่ามือแห้งกร้านและหยาบกระด้าง ี่กำลังกดปิดช่องจมูกและปากของหลินเสี่ยวอวี่ไว้อย่างแน่นหนาี่สุดเท่าี่จะทำได้
แต่งงานกับคนตาย?
หน้าผา?
นี่ฉันกลับชาติมาเกิดเหรอ?
ฉันย้อนกลับมาในปีี่ฉันอายุหกขวบอีกครั้งจริงๆ!
ย้อนกลับไปในปีี่หลินเสี่ยวอวี่มีอายุได้หกขวบ เธอถูกลุงของเธอผลักตกหน้าผาหวังฆ่าทิ้งอย่างโหดเหี้ยม
ทั้งหมดนี้หวังเพียงเพื่อให้ตระกูลลู่ทำตามสัญญาี่เคยตกปากรับคำกันไว้ ว่าจะช่วยผลักดันสนับสนุนให้หลินเจ๋อ บุตรชายคนโตและเป็นหลานชายสายตรงของตระกูลหลิน ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเกษตรกรรมและแรงงาน โดยมีข้อแลกเปลี่ยนว่าให้หลินเสี่ยวอวี่ซึ่งยังเป็นเพียงเด็กน้อย เข้าร่วมพิธีแต่งงานกับลูกชายคนเล็กของตระกูลลู่ในปรโลก
เพื่อผลประโยชน์อันมหาศาลในจุดนี้ หลินเสี่ยวอวี่จึงต้องกลายมาเป็นเครื่องเซ่นสังเวยให้แก่คนตระกูลหลินเพื่อใช้ไต่เต้าขึ้นสู่จุดสูงสุดของชีวิต
บางทีอาจเป็นเพราะจิตใจี่ไม่ยอมพ่ายแพ้หลังความตายของหลินเสี่ยวอวี่ วิญญาณของเธอจึงไม่ยอมแตกสลายไป แต่กลับวนเวียนเฝ้ามองทุกสิ่งทุกอย่างี่เกิดขึ้นภายในตระกูลหลินมาตลอดหลายสิบปี
เธอต้องทนเห็นแม่แท้ๆของตัวเองถูกผู้ชายสารเลวหลอกลวงจนเสียใจแทบแดดิ้น กระทั่งหลายปีต่อมา แม่ก็ถูกทุกคนในตระกูลรุมกดดันให้ตั้งท้องลูกคนี่สี่ และสุดท้ายเป็นเพราะทารกในครรภ์ซุกตัวอยู่ในตำแหน่งท่าี่ผิดปกติ ทั้งๆี่รู้อยู่แล้ว แต่กลับไม่มีใครในครอบครัวยอมพาเธอไปโรงพยาบาลเลยแม้แต่คนเดียว ผลสุดท้ายทำให้แม่ของเธอต้องเสียชีวิตลงท่ามกลางความทรมานสุดแสนจากภาวะคลอดบุตรยาก
ส่วนพี่สาวคนโตของเธอ หญิงสาวี่กำลังอยู่ในวัยสะพรั่งดุจดอกไม้แรกแย้ม กลับถูกลุงจับส่งตัวไปแต่งงานกับชายชราอายุ50ปีผู้มีอาการทางจิตรุนแรง เธอจำต้องทนทุกข์ทรมานจากการถูกทำร้ายร่างกายอยู่นานหลายปี และบทสรุปสุดท้ายก็เลือกจบชีวิตลงด้วยการกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย
ส่วนพี่สาวคนรองนั้น เป็นเด็กฉลาดหลักแหลมเกินวัย อาศัยความพยายามและขยันหมั่นเพียรของตัวเองจนสอบติดมหาวิทยาลัยได้ แต่กลับถูกอาคนเล็กสวมชื่อตัวเองเพื่อเข้าเรียนแทน ต่อมาเมื่อครอบครัวกลัวว่า พี่สาวคนรองจะแอบหนีออกไปเปิดโปงความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาจึงพยายามทำทุกวิถีทาง ยอมแม้กระทั่งทำเรื่องโหดร้ายทารุณี่สุดถึงขั้นทุบตีจนขาของเธอหักข้างหนึ่ง และท้ายสุด ชะตากรรมมิได้ดีกว่าคนอื่นๆนัก เธอถูกครอบครัวบังคับให้แต่งงานกับชายโสดอายุมากคนหนึ่งในหมู่บ้านไป
ส่วนคนี่ประสบความสำเร็จได้ดิบได้ดีกลับเป็นลุงสันดานชั่วของเธอเอง นับวันตำแหน่งหน้าี่การงานของเขามีแต่จะก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ สร้างเกียรติประวัติมากมายให้ผู้คนได้ชื่นชมสรรเสริญ และเกษียณอายุออกมาอย่างสง่างามยิ่งใหญ่ กลายเป็นต้นแบบให้ทุกคนในหมู่บ้านทั้งรู้สึกเคารพและอิจฉาในคราวเดียวกัน
พ่อสารเลวของเธอเองก็พาเมียน้อยี่แอบลักลอบคบชู้เข้ามาอาศัยอยู่ในบ้าน และใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขพร้อมกับลูกชายี่เกิดจากเมียน้อยคนนั้น กลายเป็นครอบครัวอบอุ่นี่ทั้งสมบูรณ์แบบและไร้ี่ติในสายตาของคนภายนอก
ทางด้านอาสาวี่เป็นน้องสาวคนสุดท้องของพ่อ ก็อาศัยชื่อเสียงจากการเป็น ‘บัณฑิต’ ี่แย่งชิงมาจากพี่สาวคนรองของหลินเสี่ยวอวี่ เรียนจนจบระดับมหาวิทยาลัย สร้างฐานะความมั่นคงและหน้าตาทางสังคมให้กับตัวเอง กลายมาเป็นบุคคลี่สร้างความภาคภูมิใจให้กับตระกูลในสายตาของชาวบ้าน
เมื่อพูดถึงตระกูลหลิน ใครต่อใครต่างต้องยกนิ้วชื่นชมกันถ้วนหน้า ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ตระกูลหลินนั้น ‘โชคดีถึงขั้นบรรพบุรุษยังต้องลุกขึ้นจากหลุมเพื่อมาอวยพร’ กันเลยทีเดียว
แต่สำหรับหลินเสี่ยวอวี่ในตอนนี้ เธอได้พยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง แต่เด็กหญิงในวัยเพียงแค่6ขวบ จะเอาเรี่ยวแรงี่ไหนไปต่อต้านผู้เป็นย่าี่ทำงานในไร่ในสวนจนมีร่างกายกำยำแข็งแรงได้ ร่างของเธอถูกกดบังคับไว้แน่น ไม่มีแม้แต่โอกาสี่จะได้ขยับตัวเลยด้วยซ้ำไป...
[งานแต่งงานในปรโลกน่ะเหรอ?อยากแต่งก็ไปแต่งเองสิ!ในเมื่อฉันได้เกิดใหม่ทั้งที ก็ต้องเป็นฉันนี่แหละี่จะส่งพวกแกไปปรโลกให้หมด!]
[แม่…ช่วยหนูด้วย…]
[แม่…รีบมาช่วยหนูเร็วเข้า…]
เสียงร้องของลูกสาวคนเล็กดังแว่วอยู่ข้างหู ทำให้จางอวิ๋นม่านี่กำลังเศร้าโศกเสียใจอย่างี่สุด ถึงกับต้องเบิกตากว้างในทันที
เสี่ยวอวี่?เสี่ยวอวี่ของแม่?จางอวิ๋นม่านรีบผลักลูกสาวอีกสองคนี่กำลังปลอบโยนเธอออกไปทันที ก่อนจะก้าวเท้าพุ่งตรงไปี่ห้องเก็บฟืนอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าเป็นเวลากลางวันแสกๆ แต่ประตูห้องเก็บฟืนกลับถูกปิดสนิทเช่นนี้ จางอวิ๋นม่านก็สัมผัสได้ถึงลางร้ายบางอย่างี่ผุดขึ้นภายในใจ
"เปิดประตู!รีบเปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้!"จางอวิ๋นม่านร้องตะโกนเสียงดังพลางทุบประตูไปด้วยอย่างบ้าคลั่ง เวลานี้เธอไม่ต่างจากสัตว์ป่าี่กำลังคลุ้มคลั่งเพราะต้องการปกป้องลูกของตัวเอง
เมื่อเห็นจางอวิ๋นม่านี่อยู่ข้างนอกเริ่มมีอาการคลุ้มคลั่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และเพราะกลัวว่าความวุ่นวายจะบานปลายใหญ่โตไปมากกว่านี้ โจวซื่อี่อยู่ในห้องเก็บฟืนจึงต้องปล่อยมือออกจากปากและจมูกของหลินเสี่ยวอวี่
"นังลูกสะใภ้ไม่เอาไหน นี่แกแหกปากร้องตะโกนหาอะไรกัน!ฉันอุตส่าห์หวังดีช่วยจัดการนังเด็กนี่ให้ มันจะได้ตายๆไปอย่างสงบซะที แล้วแกยังจะเอะอะโวยวายอะไรอีก!"โจวซื่อี่รู้สึกผิดอยู่ในใจ แต่ก็ยังทำตัวเป็นฝ่ายโจมตีกล่าวโทษอีกฝ่ายก่อน เธอขึ้นเสียงก่นด่าออกมาด้วยความเดือดดาล ทั้งนี้เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกผิดของตัวเอง
【แม่จ๋า!ถ้าแม่มาช้าอีกนิดเดียว หนูคงถูกปิดปากปิดจมูกจนขาดอากาศหายใจตายไปแล้วแน่ๆ!หนูยังไม่ตาย หนูยังมีมีชีวิตอยู่!】
อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้นจริงๆ หลินเสี่ยวอวี่ก็เกือบจะกลายเป็นศพต้องตายเป็นครั้งี่สองแล้ว
จางอวิ๋นม่านรีบผลักร่างของโจวซื่อออกไปทันที ก่อนจะรีบพุ่งเข้าไปอุ้มลูกสาวตัวน้อยี่นอนหมดสติไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าซีดเขียวใกล้ม่วงของเด็กน้อย ปรากฏรอยนิ้วทั้งห้าประทับทิ้งไว้อย่างชัดเจน ร่างทั้งร่างของเธอสั่นเทาไม่หยุด ภายในใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัวประหนึ่งวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง
ถ้าช้าไปอีกนิด...ถ้าช้าไปอีกแค่นิดเดียว…
เพียงแค่คิดถึงเรื่องนั้น จางอวิ๋นม่านก็รู้สึกราวกับถูกจับโยนลงไปในธารน้ำแข็งท่ามกลางฤดูหนาว เธอรู้สึกเย็นยะเยือกเจ็บลึกถึงขั้วกระดูกดำเลยทีเดียว
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??