เรื่อง อาจารย์ สักวันข้าจะกลืนกินท่าน
บที่ 6: เงามารคุกคามจันทรา
ท้องฟ้าเหนือหุบเขาจันทราเร้นแปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทในพริบตา เมฆทะมึนรวมตัวกันหนาหนักราวกับม่านเหล็กกล้าบดบังแสงจันทร์และดวงดาวจนหมดสิ้น สายฟ้าสีแดงก่ำราวโลหิตฟาดผ่านเป็นระยะ ส่งเสียงคำรามกึกก้องสะท้านสะเทือนไปทั่วทั้งหุบเขา บรรยากาศอันเคยสงบสุขและศักดิ์สิทธิ์ บัดนี้ถูกแทนี่ด้วยความตึงเครียดและกลิ่นอายแห่งอันตรายี่จับต้องได้ พลังงานอันชั่วร้ายและกดดันแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูอากาศ ทำให้สรรพชีวิตในหุบเขาสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
เฟิงเยี่ยยืนอยู่เคียงข้างหลิงซีี่หน้าตำหนักจันทราเร้น สองมือกำแน่นจนสั่นเทาเล็กน้อย แม้จะเคยเผชิญหน้ากับความเป็นความตายมานับครั้งไม่ถ้วน แต่พลังงานอันมหาศาลและมุ่งร้ายี่กำลังคืบคลานเข้ามานี้ มันแตกต่างออกไป มันแฝงไว้ด้วยความอาฆาตแค้นและความกระหายทำลายล้างี่ทำให้แม้แต่อสูรเช่นเขาก็ยังรู้สึกเย็นเยียบไปถึงไขสันหลัง
"พวกมันมาแล้ว" หลิงซีเอ่ยึ้ด้วยน้ำเสียงี่เยือกเย็นกว่าปกติ ดวงตาสีฟ้าใสนั้นจ้องมองไปยังม่านพลังป้องกันรอบหุบเขาี่เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง
"และดูเหมือนว่าเป้าหมายของพวกมันคือข้าโดยตรง"
"พวกมันคือใครหรือขอรับ ท่านอาจารย์" เฟิงเยี่ยถาม พยายามข่มความตื่นตระหนกในใจ
"เศษเดนจากสงครามบรรพกาล" หลิงซีตอบสั้นๆ แต่ในแววตานั้นฉายประกายแห่งความกรุ่นโกรธและความทรงจำอันขมขื่น
"อสูรชั้นต่ำี่รอดพ้นจากการกวาดล้างในครั้งนั้น และบัดนี้พวกมันคงได้กลิ่นการเสื่อมถอยของตราผนึกบรรพกาล จึงได้รวมตัวกันมาเพื่อหวังจะชิงพลังจากข้า เพื่อจะปลดปล่อยนายเหนือหัวของพวกมัน"
ทันใดนั้น ม่านพลังป้องกันรอบหุบเขาก็เกิดการระเบิดึ้อย่างรุนแรง แสงสว่างวาบึ้จนแสบตา ตามด้วยเสียงกัมปนาที่ดังยิ่งกว่าเสียงฟ้าผ่า ปราการมนตราี่หลิงซีสร้างึ้เพื่อปกป้องหุบเขามานับพันปี บัดนี้ได้ปรากฏรอยร้าวขนาดใหญ่ึ้หลายแห่ง
ร่างเงาสีดำทะมึนหลายสิบร่างทะยานผ่านรอยร้าวเหล่านั้นเข้ามาในหุบเขาราวกับฝูงตั๊กแตน พวกมันมีรูปร่างคล้ายมนุษย์แต่บิดเบี้ยวผิดส่วน ดวงตาสีแดงก่ำลุกโชนด้วยความคลุ้มคลั่ง กรงเล็บแหลมคมและเขี้ยวี่ยื่นออกมาจากริมฝีปากส่งเสียงขู่คำรามอย่างน่าสะพรึงกลัว ไออสูรี่เน่าเหม็นและรุนแรงแผ่ออกจากร่างของพวกมัน สร้างความแปดเปื้อนให้แก่บรรยากาศอันบริสุทธิ์ของหุบเขา
"อสูรรับใช้ชั้นต่ำ" เฟิงเยี่ยแค่นเสียงอย่างดูแคลน แม้พวกมันจะมีจำนวนมาก แต่พลังของแต่ละตนนั้นเทียบไม่ได้กับเขาเลยแม้แต่น้อย
"ท่านอาจารย์ โปรดให้ข้าจัดการกับพวกมันเองเถิดขอรับ"
"อย่าประมาทพวกมัน เฟิงเยี่ย" หลิงซีกล่าวเตือน
"แม้จะเป็นเพียงอสูรชั้นต่ำ แต่พวกมันก็ถูกครอบงำด้วยความคลุ้มคลั่งและไม่กลัวตาย นอกจากนี้ ยังอาจจะมีตัวี่แข็งแกร่งกว่านี้ซ่อนตัวอยู่" นางยกมือึ้ข้างหนึ่ง พลันปรากฏธารน้ำแข็งสีฟ้าใสพุ่งออกจากฝ่ามือของนางราวกับมังกรทะยาน มันเคลื่อนี่ด้วยความเร็วสูงเข้าปะทะกับกลุ่มอสูรี่บุกเข้ามา เสียงกรีดร้องโหยหวนดังึ้เมื่อร่างของอสูรหลายตนถูกแช่แข็งในพริบตา ก่อนจะแตกสลายเป็นผุยผงเมื่อถูกพลังงานศักดิ์สิทธิ์ของนางชำระล้าง
นี่เป็นครั้งแรกี่เฟิงเยี่ยได้เห็นหลิงซีใช้พลังในการต่อสู้จริงจังเช่นนี้ แม้จะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของพลังทั้งหมดี่นางมี แต่มันก็ทรงอานุภาพและงดงามจนน่าตื่นตะลึง เขารู้สึกได้ถึงความแตกต่างอย่างมหาศาลระหว่างพลังของตนเองกับนาง แต่แทนี่จะรู้สึกท้อแท้ มันกลับยิ่งกระตุ้นความทะเยอทะยานในใจของเขาให้ลุกโชนึ้ ‘สักวันหนึ่ง ข้าจะต้องมีพลังี่เหนือกว่านางให้ได้’
"เฟิงเยี่ย" เสียงของหลิงซีดึงสติของเขากลับมา
"ดูแลทางทิศใต้ อย่าให้พวกมันบุกเข้าไปถึงเขตสวนโอสถทิพย์ได้"
"ขอรับ ท่านอาจารย์" เฟิงเยี่ยรับคำอย่างแข็งขัน เขารู้สึกตื่นเต้นี่ในี่สุดก็มีโอกาสได้แสดงฝีมือและพิสูจน์ตนเองเสียที ร่างของเขาทะยานไปยังทิศใต้ตามคำสั่งทันที ในมือปรากฏกระบี่สีดำสนิทเล่มหนึ่งี่เขาหลอมึ้จากพลังอสูรของตนเอง
กลุ่มอสูรรับใช้ประมาณสิบกว่าตนกำลังมุ่งหน้าไปยังเขตสวนโอสถทิพย์ตามี่หลิงซีคาดการณ์ไว้ พวกมันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและดุร้าย ทำลายต้นไม้ใบหญ้าี่ขวางหน้าจนแหลกลาญ
"หยุดอยู่แค่นั้นแหละ เจ้าพวกเศษสวะ" เฟิงเยี่ยตวาดลั่น ร่างของเขาพุ่งเข้าใส่กลุ่มอสูรราวกับพายุหมุน กระบี่สีดำในมือตวัดฟาดฟันออกไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เกิดเป็นประกายแสงสีดำตัดผ่านอากาศ ทุกครั้งี่คมกระบี่สัมผัสร่างของอสูรตนใด ร่างนั้นก็จะถูกตัดขาดเป็นสองท่อน เลือดสีดำทะลักสาดกระเซ็น
เฟิงเยี่ยต่อสู้อย่างดุเดือดและคล่องแคล่ว เขานำทักษะการต่อสู้ี่เรียนรู้มาทั้งชีวิตผสานเข้ากับพลังอสูรและพลังเซียนี่เริ่มจะควบคุมได้ดีึ้ พลังหุนตุ้นสีเทาเงินปรากฏึ้รอบกายของเขาเป็นระยะ มันช่วยเสริมพลังโจมตีของเขาให้รุนแรงึ้ และในขณะเดียวกันก็สร้างเกราะป้องกันี่มองไม่เห็นึ้รอบตัว ทำให้กรงเล็บและเขี้ยวของเหล่าอสูรไม่สามารถทำอันตรายเขาได้
"อ๊ากกก!" อสูรตนหนึ่งกระโจนเข้าใส่เขาจากด้านหลัง หมายจะใช้กรงเล็บอันแหลมคมฉีกกระชากร่างของเขา แต่เฟิงเยี่ยก็ไหวตัวทัน เขาหมุนตัวหลบได้อย่างหวุดหวิด พร้อมกับตวัดกระบี่สวนกลับไปตัดแขนของมันจนขาดสะบั้น จากนั้นก็แทงกระบี่ทะลุหัวใจของมันซ้ำอีกครั้ง ส่งมันกลับสู่ความว่างเปล่าในทันที
การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด เฟิงเยี่ยสังหารอสูรรับใช้ไปแล้วหลายตน แต่จำนวนของพวกมันก็ยังคงหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุดหย่อน เขารู้สึกเหนื่อยล้าลงเล็กน้อย แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความฮึกเหิมและความสนุกสนานกับการต่อสู้ นี่คือสิ่งี่เขาโหยหามาตลอดชีวิต การได้ปลดปล่อยพลังของตนเองอย่างเต็มี่โดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกใครจับตามองหรือตัดสิน
ในขณะเดียวกัน หลิงซีก็กำลังเผชิญหน้ากับภัยคุกคามี่รุนแรงกว่านั้น ณ ใจกลางหุบเขา ปรากฏร่างเงาสีดำขนาดมหึมาสามร่างยืนตระหง่านอยู่ พวกมันมีรูปร่างคล้ายอสูรี่เฟิงเยี่ยกำลังต่อสู้อยู่ แต่มีขนาดใหญ่กว่าหลายเท่า และมีพลังงานี่แข็งแกร่งกว่านับร้อยนับพันเท่า พวกมันคือ ‘แม่ทัพอสูร’ สามตนี่นำทัพอสูรชั้นต่ำเหล่านี้บุกเข้ามา
"หลิงซี เทพเฒ่าผู้ทรยศต่อเผ่าพันธุ์อสูร" หนึ่งในแม่ทัพอสูรกล่าวึ้ด้วยน้ำเสียงแหบพร่าและเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
"ถึงเวลาี่เจ้าจะต้องชดใช้ในสิ่งี่เจ้าได้ทำไว้เมื่อครั้งบรรพกาลแล้ว วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของเจ้าและหุบเขาจอมปลอมแห่งนี้"
"หึ...คำพูดโอหังของเจ้ามันน่าสมเพชยิ่งนัก อสูรแห่งความมืด" หลิงซีตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ดวงตาสีฟ้าใสนั้นจ้องมองไปยังแม่ทัพอสูรทั้งสามอย่างไม่หวั่นเกรง
"พวกเจ้าคิดว่าเพียงแค่เศษเดนเช่นพวกเจ้าจะสามารถทำอะไรข้าได้งั้นหรือ"
"อย่าได้ปากดีไปหน่อยเลย นางแพศยา" แม่ทัพอสูรอีกตนหนึ่งตวาดลั่น
"วันนี้พวกเราจะฉีกร่างของเจ้าออกเป็นชิ้นๆ และดื่มเลือดของเจ้าเพื่อเพิ่มพลัง"
กล่าวจบแม่ทัพอสูรทั้งสามก็พุ่งเข้าโจมตีหลิงซีพร้อมกันจากสามทิศทาง พลังงานอสูรสีดำทมิฬถูกปล่อยออกมาจากร่างของพวกมันอย่างรุนแรง ก่อเกิดเป็นกรงเล็บเงาขนาดมหึมา พายุหมุนแห่งความมืด และหอกแห่งความสิ้นหวัง พุ่งเข้าใส่หลิงซีราวกับต้องการจะบดขยี้ร่างของนางให้แหลกสลายในพริบตาเดียว
หลิงซียังคงยืนนิ่งสงบอยู่กับี่ นางเพียงแค่ยกมือทั้งสองข้างึ้ช้าๆ พลันปรากฏม่านพลังงานสีฟ้าใสราวคริสตัลก่อตัวึ้รอบกายนางเป็นรูปโดม ป้องกันการโจมตีอันรุนแรงของแม่ทัพอสูรทั้งสามไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เสียงปะทะกันของพลังงานดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งหุบเขา แต่ร่างของหลิงซีี่อยู่ภายในม่านพลังนั้นกลับไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เลยแม้แต่น้อย
"พลังของพวกเจ้า ก็มีเพียงเท่านี้เองหรือ" หลิงซีกล่าวด้วยน้ำเสียงี่แฝงความดูแคลนเล็กน้อย
"น่าผิดหวังเสียจริง"
นางสะบัดมือเล็กน้อย ม่านพลังงานสีฟ้าใสพลันขยายตัวออกอย่างรวดเร็ว ผลักดันการโจมตีของแม่ทัพอสูรทั้งสามให้กระเด็นถอยหลังกลับไป จากนั้นนางก็ชี้นิ้วไปยังท้องฟ้า พลันปรากฏวงแหวนเวทมนตร์สีเงินยวงขนาดใหญ่ก่อตัวึ้เหนือศีรษะของนาง มันหมุนวนอย่างรวดเร็ว พร้อมกับปลดปล่อยลำแสงสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งลงมายังร่างของแม่ทัพอสูรทั้งสามราวกับ-่าฝนดาวตก
"อ๊ากกก!" เหล่าแม่ทัพอสูรกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อถูกลำแสงสีเงินเหล่านั้นโจมตี ร่างกายของพวกมันเกิดเป็นรอยไหม้สีดำึ้หลายแห่ง พลังงานอสูรี่เคยแข็งแกร่งก็เริ่มอ่อนกำลังลงอย่างเห็นได้ชัด
เฟิงเยี่ยซึ่งกำลังต่อสู้กับเหล่าอสูรรับใช้อยู่นั้น มองเห็นการต่อสู้ระหว่างหลิงซีและเหล่าแม่ทัพอสูรจากระยะไกล เขารู้สึกทึ่งในพลังอำนาจอันมหาศาลของนางมากยิ่งึ้ไปอีก
"นี่สินะ พลังี่แท้จริงของเทพบรรพกาล" แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกเป็นห่วงนางึ้มาอย่างจับใจ แม้จะรู้ว่านางแข็งแกร่งเพียงใด แต่ศัตรูในครั้งนี้ก็ดูเหมือนจะไม่ธรรมดาเลย
"ท่านอาจารย์!" เขาตะโกนเรียก พยายามจะเข้าไปช่วยเหลือนาง แต่เหล่าอสูรรับใช้ก็ยังคงรุมล้อมเขาไว้อย่างหนาแน่น ไม่ยอมให้เขาผ่านไปได้โดยง่าย
ในจังหวะนั้นเอง แม่ทัพอสูรตนหนึ่งี่ดูเหมือนจะบาดเจ็บน้อยี่สุด ก็ฉวยโอกาสี่หลิงซีกำลังรับมือกับแม่ทัพอีกสองตนอยู่ พุ่งเข้าโจมตีนางจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว กรงเล็บเงาสีดำอันแหลมคมพุ่งตรงไปยังจุดตายของหลิงซี
"ระวัง!" เฟิงเยี่ยร้องลั่นด้วยความตกใจ เขาพยายามจะเข้าไปช่วย แต่ก็อยู่ไกลเกินไป
แต่แล้ว สิ่งี่ไม่คาดฝันก็เกิดึ้
ก่อนี่กรงเล็บเงาของแม่ทัพอสูรจะไปถึงตัวหลิงซี ร่างของหลิงเยว่ เทพบุปผา ก็ปรากฏกายึ้เบื้องหน้านางอย่างกะทันหัน นางกางแขนทั้งสองข้างออก หมายจะใช้ร่างของตนเองรับการโจมตีนั้นแทนผู้เป็นอาจารย์
"หลิงเยว่! อย่า!" หลิงซีร้องออกมาด้วยความตกใจ แต่มันก็สายเกินไปเสียแล้ว
ฉึก!
กรงเล็บเงาสีดำทะลุผ่านร่างของหลิงเยว่อย่างไร้ความปรานี เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นออกมาจากบาดแผล ร่างของเทพบุปผาอ่อนยวบลงในอ้อมแขนของหลิงซี ดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความเจ็บปวด แต่บนใบหน้านั้นกลับมีรอยยิ้มบางเบาประดับอยู่
"ข้า...ข้าดีใจี่ได้ปกป้องท่าน ท่านอาจารย์" นางกล่าวด้วยน้ำเสียงี่แผ่วเบาราวกระซิบ ก่อนี่เปลือกตาจะค่อยๆ ปิดลง
"หลิงเยว่!!!" หลิงซีร้องออกมาสุดเสียง แววตาี่เคยเยือกเย็นของนาง บัดนี้เต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความโกรธแค้นอย่างี่ไม่เคยปรากฏมาก่อน พลังงานศักดิ์สิทธิ์อันมหาศาลระเบิดออกจากร่างของนางเป็นคลื่นพลังงานสีฟ้าใสี่สว่างไสวจนแสบตา มันกวาดล้างทุกสิ่งทุกอย่างี่อยู่ในรัศมีให้หายวับไปในพริบตา
เหล่าแม่ทัพอสูรทั้งสามถูกพลังงานนั้นซัดกระเด็นไปคนละทิศละทาง ร่างกายของพวกมันปริแตกและลุกไหม้ด้วยเปลวไฟสีฟ้า พวกมันกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและหวาดกลัว ก่อนจะสลายกลายเป็นธุลีดินไปในี่สุด
เฟิงเยี่ยซึ่งอยู่ห่างออกไปพอสมควร ก็ยังคงรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนจากพลังงานอันรุนแรงนั้น เขามองดูภาพี่เกิดึ้ด้วยความตกตะลึง
"นี่คือพลังี่แท้จริงของนางงั้นหรือ น่ากลัว...น่ากลัวเกินไปแล้ว"
หลังจากี่พลังงานสงบลง หุบเขาจันทราเร้นก็กลับสู่ความเงียบสงัดอีกครั้ง แต่เป็นความเงียบสงัดี่น่าสะพรึงกลัวและเต็มไปด้วยความสูญเสีย เหล่าอสูรรับใช้ี่บุกรุกเข้ามาถูกทำลายจนหมดสิ้น แต่ความเสียหายี่เกิดึ้กับหุบเขาและชีวิตของหลิงเยว่ ก็ไม่อาจประเมินค่าได้
หลิงซีทรุดกายนั่งลงกับพื้น นางกอดร่างี่ไร้วิญญาณของหลิงเยว่ไว้แนบอก น้ำตาี่ไม่เคยมีใครได้เห็นมาก่อน ไหลอาบแก้มอันซีดเผือดของนางเป็นทางยาว "ทำไม...ทำไมเจ้าถึงโง่เขลาเช่นนี้...หลิงเยว่" นางกระซิบกับร่างนั้นด้วยน้ำเสียงี่สั่นเครือ "ข้าไม่เคยต้องการให้เจ้ามาสละชีวิตเพื่อข้าเลย..."
เฟิงเยี่ยเดินเข้ามาหานางอย่างช้าๆ เขารู้สึกสับสนและทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะปลอบโยนนางอย่างไรดี นี่เป็นครั้งแรกี่เขาได้เห็นด้านี่อ่อนแอและเปราะบางของเทพผู้เข้มแข็งและเย็นชาคนนี้
"ท่านอาจารย์..." เขาเอ่ยึ้เบาๆ "ข้า..."
หลิงซีเงยหน้าึ้มองเขา ดวงตาสีฟ้าใสนั้นแดงก่ำและเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
"พวกมันจะต้องชดใช้" นางกล่าวด้วยน้ำเสียงี่เยียบเย็นและเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
"พวกมันจะต้องชดใช้ ในสิ่งี่พวกมันได้ทำลงไป!"
บรรยากาศในหุบเขาจันทราเร้น บัดนี้ไม่ได้มีเพียงความสงบสุขและความศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไปแล้ว แต่มันได้ถูกเติมเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ความแค้น และสัญญาณแห่งสงครามครั้งใหม่ี่กำลังจะเริ่มต้นึ้อย่างแท้จริง
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??