เรื่อง ยอดยุทธนักปราชญ์
ตอนที่ 8: บททดสอบที่ซ่อนเร้น(รีไรท์)
แสงตะวันยามเช้าสาดส่องลงมายังลานกว้างของคฤหาสน์ตระกูลหลง แสงนั้นมิได้เจิดจ้า หากแต่เป็นประกายอ่อนโยนที่ค่อยๆ ขับไล่ความมืดมิดยามราตรีให้จางหายไป เผยให้เห็นความงดงามของธรรมชาติยามอรุณรุ่ง หลงเทียนกำลังง่วนอยู่กับการจัดเรียงกระถางต้นไม้ประดับขนาดใหญ่ที่เพิ่งถูกขนย้ายมาใหม่ กระถางแต่ละใบล้วนมีน้ำหนักมาก ทำจากศิลาเนื้อดี แกะสลักลวดลายวิจิตรบรรจง แม้กระถางแต่ละใบจะหนักอึ้งและต้องใช้แรงกายไม่น้อย แต่หลงเทียนก็สามารถยกและจัดวางได้อย่างคล่องแคล่วและแม่นยำ ท่วงท่าของเขาดูเป็นธรรมชาติ แต่กลับแฝงไว้ด้วยความเบาแรงผิดปกติไปจากบ่าวไพร่สามัญ ทุารเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างราบรื่นและไร้ซึ่งการติดขัด ราวกับว่ากระถางเหล่านั้นมิได้มีน้ำหนักเลยแม้แต่น้อย
จากมุมหนึ่งของลานกว้าง หลงเหวินยืนกอดอกมองภาพนั้นด้วยแววตาครุ่นคิด แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยและไม่พอใจ ข้างกายเขามีจางซานยืนอยู่ด้วยท่าทีนอบน้อม แต่สายตาของทั้งคู่จับจ้องไปยังหลงเทียนไม่วางตา "จางซาน เจ้าสังเกตเห็นหรือไม่" หลงเหวินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย แต่แฝงด้วยความหงุดหงิดระคนไม่พอใจ "ไอ้เศษสวะนั่น... มันรอดพ้นจากอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ได้อย่างหวุดหวิดมาหลายครั้งแล้ว" เสียงของหลงเหวินดังชัดเจนในโสตประสาทของหลงเทียน แม้จะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่เขากลับรับรู้ได้ถึงกระแสอารมณ์ที่แฝงอยู่ในนั้นอย่างละเอียด
จางซานพยักหน้าหงึกหงัก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอึดอัดใจ "ขอรับคุณชายหลงเหวิน ข้าก็รู้สึกเช่นนั้นขอรับ มันดูเหมือนจะมี 'โชค' ดีเกินไปหน่อย ไม่ว่าจะเป็นก้อนศิลาพุ่งไปขัดขา หรือถังน้ำเกือบจะล้มใส่... มันกลับหลบเลี่ยงได้ทุกครา ราวกับมีตาหลัง" เสียงของจางซานเต็มไปด้วยความหวาดระแวงอย่างเห็นได้ชัด เขาเริ่มรู้สึกว่าหลงเทียนไม่ใช่บ่าวไพร่ธรรมดาอีกต่อไป
"โชคหรือ?" หลงเหวินแค่นเสียงหัวเราะในลำคอ เสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยความเย้ยหยันและไม่เชื่อ "โชคอันใดเล่าจะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนี้" ดวงตาของเขาหรี่ลงอย่างอันตราย ประกายแห่งความอำมหิตฉายชัดในแววตา "ข้าไม่เชื่อเรื่องโชคลมๆ แล้งๆ เช่นนั้น ไอ้หลงเทียนมันต้องมีบางอย่างซ่อนอยู่เป็นแน่" เขากำหมัดแน่นด้วยความไม่พอใจที่มิอาจหาเหตุผลมาอธิบายความผิดปกติของหลงเทียนได้ ความหงุดหงิดนั้นเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดระแวงอย่างแท้จริง
"แล้วเราจะทำเช่นไรดีขอรับคุณชาย" จางซานเอ่ยถามด้วยความกระตือรือร้น น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความต้องการที่จะเอาใจหลงเหวิน "จะให้ข้าสั่งสอนมันอีกครั้งหรือไม่"
หลงเหวินโบกมือปฏิเสธ "ไม่... การใช้กำลังตรงๆ อาจมิได้ผลอีกต่อไป ดูเหมือนมันจะเรียนรู้ที่จะหลบหลีกได้ดีขึ้น" เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่รอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์จะผุดขึ้นบนใบหน้า รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายและความอำมหิต "เราต้องทดสอบมัน... ด้วยวิธีการที่ซับซ้อนและแนบเนียนกว่าเดิม สร้างสถานการณ์ที่ดูเหมือนอุบัติเหตุร้ายแรง แต่แท้จริงแล้วคือกับดักที่จะบีบให้มันต้องเผยความลับออกมา"
"กับดักหรือขอรับ?" จางซานเลิกคิ้วด้วยความสนใจ ดวงตาของเขาเปล่งประกายแห่งความกระหายที่จะเห็นหลงเทียนต้องทนทุกข์
"ใช่... กับดักที่มองไม่เห็น" หลงเหวินกล่าวเสียงเบาลง แววตาเต็มไปด้วยความอำมหิต "เราจะทำให้มันต้องแสดงปฏิกิริยาผิดปกติออกมาให้ผู้อื่นได้เห็นอย่างชัดเจน และเมื่อถึงเวลานั้น... ความลับของมันก็จะมิอาจซ่อนเร้นได้อีกต่อไป" เขาหันไปมองหลงเทียนกำลังจัดเรียงกระถางต้นไม้เสร็จพอดี ด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย "คอยดูเถิดไอ้หลงเทียน... เจ้าจะต้องเผยธาตุแท้ของเจ้าออกมาในไม่ช้า" เสียงของหลงเหวินเต็มไปด้วยความมั่นใจในแผนการของตนเอง
ยามบ่ายคล้อย แสงตะวันเริ่มอ่อนแรงลง ทิ้งไว้เพียงแสงสีส้มอ่อนๆ อาบไล้ผืนดิน หลงเทียนกำลังง่วนอยู่กับการจัดเรียงกองฟืนขนาดใหญ่ที่เพิ่งถูกขนมาใหม่ในโรงเก็บฟืนเก่าแก่ของจวน โรงเก็บฟืนแห่งนี้มืดสลัวและเต็มไปด้วยกลิ่นอับชื้นของไม้เก่า ฟืนแต่ละท่อนหนาหนักและหยาบกร้าน มีรอยแตกและคมไม้แหลมคม หลงเทียนจัดวางอย่างประณีต บรรจงซ้อนทับกันขึ้นไปเป็นกองสูงเสียดเพดาน แม้จะเป็นงานที่ต้องใช้พละกำลังและความละเอียดอ่อน แต่เขาก็ทำได้อย่างคล่องแคล่วและมั่นคง ท่วงท่าของเขาดูเป็นธรรมชาติ แต่กลับแฝงไว้ด้วยความเบาแรงผิดปกติไปจากบ่าวไพร่สามัญชนทั่วไป ทุารเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างราบรื่นและไร้ซึ่งการติดขัด ราวกับว่าฟืนเหล่านั้นมิได้มีน้ำหนักเลยแม้แต่น้อย
จากด้านหลัง เสียงฝีเท้าอันแผ่วเบาแต่จงใจก็ดังขึ้น เสียงนั้นมิได้ดังมากนัก หากแต่เต็มไปด้วยเจตนาอันไม่หวังดีที่สัมผัสได้ด้วยจิตวิญญาณของหลงเทียน เขาไม่ได้หันไปมอง แต่ประสาทสัมผัสเฉียบคมของเขากลับรับรู้ถึงคลื่นเจตนาอันไม่หวังดีที่แผ่ออกมาจากร่างที่กำลังก้าวเข้ามาใกล้ เขาจำได้ดีว่านั่นคือจางซานและบริวารของหลงเหวิน พวกมันกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ราวกับเงาที่กำลังคืบคลานเข้ามาในความมืดมิด
จางซานเดินเข้ามาใกล้กองฟืนที่หลงเทียนกำลังจัดเรียงอยู่ พลางแกล้งทำเป็นสะดุด แล้วใช้เท้าเตะท่อนฟืนขนาดใหญ่ที่อยู่บริเวณฐานของกองอย่างแนบเนียน ท่อนฟืนนั้นขยับเพียงเล็กน้อย แต่ก็มากพอที่จะทำให้กองฟืนขนาดมหึมาที่สูงเสียดเพดานพลันสั่นคลอนอย่างรุนแรง! เสียงฟืนไม้เสียดสีกันดังครืนครั่น ก่อนที่ท่อนฟืนนับร้อยนับพันจะเริ่มถล่มลงมาอย่างรวดเร็วราวกับ-่าฝน เสียงนั้นดังก้องไปทั่วโรงเก็บฟืน ทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ หลงเทียนอยู่ตรงกลางของหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น หากเขาถูกทับ ร่างกายคงแหลกเหลวเป็นแน่แท้ ความตายกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้เขาอย่างช้าๆ
ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง! ร่างกายของหลงเทียนก็พลันเคลื่อนไหวตอบสนองอย่างรวดเร็วเกินสามัญชน ดวงตาของเขามิได้มองเห็นเพียงแค่ท่อนฟืนที่กำลังถล่มลงมา หากแต่ราวกับมองเห็น "เส้นทาง" ที่ปลอดภัยเพียงหนึ่งเดียวในห้วงแห่งความโกลาหลนั้น เขา ล้มตัวลงกลิ้งไปด้านข้างอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าฟาด โดยไม่ส่งเสียงใดๆ ร่างกายของเขาบิดพลิ้วหลบหลีกท่อนฟืนที่หล่นลงมาอย่างเฉียดฉิว เพียงปลายเสื้อผ้าเท่านั้นที่ถูกเฉือนไปเล็กน้อย การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและแม่นยำนั้นเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับว่าร่างกายของเขามีสัญชาตญาณในการป้องกันตัวเอง
เสียงฟืนถล่มลงมากระแทกพื้นดังสนั่นหวั่นไหว ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วโรงเก็บฟืน เมื่อเสียงสงบลง หลงเทียนก็ลุกขึ้นยืนช้าๆ ปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าอย่างใจเย็น ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาแกล้งทำเป็นถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก พลางมองไปยังกองฟืนที่กระจัดกระจายด้วยแววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจระคนหวาดกลัว "โชคดีจริงๆ ที่ข้ารอดมาได้" เขาพึมพำเบาๆ พอให้จางซานได้ยิน เสียงของเขาเต็มไปด้วยความโล่งใจที่แสร้งทำขึ้น
จางซานและบริวารที่เฝ้าดูอยู่ต่างพากันเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง พวกเขาเห็นชัดเจนว่าหลงเทียนอยู่ตรงกลางของกองฟืนที่ถล่มลงมา แต่เขากลับหลบออกมาได้อย่างเหลือเชื่อราวกับปาฏิหาริย์ "มัน... มันรอดไปได้อย่างไร!" จางซานพึมพำด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ใบหน้าของเขาซีดเผือดด้วยความหงุดหงิดระคนหวาดกลัว ความว่องไวที่หลงเทียนแสดงออกมานั้น เกินกว่าบ่าวไพร่สามัญจะพึงมีได้ ทำให้ความสงสัยในตัวหลงเทียนทวีความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นความหวาดระแวงอย่างแท้จริง พวกเขาเริ่มรู้สึกว่าหลงเทียนไม่ใช่บ่าวไพร่ธรรมดาอีกต่อไป หากแต่เป็นบางสิ่งบางอย่างที่อันตรายและคาดเดาไม่ได้
ในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์หลง หลงเหวินนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้แกะสลักด้วยท่าทีเต็มไปด้วยความกระสับกระส่าย คิ้วของเขาขมวดมุ่นเข้าหากันแน่น ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรง ดวงตาฉายแววกรุ่นโกรธและไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด จางซานยืนอยู่เบื้องหน้าด้วยท่าทีประหม่า เหงื่อกาฬผุดพรายบนหน้าผาก "มันเป็นไปได้อย่างไรกันจางซาน! เจ้าเห็นกับตาใช่หรือไม่ กองฟืนขนาดนั้น... มันรอดมาได้อย่างไร!" หลงเหวินตวาดเสียงกร้าว มือทุบลงบนพนักพิงเก้าอี้อย่างแรงจนเกิดเสียงดังสนั่น เสียงนั้นดังก้องไปทั่วห้องโถง
"ข้า... ข้าเห็นขอรับคุณชาย" จางซานตอบเสียงสั่นเครือ ใบหน้าของเขาซีดเผือดด้วยความหวาดหวั่น "มัน... มันล้มตัวลงกลิ้งไปด้านข้างอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด ราวกับว่ามันรู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น"
"รู้ล่วงหน้าหรือ?" หลงเหวินแค่นเสียงหัวเราะเย้ยหยัน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อและดูถูก "เจ้าจะบอกว่าไอ้เศษสวะนั่นมันมีพลังวิเศษงั้นหรือ! อย่ามาพูดจาไร้สาระ! เจ้ามันก็แค่ทำงานไม่สำเร็จเท่านั้นเอง!" เสียงของหลงเหวินเต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่มิอาจระบายออกมาได้
"แต่คุณชายขอรับ... มันไม่ใช่แค่ครั้งนี้" จางซานพยายามแก้ตัว น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความอึดอัดใจ "ครั้งก่อนก้อนศิลาพุ่งไปขัดขา มันก็หลบได้ราวกับมีตาหลัง ข้าว่า... ข้าว่ามันต้องมีบางอย่างผิดปกติจริงๆ ขอรับ" ความสงสัยของจางซานเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดระแวงอย่างแท้จริง เขาเริ่มรู้สึกว่าหลงเทียนไม่ใช่บ่าวไพร่ธรรมดาอีกต่อไป หากแต่เป็นภัยคุกคามที่ซ่อนเร้น
หลงเหวินจ้องมองจางซานด้วยแววตาอันตราย เส้นเลือดที่ขมับของเขาเต้นตุบๆ ด้วยความหงุดหงิด "เจ้ากำลังจะบอกว่าเจ้าทำงานไร้ประสิทธิภาพงั้นสิ? หรือเจ้ากำลังจะบอกว่าข้าตาฟาดไปเอง?" เขาหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่แววตาของเขาจะฉายประกายแห่งความหวาดระแวงระคนสับสน "ไม่... มันต้องมีบางอย่าง... บางสิ่งที่ข้ายังไม่รู้" ความหงุดหงิดของหลงเหวินทวีความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นความหวาดกลัวที่ซ่อนเร้น เขารู้สึกว่าหลงเทียนเป็นดั่งเงาที่กำลังคืบคลานเข้ามาในชีวิตของเขาอย่างช้าๆ เงาที่พร้อมจะกลืนกินเขาได้ทุกเมื่อ
ในขณะเดียวกัน หลงเทียนกลับมายังห้องพักอันคับแคบของตนในยามราตรี ร่างกายของเขารู้สึกสดชื่นอย่างน่าประหลาดใจ แม้จะเพิ่งรอดพ้นจากเหตุการณ์อันตรายมาได้อย่างหวุดหวิด เขานั่งลงบนที่นอนเก่าๆ ดวงตาหลับพริ้มลงช้าๆ ห้วงสำนึกของเขาทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงเก็บฟืน ภาพของกองฟืนที่ถล่มลงมา และปฏิกิริยาตอบสนองอันรวดเร็วของตนเองยังคงฉายชัดในมโนสำนึก
"การควบคุมพลังของข้าพัฒนาขึ้นมาก" หลงเทียนพึมพำกับตนเอง เสียงของเขาแผ่วเบา แต่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ "ข้าสามารถรับรู้ถึงเจตนาของพวกมันได้ชัดเจนขึ้น และเคลื่อนไหวได้อย่างแนบเนียนยิ่งกว่าเดิม" เขารู้สึกภาคภูมิใจในความสามารถที่พัฒนาขึ้นของตนเอง แต่ก็ตระหนักถึงอันตรายที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน "หลงเหวินและจางซานจะไม่ยอมแพ้ พวกมันจะพยายามหาทางเปิดเผยความลับของข้าด้วยวิธีการที่ซับซ้อนและอันตรายยิ่งขึ้น" ความคิดนี้ทำให้เขารู้สึกถึงภาระอันหนักอึ้งที่ต้องแบกรับไว้บนบ่า
หลงเทียนลุกขึ้นนั่งในท่าบ่มเพาะอีกครั้ง แสงเรืองรองอ่อนๆ จากหินพลังปราณที่ท่านอาหลงเฉินมอบให้ ส่องสว่างเพียงพอจะขับไล่ความมืดมิดรอบกาย เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ปราณมังกรบรรจบฟ้าไหลเวียนในกายอย่างสงบนิ่ง แต่จิตใจกลับตื่นตัวและเตรียมพร้อมสำหรับความท้าทายที่ใหญ่กว่ากำลังจะมาถึง "ข้าจะต้องฝึกฝนให้แข็งแกร่งและแนบเนียนยิ่งกว่าเดิม" เขาให้คำมั่นกับตนเอง "เพื่อวันหนึ่ง... ข้าจะมิใช่เพียงผู้รอดชีวิต แต่เป็นผู้สามารถกำหนดชะตาชีวิตของตนเองได้" เสียงของหลงเทียนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว เขาหลับตาลงพร้อมกับรอยยิ้มบางเบาที่มุมปาก รอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความสงบและมั่นคงภายใน ประหนึ่งว่าความมืดมิดรอบกายมิอาจบดบังแสงสว่างแห่งความหวังในห้วงใจของเขาได้อีกต่อไป แสงแห่งความหวังนั้นส่องประกายเจิดจ้าในจิตวิญญาณของเขา พร้อมนำพาเขาไปสู่เส้นทางแห่งเซียนที่แท้จริง เส้นทางที่เขาจะสร้างขึ้นด้วยมือของตนเอง ไม่ใช่เส้นทางที่ผู้อื่นกำหนดให้
จบตอนที่ 8
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??