เรื่อง Short Erotic
บ่ายัุ์ ณ าเฟ่ใต้ึวิศวะเีกว่าุัเพราะาคนเิ่ทยอยัหอ บางคนก็ับ้าน แต่โต๊ะมุมขวาสุดยังมีห้าคนหน้าเดิมนั่งประจำ
ธินนั่งอ่านหนังสือเรียน วิศวะไฟฟ้าเล่มหนาๆ วางอยู่ตรงหน้า แบล็คนั่งข้าง ๆ กดโทรศัพท์เี ๆ สีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม โยนั่งฝั่งตรงข้าม หลับตาพิงพนักเก้าอี้ หูฟังหนึ่งข้างเสียบอยู่ ริทเปิดโน้ตบุ๊กแต่ไม่รู้เปิดอะไร เพราะเจ้าตัวนั่งมองจอเฉยๆ โฟลท…คนเดียวที่ยังคงมีพลังงานเกินมนุษย์ในกลุ่ม
“สาวน้อยนานานี่” โฟลทพูดพลางหันไปมองทั้งตัวแต่ัไม่มีใครสนใจสักนิดยกเว้นธินที่เงยหน้าจากหนังสือขึ้นมามอง เสี้ยววินาทีที่ดวงตาของเขาและนานาสบกัน ธินก็ยิ้มบางๆ ให้ก่อนเธอจะก้มหน้าเดินหนีไป
“สาวน้อยยิ้มให้ใครวะ หรือว่ากู-โอ๊ย! ตบกูทำเชี่ยไรเนี่ยไอ้แบล็ค” โฟลทยังไม่ทันจะพูดจบก็โดนแบล็คใช้หลังมือฟาดเข้าที่หัวทำเอาคนโดนต้องถึงกับลูบหัว
“รำคาญ” แบล็คเอ่ยเรียบๆ ตาไม่ละจากหน้าจอโทรศัพท์ ส่วนโยก็นั่งกอดอกหลับตาฟังเพลงสบายใจ ริทเหลือบตามองเพื่อนก่อนจะัไปฟุบหน้ากับโต๊ะต่ออย่างไม่สนใจ
ธินได้แต่ส่ายหัวให้กับความวุ่นวายของเพื่อนเบาๆ นี่ขนาดยังอยู่ในมหาวิทยาลัยยังวุ่นวายขนาดนี้นะ ถ้าอยู่ข้างนอกจะวุ่นวายจะขนาดไหน
“หิว” ริทเงยหน้าขึ้นมาอีกรอบก่อนโฟลทจะสวนตอบขึ้นมา “มึงพึ่งแดกโรตีกับบิงซูไปนะ จะแดกอีกหรอ”
“ไม่ใช่ข้าว”
“แดกเยอะจริงๆ เลยมึงนี่”
ริทมองเพื่อนด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่ได้รู้สึกรู้สากับคำบ่นของโฟลทแม้แต่น้อย เขาควานหาของในกระเป๋าอยู่พักหนึ่งก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา “กุ้งอบวุ้นเส้นพิเศษ”
“อะไรของมึงวะ กูหน้าเหมือนฟู้ดแพนด้าเหรอ”
“หิว” ริทเิ่หน้างอคิ้วขมวด โฟลททำท่าจะลุกขึ้นประท้วงแต่โดนโยพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ข้าวผัดหมูร้านป้าแดง เพิ่มไข่ดาวด้วย”
“เฮ้ย! กูยังไม่ตกลงเลยนะเว้ย!” โฟลทโวยวายแต่ไม่มีใครสนใจ เขามองหน้าเพื่อนแต่ละคนที่ยังคงนั่งนิ่งเหมือนไม่ได้ยินเสียงของเขา
“ซื้อของกูด้วยนะ โฟลท” ธินเอ่ยขึ้นพลางเปิดกระเป๋า หยิบแบงก์ร้อยส่งให้
โฟลทได้แต่อ้าปากค้างจะเถียงต่อก็ไม่ได้เพราะแต่ละคนมันดันยัดตังใส่มาในมือเขาเรียบร้อยแล้ว “โอ้โห สั่งกันงี้เลยเหรอ นี่กูต้องไปซื้อให้พวกมึงจริงๆ ใช่มั้ย”
“ราดหน้าทะเลพิเศษ” แบล็คยัดแบงค์ 100 ใส่มือเขาอีกใบ “มึงก็ด้วยหรอพ่อ กูจะโกรธจริงๆ แล้วนะ”
“รีบไป กูหิว” แบล็คตอบสั้นๆ พร้อมกับไปเล่นโทรศัพท์ต่แไม่สนใจเพื่อนที่เอาแต่บ่นไม่หยุด
“เดินดีๆ อย่าทำข้าวพวกกูหกล่ะ เดี๋ยวจะอดแดกกันหมด”
“ไอ้เพื่อนเวร!” โฟลทโวยอีกครั้งแต่ก็ยอมลุกขึ้นยืนอย่างปลงตก “กูจะฆ่าพวกมึง”
แล้วร่างสูงก็เดินออกจากาเฟ่ไปปล่อยให้สี่หนุ่มที่เหลือนั่งอยู่ในความเีอีกครั้ง ขณะที่กำลังนั่งรอข้าวที่ฝากโฟลทซื้อธินก็แอบเหลือบมองเพื่อนสองคนที่ไม่ยอมคุยกันตั้งแต่วันที่ติดลิฟต์จนถึงวันนี้อย่างโยและแบล็ค ไม่รู้ว่าสองคนนี้ไปโกรธอะไรกันมาทำไมถึงไม่ยอมคุยกันสักที พอยิ่งเป็นแบบนี้เขาก็ยิ่งรู้สึกคาใจแปลกๆ จนตัดสินใจเอ่ยถาม
“นี่พวกมึงกะจะไม่คุยกันเลยรึไง ทำตัวอย่างกับอยู่คนละเซิร์ฟเลยนะ” ไม่มีเสียงตอบรับจากเพื่อนทั้งสองมีแค่สายตาที่เหลือบมองมาก่อนจะหันัไปทำกิจกรรมของตัวเองต่อ
ธินได้แต่ส่ายหัวเนือยๆ ก็พอจะเดาได้แหละว่ามาจากเรื่องอะไร ก็คงไม่พ้นเรื่องของผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อนานา ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกเธอจะเป็นรุ่นน้องสาขาเดียวกันด้วยนะ
ไม่รู้ว่าไอ้เพื่อนสองคนนี้ไปมีความสัมพันธ์กับน้องเขายังไงแต่คงไม่พ้นเรื่องเซ็กส์แน่ๆ
ธินถอนหายใจยาวก่อนจะก้มหน้าัไปอ่านหนังสือต่อ พยายามไม่ใส่ใจเรื่องของเพื่อนมากเกินไป
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงโฟลทก็ัมาพร้อมกับถุงอาหารเต็มสองมือ สีหน้าเหนื่อยหน่ายแบบไม่ต้องบรรยายแถมเสื้อยังกระเด็นคราบน้ำแกงอะไรสักอย่างมาด้วย
“เชี่ย กูเหมือนรบมาเลยอะ ขนาดพยายามเดินเลี่ยงแล้วนะยังโดนเบียดอีก” เขาบ่นลั่นก่อนจะวางถุงอาหารลงบนโต๊ะแล้วแจกจ่ายให้ตามที่แต่ละคนสั่งไว้
“ข้าวผัดหมูไข่ดาว…โยนี่ของมึง กุ้งอบวุ้นเส้น ของมึงไอ้ริทำเอาไปแดกซะไอ้สัส ราดหน้าทะเลพิเศษ…พ่อแบล็คครับเชิญรับไป แล้วก็ของมึงไอ้ธิน ข้าวกล่องมีผักด้วย เอ๊ะ? นี่มึงเป็นคนเดียวในกลุ่มที่สั่งมีประโยชน์เนอะ”
ธินรับถุงข้าวพร้อมรอยยิ้มบางๆ “ก็ไม่ได้อยากตายเร็วแบบพวกมึงไง”โฟลทยกมือไหว้แบบประชด “ครับพ่อคนรักสุขภาพ”
หลังจากนั้นบรรยากาศก็เิ่ผ่อนคลายลงทุกคนก็กินข้าวเีๆ บ้างก็จิ้มโทรศัพท์ บ้างก็ดูวิดีโอไปด้วย โยถอดหูฟังออกข้างหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นเสียงเรียบ
“มึงทำเลอะโต๊ะ”
โฟลทที่กำลังจ้วงข้าวอย่างหิวโหยชะงัก “หะ? กูเหรอ?”
โยชี้ไปที่คราบน้ำจิ้มที่หยดบนโต๊ะ “ให้ตายสิ…” โฟลทบ่นอุบแต่ก็ยอมลุกไปหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดอย่างว่าง่าย
นั่งกินข้าวจนตอนนี้แต่ละคนกินจนเกือบจะหมดถ้วย จังหวะนั้นเองเสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้น
ตึ๊ง!
โยกับแบล็คต่างหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแทบจะพร้อมกัน หน้าจอของทั้งคู่โชว์การแจ้งเตือนจาก Instagram ว่า nana_nnn อัปโหลดสตอรี่ใหม่
ทั้งสองคนกดเข้าไปดูโดยไม่รู้ว่ากำลังทำสิ่งเดียวกัน โฟลทที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งคู่เหลือบไปเห็นพอดีเป๊ะ
“เห้ยๆๆๆ…” โฟลทยืดเสียงขึ้นอย่างจับสังเกต “มึงดูอะไรน่ะไอ้แบล็ค… สตอรี่ของสาวน้อยนี่หว่า” เขาหัวเราะหึหึแล้วเบนตัวมามองหน้าเพื่อน
“สนใจเขาหรอวะ? ตอนเจอครั้งแรกยังทำเป็นไม่สนใจอยู่เลยนี่ แถมยังชอบแกล้งน้องอีกต่างหาก—”
“เสือก” แบล็คสวนทันทีก่อนจะวางโทรศัพท์ลงกับโต๊ะ แต่ประผดคนั้นก็ไม่ทำให้โฟลทสะเทือนหรอก เพราะเขาหน้าหนาจะตายไป
จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากทางขวา หันไปเจอโยที่ยกมุมปากขึ้นนิดๆ เหมือนพยายามกลั้นขำ
“เฮ้ย มึงหัวเราะอะไรวะโย?” โฟลทหรี่ตาอย่างจับผิด “เอ๊ะ?”
สายตาเลื่อนไปเห็นหน้าจอโทรศัพท์ของโยที่ยังคาอยู่ตรงหน้า IG Story เดียวกัน “นี่ติดตามไอจีสาวน้อยเหมือนกัน?”
โยไม่ตอบ ทำเพียงแค่กดปิดหน้าจอแล้วัไปกินข้าวเฉยๆ
“เดี๋ยวๆๆๆ เดี๋ยวนะ กูเิ่เอ๊ะแล้วนะ โย…มึงรู้จักกับน้องนานาด้วยเหรอ?” โฟลทเลิกคิ้ว “อย่างแบล็คน่ะเข้าใจได้อยู่ เพราะเคย—”
คำพูดของโฟลทชะงักกลางคันเพราะแบล็คหันขวับมามองตาขวางทำให้โฟลทต้องรีบกลืนคำพูดลงคอ “หรือว่า มึงรู้จักกับน้องเขาเป็นการส่วนตัววะ?”
ไม่มีคำตอบจากโยแต่สีหน้าก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรอย่างชัดเจน “ยังไงๆ ตอบมาดิ”
ความเีเิ่คลี่คลุมโต๊ะอีกครั้งราวกับทุกคนกำลังรอคำตอบจากเพื่อนจอมเจ้าเล่ห์อยู่
“ก็แค่…” สายตาเจ้าเล่ห์เหลือบมองแบล็คครู่หนึ่งแล้วเป็นจังหวะเดียวกันที่แบล็คเงยมามาสบตาเขาพอดี โยยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “เป็นลุงรหัสของนานาเฉยๆ”
คำตอบของโยทำเอาทุกคนที่กำลังรอลุ้นถึงกับต้องผิดหวังกับคำตอบ “กูก็นึกว่ามีอะไรมากกว่านี้ซะอีก”
“มึงจะเอา-่าอะไร มึงก็น่าจะรู้ไม่ใช่ไง วันนั้นที่ปาร์ตี้เลี้ยงสายรหัสมึงก็ไป เจอน้องก็เจอไม่รู้รึไง”
“มันมีใครบอกกูซะที่ไหนล่ะว่าสาวน้อยคนนั้นเป็นน้องรหัสมึงอ่ะ” โยได้แต่ส่ายหัวเหนื่อยใจกับเพื่อนตัวเอง
ส่วนแบล็คไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่เงยหน้าจากโทรศัพท์ขึ้นมามองโยด้วยสายตาเรียบนิ่ง เพียงชั่วครู่ ก่อนแบล็คจะัไปสนใจโทรศัพท์ในมือต่อ
หลังเลิกเรียน..
เสียงฝนซัดลงมาอย่างบ้าคลั่งตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ตอนนี้ท้องฟ้าเหนือมหาวิทยาลัยมืดครึ้มราวกับจะเข้าสู่กลางคืน ทั้งๆ ที่ยังไม่ทันจะหกโมงดี เม็ดฝนเม็ดใหญ่สาดกระทบพื้นดัง ซู่ซ่า ไม่เห็นวี่แววว่าจะหยุดง่ายๆ อากาศเย็นลงอย่างรวดเร็ว ความชื้นเกาะพราวไปทั่วบริเวณ
นานายืนเบียดตัวเองให้ชิดกับผนังอาคารเรียนเก่าใกล้ๆ ทางออกหลักของคณะ ตัวเปียกก็ไปครึ่งแขนเพราะละอองฝนที่สาดเข้ามาตามแรงลม กระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่ก็เิ่ชื้นๆ เช่นกัน ชะเง้อมองออกไปที่ถนนอย่างหมดหวัง รถแท็กซี่สักคันก็ดูเหมือนจะไม่มี รถเมล์ที่ปกติจะต้องผ่านมาตอนนี้ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา พอมองออกไปก็เห็นแต่ม่านน้ำหนาทึบจนแทบมองไม่เห็นฝั่งตรงข้าม
"แย่แล้วสิ..." พึมพำกับตัวเอง พลางก้มมองโทรศัพท์ในมือที่โชว์แอปพยากรณ์อากาศมีข้อความบอกว่าฝนจะยังคงตกหนักไปอีกาชั่วโมงแล้วทีนี้จะัยังไงก่อน
ได้แต่ถอนหายใจ ยืนกอดอกแน่นเพื่อคลายความหนาวเย็นที่เิ่ทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ มองดูรถยนต์าคันที่ขับผ่านไปอย่างช้าๆ อย่างระมัดระวัง แต่ก็มีบางคันที่ขับเร็วและเหยียบน้ำริมถนนจนกระเด็นเป็นฝอยสูงใส่บริเวณจนต้องต้องรีบถอยหนี โชคดีที่ยังมีหลังคากันไว้ได้บ้างไม่งั้นได้เละกว่านี้แน่
จังหวะนั้นเอง ก็มีรถยนต์คันหนึ่งขับชะลอความเร็วลงก่อนจะมาจอดตรงหน้า มันเป็นรถเก๋งสีเข้มธรรมดาๆ คันหนึ่ง ก่อนกระจกฝั่งคนขับจะเลื่อนลงช้าๆ เผยให้เห็นใบหน้าคุ้นตาของใครบางคน
“ไงนานา” เสียงทุ้มๆ ดังลอดออกมาจากในรถ แม้จะต้องตะโกนแข่งกับเสียงฝนที่โหมกระหน่ำ
“พี่ธิน!” ก็นึกว่าใครที่แท้ก็พี่ธินเพื่อนในกลุ่มพี่แบล็คนั่นเอง
ธินยิ้มบางๆ ให้เธอผ่านสายฝนที่ยังคงตกอยู่ “ยืนทำอะไรตรงนี้ครับ เปียกหมดแล้วเนี่ย”
“เอ่อ นานากำลังจะัหอน่ะค่ะ แต่ว่าฝนตกหนักมาก รถไม่มีเลยค่ะ”
“ขึ้นมาสิ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
นานาลังเลอยู่ครู่หนึ่งเพราะไม่คิดว่าจะต้องรบกวนรุ่นพี่คนนี้ทั้งๆ ที่รู้จักกันแค่ผิวเผิน บวกกับเขาเป็นเพื่อนแก๊งเดียวกับพวกพี่แบล็คด้วยไม่รู้ว่าไว้ใจได้รึเปล่า แต่พอคิดอีกทีการยืนติดแหง็กอยู่ตรงนี้ในสภาพอากาศแบบนี้ก็ดูจะไม่มีทางออกอื่นแล้วยอมไปด้วยดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่ต้องมายืนทนหนาวหรือมาลุ้นว่าจะได้ัเมื่อไหร่
“ขอบคุณมากๆ เลยค่ะพี่ธิน รบกวนด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ รีบขึ้นมาเถอะ ก่อนจะเปียกไปมากกว่านี้”
รถทันทีที่ขึ้นมาในรถก็รู้สึกอบอุ่นและแห้งสนิทภายในห้องโดยสารตัดกับความเย็นชื้นจากข้างนอกอย่างสิ้นเชิง
“ฮู้~รอดแล้ว” พึมพำเบาๆ พลางสะบัดๆ น้ำออกจากแขนเสื้อและกระเป๋าเป้ก่อนจะปิดประตูลงแน่น
“อยู่หอไหนครับ”
“อยู่หอเริงรมย์ค่ะ”
“โอเคครับ”
ธินหันัมามองถนนพร้อมกับใส่เกียร์แล้วค่อยๆ ขับรถออกไปอย่างช้าๆ ท่ามกลางเสียงฝนที่ยังคงกระหน่ำลงมาไม่หยุด ปล่อยให้ความเีสบายๆ เข้ามาแทนที่ความตึงเครียดจากข้างนอก
“หนาวไหม” ธินถามขึ้นมาเสียงนุ่ม
“นิดหน่อยค่ะ” เอาจริงก็ไม่นิดหรอก หนาวมากเสียด้วยซ้ำแต่ที่ตอบไปแบบนั้นก็เพราะเกรงใจรุ่นพี่เขาต่างหาก
ธินเอื้อมมือไปปรับอุณหภูมิในรถให้สูงขึ้นนิดหน่อยโดยไม่พูดอะไรเพิ่มเติม แต่แค่การกระทำนั้นนานาก็รับรู้ได้ถึงความใจดีของเขา
“พี่ธินนี่ ดูใจดีแล้วก็อบอุ่มมากกว่าเพื่อนพี่คนอื่นๆ อีกนะคะเนี่ย” นานาเปิดบทสนทนาเเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันอึดอัดมากเกินไป
“ฮะๆ งั้นหรอ พี่ดูเป็นคนใจดีกว่าเจ้าพวกนั้นขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย” เขาถามย้ำ เหมือนจะล้อเล่นนิดๆ แต่ก็มีแววสนใจในคำตอบของเธอแฝงอยู่
“ค่ะ อย่างพี่แบล็คก็ดุเกิน พี่โยก็เจ้าเล่ห์ พี่โฟลทก็เอนเนอร์จี้เยอะไป พี่ริทบางทีก็คุยไม่ค่อยรู้เรื่อง มีพี่ธินที่ดูพึ่งพาได้มากที่สุดแล้วค่ะ”
“ไอ้พวกนั้นมันก็เป็นแบบนั้นแหละ ถ้ามันทำอะไรมากไปก็บอกพี่ได้นะเดี๋ยวพี่ตีพวกมันให้” เขาพูดพลางหัวเราะขณะที่สายยังคงจดจ้องถนน
“จริงหรอคะ” นานาหันมาถามตาใสโดยที่เธอไม่รู้ว่าการกระทำของเธอมันทำเขาเอ็นดูขนาดไหน
“จริงสิครับ” นานายิ้มกว้างขึ้นจนตาหยี “งั้นนานาไว้ใจพี่ธินแล้วนะคะ”
คำว่า “ไว้ใจ” ง่ายๆ จากเธอ ทำเอาธินถึงกับหลุดยิ้ม ดูเหมือนรุ่นน้องคนน้องจะใสซื่อมากกว่าที่เขาคิดนะ ไม่แปลกที่เธอจะบ่นว่าเพื่อเขาชอบแกล้ง
“แล้วปกติเราัหอเองเหรอ ฝนตกแบบนี้น่าจะลำบากเนอะ”
“ปกติจะนั่งวินค่ะ หรือบางทีก็เดินเพราะหอมันอยู่ไม่ไกลมาก แต่วันนี้ฝนมาแรงเกินคาดไปหน่อย”
“ช่วงนี้พายุเข้าด้วยอะเนอะ ถ้ามีอะไรที่พี่ช่วยได้ก็บอกนะ ไม่ต้องเกรงใจ เพราะยังไงเราก็รุ่นพี่รุ่นน้องสาขาเดียวกันอยู่แล้ว”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูเกรงใจ” รถยนต์ขับมาเรื่อยๆ จนมาถึงหอเริงรมย์ในที่สุด
“ถึงแล้วครับ” ธินหันมาจะปลุกรุ่นน้องสาวแต่ัพบว่านานาหลับไปเสียแล้ว
เขานั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่งพลางเหลือบมองใบหน้าหวานใสดูอ่อนโยนในยามหลับ สียงฝนยังคงกระหน่ำอย่างต่อเนื่อง สร้างบรรยากาศสงบภายในรถ ธินไม่ได้ปลุกเธอทันทีปล่อยให้เธอได้นอนพักผ่อน
มองหยดน้ำฝนที่ไหลลงตามกระจกหน้าต่างสลับมองเวลาที่ฉายอยู่บนหน้าจอแอนดรอยด์ เวลาผ่านไปสักพักจนนานาเิ่จะขยับตัวก่อนจะตื่น
“สวัสดีตอนบ่ายครับ”
นานาลืมตาตื่นพร้อมกับขยี้ตา “อ๊ะ! ถึงแล้วหรอคะ ขอโทษด้วยนะคะพี่ธิน หนูหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้” เธอรีบปรับท่านั่ง ตัวตรงขึ้นทันทีด้วยความเกรงใจ
“ไม่เป็นไรครับ คงจะเหนื่อยสินะ” ธินยิ้มบางๆ ให้ “ฝนยังตกอยู่เลย จะให้นั่งรอจนกว่าฝนจะหยุดไหม”
นานามองออกไปนอกกระจก เห็นสายฝนที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ แล้วนึกขึ้นได้ว่าลืมหยิบร่มมาด้วย
“เดี๋ยวหนูวิ่งลุยไปก็ได้ค่ะ แค่นี้เอง” จริงๆ ก็ไม่อยากเปียกหรอก แต่ก็ไม่อยากอยู่บนรถนานคงเพราะพี่ธินเป็นอยู่แก๊งเดียวกับพี่แบล็คด้วยเลยไม่ค่อยไว้ใจเขาสักเท่าไหร่ถึงแม้พี่ธินจะดูใจดีกว่าก็เถอะ
“งั้นเอาร่มพี่ไปใช้ก่อน ไว้วันหลังค่อยเอามาคืนก็ได้” พี่ธินหยิบร่มที่อยู่ด้านหลังเบาะมาให้ทำให้นานาต้องรับไว้อย่างช่วยไม่ได้
“ขอบคุณพี่ธินมากๆ เลยนะคะ เดี๋ยวหนูจะรีบเอามาคืนนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ เอาที่เราสะดวกเลย”
“งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ ขอบคุณอีีกครั้งนะคะ” พี่ธินไม่ตอบอะไรเพียงแค่ส่งยิ้มอย่างอบอุ่นให้ก่อนนานาจะลงรถไป
ดวงตาคมจ้องมองรุ่นน้องสาวจนเธอลับสายตาเข้าไปในหอพักก่อนจะนึกคึกหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายลงสตอรี่ตัวเอง
ภารกิจสำเร็จ
ไม่นานเสียงแจ้งเตือนแชทกลุ่มก็ดังขึ้น เดาไม่ยากว่าใครเป็นคนส่งมา
badboys (5)
Flottt : ไหนว่ารีบัเพราะที่บ้านเรียกไง ไหนไปอยู่หอสาวได้
thin : รู้ด้วยหรอว่าหอสาว
Flottt : กูเดา
Flottt : สรุปจริงหรอเนี่ย
thin : ไปล่ะ แม่โทรตามแล้ว
Flottt : เอ้าไอเหี้ย ทีงีทิ้งกูเลยนะไอ้สัส
Flottt : เออไอ้สัส ปล่อยกูไว้กลางทางเลยเพื่อน เอาทีมึงสบายใจเลย
black : รำคาญ
Flottt : พ่อออออ
ได้แต่ส่ายหัวกับความวุ่นวายในแชทนี้ก่อนจะปิดแชทลง มือเอื้อมไปจับพวงมาลัยเท้าเตรียมจะเหยียบคันเร่งเพื่อออกรถ สายตาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนยืนชะเง้ออยู่ที่ระเบียงห้องชั้น 2
พอมองดีๆ เป็นนานานั่นเองที่ยืนด้อมๆ มองมาทางนี้ก่อนจะหลบเข้าไป
ธินส่ายหัวนึกเอ็นดูไม่แปลกใจว่าทำไมเพื่อนเขาถึงหลงจนไม่คุยกัน ก็เพราะน้องมันน่ารักแบบนี้ไงขนาดเขายังเิ่ลังเลใจเลย
สงสัยคราวหน้าคงต้องเิ่ทำความรู้จักให้มากกว่านี้แล้วล่ะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะตามเพื่อนไม่ทันเอา
นั่งนิ่งอยู่ปลายเตียง สายตาเหม่อลอยมองร่มสีเข้มที่วางพิงอยู่ข้างประตู มันคือของธินที่ตอนนี้ก็ยังคิดหาวิธีคืนไม่ได้สักที
ฉันได้แต่ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะยกมือขยี้ผมตัวเองด้วยความหงุดหงิด จะเอาไปคืนยังไงดี? ไม่รู้เลยว่าปีสองเรียนที่ไหน ห้องไหน แล้วก็ไม่มีคอนแทคพี่ธินด้วย
“มองร่มจะทะลุแล้วมั้ง” เสียงผิงดังขึ้นพร้อมเสียงกรอบแกรบของถุงขนมก่อนจะมานั่งลงที่ว่างข้างฉัน
“แล้วสรุปจะไปคืนเขายังไง” ผิงถามอีกครั้ง ฉันเล่าเรื่องที่พี่ธินมาส่งให้ผิงฟัง พอเธอได้ยินก็ถึงกับกรี๊ดออกมาเลย ผิงเล่าว่าพี่ธินเป็นรุ่นพี่อีกคนที่เธอเต๊าะมานานมากแต่ไม่ว่าจะเต๊าะหนักขนาดไหนเขาก็ไม่เล่นด้วยสักทีเลยเลิกไป
“ไม่รู้อ่ะ ประเด็นคือจะหาพี่เขายังไงเนี่ยแหละ”
“ก็ถามลุงรหัสดิ ถามพี่โยไง พี่เขาก็แก๊งเดียวกับพี่ธินถามเขาน่าจะง่ายกว่านะ” ได้ยินชื่อนี้ถึงกับริมฝีปากเม้มแน่นโดยไม่รู้ตัว
ผิงพูดถูกแค่ถามพี่โยก็จบ ยังจำกันได้มั้ยที่ฉันเคยมีเซ็กส์กับพี่โย ที่ไม่กล้าทักไปถามเขาก็เพราะไม่ใจนั่นแหละ ทั้งพี่โยและใจตัวเอง รวมถึงเพื่อนในกลุ่มของเขาด้วย
ถึงแม้มันจะเป็นแค่ one night stand ที่ไร้ความหมาย ไม่มีอะไรต่อจากนั้น แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังไม่ไว้ใจกลัวจะเลยเถิดไปมากกว่านั้นอยู่ดี
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวหาทางเอง”
“แน่ใจนะ ว่าไม่อยากให้ช่วย?” เงยหน้าขึ้นสบตาเพื่อนก่อนจะรีบเสหลบสายตาไปทางอื่นเพราะรู้ดีว่าตัวเองคงเก็บอาการไม่มิด “อือๆ ไม่เป็นไร”
ผิงจ้องมองอยู่ครู่หนึ่งราวกับจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เปลี่ยนใจสุดท้ายเธอแค่พยักหน้า แล้วหันไปง่วนกับมือถือแทน
กระชับแขนกอดเข่าตัวเองแน่นขึ้นร่มคันนั้นก็ยังอยู่ตรงนั้น วางนิ่งๆ เหมือนไม่มีอะไร แต่สำหรับฉันมันเหมือนของต้องสาปที่กำลังเตือนให้จำเรื่องที่ไม่อยากจำ
ไม่อยากยุ่งกับพี่โยอีกแล้ว
ไม่อยากเกี่ยวข้องกับใครในกลุ่มนั้นอีกแล้ว แต่ก็ไม่รู้จะหาทางคืนร่มให้ธินยังไงดี
เม้มริมฝีปากแน่น ฉันไม่อยากยืมมือผิง ไม่อยากให้เพื่อนต้องมาเอี่ยวกับเรื่องวุ่นวายของตัวเอง บางทีอาจจะต้องเสี่ยงไปเดินดักรอหน้าึเรียนปีสองเองก็ได้ แค่คิดก็รู้สึกถึงความหนักอึ้งถาโถมใส่ตัว แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่นก็คงต้องทำแบบนั้นจริงๆ เพราะมันเป็นแค่หนทางเดียวที่จะเอาร่มไปคืนพี่ธิน เอาวะ เป็นไงเป็นกัน!
ช่วง 11 โมงแก่ๆ เกือบเที่ยง ฉันนั่งรอพวกรุ่นพี่ปีสองเลิกคลาสที่ใต้ึวิศวะตามที่เพื่อนในสาขาบอกมา นั่งรอแล้วรอเล่ามองผู้คนเดินผ่านไปมาพวกรุ่นพี่ก็ยังไม่ลงมาสักที
“ไง” เสียงนุ่มนวลที่คุ้นเคยจากด้านหลังให้ฉันต้องสะดุ้งตัวโยนลุกยืนพร้อมกับหันไปมองทันทีก่อนจะพบว่าเป็นพี่โยที่ยืนยิ้มหว่านเสน่ห์อยู่
“พวกมึงจะไปแดกข้าวกันจริงดิ กูง่วงจะตายห่าแล้วเนี่ย” เสียงพี่โฟลทดังขึ้นจากไกลๆ ก่อนจะปรากฏตัวในสายตาพร้อมกับพี่ริทที่เดินตามมาด้วยสีหน้าที่พร้อมจะหลับได้ทุกเมื่อ
“อ๊ะ! สาวน้อยนี่” พี่โฟลททำท่าจะพุ่งเข้ามาหาก่อนจะถูกใครบางคนมายืนขวางพร้อมกับดันหน้าพี่โฟลทเอาไว้ “เกรงใจน้องหน่อย แค่นี้น้องก็กลัวพวกมึงจะแย่ล่ะ”
เป็นพี่ธินที่มาช่วยฉันไว้นี่เอง รู้สึกขอบคุณเขาจริงๆ ไม่งั้นฉันได้โดนพี่โฟลทรัดแน่
“เอ่อ… ฉันเอาร่มมาคืนพี่ธินน่ะค่ะ” พี่ธินหยกันมารับร่มจากมือพร้อมกับยกยิ้มบางๆ ให้
“ขอบคุณครับ แล้วเรารู้ได้ไงว่าพี่เรียนึนี้เนี่ย”
“ถามเพื่อนเอาน่ะค่ะ”
“อ๋อ”
“หืมมม?” พี่โฟลทที่ยืนอยู่ไม่ไกลทำเสียงล้อเลียน ก่อนจะหรี่ตามองสลับไปมาระหว่างฉันกับพี่ธินอย่างจับผิด “เอาร่มมาคืน? งั้นหอที่มึงลงสตอรี่เมื่อวานคือหอสาวน้อยหรอเพื่อน”
หอ? สตอรี่? ได้แต่มองพวกพี่เขาอย่างไม่เข้าใจ
“ก็แค่ไปส่งน่ะ ฝนตกหนักน้องัหอไม่ได้” เขาพูดพลางเก็บร่มไว้ข้างตัวเหมือน
“โห…หล่อจัด ทีพวกกูขอัด้วยนี่ไล่ัแท็กซี่อย่างเดียวเลย” พี่ธินยกร่มตีหัวเพื่อนเบาๆ ไม่ได้ใส่ใจสายตาล้อเลียนของพวกเพื่อนๆ ต่างกับฉันที่แทบอยากจะมุดหน้าลงดินเต็มที
“ไปไหน”
“ั”
“อ่าวพ่อ ัแล้วเรอะ”
“เออ”
“รีบไปไหนของมันวะ”
ประโยคบทสนทนาของพวกพี่เขาทำให้ฉันต้องเงยหน้าหันไปมองก่อนจะไปสบตากับใครบางคนที่ทำเอาฉันอยากจะเดินหนีออกไปจากตรงนี้
“สะ-สวัสดีค่ะ พี่แบล็ค” สายตาดุคมจ้องัราวกับจะเฉือดกันให้ได้ “อืม”
น้ำเสียงกับแววตาเย็นชาที่สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจน เขาทำราวอย่างกับว่าเราไม่รู้จักกัน เขาหันไปคุยอะไรสั้นๆ กับพวกพี่ริทก่อนจะเดินแยกไปโดยไม่แม้แต่หันัมามอง
ฉันได้แต่ยืนมองตามแผ่นหลังของเขาเีๆ ความรู้สึกหนักอึ้งถาโถมเข้ามาอีกครั้ง
“อย่าไปคิดมาก” เสียงทุ้มของพี่ธินดังขึ้นข้างตัว ฉันสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาเขา พี่ธินยิ้มให้บางๆ “ไปเดินตลาดกันไหม พี่รู้จักตลาดใกล้ๆ มีของกินเยอะ”
ฉันลังเลอยากจะปฏิเสธ แต่ก็ไม่รู้จะเอาข้ออ้างอะไรมาใช้ในตอนนี้
“พวกมึงไปด้วยกันปะ” พี่ธินหันไปถามเพื่อนๆ ในแก๊ง
“กูไม่ไปอะ กูต้องไปทำเคลียร์โปรเจกต์กับอาจารย์ก่อน”
“กูไปด-!” พี่โฟลทยังไม่ทันจะพูดจบก็ถูกพี่ริทลากคอเสื้อออกไปจากวงสนทนาโดยที่มีเสียงโวยวายของเขาดังมาเป็นระยะทิ้งให้ตรงนี้เหลือแค่ฉันกับพี่ธิน
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวตลาดจะวายเอา”
“ค่ะ…”
ตลาดที่พี่ธินพามาเป็นตลาดกลางแจ้งที่ไม่ใหญ่มาก แต่มีของกินแน่นขนัดสองข้างทาง กลิ่นอาหารหอมฟุ้งไปทั่วจนฉันเิ่รู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง
เราเดินไปเรื่อยๆ แบบไม่ได้เร่งรีบ พี่ธินก็ไม่ได้ชวนคุยอะไรมาก แค่เดินข้างๆ กันในระยะที่พอดีจนทำให้รู้สึกอึดอัด
“อยากกินอะไรไหม” ฉันส่ายหน้าเบาๆ ถึงท้องจะเิ่หิว แต่ความเกร็งก็ยังคงอยู่จนไม่กล้าร้องขออะไร
“แน่ใจนะ”
“เอาจริงๆ ก็นิดหน่อยค่ะ” ฉันยิ้มเจื่อนๆ จริงๆ ก็เิ่หิวแล้วล่ะ แต่ไม่กล้าพูดตรงๆ แค่นั้นเอง
พี่ธินหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินตรงไปซื้อขนมครกมา 1 กล่อง แล้วเดินัมายื่นให้ฉัน
“ถือไว้ก่อนนะ มันร้อน” ฉันรีบรับมาแทบไม่ทัน ขนมครกยังอุ่นๆ อยู่ เงยหน้ามองคนตรงหน้านี่เขาไปซื้อมาให้ฉันจริงๆ หรอเนี่ย
“ขอบคุณค่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก” เขาหัวเราะนิดๆ ไม่รู้เป็นเพราะพี่ธินใจดีและดูแลดีรึเปล่าฉันถึงเิ่คลายกังวล เขาดูใจดีและอบอุ่นแตกต่างจากรุ่นพี่คนอื่นๆ ทำเอาบางทีก็แอบคิดว่าอยากได้พี่เขาเป็นแฟนเสียเหลือเกิน
เราเดินต่อไปเรื่อยๆ ฉันเห็นอะไรน่าสนใจก็เผลอหยุดมองบ้างโดยไม่รู้ตัว แล้วก็เิ่พูดมากขึ้นนิดหน่อยในระหว่างทาง พี่ธินเองก็ดูเหมือนจะตั้งใจฟังในทุกเรื่องที่ฉันพูด แม้มันจะเป็นแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม
ช่วงหนึ่งที่เดินผ่านร้านเครื่องประดับฉันเผลอหยุดมองกำไลเส้นบางๆ ที่มีจี้เล็กๆ รูปดาว มันน่ารักจนฉันอดไม่ได้ที่จะหยุดดู
“ชอบเหรอ” เสียงพี่ธินดังขึ้นข้างตัวทำให้หลุดออกจกาภวังค์ “นิดหน่อยค่ะ” ฉันรีบตอบแล้วทำท่าจะเดินหนี ถ้าพี่ธินรู้ว่าฉันชอบกลัวพี่เขาจะเดินเข้าไปซื้อให้เหมือนของกินอีก แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่
แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขา พี่ธินก็เดินเข้าไปที่ร้านนั้นทำให้ฉันต้องเดินตามด้วย “เอาอันนี้ครับ” เขาชี้ไปที่กำไลเส้นที่ฉันเพิ่งมองเมื่อกี้
“ม-ไม่ต้องก็ได้ค่ะ!” ฉันรีบเข้าไปห้าม แต่เขาัแค่ยิ้ม แล้วจ่ายเงินอย่างรวดเร็วก่อนจะหยิบกำไลใส่มือฉัน
“ถือว่าเป็นของขวัญตอบแทนที่เอาร่มมาคืนนะ” ฉันเม้มริมฝีปากแน่น ทั้งที่มันไม่จำเป็นที่เขาจะต้องมาตอบแทนหรือซื้อให้เลยสักนิด เป็นฉันที่ควรขอบคุณเขาด้วยซ้ำ
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ พี่ตั้งใจซื้อเราเอง เพราะงั้นช่วยรับไว้หน่อยนะ”
“ขอบคุณค่ะ” ก้มหัวขอบคุณเกือบ 90 องศา เกรงใจเขามากๆ แค่นี้เขาก็ดีกับฉันมากจนไม่รู้จะบรรยายยังไง
เราสองคนเดินทอดน่องมาตามตลาดได้ไม่นาน ท้องฟ้าที่ตอนแรกยังสว่างอยู่ก็เิ่มืดครึ้มลงอย่างรวดเร็ว ลมแรงผิดปกติพัดกระหน่ำจนร้านค้าาร้านต้องรีบเก็บของ
“แย่แล้ว” ฉันเผลอพึมพำออกมาก่อนที่เม็ดฝนขนาดใหญ่จะเทลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
“มานี่” พี่ธินคว้ามือฉันลากวิ่งหลบเข้าร้านริมถนน แต่มันก็ไม่ทันแล้วเราทั้งคู่เปียกปอนไปหมดตั้งแต่หัวจรดเท้า
ฉันยืนหอบอยู่ใต้กันสาดรู้สึกถึงน้ำฝนไหลตามไรผมลงมาตามคอเสื้อที่แนบชิดลำตัวทำให้รู้สึกหนาวจนตัวสั่น
พี่ธินถอดเสื้อช็อปมาเช็ดหัวให้ฉัน “เช็ดหัวก่อน เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”
“แต่เสื้อพี่ธินมันจะเปียกเอานะคะ”
“มันเปียกไปแล้วล่ะ เช็ดไปเถอะเดี๋ยวค่อยซักเอา”
“ขอบคุณค่ะ”
“เรารอตรงนี้นะ เดี๋ยวพี่วิ่งไปเอารถก่อน ฝากกระเป๋าด้วย” รับกระเป๋าสะพายมามองรุ่นพี่วิ่งหายไปกับสายฝนจนลับสายตาไป
ตั้งแต่ได้รู้จักกับเขารู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่อบอุ่นมาก อบอุ่นเสียจนนึกอายตัวเอง ถึงยางทีเขาจะดูเป็นคนที่นิ่งๆ แต่ใจดีมากเสียจนเกรงใจไปารอบ ต่างกับเพื่อนๆ ในแก๊งของเขา ไม่แปลกที่คนอื่นๆ จะเปรียบพี่ธินเหมือนพ่อ
หลังจากที่พี่ธินไปเอารถมารับพี่ธินก็ขับตรงดิ้งมาที่หอฉันทันที “พี่ธินขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องก่อนไหมคะ เปียกขนาดนี้เดี๋ยวไม่สบาย”
“ไม่เป็นไร พี่ัได้” เขาส่ายหน้าเล็กน้อย ราวกับไม่อยากรบกวน แต่ฉันยืนยันหนักแน่น “ขึ้นมาก่อนเถอะค่ะ ให้หนูได้ตอบแทนเถอะนะคะ”
เขานิ่งคิดไปชั่วอึดใจ ก่อนจะยกยิ้มพน้อมกับพยักหน้าเบา ๆ “โอเคๆ ถ้าเราอ้อนขนาดนี้พี่ก็คงปฏิเสธไมได้”
ฉันยกยิ้มพอใจกับคำตอบก่อนจะจัดการเปิดประตูเชิญพี่ธินเข้าห้องพอเข้าห้องได้ฉันก็รีบคว้าผ้าเช็ดตัวส่งให้พี่ธินก่อนจะหาเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงวอร์มสะอาด ๆ มาให้
“ห้องน้ำอยู่ตรงนั้นนะคะ ใช้ได้ตามสะดวกเลยค่ะ”
“ขอบคุณครับ” พี่ธินยกยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนฉันก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสบาย ๆ เช่นกัน ตัวทั้งตัวเย็นเฉียบจนอดขดตัวไม่ได้
จัดการตัวเองเสร็จก็ออกมานั่งพักไม่นานพี่ธินก็ออกมาจากห้องน้ำ เสื้อยืดธรรมดากับกางเกงวอร์มที่ยาวคลุมข้อเท้า ผมเปียกๆ ของเขาถูกเช็ดจนแห้งหมาดๆ แล้ว แต่พอเป็นพี่ธินแต่งมันัดูดีอย่างบอกไม่ถูกต่างกับตอนที่ฉันใส่มันัดูเป็นอีเพิ้งซะอย่างงั้น พระเจ้าช่างไม่ยุติธรรมเสียจริง
“ขอโทษที่ต้องรบกวนนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูสิต้องขอบคุณมากกว่าเพราะวันนี้พี่ธินดูแลหนูเยอะจนหนูซะจนนึกว่าพี่ธินเป็นพี่ชายไปซะแล้ว” หัวเราะๆ ก่อนจะเดินไปเปิดม่านหน้าต่างดูสภาพอากาศด้านนอก
สายฝนยังคงกระหน่ำลงมาไม่หยุด พร้อมกับเสียงฟ้าร้องเป็นระยะ พายุชัดๆ เลยวันนี้
“คงัไม่ได้แล้วมั้งคะฝนไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย พี่ธินคงต้องนอนที่นี่แล้วล่ะค่ะ” เขาเองก็พ่นลมหายใจเบา ๆ เหมือนยอมรับชะตากรรม “ก็คงต้องเป็นแบบนั้นแหละ ถ้าัตอนนี้พี่คงจะได้ร่วงลงข้างทางแน่”
“เอ่อ…งั้น พี่ธินนอนตรงโซฟาได้มั้ยคะ คือ…ห้องนั้นของเพื่อนหนูน่ะค่ะ…แล้วก็…”
“เดี๋ยวพี่นอนตรงโซฟาก็ได้ครับ”
“ขอโทษด้วยนะคะ ที่ต้องให้พี่นอนโซฟา” พี่ธินยิ้มอบอุ่นมาให้ฉันหายคลายกังวล “พี่เข้าใจ นี่มันห้องผู้หญิง จะมาให้ผู้ชายมานอนเตียงเราทั้งที่ไม่ใช่แฟนมันจะไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ถูกมั้ย” ราวกับรู้ความคิดฉัน
“ตามสบายเลยค่ะ เดี๋ยวหนูไปเตรียมหมอนกับผ้าห่มให้นะคะ”
“ขอบคุณครับ” จัดทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย พี่ธินก็ทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาพร้อมถอนหายใจเบา ๆ
“ขอบคุณนะนา” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาอย่างจริงใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้ามีอะไรเคาะประตูห้องนั้นได้เลยนะคะ หนูนอนห้องนั้น”
“ครับ ฝันดีครับ”
“ฝันดีเช่นกันค่ะ
ความจริงฉันไม่ซีเรียสหรอก เพราะอย่างผิงบางทีก็พาผู้ชายเข้าห้อง แต่ว่าพี่ธินเข้ามาในฐานะแขกที่แค่มาพักอิงอาศัยเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรกัน อีกอย่างเขาเป็นรุ่นพี่ที่ดีด้วย ฉันยังอยากเก็บเขาไว้ในฐานะรุ่นพี่นอกจากคู่นอน
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??