เรื่อง ก้าวสู่เส้นทางอมตะ (Walking into Cultivation)
ตอนที่ 12: ตูว่าแล้ว แกมันตัวพาซวยชัดๆ!
“จะให้ทำไง? พลังเวทเจ้าตอนนี้อาจจะชนะผู้ฝึกวิถีโบราณระดับรวบรวมลมปราณขั้นปลายได้ แต่ไม่มีคาถา ไม่มีของวิเศษ สู้ใครไม่ได้หรอก! ไอ้หนู เจ้าอยากใช้ชีวิตอิสระเสรีแบบเซียวเหยามันก็ดี แต่ถ้าไม่มีกำลังไว้ป้องกันตัว ความสุขนั้นก็อยู่ได้ไม่นานหรอก นี่แหละคือโลกแห่งความเป็นจริง!”
หวังฉีตะโกนกลับในใจ “ตาแก่ จะเทศนาก็ช่วยดูเวล่ำเวลาหน่อย! ตอนนี้ยังไม่รอดตายเลยนะเว้ย!”
โธ่เว้ย...
หวังฉีกำหมัดแน่น
“สามคนนั้นเดินห่างออกไปหน่อยแล้ว อาศัยจังหวะนี้ ค่อยๆ ขยับไปตามพุ่มไม้”
“ทางไหน?”
“พยายามไปให้ไกลจากจุดที่นังหนูเซี่ยงสู้กับเจ้าระดับหยวนอิงนั่นให้มากที่สุด”
เพราะกลัวว่าจะถูกสามคนนั้นจับได้ หวังฉีจึงได้แต่ใช้ศอกกับเอวค่อยๆ กระดึ๊บไปทีละนิด วิชาตัวเบาที่ฝึกมาหลายปีไม่มีโอกาสได้ใช้เลยสักนิด พื้นที่แถวนี้เต็มไปด้วยก้อนหินและหนามแหลม ไม่นานเสื้อผ้าก็ขาดวิ่น มือและหน้าท้องเริ่มมีแผลถลอกเลือดซึม
“ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป มีหวังหนังท้องถลอกปอกเปิกหมดก่อนจะหนีพ้นแน่!”
หวังฉีร้อนใจจนแทบบ้า ในฐานะคนยุคใหม่เขารู้ดีว่าความเจ็บปวดและการเสียเลือดจะทำให้สติสัมปชัญญะลดลง ซึ่งในสถานการณ์ที่เป็นรองแบบนี้ มันคือหายนะชัดๆ แต่สถานการณ์บังคับ เขาจำใจต้องยอมเจ็บตัวเพื่อแลกกับโอกาสรอด
“บ้าเอ๊ยยยย!”
เสียงตวาดอย่างหัวเสียดังมาจากเบื้องบน ตามมาด้วยปราณกระบี่นับไม่ถ้วนพุ่งลงมาปักพื้นราวกับ-่าฝน หวังฉีเห็นปราณกระบี่ตกกระทบพื้นไม่ขาดสายก็หน้าถอดสี รีบคว้ายันต์สีเงินออกมาเตรียมพร้อม
เจินฉานจื่อรีบห้าม “ใจเย็น! เพลงกระบี่ของเจ้านั่นเน้นการต่อสู้ระยะประชิด การโจมตีสุ่มๆ จากที่สูงแบบนี้ ระยะห่างระหว่างปราณกระบี่มันกว้างมาก โอกาสโดนเจ้าน้อยนิด!”
หวังฉีกัดฟัน ข่มใจไม่ให้ระเบิดยันต์ป้องกัน ปราณกระบี่ถล่มใส่ป่าจนราบเป็นหน้ากลอง กิ่งไม้หักสะบั้น หินแตกกระจาย ดินกระจุยกระจาย มีบางดอกปักเฉียดตัวหวังฉีไปนิดเดียว เล่นเอาเหงื่อกาฬแตกพลั่ก
ผ่านไปสักพัก การโจมตีถึงหยุดลง
เจินฉานจื่อวิเคราะห์ “ด้วยมาตรฐานผู้ฝึกวิถีโบราณแบบพวกข้า เจ้านั่นน่าจะเสียพลังปราณไปเกือบครึ่ง... แต่เพลงกระบี่นี้ดูคุ้นๆ อยู่นะ”
“ปู่ก็คุ้นไปซะทุกอย่างนั่นแหละ—อยากจะสวนกลับพวกมันสักดอกจริงๆ ตาแก่ ยันต์โจมตีพวกนี้ใช้ได้มั้ย?”
“ข้าไม่รู้จักยันต์พวกนี้ แต่ดูจากพลังเวทที่ผนึกไว้ น่าจะฆ่าเจ้าระดับสร้างรากฐานขั้นต้นที่ไม่มีเกราะป้องกันได้สบายๆ ติดอยู่ตรงที่ไม่รู้ว่ามันต้องใช้ระยะประชิดหรือยิงไกลได้ หรือต้องเล็งเป้าเองหรือบังคับทิศทางได้ ถ้าเจ้าใช้ตอนนี้ ก็เท่ากับเดิมพันด้วยชีวิต!”
หวังฉีแค่นยิ้ม “ระยะใกล้หรือไกล... ต้องเล็งหรือบังคับได้... จะแก้สถานการณ์ตอนนี้ต้องได้ยันต์ที่ทั้งยิงไกลและบังคับทิศทางได้ โอกาสแค่หนึ่งในสี่สินะ”
“จะเสี่ยงมั้ย?”
“เสี่ยงกับผีน่ะสิ! ถ้าไม่ใช่สถานการณ์ที่ ‘ไม่เสี่ยงก็ตาย’ การเอาชีวิตไปเดิมพันกับโอกาสชนะต่ำกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ มันก็แค่พฤติกรรมของพวกปัญญาอ่อน!”
“แล้วเจ้าจะเอายังไง?”
หวังฉีกัดฟันกรอด “รอ ปราณกระบี่เมื่อกี้ถางป่าจนเตียนโล่ง ขยับตอนนี้มีหวังโดนเจอตัวแน่”
เจินฉานจื่อเตือน “ข้าแนะนำว่าอย่าไปหวังพึ่งแม่หนูนั่นมากนัก นางใกล้จะต้านไม่ไหวแล้ว”
“ว่าไงนะ!?”
“ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นางน่าจะยื้อได้อีกแค่ชั่วจิบชาเดียว”
เซี่ยงฉีกำลังจะต้านไม่ไหวจริงๆ
‘จานกระบี่ลำดับฟ้า’ ได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดวิชากระบี่สายพลิกแพลงแห่งวิถีปัจจุบัน แต่มันเป็นวิชาที่ฝึกสำเร็จยากมาก วิชานี้มีทั้งหมดเจ็ดวงโคจร สามวงโคจรแรกเป็นแค่พื้นฐาน วงโคจรที่สี่เป็นต้นไปถึงจะเริ่มสำแดงฤทธิ์เดชที่แท้จริง!
และเซี่ยงฉี... ยังฝึกไม่สำเร็จแม้วงโคจรที่สาม
จานกระบี่สีเงินหมุนวนรอบตัวนาง ปัดป้องการโจมตีของศัตรูอย่างต่อเนื่อง แต่มันคงต้านได้อีกไม่นาน ช่วงแรกนางยังพอหาจังหวะสวนกลับได้บ้าง แต่ตอนนี้ ท่ามกลางพายุคาถาที่โหมกระหน่ำ นางทำได้แค่หดวงกระบี่เข้ามาป้องกันตัวเท่านั้น
“ต้านไม่ไหวแล้วล่ะสิ นังหนู?”
ผู้ฝึกวิถีโบราณหัวเราะเยาะอย่างสะใจ เขามองทะลุความสามารถของเด็กสาวตรงหน้า ระดับสร้างรากฐานขั้นกลาง... ถ้าเป็นวิถีโบราณด้วยกัน ต่อให้ระดับจินตันขั้นปลายมาเจอนางก็อาจจะแพ้
แต่เขาคือระดับหยวนอิง (Nascent Soul)!
รอยยิ้มอำมหิตผุดขึ้นบนใบหน้า สมัยเด็กเขาถูกตรวจพบว่ามีรากฐานเหมาะสมกับการฝึกเซียน แต่เพราะหัวทึบเกินไป จนแม้แต่ด่าน ‘บำรุงกาย’ ขั้นแรกก็ยังผ่านไม่ได้ จนกลายเป็นตัวตลกของคนรอบข้าง สุดท้ายต้องหนีไปพึ่งพาวิถีโบราณ เพราะปมด้อยนี้ เขาจึงเกลียดชังผู้ฝึกวิถีปัจจุบันทุกคน โดยเฉพาะพวกอัจฉริยะอย่างเซี่ยงฉี การได้ทรมานและมองดูพวกมันตายอย่างเจ็บปวด ทำให้เขารู้สึกฟินอย่างบอกไม่ถูก
พวกที่มีพรสวรรค์มากกว่าข้า... สมควรตายให้หมด!
คิดได้ดังนั้น เขาก็เร่งความเร็วในการโจมตีขึ้นอีก
การป้องกันของเซี่ยงฉีเริ่มสั่นคลอน ทุกการโจมตีของระดับหยวนอิงสั่นสะเทือนไปถึงรากฐานพลังของนาง ราวกับโดนหมัดหนักอัดเข้าที่อวัยวะภายใน เลือดสดๆ ไหลซึมมุมปากดูน่ากลัว นางรู้ตัวดีว่าขีดจำกัดกำลังจะมาถึง
ทันใดนั้น เจตจำนงแห่งกระบี่อันมหาศาลก็พุ่งแหวกอากาศมาจากแดนไกล!
“จุดเปลี่ยนมาแล้ว” เจินฉานจื่อสัมผัสได้ถึงเจตจำนงนั้น จึงเอ่ยขึ้นเรียบๆ
“อะไรนะ?” หวังฉีงงเป็นไก่ตาแตก ในบรรดาคนทั้งหมดที่นี่ เขาอ่อนแอที่สุด สัมผัสอะไรพวกนี้แทบไม่ได้ แต่ตอนนี้ แม้แต่เจ้าสามหน่อระดับสร้างรากฐานที่กำลังไล่ล่าเขาก็ยังหยุดชะงัก มองเหม่อไปทางทิศเดียวกัน
“ไอ้หนุ่มแซ่หลี่กลับมาแล้ว... เดี๋ยวสิ ข้างกายเขามีผู้ฝึกวิถีโบราณอีกคน ระดับหยวนอิงขั้นสูงสุด! เจ้านั่นกำลังขัดขวางไม่ให้ไอ้หนุ่มหลี่กลับมาช่วย!”
หวังฉีถาม “จะทันมั้ย?”
“ไม่รู้สิ ถ้าวัดกันที่รัศมีพลัง ผู้ฝึกวิถีโบราณคนนั้นถ้าย้อนไปยุคข้า ต้องเป็นระดับหัวกะทิแน่นอน” หลังจากเห็นเซี่ยงฉีระดับสร้างรากฐานต้านระดับหยวนอิงได้ เจินฉานจื่อก็ไม่แปลกใจแล้วที่หลี่จื่อเย่ระดับจินตันจะฟัดกับระดับหยวนอิงได้สูสี “เคล็ดวิชาที่เจ้าระดับหยวนอิงนั่นใช้... เดี๋ยว... นี่มัน!?”
น้ำเสียงของเจินฉานจื่อแฝงความตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด
บ้าเอ๊ย! เกิดเรื่องจนได้!
หลี่จื่อเย่สังหรณ์ใจไม่ดีตั้งแต่เห็นแสงไฟจากหมู่บ้านต้าไป๋
หมู่บ้านต้าไป๋ตั้งอยู่ใจกลางดินแดนเสินโจวฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งควรจะเป็นพื้นที่ที่ปลอดพวกวิถีโบราณที่สุด เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมดวงซวยขนาดนี้ ถึงมาเจอตัวระดับหยวนอิงขั้นปลายดักทางได้ พอสัมผัสได้ว่าเกิดเรื่องที่หมู่บ้าน เขาถึงเริ่มรู้ตัวว่า ตัวเองอาจจะตกหลุมพรางที่วางไว้ล่วงหน้าเสียแล้ว
“อย่าหนี! รับมือ!”
คู่ต่อสู้ของหลี่จื่อเย่เป็นชายหนุ่มชุดขาวอายุราวสามสิบ หน้าตาเย็นชา ใช้ดาบยักษ์เป็นอาวุธ เขาตะโกนก้อง กวาดดาบยักษ์จนเกิดเงาดาบนับพันสายพุ่งเข้าใส่หลี่จื่อเย่
การโจมตีนี้มาจากวิชาสายตำนานโบราณ—เพลงดาบที่แตกแขนงมาจาก 《วิถีราชันผ่าสวรรค์》 (Huang Ji Lie Tian Dao) แข็งแกร่งดุดัน ทรงพลังไร้เทียมทาน! หลี่จื่อเย่ไม่กล้าประมาท แผ่ขยายญาณหยั่งรู้ครอบคลุมสนามรบ เคล็ดวิชา 《คัมภีร์คำนวณเหยาติ้ง》 ของสำนักหมื่นวิถีถูกเร่งจนสุดขีดเพื่อคำนวณวิถีดาบของคู่ต่อสู้ จากนั้นตวัด ‘กระบี่ฟ้า’ (Tian Jian) ในมือพุ่งสวนออกไป
เคร้ง!
กระบี่ฟ้าที่พลิ้วไหวรวดเร็วเสียบเข้าที่จุดบอดของเพลงดาบ ในจังหวะที่แรงเก่ากำลังหมดและแรงใหม่ยังไม่ก่อตัว! พลังกระบี่ปะทุออก สร้างแรงกระแทกมหาศาล ชายหนุ่มหน้าตายถึงกับเซ ดาบยักษ์ในมือแทบหลุดกระเด็น!
แข็งแกร่งมาก!
คำชมนี้ออกมาจากปากของผู้ฝึกตนระดับหยวนอิงที่พูดถึงระดับจินตัน! ในยุคโบราณเรื่องแบบนี้แทบเป็นไปไม่ได้ แต่ในยุคนี้ ผู้ฝึกวิถีปัจจุบันสามารถฆ่าข้ามรุ่นได้เป็นเรื่องปกติ และแม้แต่ยอดฝีมือวิถีโบราณอย่างชายหนุ่มคนนี้ ก็ยังยากจะเอาชนะผู้ฝึกวิถีปัจจุบันในระดับเดียวกันได้!
หลี่จื่อเย่แทงกระบี่ฟ้าต่อเนื่อง ทำลายกระบวนท่าของชายหนุ่มจนหมดสิ้น ชายหนุ่มไม่กล้าเอาตัวรับกระบี่ฟ้าที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอาวุธสุดแกร่งแห่งยุค จึงรีบถอยฉาก
แต่การรุกไล่ศัตรูไม่ได้ทำให้หลี่จื่อเย่สบายใจขึ้น เพราะการถูกถ่วงเวลาทำให้เขามาช้าไปอีกก้าว และเขาสัมผัสได้ชัดเจนว่าเซี่ยงฉีกำลังตกอยู่ในอันตรายขั้นวิกฤต!
คู่ต่อสู้ของเซี่ยงฉีก็รู้ดีว่า ขอแค่ฆ่านางได้ก่อนหลี่จื่อเย่มาถึง ชัยชนะก็จะเป็นของเขา ยิ่งถ้าได้รวมพลังกับชายหนุ่มชุดขาวและให้ลูกสมุนอีกสามคนช่วยวางค่ายกล การสังหารหลี่จื่อเย่ก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้!
เซี่ยงฉีเองก็มองสถานการณ์ออก นางสูดลมหายใจลึก เตรียมใช้วิชาลับระเบิดพลังชีวิต
หลี่จื่อเย่กรีดร้องเสียงแหลม ผสานร่างเข้ากับกระบี่ กลายเป็นลำแสงพุ่งตรงไปหาเจ้าระดับหยวนอิงคนนั้นทันที!
วิชาซ่อนเร้นของหวังฉีอาจตบตาเขาไม่ได้ แต่ใช้หลบพวกวิถีโบราณได้ดีเยี่ยม ดูแล้วคงยื้อได้อีกพักใหญ่ แต่ชีวิตของเซี่ยงฉีและการจัดการเจ้าระดับหยวนอิงนั่น คือจุดชี้ขาดของศึกนี้!
ชายหนุ่มชุดขาวมีหรือจะยอมให้เขาไปช่วยเซี่ยงฉีง่ายๆ เขาถือดาบพุ่งเข้าสกัด ทว่าจู่ๆ เขาก็ชะงักไปจังหวะหนึ่ง ร่างกายชะลอความเร็ว ปล่อยให้หลี่จื่อเย่พุ่งผ่านไปเฉยๆ! หลี่จื่อเย่แปลกใจที่ไม่โดนขวาง แต่ไม่มีเวลาคิด เขารีบพุ่งไปหาเซี่ยงฉี ส่วนเจ้าระดับหยวนอิงฝั่งนั้นหน้าซีดเผือด เพราะการกระทำของชายหนุ่มชุดขาวเท่ากับส่งเขาไปตายชัดๆ
และในวินาทีนั้นเอง แหวนหยกดำบนนิ้วของหวังฉีก็ร้อนวูบขึ้นมา พร้อมกับเสียงตะโกนลั่นของเจินฉานจื่อในหัว
“หนี! หนีเร็ว! วิ่งไปทางหลี่จื่อเย่! เจ้านั่นมันศิษย์สำนักราชันผ่าสวรรค์! ราชันผ่าสวรรค์โว้ย!”
หลี่จื่อเย่ไม่รู้ถึงความผิดปกติของเจินฉานจื่อ เขาพุ่งเข้าหาระดับหยวนอิงคนนั้นจนได้ระยะ แล้วฟาดกระบี่ฟ้าลงเต็มแรง! คลื่นกระบี่สีทองฉีกกระชากอากาศ พุ่งเข้าใส่เป้าหมาย
เจ้านั่นกำลังมัวแต่จะฆ่าเซี่ยงฉี ไหนเลยจะป้องกันทัน? เกราะปราณคุ้มกายแตกกระจายเหมือนฟองสบู่ ร่างกายถูกฉีกขาดด้วยพลังกระบี่อันเกรี้ยวกราด เซี่ยงฉีฉวยโอกาสพ่นโลหิตปราณใส่จานกระบี่สามเล่ม พุ่งเสียบทะลุอกศัตรู ฉึก ฉึก ฉึก!
เมื่อเห็นศัตรูล้มลง เซี่ยงฉีก็หมดแรง กระอักเลือดออกมาคำโต แล้วทรุดลงกับพื้น
หลี่จื่อเย่ถอนหายใจโล่งอก หันกลับไปเตรียมสู้ตายกับชายหนุ่มชุดขาว แต่ภาพที่เห็นทำให้เขาแทบกระอักเลือดด้วยความโกรธแค้น—
ไอ้หนุ่มชุดขาวนั่น... กำลังพุ่งตรงไปหาหวังฉี!
หวังฉีในตอนนี้หน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความโกรธเกรี้ยว เมื่อรู้ว่าหมดทางหนีเงื้อมมือระดับหยวนอิง
“ไอ้เวรเอ๊ย! ตูว่าแล้ว แกมันตัวพาซวยชัดๆ!”
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??