เรื่อง ยุทธวิจิตรพิชิตจักรภพ
ฮ๊ากกกกกกก !!! เสียงคำรามกึกก้องของเจ้าเวรุงกะดังลั่นจนผนังถ้ำสะท้านสั่นไหว ักลายร่างเป็นอสูรตัวมหึมา นำกำปั้นทั้งสองทุบหน้าอกแสดงพลังอำนาจ .. ปั๊กกก .. ปั๊กกก .. ปั๊กกก .. ปั๊กกก ..
อเวจีหนึ่งในสัตว์อสูรอาถรรพ์ ร่างกายแกร่งดังเหล็กไหล ะำัาาราวหมื่นคชสาร โลหิตในกายเป็นพลังร้อนแรงของหินหลอมเหลวใต้ผืนโลก
อุทัยเริ่มฟื้นฟูเรี่ยวแรง ัค่อยๆ ขยับร่างผงกหัวขึ้นมองร่างวานรยักษ์ ผลึกแว่นทิพย์แสดงผลการวิเคราะห์
.. ‘ราชันอเวจี - ระดับพลัง ๕,๙๙๘,๐๑๕ จุด’
เจ้าเวรุงกะมิใช่เผ่าพันธุ์อเวจีธรรมดา แต่ัคือ .. ราชันอเวจี .. ที่สุดแห่งสายพันธุ์วานรอสูร
เจ้ามังกรเทวะหน้าเหรอ .. อยู่ๆ ลูกวานรตัวน้อยก็แปร่างเป็นวานรอสูรตัวใหญ่ยักษ์ ัอุทานขึ้นว่า “.. วานรอาถรรพ์ .. อเวจี !”
ราชันอเวจีตัวใหญ่เท่ามังกรเทวะ ท่าทางดุร้ายน้ำลายไหลยืดบ้าคลั่ง าของัเกรี้ยวโกรธมีเปลวอัคคีพวยพุ่ง
มังกรเทวะไม่รอช้าอ้าปากพ่นอัสนีม่วงเข้าใส่ .. โฮ๊กกกกก !!!
.. เปรี๊ยะ .. ปร๊ะ .. เปรี๊ยะ .. ปร๊ะ .. เปรี๊ยงงง !!! แสงสว่างวาบจนแสบตา
แต่สายอัสนีม่วงนั้นไม่สามารถทำอันใดเจ้าวานรอสูรไ้ กลับเป็นการกระตุ้นสัญชาตญาณอันดุร้ายให้เพิ่มขึ้น
ฮ๊ากกกกกกก !!! ราชันอเวจีร้องคำรามพุ่งเข้าใส่ พอถึงตัวก็ใช้กำปั้นอัดเข้าหน้ามังกรเทวะ .. พลั๊กกก .. พลั๊กกก .. พลั๊กกก ..
อั๊กกก ! มังกรเทวะผงะหงาย .. ะำัอันาาทำัตื่นตกใจ
อเวจีาแดงฉาน้เปลวอัคคี ประเคนทั้งกำปั้นทั้งผ่าเท้าใส่มังกรเทวะไม่ยอมหยุด .. พลั๊กกก .. พลั๊กกก .. พลั๊กกก ..
อั๊กกก ! อั๊กกก ! อ๊ากกก ! มังกรเทวะถูกทุบซวนเซซ้ายทีขวาทีตามแรงหมัดเท้าของราชันอเวจี
ฮ๊ากกกกกกก !!! ราชันอเวจีกระโดดตัวลอย กำประสานสองมือทุ่มกำลังทั้งร่างโถมทุบกลางหลังเจ้ามังกรเทวะ .. พลั๊กกกกก ..
อั๊กกกกกก ! .. แค๊กกก .. แค๊กกกก .. เจ้ามังกรสำรอกโลหิตสีดำออกจากปากเป็นละอองฝอย เลือดมังกรเทวะบางเบาหยดหนึ่งบังเอิญลอยไปถูกประตูมิติ
.. ประตูมิติบานเก่าแก่ที่ตั้งตะแคง กลับสั่นสะท้านส่งแสงอย่างเจือจาง .. ประตูมิติถูกกระตุ้น้โลหิตมังกรเทวะแล้ว
อ๊ากกกก ! มังกรเทวะล้มคว่ำ .. ราชันอเวจีไ้จังหวะจึงกระโดดขึ้นขี่ ใช้น้ำหนักตัวกดทับร่างเจ้ามังกร แล้วสาวหมัดเข้าใส่ไม่มียั้ง .. พลั๊กกก .. พลั๊กกก .. พลั๊กกก ..
เจ้าวานรยักษ์กระหน่ำทุบราวโกรธแค้นกันมาแต่ชาติปางก่อน แต่มังกรเทวะก็ดิ้นต่อสู้สุดกำลัง สองปีกสะบัดตี กรงเล็บแหลมกรีดทำร้ายตอบโต้
“ไอ้วานรบ้า ..” เจ้ามังกรเทวะก่นด่า ัผงกคอยาว อ้าปากกว้างงับเข้าบ่าอเวจีจนเลือดสาดกระเซ็น
ฮ๊ากกกกกกก !!! วานรอสูรยิ่งเจ็บปวดยิ่งบ้าคลั่ง ัดึงกระชากคอของเจ้ามังกรเทวะแล้วทุ่มเหวี่ยงชนผนังถ้ำจนดังสนั่น .. โครมมมมม
หินก้อนเล็กก้อนน้อยตามผนังถ้ำหล่นเกรียวกราว อเวจีนำกำปั้นทุบหน้าอก .. ปั๊กกก .. ปั๊กกก .. ปั๊กกก .. ปั๊กกก .. คำรามเสียงดัง .. ฮ๊ากกกกกก !!!
แล้วตรงเข้าไปใช้มือเท้าทุบใส่อย่างไม่ยั้ง ทั้งยังใช้เขี้ยวกัดคอมังกรเทวะจนเลือดสาดเกล็ดทะลุ
ความคลุ้มคลั่งของราชันอเวจียิ่งมายิ่งรุนแรง ัอ้อมมาด้านหลังเจ้ามังกร ใช้ท่อนแขนหยาบใหญ่รัดคอ แขนหมัดอีกข้างกระหน่ำชกเข้าใบหน้าแะลำตัวเจ้ามังกรเทวะดังสนั่น .. พลั๊กกก .. พลั๊กกก .. พลั๊กกก ..
อุทัยอ้าปากค้าง นอนมองเจ้าวานรน้อยกลายร่างเป็นราชันอเวจี ไล่อัดมังกรเทวะจนหมดสภาพ
ถึงแม้มังกรเทวะจะแข็งแกร่ง แต่หากยังถูกไล่กระทืบอยู่เช่นนี้ ในไม่ช้าัต้องช้ำในตายอย่างแน่นอน
เจ้ามังกรเทวะออกแรงดิ้นจนหลุดออกมาจากวงแขนราชันอเวจี ักล่าวทั้งโลหิตกบปากว่า “.. ข้าไปสังหารบิดาเจ้าหรือไร มาถึงก็ทุบเอาทุบเอา .. โอยยยย ..”
แล้วขยับปีกพับพับโผขึ้นบินหมายออกไปตั้งหลัก เพียงลอยขึ้นจากพื้น ร่างของเจ้ามังกรก็ต้องหยุดค้าง
เป็นราชันอเวจีฉวยหางของเจ้ามังกรแล้วดึงไว้ เจ้าวานรยักษ์น้ำลายไหลยืด ออกแรงเหวี่ยงแหกปากร่ำร้องเสียงดัง .. ฮ๊ากกกกกกก !!!
.. โครมมม ! ร่างมังกรเทวะถูกเหวี่ยงกระแทกพื้นอย่างแรง
.. โครมมม ! มังกรเทวะถูกฟาดเข้ากับก้อนหินใหญ่ จนกองหินพังทลาย
.. โครมมม ! มังกรเทวะสะบักสะบอมถูกอัดใส่เข้าเสาหินแกร่ง เสาหินทั้งต้นนั้นพังครืนมา
.. โครมมม ! โครมมม ! โครมมม ! ราชันอเวจีจับหางเจ้ามังกรเหวี่ยงฟาด ทำโถงถ้ำที่เป็นหินผาแกร่งสั่นไหวเหมือนจะถล่ม
อ๊ากกก ! เจ้ามังกรเทวะมึนงงเห็นดวงดาวเต็มโถงถ้ำ ัเจ็บปวดราวร่างกายจะแยกออกเป็นส่วนๆ .. เจ้าวานรอสูรตนนี้มีะำัเกินจินตนาการของัไปไกล
เจ้ามังกรเทวะหมดแรงนอนกองอยู่บนพื้น ราชันอเวจีขึ้นคร่อมอีกครั้ง คราวนี้ใช้สองมือจับปากบนแะล่างของเจ้ามังกรไว้
ฮ๊ากกกก ! ราชันอเวจีร้องคำราม กล้ามเนื้อปูดโปนออกแรงฉีกปากเจ้ามังกร
อ่าาาาา ! เจ้ามังกรเทวะตาถลนโปน สองปีกกระพือดิ้นพล่าน ปากของัถูกจับอ้ากว้างมีสายอัสนีพวยพุ่ง .. เปรี๊ยะ .. ปร๊ะ
ปากบนล่างของมังกรเทวะถูกจับถ่างออก ราชันออกแรงจนกล้ามเนื้อปูดโปน ปากมังกรนั้นอ้ากว้างจนแทบจะฉีกขาดแล้ว
ฮ๊ากกกก ! ฮ๊ากกกก ! ฮ๊ากกกก ! .. เจ้ามังกรเทวะดิ้นทุรนทุรายนำสองมือเหวี่ยงสะเปะสะปะ จนฉวยจับหางยาวของราชันอเวจีไว้โดยบังเอิญ
แล้วใช้กำลังเฮือกสุดท้ายกระตุกหางนั้นอย่างแรง
.. อึกกก ! .. ร่างราชันอเวจีหยุดกึก
ราชันอเวจีที่กำลังไล่อัดอย่างไ้เปรียบอยู่อยู่ก็หยุดชะงัก อีกเพียงอึดใจก็จะสังหารมังกรอัสนีสวรรค์ไ้แล้ว แต่ักลับร่างแข็งทื่อาเบิกโพ
อุทัยนั่งคุกเข่าอ้าปากค้าง .. ภาพที่เบื้องหน้าทำปากของัยิ่งอ้ากว้างกว่าเดิมอีก
.. ร่างราชันอเวจีสั่นกระตุก
.. าอัคคีลดความร้อนแรงจนดับมืด
.. กล้ามเนื้ออันแกร่งบึกบึนค่อยๆ ลีบเล็ก .. แะเล็ก
.. ทั้งร่างกายแขนขาก็ค่อยๆ หดสั้น .. สั้น .. แะสั้น
เพียงชั่วครู่ร่างวานรอสูรอันใหญ่ยักษ์ก็หดคืนสภาพกลายเป็นเจ้าวานรตัวจ้อยตัวเดิมแล้ว
ความเงียบสงบภายในโถงถ้ำกลับคืนมา .. เจ้ามังกรเทวะตะกุยตะกายนำร่างกายอันบอบช้ำค่อยๆ ลุกขึ้น ัขยับกรามปากที่แทบจะถูกฉีกขาด จ้องมองเจ้าวานรน้อยที่นอนสงบแน่นิ่ง
พรวด ! โลหิตดำคล้ำถูกพ่นทิ้งออกจากปากเจ้ามังกร .. ความน่ากลัวของราชันอเวจีเมื่อครู่ยังติดตรึงอยู่ในดวงจิตของั
เมื่อแน่ใจว่าเจ้าวานรน้อยไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นมาอีก เจ้ามังกรเทวะพยายามขยับปากกล่าว “โหมะ ริด แล้ รือ เมิง .. อะ วา นอน โลก จิด ..” โอ้ยยยย .. เจ็บปากชะมัด .. แม่งอัดกรูซ่ะ ..
ฮะ ฮะ ฮ่า .. เจ้ามังกรเทวะหัวเราะ้ความแค้น ัยืนโซเซหยิบร่างของเจ้าเวรุกะยกชูขึ้น “ตา ซะ เถวะ ..”
.. แล้วหย่อนร่างเจ้าวานรน้อยเข้าปาก .. ฟันอันแหลมคมรอฉีกกระชากร่างน้อยๆ ร่างนั้น
“เจ้าจ๋อ .. อออ ..” อุทัยร้องลั่น ัใช้ะำัที่คงเหลืออยู่เพียงน้อยนิด พุ่งวาบเข้าปากเจ้ามังกรโดยทันที
อั่กกก! เจ้ามังกรปากอ้ากรามค้าง เป็นอุทัยใช้แขนขาเหยียดดันเพดานปากของัไว้
อ่ากกก! มังกรเทวะน้ำตาคลอ ปากของับาดเจ็บบอบช้ำจนไม่สามารถออกแรงขบเคี้ยวไ้ดังเดิม
อ๊วกกก! อุทัยก็ไม่ดีไปกว่า ัทั้งออกแรงฝืนต้าน ทั้งต้องทนกลิ่นปากอันไม่พึงประสงค์ของมังกรเทวะโบราณตัวนี้
อั่กกก! อั่กกก! อ่ากกก! มังกรเทวะปากอ้าค้าง เดินส่ายโซเซต่อสู้กับแรงของอุทัย .. ัตัดสินใจยกหัวขึ้น แล้วกระดกลิ้น .. ทำร่างอุทัยแะวานรน้อยลื่นไหลร่วงลำคอของัไป .. อึกกก!
,,,,,,,,,,,,,,,
.. ภายในวิหารมังกรบุราณ
อุษาแะวาวาออกมายืนประจันหน้า .. ้ความงามของทั้งสองทำเทวีจินเยว่เกิดจิตริษยา หมายขยี้บุปผาอ่อนเยาว์ในทันใด
เทวีจินเยว่หยีตาจ้องมอง “อ่อ .. ผู้เยาว์แห่งบุปผาเหัต์ .. ยังมีจากเรือนจิตจำรัสอีก .. ช่างแส่หาเรื่อง ..”
แต่เทวีจินเยว่กลับพบความผิดปกติ .. วาวาแะอุษามีพลังวัตรอันมั่นคง คล้ายมิไ้รับผลกระทบจากพิษร้าย
.. นั้นเป็นเพราะพวกนางรับประทานผลชีวันร้อยราตรีเข้าไปนั่นเอง
อิ อิ .. เทวีจินเยว่หัวเราะเก็บซ่อนความสงสัย กล่าวว่า “เป็นเพียงปรมะปราณยุทธ์ .. ต่อหน้าข้ายังทำท่าโอหังเช่นนี้”
อุษากล่าว “ฮึ .. บุคคลไร้มโนธรรมเช่นท่าน มิสมควรไ้รับการเคารพจากผู้เยาว์เช่นข้า”
วาวากล่าว “ถูกต้อง .. แพร่พิษใส่ผู้อื่น แล้วยังมาข่มขู่บังคับ หาใช่การกระทำของชาวยุทธจักรไม่”
เทวีจินเยว่กล่าว “ปากเก่งทั้งคู่ .. น่าเสียดาย ที่ต้องมาตายในวัยสาวสะพรั่ง” .. แล้วจึงสะบัดแขนเสื้อทั้งสองข้าง ผ้าแพรยาวพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
.. ค่ายกลแพรสุวรรณบุปผา !
.. ฟ้าวววว .. ฟ้าวววว .. แพรสังหารสะบัดพลิ้วพุ่งเฉวียนเข้าใส่อุษาแะวาวา
อุษาก้าวเท้าออก ดวงจิตอันใสกระจ่างของนางแผ่พลังปราณอันพิสุทธิ์ ร่ายรำเพยุทธ์ใช้ฝ่ามือเข้าต่อต้านแพรสังหาร .. เปรี้ยง ! เปรี้ยง ! เปรี้ยงงง !
วาวาดีดกายเข้าหา ร่ายรำกระบวนท่าปล่อยพลังปราณวารีเหัต์ผ่านดัชนีเข้าปะทะ .. เปรี้ยง ! เปรี้ยง ! เปรี้ยงงง !
ยอดยุทธ์ในห้องวิหารเฝ้าดูจนแทบหยุดหายใจ .. เทวีจินเยว่บังคับผ้าแพรเคลื่อนไหวราวอสรพิษมีชีวิต
แพรสังหารแผงพลังปราณเย็นเหยียบรุนแรง พุ่งฉะวัดยอกย้อน ทั้งพลิกม้วนหมุนกลับ โจมตีทั้งสองจากทุกแง่มุม
.. เปรี้ยง ! เปรี้ยง ! เปรี้ยงงง ! .. วาวาแะอุษาตอบโต้อย่างแข็งขัน แต่กระนั้นยังถูกค่ายกลผ้าแพรกักกั้นไว้
ทั้งกระบวนท่าแะพลังวัตรของทั้งสองเป็นรองเทวีจินเยว่อยู่ช่วงใหญ่ .. น่าเสียดายที่งานชุมนุมครานี้ไม่อนุญาตให้นำศาสตราวุธเข้ามา .. หากมีกระบี่ประจำกายพวกนางคงไม่เสียเปรียบเช่นนี้
.. เปรี้ยง ! เปรี้ยง ! เปรี้ยง ! เปรี้ยง ! เปรี้ยงงง ! .. อุษาแะวาวาสกัดการโจมตีเป็นพัลวัน ค่ายกลผ้าแพรชักนำทั้งสองแยกออกเป็นซ้ายขวา
อิ อิ .. เทวีจินเยว่หัวเราะ แล้วสะบัดแขนเสื้อทั้งสองอย่างแรงทำผ้าแพรหลุดออก แต่ค่ายกลผ้าแพรยังฉะวัดพัวพันม้วนกักอุษาแะวาวาไว้
ส่วนเทวีจินเยว่กระโดดพุ่งกายขึ้นที่กลางอากาศ แต่เป้าหมายของนางกลับไ่ใ่อุษาแะวาวาที่กำลังประมือกันอยู่
อิ อิ อิ .. เทวีจินเยว่หัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ กล่าวว่า “จับโจร ต้องจับหัวหน้า ..” นางพุ่งกายเข้าหาโบตั๋นหิมะโดยทันใด
เทวีจินเยว่ประกบมือซ้ายขวานิ้วชี้กลางทั้งสี่ยืดตรงออก ที่ปลายนิ้วบรรจุพลังเต็มกำลัง ปรากฏปราณสีเหลืองวิบวับเป็นประกาย
.. บุปผาดับสูญ !
ไม่มีใครสามารถยับยั้งกระบวนท่าสังหารนี้ไ้ โบตั๋นหิมะเห็นเช่นนั้นจึงตั้งท่าโคจรพลังวัตรเข้าต่อต้าน
แต่้พิษร้ายทำนางรู้สึกร่างกายชาด้าน ตาม้ความเจ็บปวดดังนำเข็มร้อนแหลมนับหมื่นทิ่มแทงไปทั่วจุดชีพจร แล้วจึงกระอักโลหิตสีดำออกมา .. อ๊ากกก
“อาจารย์ !” วาวาร้องเสียงห
“...” อุษา ! นางไ้แต่ยืมมอง เสียรู้เทวีจินเยว่เข้าให้แล้ว
“เจ้าไปยมโลกก่อนก้าวหนึ่ง ประเดี๋ยวข้าจะส่งนังหนูผู้นั้นตามไปรับใช้ ..” เทวีจินเยว่กล่าวอย่างเย็นชา
.. ขณะดัชนีสังหารอยู่ห่างศีรษะโบตั๋นหิมะเพียงสามวา
.. มีบางอย่างเกิดขึ้น
.. ก้อนพลังปราณสีน้ำเงินเข้มข้นเท่ากำปั้นก้อนหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างไร้เสียง ทั้งจังหวะการโจมตีก็เกิดขึ้นอย่างเหมาะเจาะ
“...” เทวีจินเยว่ !!!
นางต้องสลายท่าสังหาร แล้วพลิกกายใช้หนึ่งหมัดชกออกอย่างเต็มกำลัง
.. เปรี้ยงงง ! พลังปราณนั้นแตกกระจายเป็นเกล็ดน้ำแข็งเล็กละเอียดโปรยปรายไปทั่ว
เทวีจินเยว่ร่วงพื้น พอตั้งหลักไ้ก็ถอยกรูดบังคับผ้าแพรทั้งสองกลับคืนมาเก็บไว้ในแขนเสื้อ ปากร้องตะโกนอย่างดุร้าย “เป็นใคร กล้าท้าทายข้า”
.. ยอดยุทธ์ทั้งวิหารเงียบกริบ
พลังวารีธาตุอันเข้มข้นนี้ทำอุณหภูมิลดฮวบ เกล็ดน้ำแข็งโปรยปรายคล้ายเป็นม่านหมอกบางเบา เงาร่างในขุดคลุมเดินออกมา้ท่วงท่าเยื้องย่างดังเทพี
คนผู้นี้สวมชุดขันทีของพระราชวังหลวง เป็นชุดคลุมยาวสีเทาดูใหญ่โคร่งไม่สมสัดส่วนของผู้สวมใส่ บนใบหน้าคาดผ้าสีเทาปิดปากจมูก เห็นเพียงาหงส์เรียวเชิดส่งประกายวิบวับ
ที่สะดุดตาคือเส้นผมสีฟ้าสดยาวสลวย เปล่งประกาย้เกล็ดน้ำแข็ง แฝงพลังวารีธาตุเข้มข้น
โบตั๋นหิมะจ้องมองจนน้ำตาคลอ นางกล่าวบางเบาว่า “ศิษย์น้อง .. เป็นเจ้าเอง ..”
ผู้มาคือ .. ิิ .. คืนนี้เป็นคืนวันเพ็ญ นางจะกลายร่างกลับเป็นมนุษย์เช่นเดิมอีกครั้ง
.. ปูมหลังของิิคือศิษย์สำนักบุปผาเหัต์ มีศักดิ์เป็นศิษย์น้องของโบตั๋นหิมะเจ้าสำนักคนปัจจุบัน
.. นางเป็นศิษย์คนสุดท้าย แะเป็นผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นที่สุดของเจ้าสำนักบุปผาเหัต์ผู้ล่วงลับ
.. แต่้เหตุผลอันซับซ้อนทำนางต้องออกจากสำนักตั้งแต่ยังเยาว์วัย
ิิดีดดัชนี ก่อเกิดกลุ่มปราณวารีพุ่งเข้าใส่กระถางกำยานทั้งหมดในห้องวิหาร กระถางกำยานถูกผลึกน้ำแข็งห่อหุ้มไว้จนไฟภายในดับมอด
กระถางกำยานที่เคยส่งกลิ่นหอมนั้น ภายในมีส่วนผสมของตัวยาที่ไ้จากว่านกฤษณาเลือด เป็นสิ่งใช้ที่แพร่พิษชำระจิตอาถรรพ์แก่ยอดยุทธ์ที่มาชุมนุมในครั้งนี้
เทวีจินเยว่ขึ้นเสียงสูงด่าทอว่า “นางแพศยา .. เจ้าเป็นใคร ถึงกล้ามาก่อกวน”
เหม .. เหม .. ิิกล่าว “ช่างกล้าด่าว่าผู้อื่น เป็นเจ้ามิใช่หรือ .. นางแพศยา สำนักดอกทอง”
“บังอาจ!” เทวีจินเยว่ฉุนกึก .. สำนักของนางคือสุวรรณบุปผา .. หาใช่สำนัก-อก-องดังคำกล่าวไม่
สตรีลึกลับปรากฏตัวเข้ามาขัดขวางแผนการของฝ่ายยึดอำนาจ .. ผู้คนภายในวิหารต่างสงบเงียบรอดูสถานการณ์ .. เทวีจินเยว่ยังไม่กล้าเคลื่อนไหวโดยวู่วาม แต่าสาดประกายจ้องมองิิ้โทสะ้ที่จะมือสังหารไ้ทุกเมื่อ
นิยายแนะนำ
นิยายแนะนำ
ความคิดเห็น
COMMENT
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีบนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไปโดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
0.00
0.00









userA???
???? ??? ? ???? ?? ??